ยอดอาจารย์มหาเมตตา - ตอนที่ 625 ความไม่ชัดเจนของเหลียนเฟิง
วิหารสวรรค์สิบแห่งเป็ นตัวตนในตํานาน เย่อู๋เหินไม่เชื่อว่าอีก ฝ่ ายเย่ชิวจะโดดเด่นกว่าลูกชายของเขา แม้สุสานกระบี่ต้องการ กลับมา ตราบใดที่พวกเขามีความคิดกลับมา นี้เขา เย่อู๋เหิน จะบด ขยี้ให้ตายและไม่ให้โอกาสพวกเขา
เย่อู๋เหินโบกมือและพูดว่า “ผู้อาวุโสอู๋เฟิ งไปเตรียมการ สามปี ข้างหน้า จะมีประลองเยียวยาสวรรค์อันยิ่งใหญ่ในรอบศตวรรษของ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยียวยาสวรรค์เตรียมของขวัญสองสามชิ้น ติดตาม ข้าขึ้นไปบนภูเขาในอีกสามปี ข้างหน้า และเราจะได้เห็นฝี มือที่น่า ตื่นเต้นของลูกชายของข้า”
เย่อู๋เหินไม่ได้เห็นลูกชายมาหลายปีแล้วและรู ้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แม้ว่าสามปีจะไม่นานและผ่านไปในพริบตา เขาก็รอต่อไปไม่ไหวแล้ว บังเอิญว่าการประลองเยียวยาสวรรค์อันยิ่งใหญ่จะจัดขึ้นในอีกสามปี และจะกําหนดสถานการณ์ใหม่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยียวยาสวรรค์ ด้วยความแข็งแกร่งของบุตรชายในตอนนี้ บุตรชายย่อมสามารถฝ่ า เส้นทางนองเลือดท่ามกลางผู้คนนับพันได้อย่างแน่นอน แล้วเหตุใด เขาจะไม่ไปดูช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจเช่นนี้ด้วยตาของตนเอง
เขายังต้องการใช ้โอกาสนี้เพื่อดูว่ามีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเทพ เยียวยาสวรรค์คนนี้ ซึ่งมีความแข็งแกร่งไม่ด้อยกว่าบุตรชายของเขา
ตกกลางคืน เก้าสวรรค์สิบแผ่นดินเงียบลง ดูเหมือนจะมีสัตว์อสูร ที่ดุร ้ายปรากฏตัวในลําธารบนภูเขา เสียงคํารามรุนแรงสั่นสะเทือนไป ลี้นับพันและทําลายความเงียบของคํ่าคืน
บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ศาลาลิขิตดารา เมิ่งเทียนเจิ้งยิ้มให้กับร่าง ลึกลับสองสามร่างที่นอนสงบนิ่งอยู่ในความมืด แม้ว่าเขาจะไม่ได้ รับผิดชอบมานานหลายปี การเคลื่อนไหวใด ๆ บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ ไม่อาจรอดพ้นสายตาได้
ตั้งแต่ตอนที่ตระกูลเย่ส่งคนไปแทรกซึมดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยียวยา สวรรค์ เมิ่งเทียนเจิ้งก็ได้จ้องไปยังตําแหน่งของพวกเขาแล้ว สิ่งที่ทํา ให้งงงันไปกว่านั้นก็คือเมิ่งเทียนเจิ้งไม่ได้โจมตีพวกเขา และไม่ได้ หยุดพวกเขาจากการซ่อนตัว เขาเพียงแต่มองอย่างเงียบ ๆ
หลังจากเฝ้ าดูอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ แล้วพูดว่า “เย่อู๋เหินเจ้าเด็กสารเลวนี้คงทนไม่ได้อีกต่อไป”
ถ้ามีใครได้ยินตอนนี้ พวกเขาคงกลัวจนตาย ในเก้าสวรรค์สิบ แผ่นดินทั้งหมด ใครจะกล้าเหมือนเมิ่งเทียนเจิ้ง ไม่เพียงแต่เรียกเย่อู๋ เหินโดยตรงด้วยชื่อเท่านั้น แต่เขายังเรียกว่าเจ้าเด็กสารเลวอีกด้วย
