ยอดอาจารย์มหาเมตตา - ตอนที่ 628 ดาบเทพเจ้าเพลิงชาด
รุ่งเช ้า แสงตะวันสาดส่องหน้าผาของโถงฝึกเมฆาม่วง หยาหยา นั่งเงียบ ๆ ริมหน้าผา เข้าใจกฎแห่งฟ้ าดินและท่องไปในมหาความ ว่างเปล่า นี่คือเคล็ดวิชาการบ่มเพาะที่อาจารย์ของนางสอน การท่อง ไปในกฎแห่งเต๋าเท่านั้นที่ทาให้นางเข้าใจความลึกซึ้งของเคล็ดวิชา ได้ดีขึ้น
ในครึ่งเดือนสั้น ๆ นี้ ขอบเขตของนางมีเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ นางลุกขึ้นอย่างมั่นคงและราบรื่น ด้วยความเร็วการบ่มเพาะปัจจุบัน ของนาง นางอาจสามารถเข้าถึงขอบเขตจักรพรรดิยุทธได้ในสามปี หากความคิดของนางกล้าหาญขึ้น นางอาจมีโอกาสผ่านไปขอบเขต เทพเจ้า
ถ้านางสามารถท าได้ นางจะต้องโดดเด่นในการแข่งขันเยียวยา สวรรค์สามปีต่อมาและท าให้ทุกคนตะลึงอย่างแน่นอน
ร่างที่เดินผ่านก้อนเมฆลอยมา เย่ชิวมาที่ด้านข้างของสะพานหิน ทะเลเมฆและมองไปที่ลูกศิษย์ตัวน้อยบ่มเพาะอย่างขมขื่นบนหน้าผา ด้วยรอยยิ้มที่พอใจ
เย่ชิวรู ้สึกผ่อนคลายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ในขณะที่เขาจิบชา เซียนขณะที่กระแสพลังอุ่นพุ่งเข้าสู่ร่างกาย
“อ่า… สบายยิ่งนัก ข้าไม่อยากแยกจากวันที่ผ่อนคลายและ สวยงามเช่นนี้เลยจริง ๆ” เย่ชิวถอนหายใจและยิ้มจาง ๆ
เขามองไปที่ภูเขาที่อยู่ไกลออกไปและถอนสายตาอย่างใจเย็น
“ฮ่าฮ่า… เหตุใดเจ้าถึงมองข้าอย่างใกล้ชิด ข้าคิดว่าข้าไม่ได้ท า อะไรผิดไม่ใช่รึ” เย่ชิวอดไม่ได้ที่จะถามในใจ เขาส่ายหัวและไม่จับคน ผู้นั้น เพราะหากอีกฝ่ ายรู ้ว่าเขาจับได้ ก็จะมีอีกคนตามมา นี่เป็ นวัฏ จักรที่ไม่มีที่สิ้นสุด เนื่องจากพวกเขาต้องการจับตาดูเขา เขาจึงยอม ให้ก่อน ไม่ว่าอย่างไร เย่ชิวไม่ได้ท าอะไรผิด
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เย่ชิวได้พักที่โถงฝึกเมฆาม่วงและไม่ได้ ไปใด หลังจากสังเกตการณ์ไม่กี่วัน เขาก็พบว่ามีขุมอานาจที่ไม่รู ้จัก อย่างน้อยเจ็ดหรือแปดคนได้ส่งคนมาติดตามเขา คนเหล่านี้น่าจะ เป็ นยอดฝีมือของตระกูลอัจฉริยะในศาลาเยียวยาสวรรค์ที่ถือว่าเขา เป็ นฝ่ายตรงข้าม
เย่ชิวแสร ้งทาเป็ นไม่เห็นการมีอยู่ของพวกเขาและทาทุกอย่างที่ เขาต้องการต่อไป หลังจากนั่งอยู่บนสะพานหินสักพัก ทันใดนั้นเย่ชิว ก็นึกอะไรขึ้นได้
“ระบบ!”
