ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 196 ผู้คนใต้หล้าทำสิ่งใดผิดหรือ
ชือหลีมองดูสีหน้าที่หวาดกลัวของนาง ในใจก็เกิดความสบายใจขึ้นมาบ้าง
นางเป็นถึงเทพ สมควรจะได้รับความเคารพยำเกรงจากผู้คนบนโลก แต่ว่าแม้นางน้อยผู้นี้กลับรักษาความสงบอยู่ตลอดเวลา
ที่แท้ความสงบนิ่งเหล่านั้นก็เป็นแค่การเสแสร้งเท่านั้น พอความตายย่ำกรายมาถึงศีรษะ นางก็รู้จักหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว
หัวใจของชือหลีบังเกิดความปิติดังเช่นผู้ที่กุมชัยชนะเอาไว้
ดวงเนตรของนางหรี่ลง ตอบว่า ” ร่างเนื้อของเจ้านี้พิเศษอย่างยิ่ง หากว่าข้าได้ครองครองล่ะก็ ชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นจะต้องมิได้ตายดี และข้าจะกวาดล้างผู้คนทั้งใต้หล้าให้เป็นเพื่อนร่วมกลบฝัง ชดเชยความทรมานที่ข้าต้องทนรับมาในหลายปีนี้! “
ความเคียดแค้นของนางระเบิดออกมา ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านไปด้วยความกระเ**้ยนกระหือ จนบนร่างปรากฏไอสีดำจางๆ ออกมา
นั่นดูคุ้นเคยมาก
วิญญาณทมิฬโวยวายใส่นางด้วยท่าทางประท้วง ” ทำไมพอจะขยับนิด ทำอะไรหน่อยก็เป็นต้องกวาดล้างผู้คนทั้งใต้หล้า ผู้คนใต้หล้าทำสิ่งใดผิดกัน พวกเขา… พวกเขาก็แค่คนธรรมดาที่ชอบไปมุงเรื่องชาวบ้านเท่านั้นเอง ขอร้องท่านล่ะ ปล่อยผู้คนใต้หล้าเหล่านี้ไปเสียเถอะ “
นี่คงจะเป็นเพราะว่าในโลกก่อนนั้น มันเคยชมดูตู๋กูซิงหลันร่วมแสดงในละครชุดจำพวกที่นางเอกเก่งกาจและโชคดีขั้นเทพมากเกินไปเสียแล้ว โดยเฉพาะพวกตัวละครบุรุษทั้งตัวหลักและตัวรองทั้งหลายที่อยู่ในเรื่อง อะไรนิดอะไรหน่อยก็เป็นต้องออกหน้ากำหราบคนทั้งโลกให้กับนางเอก
ผู้คนใต้หล้าเอ๋ย ผู้คนเหล่านั้นนั่งอยู่ในบ้านตนเองแท้ๆ แต่ทำไมความซวยถึงได้ตกลงมาจากบนฟ้าได้กัน
ตู๋กูซิงหลันที่กำลังเสแสร้งเป็นหวาดกลัวได้อย่างแนบเนียน ถูกลีลาโวยวายของวิญญาณทมิฬทำเอานางเห็นแล้วต้องคลื่นไส้แทบจะอาเจียนออกมา ขอทีเถอะ สถานการณ์กำลังจริงจังขนาดนี้มันยังกล้ามาทำเป็นเล่นละครแย่งซีนกันอยู่ได้อีก?
แต่เพราะว่าคำพูดของวิญญาณทมิฬนั้นทำเอานางขำจนแทบจะสำลักออกมา ก็ในละครที่นางเคยได้ร่วมแสดงของโลกก่อน คำว่า ‘กวาดล้างผู้คนทั้งใต้หล้า’ ถูกใช้กันเสียจนเกร่อมากเกินไปแล้ว
นางกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ สองมือโอบกอดเอวของพี่รองตัวเอง กลั้นหัวเราะเสียจนเนื้อตัวสั่นสะท้าน
ชือหลีกลับคิดว่านางหวาดกลัวจนถึงขีดสุด ก็ยิ้มเย็นพลางกล่าวว่า ” ความอดทนของข้ามีอยู่อย่างจำกัด เจ้าตอบมาเร็วๆ เข้า “
ที่จริงแล้วไม่ว่าตู๋กูซิงหลันจะตอบรับหรือว่าปฎิเสธ ร่างเนื้อนี้นางก็ต้องการจะครอบครองเอาไว้อย่างแน่นอน นางรอคอยมานานหลายปีแล้ว พึ่งจะได้เจอกับร่างเนื้อที่สามารถจะรองรับดวงจิตเทพของนางได้ นางย่อมไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน
ใบหน้าของตู๋กูซิหลันซุกอยู่ข้างซอกคอของตู๋กูเจวี๋ย จึงรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวบนเส้นชีพจรหลักของพี่รอง ลมหายใจของเขาก็สงบอย่างสม่ำเสมอ นอกจากความอ่อนเพลียแล้ว ที่เหลือก็ไม่น่าจะมีอะไร
