ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 159 เคยเสียใจที่ไม่ได้แต่งงานกับเราไหม?
ตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันกลืนโจ๊กลงไปสักคำ ก็พ่นโจ๊กออกมาจนหมดปาก
ฮ่องเต้ทรงประทับอยู่ฝั่งตรงกันข้าม ใบหน้าที่แสนงดงามเลอะเทอะไปด้วยโจ๊กข้นๆ จากปากของนาง
“ขะๆๆ ……” โจ๊กติดอยู่ในหลอดลม นางทางหนึ่งไอเสียจนน้ำตาไหลออกมา
ทางหนึ่งไอ ทางหนึ่งใช้แขนเสื้อเช็ดพระพักตร์ของจีเฉวียน
จีเฉวียนประทับอยู่ที่เดิม พระพักตร์ดำดุจก้นหม้อ ดูไปคล้ายจะกินคนได้
ตู๋กูซิงหลันไออยู่ครึ่งค่อนวันถึงได้สงบเสียงลงบ้าง แขนเสื้อที่ถูไปมา เพียงแต่ทำให้โจ๊กที่เกาะติดเป็นจุดๆ กระจายไปทั่วๆ เท่านั้น
ฮ่องเต้อยู่ๆ ก็ทรงได้รับการพอกโจ๊กเนื้อไปทั่วพระพักตร์โดยมิได้คิดเงิน พระอารมณ์ก็ไม่ดีขึ้นมา
พระองค์ปัดมือของนางออกไป ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าในพระอุระที่เมื่อครูเช็ดเลือดให้นางออกมาเช็ดคราบโจ๊กบนพระพักตร์พระองค์เองอย่างชนิดที่ไร้พระอารมณ์อย่างที่สุด
ตู๋กูซิงหลันกลับไปนั่งที่ที่ของตนเอง คราวนี้นางนั่งลงอย่างเรียบร้อยกว่าเดิม
บนเปลือกตาของฝ่าบาทยังมีเมล็ดข้าวเกาะอยู่ นางจ้องมองอย่างไม่กล้าคลาดสายตา ค่อยตอบออกไปอย่างระมัดระวังว่า
” ฝ่าบาท พระองค์ก็ทรงทราบ หม่อมฉันสูญเสียความทรงจำไปแล้ว ที่ทรงรับสั่งออกมาเมื่อครู่ทำเอาหม่อมฉันตกใจแทบแย่แล้ว”
ก่อนหน้านี้นางเคยถูกจีเฉวียนไต่ถามอยู่หลายครั้ง ว่าเสียดายบ้างหรือไม่
ต่อให้ตีจนตายนางก็นึกไม่ถึงว่าจีเฉวียนทรงเคยรับสั่งขอเจ้าของร่างเดิมแต่งงาน!
อ๋ายย่าห์! เจ้าของร่างเดิมช่างมีชะตาและความสามารถของแมรี่ซูจริงๆ!
ดูสถานการณ์เอาเถอะ อดีตฮ่องเต้มีพระประสงค์จะอภิเษกกับนาง องค์ชายสองก็จะแต่งกับนาง นี่มันเป็นฉากในละครศึกสายเลือดชัดๆ
จีเฉวียนทรงพยายามอดทนเก็บพระอารมณ์ แค่มองดูกิริยาของสตรีผู้นี้ก็สามารถบอกได้ว่านางมิได้มีความเสียดายใดๆ เลยสักนิด
” เราเตือนความทรงจำเจ้าสักหน่อย สองปีก่อน งานล่าสัตว์ของเชื้อพระวงค์ ในป่าน้อย”
ตู๋กูซิงหลัน “………” ในป่าน้อย? นี่ถึงขนาดเข้าป่าไปด้วยกันแล้ว?
ว่ากันจริงๆ ตอนนี้นางคิดอยากจะลากเจ้าของร่างเดิมออกมาสักถาม ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ไม่ใช่บอกกันชัดเจนว่ารักจีเย่ว์รักแทบเป็นแทบตายหรอกหรือ? ป่าน้อยนั่นคือเรื่องผีสางอะไรกัน?