[ ติ๊ง… ข้าอยู่นี่ ]
เมื่อได้ยินการตอบสนองของระบบ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบน ใบหน้าของเย่ชิว ถ้าจ าไม่ผิด ดาบเพลิงคลั่งที่เขาให้หยาหยาครั้งที่ แล้วยังไม่กระตุ้นผลตอบแทนกลับมา
ตอนนั้น เย่ชิวรีบไปที่พานักถ้าเมฆาม่วงเพื่อหาเหลียนเฟิงแล้ว ลืม ต่อมา เขาได้พบกับเย่ฉิงซวนและสิ่งต่าง ๆ มากมายก็เกิดขึ้น เป็ น เพียงวันนี้ที่เขาจาได้ในที่สุด
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังเป็ นสิ่งประดิษฐ ์เซียนระดับกลาง หาก เขาโชคดี เขาอาจได้รับผลตอบแทนหนึ่งหมื่นเท่า
เขาจะปล่อยสิ่งดี ๆ เช่นนี้ไปได้อย่างไร เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เย่ชิวยิ้ม และพูดว่า “เปิดใช ้งานผลตอบแทน”
[ ติ๊ง… ท่านได้มอบ สิ่งประดิษฐ ์เซียนระดับกลาง: ดาบเพลิง คลั่ง แก่ศิษย์ของท่าน ท่านได้กระตุ้นระบบตอบแทนหมื่นเท่า ]
[ ขอแสดงความยินดี ท่านได้กระตุ้นผลตอบแทน 10,000 เท่า ได้รับ สมบัติเซียนโกลาหลปฐมกาล: ดาบเทพเจ้าเพลิงชาด
เมื่อเสียงเย็นชาของระบบดังขึ้น เย่ชิวที่เดิมมีสีหน้าสงบก็แข็งค้าง ทันที
“อะไรนะ! หมื่นเท่า เวรเอ๊ย! ข้าแค่พูดออกไป เจ้าจริงจังหรือไม่” เย่ชิวเดิมทีไม่ได้คาดหวังก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้ในทันที
เมื่อข้าตั้งหน้าตั้งตารอผลตอบแทนสูงอย่างจริงจัง เจ้าให้สิบหรือ ยี่สิบเท่า เมื่อข้ากาลังคิดเรื่องนี้อยู่เล่น ๆ เจ้ากลับให้หมื่นเท่ารึ
มุมปากของเย่ชิวกระตุก เขารู ้สึกเหมือนถูกเล่นงานโดยระบบ อารมณ์ดูเหมือนจะถูกกระตุ้น
“ดาบเทพเจ้าเพลิงชาด”
ความสนใจของเย่ชิวพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดขณะที่เขามองไปที่ดาบ เทพเจ้าเพลิงชาดในระบบ นี่คือสมบัติเซียนโกลาหลปฐมกาล กลิ่น อายของมันดูเหมือนจะเทียบเท่ากับง้าวจอมราชัน อย่างไรก็ตาม เขา ไม่รู ้ว่าสิ่งนี้ทรงพลังเพียงใด
ด้วยความอยากรู ้อยากเห็น เย่ชิวหยิบมันออกมาและมองไปที่ กระบี่สีชาดในมือ
“แม่เจ้า เป็ นอาวุธเทพจริง ๆ!” เย่ชิวตกใจมาก ดาบเล่มนี้ไม่ได้ ด้อยกว่าง้าวจอมราชันในแง่ของกลิ่นอายและพลัง อันที่จริง มันยัง ดีกว่าด้วยซ้า หากรวมเข้ากับเคล็ดวิชาเพลิงกรรมบงกชแดง พลัง ของมันจะมากกว่าไม่อาจจินตนาการได้ มันจะเป็ นตัวตนที่น่ากลัวที่ สามารถท าลายล้างโลกได้
“เฮือก… ” เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เย่ชิวก็ตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้และ หายใจเข้าลึก ๆ อย่างไรก็ตาม ในความคิดที่สอง เขาส่ายหัวและยิ้ม อย่างขมขื่น
อาวุธเทพก็คืออาวุธเทพ น่าเสียดาย เย่ชิวไม่มีเคล็ดวิชาดาบและ ไม่รู ้ว่าจะใช ้มันอย่างไร มิฉะนั้น สิ่งนี้จะกลายเป็ นอาวุธเทพเจ้าที่ทรง พลังส าหรับเขาแน่นอน
