ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 91.2
ตอนที่ 91-2 ผู้หญิงไร้ประโยชน์
หลี่หมินเต๋อที่เดินตามมาสมทบภายหลังแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีความหรูหราและสีสันสดใสจากนั้นเมื่อ เห็นฮูหยินใหญ่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า
“อ้าว! ท่านป้าก็อยู่ที่นี้เช่นกันหรือ?”
จากนั้นเขาก็กล่าวราวกับไม่มีผู้ใดอยู่ว่า
“พี่สาม! งานเทศกาลโคมไฟกําลังจะเริ่มแล้ว…เรารีบไปกันเถิด”
หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวขึ้นรถม้า สําหรับหลี่หมินเต่อนั้นเขาขึ้นนั่งบนม้าสีขาวราวกับหิมะ และจ้องมองลงมายังฮูหยินใหญ่ด้วยแววตาที่มีในนัยสําคัญ ขณะที่ฮูหยินใหญ่รู้สึกเหมือนตนเองกําลังถูกวิญญาณร้ายจ้องมอง ส่งผลให้ความหนาวเน็บพุ่งตรงเข้าไปที่บริเวณกระดูกสันหลังของนางในทันใด
เหตุใดเด็กคนนี้ถึงมีแววตาเย็นชาเช่นนั้น?
ฮูหยินใหญ่รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจจนก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่โชคดีที่แม่นมตูที่ยืนอยู่ด้านหลังช่วยพยุง ร่างของนางเอาไว้
ฮูหยินใหญ่เฝ้าดูรถม้าคันนั้นจากไปอย่างอารมณ์เสีย และเมื่อเข้ามาในห้องนอนของตนเองนางก็ล้มตัวลงนอนยังอ่อนแรง แต่ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้จึงนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงเมื่อนึกถึงคํากล่าวของหญิงชราเจียง เนื่องจากการไปเยี่ยมบ้านตระกูลเจียงในวันนี้ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่นางคิดเอาไว้
“เจ้านี่มันโง่จริง ๆ…ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่เด็กสาว! เหตุใดเจ้าจึงต้องการเอาชนะนาง! ข้าเคยบอกเจ้าหลายครั้งแล้วมิใช่หรือว่า หากเจ้ามิเปลี่ยนนิสัยที่ชอบเอาชนะเช่นนี้ ก็ไม่มีวันที่จะเป็นแม่ใหญ่ของบ้านตระกูลหลี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…ตราบใดที่บ้านตระกูลเจียงสนับสนุนเจ้า คนบ้านตระกูลหลี่จะไม่ทําอะไรเจ้า แต่เจ้าต้องมีความพร้อม…ทว่าตอนนี้ทุกคนในบ้านตระกูลหลี่เกลียดเจ้า ซึ่งนั่นคือจุดอ่อน”
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฮูหยินใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับการกระทําของตนเอง แต่หญิงชราเจียงก็ให้คํามั่นสัญญากับนางว่าจะเดินทางมาบ้านหลี่ให้ภายหลัง เพื่อกดดันให้หลีเสี่ยวหรันพาหลี่จางเล่อกลับมาโดยเร็ว
ท้ายที่สุด มารดาก็ยังคงต้องรักบุตรสาวในไส้อยู่วันยังค่ํา!
และระหว่างทางที่นั่งอยู่ในรถม้าเด็กสาวสามารถมองเห็นบรรยากาศที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และตระการตา
ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยสดงดงาม หรือถนนที่กว้างใหญ่ซึ่งต้นไม้ที่ปลูกอยู่ริมถนน ล้วนแล้วแต่มีการประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสีท่ามกลางสายลมที่พัดมาเรื่อย ๆ และแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา
เสียงเพลงอันน่ารื่นรมย์และเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของผู้คนดังก้องกังวานไปทั่วทุกหนแห่ง เนื่องจากมีทั้งขุนนางระดับสูง พ่อค้า นักวิชาการหรือแม้แต่กวีที่มีชื่อเสียง ต่างก็มารวมตัวกันที่นี่
หลี่เว่ยหยางสั่งให้รถม้าหยุดและเดินลงมาเที่ยวชมตลาดกับน้องชายคนโปรด ขณะที่หลี่หมินเตอรีบหยิบผ้ามาคลุมหน้าให้พี่สาว ทําให้หลี่เว่ยหยางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะชอบใจ
“เด็กโง่…ทําไมเจ้าถึงหัวโบราณเช่นนี้?”
