ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 137 เจ้ากำลังเอาใจเรา?
พอเห็นว่าฮ่องเต้ทรงเอาจริง ซ่งหรูหย้วนก็ตระหนกจนรีบโขกศีรษะติดต่อกันหลายครั้ง “ฝ่าบาท หม่อมฉัน….หม่อมฉันผิดในที่ใดกัน จึงต้องรับโทษตายจากพระองค์? “
นางทูลถามพลาง น้ำตาก็ไหลเป็นทางตามไปด้วย ท่าทางโศกเศร้าคับแค้นใจอย่างที่สุด
“เพียงแค่ได้พบเรา เจ้าก็บอกว่าขอตายโดยไม่เสียดายชีวิต เราก็อนุญาตตามที่เจ้าขอ นี่กลับกลายเป็นว่าเราผิดกระนั้นหรือ? “
คราวนี้ซ่งหรูหย้วนไม่กล้าพูอะไรออกมาพร่อยๆ อีก เกรงว่าหากนางพูดผิดไปคำหนึ่ง จะถูกฝ่าบาทจับหางเอาไว้ได้ เป็นเหตุให้นางต้องจบชีวิต
ก่อนหน้านี้นางก็เคยได้ยินได้ฟังมาว่า พระอุปนิสัยของฝ่าบาทไม่เหมือนคนทั่วไป คิดไม่ถึงว่าพระอารมณ์ของพระองค์จะแปรปรวนง่ายเช่นนี้
นางได้แต่คุกเข่าร่ำไห้ ใช้สายตาน่าสงสารหันไปมองดูเจียงเหม่ยหยู่ จากนั้นก็หันไปหาตู๋กูซิงหลัน วาดหวังว่าตู๋กูซิงหลันจะเห็นแก่ความเป็นญาติช่วยเหลือนางบ้าง
” ฝ่าบาท ไทเฮาเพคะ เด็กน้อยหรูหย้วนคนนี้ไม่เคยได้พบโลกภายนอก พูดจาจึงไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองไปบ้าง นางเพียงแต่มุ่งจะแสดงความเคารพพระองค์เท่านั้น ดังนั้นแม้จะให้นางมาเป็นบ่าวรับใช้พระองค์นางก็ยังยินดี ” เจียงเหม่ยหยู่รีบกล่าวต่อไป “ขอฝ่าบาททรงเห็นแก่นายท่านของหม่อมฉันละเว้นชีวิตนางเถอะเพคะ “
“เจียงซื่อ เจ้าดูให้ดีเสียก่อน นางแซ่ซ่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับนายท่านของเจ้าเลย” จีเฉวียนยังคงพระพักตร์เย็นชาดังเดิม เพียงแต่สายพระเนตรเหลือบไปทางตู๋กูซิงหลันอยู่บ้างเท่านั้น
เขาชอบความรู้สึกที่ได้เบียดอยู่กับตู๋กูซิงหลันเช่นนี้ นุ่มๆ นิ่มๆ อุ่นๆ ดี แม้แต่ความเหน็บหนาวที่เกาะหนึบอยู่บนร่างของเขาก็ยังลดลงไปหลายส่วน
ฉะนั้น…..เมื่อคิดถึงยามที่จีเย่ว์กอดนางเอาไว้อย่างแนบแน่น เขาก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา และอยากจะกอดนางเช่นนั้นบ้าง
แต่พอเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้น เขาก็คิดว่าจะต้องเร่งให้หยวนเฟยตามหาหมอผีมาดูแลรักษาอาการของตนเอง
นางเป็นไทเฮา เขาจะไปเกิดความคิดเช่นนั้นกับนาง……
” ฝ่าบาท แต่ว่าหรูหย้วนเองก็เป็นหลานสาวสายนอกของนายท่านของหม่อมฉันนะเพคะ ” เจียงเหม่ยหยู่ร้อนใจจนเหงื่อออกท่วมใบหน้า นางทูลพลางก็หันไปจ้องตาตู๋กูซิงหลันอย่างไม่คิดชีวิต
นางสวะนี่ ทำไมถึงได้เอาแต่ทำตัวใจเย็นเป็นเพียงผู้ชมอยู่ได้?
ไม่เห็นหรือว่าฝ่าบาทจะทรงเอาชีวิตของหรูหย้วนอยู่แล้ว? หรือว่านางอยากจะให้หรูหย้วนตายไปเสียให้ได้?
นางหญิงชั่วที่มีแต่พิษร้าย!