นี่เป็ นข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่ เย่อู๋เหินน่ากลัวเพียงใด แม้แต่จักรวรรดิ อันหยิ่งผยองก็อยู่ภายใต้การควบคุมเขา ใครจะไม่ให้เกียรติเขา มี เพียงเมิ่งเทียนเจิ้งเท่านั้นที่กล้าเรียกเขาเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม เมิ่ง เทียนเจิ้งมีความแข็งแกร่งและคุณสมบัติ
ยิ่งไปกว่านั้น ตามมารยาท ไม่เพียงแต่เย่อู๋เหินไม่กล้าอวดดีต่อ หน้าเมิ่งเทียนเจิ้งเท่านั้น เขาอาจต้องพูดกับอีกฝ่ ายว่าอาจารย์ด้วย ความเคารพ
ไม่ว่าอย่างไร เมิ่งเทียนเจิ้งได้ให้คําแนะนําเขาตอนนั้น แม้ว่าจะไม่ มีคําแนะนําที่เป็ นประโยชน์ใด ๆ แต่ก็ได้ช่วยเขาจากสถานการณ์ ลําบาก
อีกฝ่ ายเคยช่วยเขาไว้มากในช่วงที่เกิดความวุ่นวายในตอนนั้น ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มาถึงจุดนี้
อาจกล่าวได้ว่าเมิ่งเทียนเจิ้งเฝ้ าดูความโกลาหลของตระกูลเย่ ทั้งหมดในตอนนั้น ไม่มีใครรู ้ความลับต่าง ๆ ที่อยู่ในนั้นได้ดีไปกว่า เขา
“อืม… น่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ” หลังจากนั้นไม่นาน เมิ่งเทียนเจิ้งก็ มองไปทางโถงฝึกเมฆาม่วง กําลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขารู ้ดีว่า เหตุใดตระกูลเย่จึงส่งคนมาที่นี่ในครั้งนี้ เขายังรู ้ว่าเย่อู๋เหินกําลังงุนงง เรื่องอะไร
บางทีเขาอาจมีคําตอบที่เย่อู๋เหินต้องการ แต่เขาไม่ต้องการพูด เขาต้องการดูว่าเย่ชิวจะเผชิญกับอันตรายที่กําลังจะเผชิญอย่างไร
เส้นทางที่ยาวที่สุดที่เย่ชิวเคยเดินชีวิตอาจเป็ นกับดักของเมิ่ง เทียนเจิ้ง อีกฝ่ ายคิดหาวิธีที่จะต่อต้านเย่ชิวทุกวัน ถ้าจะให้พูดในแง่ดี ก็คือ มันคือการสร ้างปัญหาให้กับเขาและให้เขาเรียนรู ้วิธีที่จะเผชิญ
กับอันตราย และเติบโตได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับการที่ให้เย่ชิวนั่งใน ตําแหน่งเทพ
ในขณะนี้ บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ในที่พํานักถํ้าเมฆาม่วง หลังจากใช ้ เวลาสองสามวันกับภรรยาเหลียนเฟิง เย่ชิวก็นอนบนเตียงอย่างสบาย
“อ้า… ช่างสบายยิ่งนัด”
ความรู ้สึกผ่อนคลายนี้ดีจริง ๆ จะดีเพียงใดถ้าโลกนี้ไม่มีข้อ พิพาทมากมาย เย่ชิวยังลังเลใจที่จะแยกตัวไปจากการผ่อนคลายที่ ได้มาอย่างยากลําบากนี้ เขาไม่รู ้ว่าวิกฤตกําลังจะมาถึงตัว
ลมหนาวพัดผ่านมา มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยนอกที่พํานักถํ้า เมฆาม่วง
“หืม ใครกัน” ดวงตาของเหลียนเฟิ งเปลี่ยนเป็ นเย็นชาขณะที่ นางมองไปยังประตูถํ้าที่ปิดสนิทและถามอย่างสงสัย
ตอนนี้เป็ นเวลาดึกแล้ว จึงไม่ควรมีใครออกมาเดินเล่นข้างนอก อย่างไรก็ตาม ในลมหายใจสั้น ๆ ก่อนหน้านี้ นางรู ้สึกได้ลาง ๆ ว่ามี คนกําลังเข้าใกล้ถํ้าพํานัก
คนนั้นระวังตัวมากเช่นกัน ในเสี้ยวลมหายใจสั้น ๆ เขาก็หนีไป อย่างรวดเร็ว เมื่อเหลียนเฟิงรีบวิ่งออกจากประตู เขาก็จากไปแล้ว
