ยอดอาจารย์มหาเมตตา - ตอนที่ 649 เส้นทางการทดสอบ
“โอ้? จริงรึ?” ตรงไปตรงมา? คานี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับ จิ้งจอกแก่ตัวนี้? เย่อู๋เหินมองจิ้งจอกแก่ด้วยรอยยิ้มจาง ๆ เขาเย้ยหยัน สองสามครั้งแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสฉี ลูกชายของข้าอยู่ที่ใด?” เขาไม่มี เวลามาเสียเปล่ากับหยูฉางเซิง ในขณะนี้ เขาต้องการพบกับลูกชาย ที่รักเท่านั้น
เมื่อเห็นอีกฝ่ายพูด ฉีเหิงจึงรีบพูดว่า “หวังเฉิน พาผู้นาเย่ไปที่ถ้า พ านักฉิงซวน”
“เข้าใจแล้ว!” ทันทีที่ฉีฮวนพูด ศิษย์หนุ่มก็เดินออกไปทันที เขา ไม่ได้หยิ่งผยองหรือวู่วาม แต่อารมณ์สงบลงในขณะที่เขาพูดว่า “ผู้ น าเย่ โปรดตามข้ามา”
หลังจากพูด เขาก็ออกไปพร ้อมกับเย่อู๋เหิน ในขณะที่ผู้อาวุโสที่ อยู่ข้างหลังเย่อู๋เหินยังคงพักอยู่ที่โถงยอดสวรรค์ พวกเขามาครั้งนี้ เพื่อพบกับรุ่นเยาว์ของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ข้างหลัง
หลังจากเย่อู๋เหินจากไป ห้องโถงที่เคยอึดอัดก็ค่อย ๆ กลับมาเป็ น ปกติ
หัวใจของหยูฉางเซิงเต็มไปด้วยความโกรธที่อธิบายไม่ได้ใน ขณะที่เขาเฝ้ าดูเย่อู๋เหินจากไป เจตนาสังหารมาจากหัวใจ แต่เขา ซ่อนมันไว้อย่างดี
ในขณะนี้ ผู้อาวุโสของมรดกสุสานกระบี่รีบเดินเข้าไปใกล้อีก ฝ่ ายหลังจากเย่อู๋เหินออกไป เขาไม่กล้าพูดกับหยูฉางเซิงตอนที่เย่อู๋ เหินอยู่ที่นี่ เขากล้าปรากฏตัวก็ต่อเมื่อเย่อู๋เหินจากไปแล้ว
บุคคลนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้ามรดกสุสานกระบี่ และ ลูกเขยของตระกูลหยู ความวุ่นวายในตอนนั้นเป็ นเพราะเขา
ผู้อาวุโสคนอื่นแสร ้งทาเป็ นไม่เห็นทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา คนกลุ่มนี้ แต่งตัวเรียบร ้อยและเดินเข้ามาพร ้อมกับกลิ่นอายที่ผ่าเผย
“หืม? คนจากภูเขาปราชญ์สวรรค์ก็มาที่นี่ด้วย… ” เมื่อเห็นสิ่งนี้ หยูฉางเซิงก็ตกตะลึงเช่นกัน
คนหนุ่มสาวที่อยู่ที่นั่นก็ตกใจเช่นกันเมื่อเห็นผู้หญิงในชุดสีแดง เป็ นผู้นา ในแง่ของสาวงาม ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าหมิงเยว่ ยิ่งกว่านั้น อารมณ์ของนางโดดเด่นเป็ นอย่างมาก นางเป็ นเทพธิดา อย่างไม่ต้องสงสัย
“แม่เจ้า สตรีคนนี้คือใคร? นางช่างสวยงามจริง ๆ นางเทียบได้ กับศิษย์พี่หญิงหมิงเยว่” เหล่าศิษย์ชายที่อยู่ที่นั่นตกใจและพูดคุยกัน
ใครบางคนพูด “เจ้าไม่รู ้จักนางงั้นรึ? ในตอนนั้น นางเป็ นที่รู ้จัก ในฐานะธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาปราชญ์สวรรค์ องค์หญิงคนโตแห่ง ดินแดนเพลิง เจียงหลิงเอ๋อ ผู้มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับศิษย์พี่หญิงหมิง
เยว่ของเรา นางได้ผ่านดินแดนเพลิงที่ไม่มีที่สิ้นสุดและทาลายสถิติใน ตานานที่ผู้คนนับไม่ถ้วนไม่สามารถทาลายได้ตั้งแต่สมัยโบราณ”