” ฝ่าบาท ทรงเตือนถึงรายละเอียดหน่อยได้หรือไม่เพคะ? หม่อมฉันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ” สีหน้าตู๋กูซิงหลันมีแต่ความยุ่งเหยิง
ได้โปรดเถอะ ขออย่าได้มาพูดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับนางได้ไหม นางฟังแล้วเป็นต้องปวดหัวไปหมด
ตอนนี้นางถึงได้รู้ว้า เจ้าของร่างเดิมคือนักขุดหลุมพรางตัวจริง แต่ละหลุมที่นางวางไว้ถึงขนาดฝังตนให้ตายไปได้เลย
นางอยากจะกลายร่างเป็นต้นกล้าน้อยๆ ในทันที ให้พี่ชายสุดหล่อคนหนึ่งอุ้มจากไป ปลูกลงในหุบเขาลึกภูเขาสูง ทุกวันทุกคืนเฝ้าชมแสงจันทร์ที่งดงาม ฝึกฝนร่างจิตขึ้นมาใหม่
” อย่าได้มาทำแกล้งโง่กับเรา หากว่าเป็นภรรยาหลวงของเรา ฮองเฮาของต้าโจว ก็ไม่ต้องมาใช้ร้อยแปดวิธีดึงดูดความสนใจของเราเช่นนี้”
ตู๋กูซิงหลัน “……” แต่ว่าตอนนี้นางเป็นไทเฮานะ ว่ากันตามจริงแล้วไทเฮาเนี่ย ยังสูงส่งกว่าฮองเฮาตั้งเยอะ
อย่างน้อยๆ ยามเจอเจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นี้ นางก็ไม่ต้องคุกเข่า
สารพันนางสนมในวังหลังเห็นนางเข้าก็ต้องพากันร้องเรียกมู่โฮ่วแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเป็นฮองเฮานะความเสี่ยงสูงจะตาย ตามประวัติศาสตร์แต่ไหนแต่ไรมาฮองเฮากี่คนต่อกี่คนที่ถูกการแก่งแย่ชิงดีชิงเด่นในวังเล่นงานจนไม่เจ็บก็ตาย
ทั้งๆ ที่เป็นถึงภรรยาหลวงของฮ่องเต้ ยังต้องมาออกหน้าคัดเลือกเหล่าสนม นางในไปคอยปรนิบัติรับใช้ นางสนมตั้งครรภ์ ฮองเฮาก็ต้องมาคอยสอดส่องดูแล
วังหลังเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาก็ลงที่ฮองเฮาก่อน
ตู๋กูซิงหลันยังค้นพบทฤษฎีอีกข้อหนึ่ง หากว่าอยากเป็นไทเฮา ทางที่ดีต้องรอจนฮ่องเต้เข้าสู้วัยกลางคนค่อยเข้าวัง บุรุษจะอายุมากเพียงไรก็ชื่นชอบสาวน้อยด้วยกันทั้งนั้น
แม่นางน้อยขอเพียงชาญฉลาดพอมีฝีมือมากพอ จับฮ่องเต้ในวัยกลางคนให้อยู่หมัด ต่อสู้กับบรรดาสนมชราสักหลายปี ค่อยคลอดพระโอรสพระธิดาถวายสักหลายคน ดึงคนสักกลุ่มมาเข้าพวกเสริมฐานะ แค่นี้ก็ได้ตำแหน่งมาเห็นๆ
หากเข้าวังเร็วเกินไป ยิ่งฮ่องเต้ทรงมีพระชนม์ยาวนาน ก็ยิ่งแก่หงำเหงือกหมดสิ้นความงาม
เข้าวังช้าเกินไป ยังไม่ทันได้รับความโปรดปราน ฮ่องเต้ก็ชิงตายไปก่อนแล้ว ตำแหน่งยังไม่ทันครองอย่างมั่นคง เผลอๆ ก็ต้องถูกส่งไปตายร่วมกลบฝัง
ดังนั้นหากว่าอยากครอบครองตำแหน่งสูงส่ง จะต้องจับจองช่วงเวลาที่เหมาะสมถึงจะสำเร็จ
แบบนางเช่นนี้ แต่งปุ๊บก็ได้เป็นไทเฮาเลย เกรงว่าคงจะมีน้อยจนถึงขั้นหายากเลยแน่ๆ
คิดไปคิดมาจนถึงตรงนี้ ตู๋กูซิงหลันพลันรู้สึกว่าเจ้าของร่างเดิมก็ช่วยขจัดปัญหาในการได้ตำแหน่งให้นางมากพอสมควร
ไม่ได้รับปากแต่งงานกับจีเฉวียนก็ถือว่าดีอยู่เหมือนกัน ไม่แน่ว่าหากรับปากแล้ว อาจจะต้องตายอนาถกว่านี้ก็เป็นได้
สมองของตู๋กูซิงหลันล่องลอยออกไปไกลเป็นหมื่นลี้ ในที่สุดค่อยย้อนกลับมา
นางนั่งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมสง่างาม ดวงตาดอกท้อของนางจดจ้องจีเฉวียนอย่างเอาจริงเอาจัง ” เป็นเพราะฝ่าบาทเคยชื่นชอบหม่อมฉันอย่างจริงจัง ถึงได้ขอแต่งงานใช่หรือไม่? “
คำถามนี้ทำเอาสีพระพักตร์ของจีเฉวียนถึงกับเปลี่ยนแปลงไป ชื่นชอบ?
เห็นเขาเงียบงัน ตู๋กูซิงหลันก็ถอนใจยาวออกมา ” หรือจะบอกว่าฝ่าบาททรงเห็นในความงามของหม่อมฉัน เลยคิดจะจับแต่งเอากลับบ้านไปนั่งดูกัน? “
จีเฉวียน ” เจ้าอยากได้หน้า” เขาใช่คนที่ชอบมองหน้าใครเสียที่ไหนกัน?
ว่าตามจริง แค่ทุกๆ วันมองตนเองในกระจกก็เกินพอแล้ว
ตู๋กูซิงหลันโดนตอกเสียนิ่งงันไป ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!