หลี่หมินเต็อกวาดสายตามองไปโดยรอบ และพบว่าบรรดาหญิงสาวที่มาเที่ยวงานต่างก็แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสะดุดตา และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สวมผ้าคลุมหน้าซึ่งหญิงสาวเหล่านั้นน่าจะมาจากครอบครัวของชนชั้นสูง
โดยหลี่เว่ยหยางเป็นถึงบุตรสาวท่านอํามาตย์หลี่ ดังนั้นหากมีใครทราบว่านางทําเช่นนี้ก็อาจจะถูกซุบซิบนินทาได้
เมื่อหลี่หมินเมื่อได้ยินเด็กสาวกล่าวเช่นนั้น เขาก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เว่ยหยางไม่ต้องการที่จะถูกคลุมด้วยผ้าที่ไม่สามารถระบายอากาศได้
ตอนนี้นางรีบเดินไปยังแผงลอยขายของด้านหน้า ซึ่งเต็มไปด้วยโคมไฟประดับประดาที่มีคุณภาพต่ํากว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเทียบกับงานของช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการว่าจ้างจากบ้านตระกูลหลี่
หลี่เว่ยหยางก้มลงหยิบโคมไฟรูปกระต่ายขึ้นมาและจ้องมองไปยังดวงตาสีแดงของมันด้วยความคิดบางอย่างในใจ ขณะที่นึกถึงเรื่องราวในอดีตของตนเอง
สําหรับหลี่หมินเอที่จ้องมองนางจากระยะไกล เขารู้สึกว่าหลี่เว่ยหยางในตอนนี้ดูเหมือนนางจะมีความทุกข์มาก และเขาทราบดีว่านางจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ผู้อื่นฟังอย่างแน่นอน ดังนั้นเด็กชายจึงทําได้เพียงเฝ้ามองและสงสัยว่านางมีอะไรอยู่ในใจ?
ในเวลานี้หลี่เว่ยหยางถูกรบกวนด้วยเสียงดังขึ้นจากผู้คนรอบข้าง นางจึงกวาดสายตามองไปโดยรอบบริเวณ และพบว่ามีฝูงชนมารวมตัวกันอยู่ที่ด้านหน้า ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีเสียงฟาดแส์กับเสียงร้องโหยหวนของใครบางคนดังมากระทบหูแม้ว่าเสียงรอบข้างจะดังมากก็ตาม
เมื่อสองพี่น้องตระกลูหลี่แทรกตัวเข้าไปในฝูงชน พวกเขาก็พบผู้ชายคนหนึ่งซึ่งดูมีฐานะกําลังทําร้ายหญิงสาวที่อ่อนแอด้วยแซ่ในมือ และในทันใดเขาได้ผลักศรีษะของผู้หญิงคนนั้นจนกระแทกลงกับพื้น ทําให้มีเลือดไหลนองออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง
แม้กระนั้นนางก็ยังเงยหน้าขึ้นมาโต้เถียงอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าพวกเขากําลังมีปัญหาอะไรกัน
หลี่หมินเพื่อเอ่ยถามชายชราที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า
“สองคนนั้นเป็นใคร?”