ทันทีที่คาพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ฝูงชนก็ปะทุขึ้นทันที
“อะไรนะ! นางคือเจียงหลิงเอ๋อ… “
ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขาเห็นเจียงหลิงเอ๋อในชุดสีแดงยืนตัว ตรงในห้องโถง สังเกตทุกการเคลื่อนไหวในห้องโถง ราวกับว่านาง กาลังมองหาบางสิ่ง รูปลักษณ์ของนางดึงดูดความสนใจของผู้คนนับ ไม่ถ้วน แม้แต่ผู้น าของตระกูลหยู หยูฉางเซิง ก็ยังมองนางด้วยความ ชื่นชม
ผู้หญิงคนนี้มีพรสวรรค์อย่างมากและมีรูปลักษณ์ที่น่าอัศจรรย์ เป็ นไปตามคาดของอัจฉริยะผู้มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับหมิงเยว่ จะดีแค่ ไหนถ้าคน ๆ นี้มาจากตระกูลหยู
เขาค่อนข้างผิดหวัง ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็ นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่ ตอนนี้ มีลูกหลานไม่มากนักที่สามารถกลายเป็ นผู้มีพรสวรรค์ได้ อย่างแท้จริง เขาไม่ค่อยพอใจมากนัก
ทันทีที่เจียงหลิงเอ๋อเข้ามาในห้องโถง นางพูดกับฉีฮวน “คารวะผู้ อาวุโส”
“ฮ่าฮ่า ศิษย์หลานหลิงเอ๋อ ไม่จ าเป็ นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ เจ้ามาที่นี่เพื่อหยาหยารึ? ข้าให้คนไปเรียกที่โถงฝึกเมฆาม่วงแล้ว ข้า เชื่อว่านางจะมาที่นี่ในไม่ช ้า”
เจียงหลิงเอ๋อพยักหน้าเมื่อนางได้ยินสิ่งนี้ นอกจากต้องการพบ หลานสาวที่รักของนาง หยาหยา
เป้ าหมายหลักของนางในครั้งนี้คือการได้พบกับอัจฉริยะเหล่านี้ ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยียวยาสวรรค์ ในหมู่พวกเขา คนที่สาคัญที่สุด คือหมิงเยว่ แต่น่าเสียดายที่นางเดินไปรอบ ๆ ภูเขาและไม่เห็นหมิงเยว่ นางรู ้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ขอบคุณผู้อาวุโส!” เจียงหลิงเอ๋อตอบด้วยความเคารพและนั่งลง อย่างมั่นคง นางไม่แม้แต่จะมองหยูฉางเซิงด้วยซ้า เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะน้ากับไฟเข้ากันไม่ได้!
เมื่อผู้คนเริ่มทยอยมาถึงมากขึ้น โถงยอดสวรรค์ทั้งหมดก็มี ชีวิตชีวามากขึ้น ในขณะนี้ ผู้คนกาลังพลุกพล่านบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์!
ร่างสองร่างบินมาจากโถงฝึกเมฆาม่วง พวกเขาคือเย่ชิวและหยา หยา
หยาหยารู ้สึกตื่นเต้นมากขณะที่นางมองดูความวุ่นวายที่มี ชีวิตชีวาทั่วทั้งภูเขา “ว้าว คนเยอะมาก!”
หลังจากบ่มเพาะในโถงฝึกเมฆาม่วงเป็ นเวลานาน หยาหยารู ้สึก ตื่นเต้นเล็กน้อยที่ทันใดนั้น ก็ได้เห็นด้านที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของนาง เย่ชิวก็ส่ายหัวและไม่รบกวนนาง ระหว่างทาง เย่ชิวสังเกตเห็นคร่าว ๆ ว่ามีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยมากมาย
บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็ นใบหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมา ก่อน คนเหล่านี้มาจากตระกูลใหญ่ต่าง ๆ ที่มาแสดงความเคารพ?