ตู๋กูซิงหลันคลี่ยิ้มอ่อนหวาน ” เช่นนั้นขอบังอาจทูลถามฝ่าบาท เหตุผลที่แท้จริงที่ต้องการแต่งงานกับหม่อมฉันคืออะไร? “
เรื่องนี้ไม่เพียงแต่นางไม่เคยได้ยินจากเจ้าของร่างเดิม กระทั่งคนในครอบครัวก็ไม่เคยมีใครเอ่ยถึงมาก่อน
หากไม่ใช่เพราะว่าวันนี้จีเฉวียนทรงตรัสขึ้นมา ชาตินี้ทั้งชาตินางก็คงไม่มีทางรู้เรื่องนี้เป็นแน่
จีฉวรทรงหรี่พระเนตรลง แต่มิได้ตรัสอธิบายว่าทำไมจึงเคยของนางแต่งงาน เพียงตอบว่า ” เราถาม เจ้าก็ตอบมา ไม่ต้องซักไซร้ให้มากเรื่อง”
ว่าแล้ว เขาก็ตรัสเสียงหนักๆ ออกมาอีกประโยคหนึ่ง ” เราถามเจ้า เสียดายที่ไม่ได้แต่งให้เราบ้างหรือไม่? “
” เสียดายแล้วอย่างไร? ” ตู๋กูซิงหลันจดจ้องเขาไปตรงๆ นางหัวเราะออกไปทันที ” ฝ่าบาททรงเป็นถึงโอรสสวรรค์ที่ชาญฉลาดและสูงส่ง มีหรือจะทรงทำผิดต่อบรรพชนเพื่อเรา แต่งเราไปเป็นภรรยา? “
เขาไม่กลัวว่าอดีตฮ่องเต้จะกระโดดออกมาจากหลุมตบเขาสักฉาดหรือไง?
ไม่กลัวหรือว่ายามหลับทุกบ่าย อดีตฮ่องเต้จะมาเข้าฝัน ด่าทอว่าเขาอกตัญญู ผีหลอกข้างหูอยูตลอด?
เจอประโยคนี้ จีเฉวียนทรงฟังแล้ว ก็สะท้อนเข้าไปในพระทัย
” หากว่าเจ้าเสียดาย เรา….. จะแต่งเจ้า
คำพูดยังไม่ทันตรัสออกมา ก็ทรงได้ยินตู๋กูซิงหลันพึมพำต่อไปอีกว่า ” ไม่เสียดายแล้วจะอย่างไร? “
” ทุกวันนี้เราเป็นไทเฮาก็สุขสบายดี มีโอรสบุญธรรมที่งดงามดุจเทพเซียนเช่นฝ่าบาท มีลูกสะใภ้กตัญญูเช่นเสี่ยวซูเฟย เสี่ยวหยวนเฟย ก็รู้สึกว่าชีวิตสมบูรณ์ดีแล้ว น่าพึงพอใจมากแล้ว”
เจ้าของร่างเดิมจะเสียใจเสียดายบ้างหรือไม่นางไม่อาจรู้ได้ แต่ว่าตัวนาง ไม่ได้เสียดายอยู่แน่นอน
ในเมื่อไม่อาจมีคู่ครองที่มีเพียงกันและกันสองคนไปชั่วชีวิต นางก็ขอเลือกตำแหน่งและอำนาจเอาไว้ละกัน อย่างน้อยก็ยังมีความมั่นคง
หากแต่งให้จีเฉวียน ต้องมาเผชิญกับอารมณ์ที่ขึ้นลงอย่างไม่ธรรมดาของขา แล้วยังมีความเสี่ยงจะถูกส่งเข้าตำหนักเย็นอยู่ตลอดเวลา วันเวลาเช่นนั้น นางไม่ต้องการ
ประโยคนี้ของนางทำเอาถ้อยคำที่ยังไม่ได้พูดออกมาของเขาคั่งค้างอยู่ในหัวใจ
มันชัดเจนแล้วว่า……..นางไม่ได้เสียดาย
พระทัยของจีเฉวียนปั่นปวนอย่างไร้สาเหตุ เขาเจ็บ
ริมหูของเขาพลันได้ยินเสียงของหมอหลวงซุน “หากว่าชื่นชอบแต่กลับไม่ได้รับการตอบสนอง คงมีแต่เจ็บปวดไปชั่วชีวิต”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ถึงขั้นเจ็บปวดไปชั่วชีวิต แต่ก็นับว่าเจ็บแล้ว
นานอีกพักใหญ่เขาถึงได้ค่อยๆ สงบสติอารมณ์ของตนให้นิ่งลงได้
ฮ่องเต้ทรงเชี่ยวชาญการจัดการพระอามารณ์มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ก็แทบจะไม่ทรงเผยพระอามรณ์ที่แตกต่างออกมาบนพระพักตร์
ดังนั้นในมุมมองของตู๋กูซิงหลัน เขาก็เพียงแต่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเท่านั้น
นานอีกพักใหญ่พระองค์ถึงได้ฝืนตรัสออกมาไม่กี่คำ ” เราเข้าใจแล้ว”