“นายท่านยอมลำบากยากเข็นเพื่อแคว้นต้าโจว เสียสละร่างกายเพื่อแผ่นดิน แม้อากาศจะเหน็บหนาวถึงเพียงนี้ก็ยังนำทัพออกรบอยู่ที่เป่ยเจียง ไยฝ่าบาทจะทรงประหารหลานสาวสายนอกของเขาอย่างไร้เหตุผลได้กันเล่าเพคะ นี่ช่างทำให้จิตใจผู้คนเหน็บหนาวเหลือเกิน ” กระดูกชราของเจียงเหม่ยหยู่คุกเข่าจนแทบจะจับแข็งไปหมดแล้ว
เดิมทีคิดว่าการที่หรูหย้วนได้พบกับฝ่าบาทก่อนจะเป็นเรื่องดี ไหนเลยจะรู้ว่า……
คำพูดเช่นนี้ของเจียงเหม่ยหยู่ทำเอาตู๋กูซิงหลันรู้สึกไม่สบายขึ้นมาบ้างแล้ว สายตาของนางทอประกายเยือกเย็นขึ้นมาบ้าง ” อย่าได้ยกท่านปู่ของเรามาอ้างให้มันมากนัก “
” ทุกสิ่งที่ท่านปู่ทำเพื่อแคว้นต้าโจวล้วนทำด้วยความเต็มใจ ไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนแม้แต่น้อย ยิ่งไม่จำเป็นจะต้องมายกอ้างความเป็นลูกหลานให้ฝ่าบาทลำบากใจ ฝ่าบาทเป็นโอรสสวรรค์ ตรัสสิ่งใดก็เป็นไปเช่นนั้น เจ้าไม่เคยได้ยินคำที่ว่า ‘เจ้าชีวิตให้ขุนนางตาย ขุนนางมิอาจไม่ตาย’ หรอกหรือ? “
นางยอมทนให้พวกนางพูดจาเหลวไหลได้ แต่ไม่อาจทนให้พวกนางลากท่านปู่ลงมาเป็นเกราะกำบังได้
จีเฉวียนแต่ไรก็เกลียดชังตระกูลตู๋กูอยู่แล้ว พวกนางยังจะเรื่องมาให้ท่านปู่ได้ไม่หยุดไม่หย่อน นี่ยิ่งเท่ากับกระตุ้นให้จีเฉวียนยิ่งไม่พอใจมิใช่หรือ?
ปากก็ร่ำร้องว่าว่าทำเพื่อตระกูล แต่กลับเรียกร้องให้ตระกูลยอมทุกอย่างเพื่อพวกนาง
เจียงเหม่ยหยู่ “……..”
นังคนทรยศที่รู้จักแต่โหมไฟใส่! ข้านึกอยู่แล้วว่ามันจะต้องไม่ได้หวังดีเป็นแน่!
จีเฉวียนสูดดมกลิ่นดอกฮว๋ายที่กำจายจากกายของตู๋กูซิงหลัน คำพูดของนางยิ่งทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
” ไทเฮาพูดได้ดียิ่งนัก ” ยามที่หันไปทอดพระเนตรมองเจียงซื่อและซ่งหรูหย้วน สีพระพักตร์ของฝ่าบาทก็ยิ่งเย็นชา
ทันทีที่สิ้นเสียงรับสั่ง หลี่กงกงที่ทำงานได้ดีมีประสิทธิ์ภาพมาโดยตลอด ก็เข้ามาพร้อมของประทานทั้งสาม
พอซ่งหรูหย้วนหันไปเห็น ร่างของนางก็เหมือนกับถูกดูดเรี่ยวแรงออกไปจนหมดสิ้น นางอ่อนระทวยจนลงไปกองอยู่บนพื้น ตัวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
” อย่าได้ทำให้เราต้องเสียเวลา เจ้าเลือกมาอย่างหนึ่ง ตายให้จบๆ ไป จะได้ไม่ต้องไปทำให้ตระกูลตู๋กูเสียหน้าในภายหลังอีก”
พอฮ่องเต้รับสั่งออกมา ซ่งหรูหย้วนก็ตระหนกจนสลบไสลไปในทันที
จีเฉวียนแย้มสรวลเย็นๆ ” ตัวไร้ประโยชน์”
หากว่านางเป็นสตรีที่มีความฉลาดอยู่บ้างก็แล้วไปเถอะ แต่กลับทั้งโง่ทั้งขี้ขลาด
เป็นเช่นนี้แล้วยังคิดจะเข้าวังมาเป็นสนม ดูท่าแล้วไม่ว่าสตรีคนใดในวังหลังต่างก็สามารถผลัดกันแทงนางจนพรุนเป็นกระชอนได้ทั้งนั้น
สตรีเช่นนี้หากเข้าวังมา ก็มีแต่จะหาความยากลำบากมาให้ตู๋กูซิงหลัน และอาจทำให้ตระกูลตู๋กูพลอยยุ่งยากไปด้วย
แต่ว่านางเฒ่าชราเจียงเหม่ยหยู่นั่นกลับไม่เข้าใจ ยังจะกล้าส่งตัวยุ่งยากเช่นนี้เข้าวังมาอีก
ว่าแล้ว จีเฉวียนก็สั่งให้คนมาลากซ่งหรูหย้วนออกไป “ทิ้งไปไกลๆ หน่อย เราไม่อยากเห็นนางอีก”
พอเห็นว่าซ่งหรูหย้วนเก็บชีวิตกลับมาได้ เจียงเหม่ยหยู่ก็ถอนใจอย่างโล่งอก แต่ในใจของนางก็ยิ่งทวีความโกรธแค้นลึกล้ำกว่าเดิม หากว่าตู๋กูซิงหลันยอมพูดจาดีๆ แทนหรูหย้วนสักสองคำ หรูหย้วนก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนังหญิงชั่วนั่น!