เย่ชิวรู ้สึกไม่สบายใจ ในขณะที่บินไปตลอดทาง ในขณะที่เขา ก าลังจะเข้าสู่เขตแดนของโถงยอดสวรรค์ ร่างสองร่างก็พุ่งออกมา และเกือบจะชนกัน โชคดีที่เย่ชิวตอบสนองเร็วและอีกฝ่ ายก็ไม่ช ้า เช่นกัน พวกเขาก้าวไปและหลบเกือบไม่ทัน
“เจ้าตาบอดหรือไง? เจ้าเกือบจะชนกับอาจารย์ของข้าแล้วเห็น หรือไม่” เมื่อเห็นฉากนี้ หยาหยาวางมือบนสะโพกของนางทันทีและ เริ่มสาปแช่ง นางไม่พอใจอย่างมาก
ชายผมขาววัยกลางคนที่ถูกดุรู ้สึกตนเองไม่มีความผิด เขาลูบ จมูกและรู ้สึกหดหู่ เขาเป็ นหัวหน้าของตระกูล มีใครกล้าพูดกับเขา เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
โดยปกติแล้ว คนอื่นจะกลัวเขามาก นับประสาอะไรกับด่าเขา ตอนนี้ เขาถูกดุโดยเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยียวยา สวรรค์นี้ เขารู ้สึกหดหู่อย่างสุดจะพรรณนา
อีกฝ่ ายเป็ นเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ไม่มีความจ าเป็ นส าหรับเขา ที่จะต่อปากกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ แต่เขาคงรู ้สึกไม่ดีถ้าเขาไม่ โกรธนาง
เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ศิษย์ข้าง ๆ เขาเหงื่อแตกพลั่ก
“แม่เจ้า ศิษย์น้องหญิง ใจเย็น ๆ ก่อน” โม่หวังเฉินรีบพูด เขารู ้ดี ว่าตัวตนที่น่ากลัวของชายที่ถูกหยาหยาดุนั้นเป็ นอย่างไร หากอีก ฝ่ายโมโห คงไม่ต้องพูดถึงเขา เพราะแม้แต่ฉีฮวนก็ยังต้องขอโทษ
เดิมทีโม่หวังเฉินคิดว่าหยาหยาเป็ นเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไร ้ ความรู ้สึก เดิมทีเขาอยากจะสอนบทเรียนให้นางและยับยั้งเรื่องนี้ แต่ ทว่า เมื่อเขาเหลือบไปเห็นเย่ชิวที่ไร ้อารมณ์อยู่ข้างหลังหยาหยาแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีและหน้าซีดอย่างหวาดกลัว
“บัดซบ! ข้าไม่สามารถยอมให้ฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งขุ่นเคืองได้… ” เหตุใดเขาถึงเจอเรื่องร ้าย ๆ เช่นนี้? เขาจะท าอย่างไรดี?
ในช่วงเวลานั้น โม่หวังเฉินไม่รู ้จะทาอย่างไร ในขณะนี้ เย่ชิวพูด อย่างใจเย็น “เอาล่ะ หยาหยา… ผู้หญิงต้องอ่อนโยน เจ้าไม่สามารถ สาปแช่งตามใจได้”
“โอ้… ” เมื่อได้ยินคาพูดจากอาจารย์ของนาง ในที่สุดหยาหยาก็ อดกลั้นและไม่สาปแช่งต่อไป
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศไม่ดีนัก เย่ชิวที่กลับมารู ้สึกตัวก็จ้อง มองชายวัยกลางคนผมขาวที่อยู่ตรงข้ามกับเขา อีกฝ่ ายก็มองมาที่ เขาเช่นกัน ในใจมีความรู ้สึกที่สุดจะพรรณนาได้ มันเป็ นเรื่องที่แปลก มาก
มีอะไรแปลก? เย่ชิวพูดไม่ออก เขารู ้สึกคุ้นเคยเมื่อเห็นชายคนนี้ ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยใจคอที่แสดงออกโดยคิ้ว
คมและดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวของอีกฝ่ ายนั้นคล้ายกับเขามาก ยิ่งกว่านั้น ตราประทับของราชันยุทธระหว่างคิ้วนั้นก็เหมือนกัน
ไม่ใช่แค่เย่ชิวที่งงงวย แต่อีกฝ่ ายก็รู ้สึกงงเช่นกัน เมื่อเขาเห็น การจ้องมองของเย่ชิว เย่อู๋เหินก็ตกตะลึง “ช่างเหลือเชื่อ “
ในตอนนั้นเอง ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นตัวเขาเองในตอนที่อายุน้อย และรู ้สึกตกใจอย่างหาที่เปรียบมิได้