เย่ชิวอดไม่ได้ที่จะรู ้สึกผิดหวัง ในขณะที่เขากาลังจะเก็บมัน เขา เหลือบไปเห็นหยาหยาอยู่บนหน้าผา “อืม ข้าลืมเด็กหญิงคนนี้ไปได้ อย่างไร”
เหมือนเห็นแสงสว่าง ตอนที่เขาเห็นหยาหยา เย่ชิวรู ้สึกร่าเริงและ เข้าใจทันที
เขาไม่มีวิชาดาบ แต่เขาสามารถล่อลวงนางได้
เครื่องมืออยู่หน้าเขาแล้ว เขาถึงกับไม่ได้สังเกตเป็ นเวลานาน เขาค านวณผิด
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เย่ชิวที่เดิมมีสีหน้าผิดหวังก็เผยรอยยิ้มออกมา ทันที
“ฮิฮิ… ศิษย์ล้าค่า ข้ามาแล้ว เจ้าต้องเชื่อฟัง” เย่ชิวยิ้มอย่างชั่ว ร ้ายในหัวใจและเก็บดาบเทพเจ้าเพลิงชาด เขาเริ่มจัดระเบียบจี้หยก ที่ฉีฮวนส่งมา หลังจากเลือกอย่างระมัดระวังจากข้างใน เขาพบ กระดูกสมบัติสองสามชิ้น
“กระดูกสมบัติของนกกระจอกมังกร อืม ก็ไม่เลว” หลังจากเลือก สักครู่ เย่ชิวก็มองไปที่กระดูกสมบัติที่อยู่ตรงกลาง
นี่คือกระดูกสมบัติของนกกระจอกมังกร และเคล็ดวิชาสมบัติ สูงสุดที่สืบทอดมาของนกกระจอกมังกร
นกกระจอกมังกรนี้เป็ นหนึ่งในสัตว์อสูรที่ดุร ้ายของยุคเซียน โบราณ หัวมันเหมือนมังกร ลาตัวเหมือนนกกระจอก เมื่อมันกางปีก มันสามารถปกคลุมท้องฟ้ า มันเหมือนคุนเผิงกางปีก และบินเร็วมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อัศจรรย์ของมันคือปีกที่แหลมคมอย่างหาที่ เปรียบมิได้ ซึ่งเปรียบเสมือนใบมีดสองคมที่คมอย่างถึงที่สุด
การโจมตีของมันช่างบ้าคลั่งอย่างมาก มันบดขยี้คู่ต่อสู้ด้วยพายุ ที่รุนแรง และจะหยุดได้ก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้ของมันถูกสังหารจนหมดสิ้น เท่านั้น
ในช่วงปลายของยุคเซียนโบราณ สัตว์อสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่ดุร ้ายนี้อยู่ ในในจุดสูงสุดของขอบเขตเซียน ไม่มีใครกล้ายั่วยุมัน
มรดกเคล็ดวิชาสมบัติของมันย่อมไม่เลว
หลังจากศึกษาเคล็ดวิชาสมบัติที่สืบทอดมาของกระดูกสมบัตินี้ อย่างละเอียดแล้ว เย่ชิวก็ยิ่งตกใจมากขึ้น
“เวรเอ๊ย! ผู้อาวุโสใหญ่สมเป็ นผู้อาวุโสใหญ่อย่างแท้จริง เขา ไม่ได้เคลื่อนไหวโดยง่าย เคล็ดวิชาสมบัติที่สืบทอดมาอย่างน่า สะพรึงกลัวเช่นนี้ถึงกับถูกส่งมาเช่นนี้” เย่ชิวตกใจและรู ้สึกว่าหนัง ศีรษะมึนงง กระดูกสมบัตินี้สามารถเปรียบได้กับเคล็ดวิชาเซียน หรือ แข็งแกร่งกว่า
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือถึงกับมีพลังเทพเจ้าที่ผิดปกติเยอะมาก ในเคล็ดวิชาสมบัตินี้ ซึ่งเป็ นเคล็ดวิชาดาบโลหิตคลั่ง
พลังเทพเจ้านี้สามารถเผาผลาญเลือดและปราณเพิ่มแข็งแกร่ง ในช่วงเวลาสั้น ๆ ตราบใดที่คนหนึ่งบ้าคลั่ง เคล็ดวิชาระดับเทพเจ้านี้ จะแข็งแกร่งขึ้นโดยไม่มีขีดจากัด
ในตอนนั้น นกกระจอกมังกรอาศัยเคล็ดวิชาระดับเทพเจ้าที่บ้า คลั่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้นี้เพื่อยืนหยัดอย่างมั่นคงในยุคแห่งวีรบุรุษ
ช่างเป็ นความบ้าคลั่งที่สมบูรณ์