“อ๋อ…คนนี้เป็นภรรยาของพ่อค้าที่ร่ํารวยมาก”ชายชราส่ายหัวและกล่าวอีกว่า
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถมีบุตรได้ ดังนั้นผู้ชายคนนี้จึงลดตําแหน่งให้นางเป็นนางบําเรอและต้องการแต่งงานใหม่ แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังตามไปสร้างปัญหาในงานแต่งงาน ทําให้ถูกไล่ออกจากบ้านในที่สุดและวันนี้เขาได้มาพบกันในตลาด”
หลเว่ยหยางได้ยินคํากล่าวเหล่านี้อย่างชัดเจน และเห็นว่ามีสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ด้านข้างผู้ชายคนนั้น และกําลังจ้องมองไปยังผู้หญิงคนที่อยู่นั่งอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
จากนั้นผู้ชายที่ยืนอยู่รอบข้างต่างก็เยาะเย้ยและเริ่มแสดงความคิดเห็น
“ผู้หญิงแบบนี้ช่างน่าสมเพชเสียจริง ๆ”
“ใช่! ตัวเองไม่สามารถมีลูกได้แล้วยังจะหน้าด้านอีก!”
“สงสัยนางคงจะเป็นบ้าไปแล้วถึงได้ทําเช่นนี้”
หลี่เว่ยหยางเฝ้ามองดูผู้หญิงคนนั้นและพบว่านางกําลังขดตัว แม้กระนั้นก็ยังสามารถมองเห็นร่องรอยฟกช้ําดําเขียวภายใต้เสื้อผ้าที่มีร่องรอยการฉีกขาด และบาดแผลบางส่วนยังคงมีเลือดออกอย่างต่อเนื่อง
ในฉับพลันผู้หญิงคนนั้นก็เงยหน้าที่ฟกช้ําขึ้น โดยที่มุมปากของนางยังคงมีเลือดไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายจนไม่สามารถเห็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมได้และใครก็ตามที่ได้เห็นใบหน้าที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ก็คงจะต้องวิ่งหนีในทันที แต่หลี่เว่ยหยางยังคงจับจ้องไปยังบาดแผลบนใบหน้าของหญิงสาว ขณะที่ความโกรธแค้นในใจของนางค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้น
จากนั้นหลี่หมินเต๋อก็จ้องมองผู้ชายคนนั้นอย่างเย็นชาและกระซิบถามพี่สาวว่า
“ท่านต้องการหยุดเขาหรือไม่?!”
หลี่เว่ยหยางส่ายหัวทันที เนื่องจากนางคิดว่าทุกคนย่อมมีชะตากรรมเป็นของตนเอง อีกทั้งนางเคยสาบานว่าจะไม่ทําตัวเป็นคนดีและจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องของคนอื่น
แต่ทันใดนั้นเองมีคนวิ่งไปข้างหน้าชายคนนั้นและคว้าแส้ของผู้ชายตรงหน้าด้วยมือข้างเดียว
“หยุด!!! เจ้าคือใคร” ผู้ชายที่ถือแสในมือกล่าวด้วยความโกรธเคือง
“คุณหนูของข้าไม่ต้องการให้เจ้าทําร้ายผู้หญิงคนนี้!”
“เหตุใดของเจ้าต้องยื่นจมูกเข้ามายุ่งเรื่องของข้าด้วย! ผู้หญิงคนนี้เป็นนางบําเรอของข้า..ดังนั้นข้าจะทําอย่างไรกับนางก็ได้”
หลี่เว่ยหยางมองไปยังคุณหนูท่านนั้นและจําได้ว่านางคือใคร?! ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากองค์หญิงเก้า ผู้เป็นพระธิดาสุดที่รักขององค์จักรพรรดิ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าขององค์หญิงเก้าก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
“ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนางบําเรอของเจ้า! แต่นางก็เป็นคนเหมือนกัน ดังนั้นเจ้าจะทําเช่นนี้มิได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ผู้ชายคนนั้นหัวเราะเยาะเย้ยและยกเท้าขึ้นเตะผู้หญิงตรงหน้าอย่างเหยียดหยามพร้อมกับกล่าว
“ผู้หญิงไร้ประโยชน์แบบนี้ถือว่าเป็นคนได้ด้วยหรือ?”