ขณะที่นางยังมิทันได้เรียกสติกลับมา ก็ได้ยินฝ่าบาทรับสั่งอีกว่า “เอานางเจียงซื่อโยนออกไปด้วย หากไม่มีคำสั่งจากเรา อย่าได้ให้นางเข้ามาในวังอีกแม้สักครึ่งก้าว”
ตรัสแล้ว จีเฉวียนก็หันไปเหลือบพระเนตรมองดู ‘ตู๋กูเหลียน’
เสี่ยวลี่นับว่าเป็นผีที่สายตาดีไม่เลว เดิมทีก็ถอยไปอยู่เสียไกลแล้ว คราวนี้พอเห็นว่าฝ่าบาทหันมาจับจ้องนาง ก็รีบกราบทูลในทันที “หม่อมฉันจะรับไสหัวไปเดี๋ยวนี้เพคะ ไม่อยู่รบกวนฝ่าบาทและไทเฮาแล้วเพคะ”
พูดจบนางก็รีบหนีหายไปราวกับสายลมหอบหนึ่ง
นับตั้งแต่ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์มา นางเจียงซื่อเข้าวังมาสองครั้งก็ถูกจับโยนออกไปตลอดทุกครั้ง
ครั้งนี้แม้แต่หลานสาวสายนอกของนางเองก็ยังพลอยถูกโยนออกมาด้วย ยามที่ถูกหิ้วไปทิ้งนอกวังนั้น ผู้คนมากมายต่างก็เห็นกันอย่างชัดเจน
อันหว่านจือที่ไปชมดูความครึกครื้นก็พลอยได้เห็นอย่างชัดเจน
ในใจนางครุ่นคิดอย่างเงียบงัน ดูท่าฝ่าบาทจะต้องทรงรังเกียจตระกูลตู๋กูอย่างยิ่งทีเดียว มิเช่นนั้นไยจึงจะไม่ไว้หน้าถึงเพียงนี้ ปล่อยให้คนนำตัวมาโยนทิ้งเช่นนี้?
นางแอบมองดูสาวน้อยที่สลบไสบไปแล้วผู้นั้น คงจะต้องเป็นแผนของตระกูตู๋กูที่คิดจะส่งคนเข้าวังมาร่วมคัดเลือกนางสนมแน่ๆ หึ…..น่าเกลียดขนาดนั้นยังจะกล้าใฝ่ฝันถึงฝ่าบาทอีกหรือ?
คนเช่นนั้น ต่อให้ได้เข้าวังมาจริง ฝ่าบาทก็ไม่มีทางเหลือบพระเนตรไปมองนางหรอก!
อีกไม่นานทั้งสายพระเนตรและพระทัยของฝ่าบาทก็จะมีแต่ตัวนางอันหว่านจือเท้านั้น
………………………………………………
ในตำหนักเฟิ่งหมิง
พอพวกเจียงเหม่ยหยู่ถอยออกไปจนหมด รอบด้านก็เงียบลงในทันที
หลี่กงกงลากเชียนเชียนออกไปด้วยกัน แม้แต่เจ้าไก่ที่ถูกนำมาเลี้ยงไว้ตัวนั้นก็ยังถูกขับออกไปอยู่ในสวน
ในห้องจึงเหลือเพียงตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียนเท่านั้น
พวกเขายังคงอยู่บนเก้าอี้อ่อนตัวเดียวกัน!
พระวรกายของจีเฉวียนเปี่ยมไปด้วยไอเย็น อย่างชนิดที่เรียกว่าธาตุหยินปกคุมจนเหน็บหนาว เย็นเสียจนตู๋กูซิงหลันพลอยรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาแล้ว นางรู้สึกว่าความอบอุ่นในร่างกายถูกเขาดูดออกไปจนหมดสิ้น
จิตใจนางตอนนี้รู้สึกขัดเขินไปหมด
“ฝ่าบาทเพคะ อย่างไรพระองค์จะทรงลองแทะเม็ดแตงบ้างไหมเพคะ? ” ตู๋กูซิงหลันกำเม็ดแตงขึ้นมากำหนึ่งส่งถวายเขา
ฮ่องเต้กวาดพระเนตรเหลือบดู “เราไม่กินของที่มีเปลือก”
ตู๋กูซิงหลันกุลีกุจอแกะเม็ดแตงให้เขา นางวางเม็ดแตงลงบนใจกลางฝ่ามือขาวอมชมพู ” อ่ะ ไม่มีเปลือกแล้วเพคะ”
ฝ่ามือของนางเล็กนิดเดียว ปลายนิ้วก็เรียวยาวละมุนดุจต้นหอม ฝ่ามือเช่นนี้เมื่อมีเม็ดแตงวางอยู่ก็น่าดูยิ่งนัก
พระองค์ทอดพระเนตรอยู่ครู่หนึ่ง ก็เหลือบพระเนตรไปยังใบหน้าของนาง ” เจ้ากำลังเอาอกเอาใจเรา?