เหลียนเฟิ งยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวและจ้องมองไปที่ขุนเขา อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ “อาจเป็ นภาพลวงตา”
สัญชาตญาณของผู้หญิงคนหนึ่งแม่นยําเสมอ นางสัมผัสได้ อย่างชัดเจนว่ามีคนกําลังเข้าใกล้ถํ้าที่อยู่ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อนาง ออกมา ไม่มีวี่แววของคน ๆ นั้น
นางรู ้สึกงงงวยอย่างช่วยไม่ได้ นางจ้องมองไปที่ภูเขา สัญชาตญาณของเหลียนเฟิงบอกนางว่ามีใครบางคนซ่อนตัวอยู่ที่ มุมหนึ่งและเฝ้ าดูสถานที่นี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม นางหาไม่เจอ ว่าอีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่ที่ใด
กลับมาที่ถํ้าพํานัก เหลียนเฟิงถามด้วยความสงสัย “ช่วงนี้เจ้ายั่ว ยุใครหรือไม่”
เย่ชิวตกตะลึงกับคําถามฉับพลันนี้
“ข้ายั่วยุใครรึ” เย่ชิวนึกถึงในใจและตอบอย่างจริงจัง “ข้าคิดว่า ข้ายั่วยุคนมากเกินไป ไม่สามารถนับได้”
ได้ยินเช่นนี้ เหลียนเฟิ งก็เหงื่อตกทันที นั่ นดูเหมือนจะ สมเหตุสมผล ก่อนที่เย่ชิวจะขึ้นมา เขาได้ยั่วยุยักษ์ใหญ่มากมายแล้ว หลังจากขึ้นมา เขาก็กลายเป็ นศัตรูกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์และตระกูลที่ ทรงพลังมากมาย
เย่ชิวเกือบจะเป็ นศัตรูของโลก
“ลืมไปเถอะ!” หลังถอนหายใจ เหลียนเฟิงกลับไปด้านข้างของเย่ ชิวแล้วส่ายหัว “ช่วงเวลานี้ เจ้าคงตกเป็ นเป้ าหมายผู้คน หากไม่มี อะไร พยายามอย่าออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่ชิวก็เข้าใจในทันที เขาสัมผัสได้ลาง ๆ ก่อน หน้านี้ แต่เขาไม่สามารถตรวจสอบได้ เขาไม่จําเป็ นต้องคิดก็รู ้ว่า นอกจากเย่ฉิงซวนแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีใครอื่นที่สามารถแสดงความ กล้าหาญได้ขนาดนี้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยียวยาสวรรค์
หากมีอะไรอีก ก็อาจเป็ นศิษย์เก่าหรือไม่่คนอื่น ๆ บนภูเขา ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น พวกเขาปฏิบัติต่อเย่ชิวในฐานะคู่ต่อสู้ และจะ ตรวจสอบภูมิหลังเขาอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เย่ชิวก็ยิ้มและลูบผมสวยบนหน้าผากของนางเบา ๆ
“เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า ข้ารู ้ว่าข้ากําลังทําอะไร มา พูดถึงตัวเจ้ากันก่อน เจ้าปิดด่านมานานแล้ว เจ้ามีโอกาสที่ทะลวง ผ่านหรือไม่”
ปัจจุบัน เหลียนเฟิ งได้มาถึงขีดจํากัดของวิหารสวรรค์เก้าแห่ง แล้ว แต่นางก็ยังไม่สามารถทะลวงไปถึงวิหารสวรรค์ที่สิบได้ ดังนั้น นางคิดอย่างหนักและปิดด่านเพื่อทะลวงวิหารสวรรค์แห่งที่สิบ
เย่ชิวรู้จักบุคลิกของนางเป็ นอย่างดี หากนางไม่สามารถทะลวง วิหารสวรรค์แห่งที่สิบได้ ก็เป็ นไปไม่ได้ที่นางจะออกมาจากการปิด ด่าน