หากว่านางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องคอยคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตของพี่รอง แล้วต้องต่อสู้อย่างเต็มกำลังกับชือหลีไปด้วยละก็ นางคงจะต้องสิ้นเปลืองพละกำลังอย่างยิ่งเป็นแน่
ภายใต้แสงเพลิงสีทอง ดวงตาของตู๋กูเจวี๋ยกระพริบขึ้นมาเล็กน้อย ขนตายาวๆ ของเขาสั่นไหว บางทีอาจเป็นเพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างของสาวน้อย หรือว่ากลิ่นหอมของกุหลาบจางๆ ที่อยู่บนร่างนาง ในที่สุดเขาก็รู้สึกตัวแล้ว
พอพึ่งจะฟื้นขึ้นมา ก็เห็นว่าน้องสาวของตนเองสวมชุดดำตลอดร่าง กอดร่างของเขาเอาไว้อย่างไม่ยอมปล่อย
ดวงตาของตู๋กูเจวี๋ยงงงันอยู่ครู่หนึ่ง ” น้องเล็ก นี้เจ้าลงมาอยู่กับพี่รองในนรกแล้วหรือ? “
ไม่ทันรอให้ตู๋กูซิงหลันได้ตอบคำ ก็ได้ยินเขาตะโกนออกมาอย่างจริงจังว่า ” ไม่ได้เด็ดขาด! คุณหนูใหญ่ตระกูลตู๋กูของข้าจะต้องมีชีวิตยืนยาวนับร้อยปี สุขสบายชั่วชีวิต! ไม่ต้องกลัวนะ พี่รองจะไปหาผู้ดูแลนรกถกเหตุผลกับเขาเดี๋ยวนี้ “
พูดแล้ว เขาก็ขยับตัวในทันที พอพึ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็ถูกโซ่เหล็หนาเท่าข้อแขนรั้งเอาไว้ คนถูกดึงกลับไปทั้งร่าง จนล้มลงไปนั่งบนพื้นอีกครั้ง
ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เขาตกตะลึงจนชะงักไป พอมองไปรอบด้านก็เห็นว่ายังคงเป็นกองกระดูกมนุษย์มากมายไม่เปลี่ยนแปลง ถึงค่อยได้สติขึ้นมา
” อ้อ ยังอยู่ที่นี่อีกหรือ ” เขาทอดถอนใจออกมาอย่างผิดหวัง จนผ่านไปอีกพักใหญ่ถึงพึ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาคว้าหลังมือของตู๋กูซิงหลันไปกัดคำหนึ่ง
ตู๋กูซิงหลันเจ็บปวดจนต้องร้องออกมา สีหน้าของตู๋กูเจวี๋ยถึงได้เปลี่ยนไปในทันที ” นี่ไม่ใช่ความฝัน! น้องเล็ก เจ้ามาได้อย่างไรกัน? “
ตู๋กูซิงหลันถูกเขากัดจนต้องสูดปาก ดูท่าแล้วพี่รองคงจะถูกขังจนสมองเสื่อม ก็เขาไม่กัดตนเอง แต่กลับหันมากัดนางคำหนึ่ง แถมยังกัดอย่างรุนแรงจนทิ้งรอยฟันลึกไว้เช่นนี้
เขาพูดจบแล้ว ก็เห็นว่าชือหลีกำลังจ้องมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
ตู๋กูเจวี๋ยพอเห็นนาง หัวคิ้วก็ต้องขมวดขึ้นมาในทันที ” แม่นางเทพธิดา ข้าคงต้องพูดกับเจ้าอีกสักรอบแล้ว จับตัวข้ามาก็ช่างเถอะ แต่ว่ากระทั่งน้องสาวของข้าก็ไม่คิดจะละเว้นเลยหรือ? เจ้าเองก็มิใช่เด็กๆ แล้วนะ! ท่านดูสิ นางหน้าตางดงามขนาดนี้ แค่ดูก็รู้อยู่แล้วว่ามีพิษสง อย่าได้สัมผัสเชียวนะ! “
” นี่เป็นกฎของธรรมชาติ เกิดมายิ่งงดงามก็ยิ่งน่ากลัว เจ้าคงจะรู้จักเห็ดพิษใช่ไหม ยิ่งน่าดึงดูดเพียงไรก็ยิ่งมีพิษร้ายแรงเพียงนั้น น้องสาวของข้าก็เช่นเดียวกัน หากว่าสัมผัสแตะต้องนางเข้าล่ะก็ ผลลัพธ์ไม่อาจคิดคำนวนได้เลยจริงๆ นะ ตัวข้าเพียงคนเดียวก็ทำให้เจ้าเพลิดเพลินได้เกินพอแล้ว “
แค่ลมหายใจเดียวก็พูดออกมาได้ยืดยาวเสียขนาดนี้ ชือหลีอยากจะใช้เข็มเย็บผ้าเย็บปากของเขาให้ติดกันจริงๆ
ตู๋กูเจวี๋ยยังคิดจะพูดต่อไป แต่ว่าน่าเสียดายที่กระเพาะของเขาไม่รู้จักรักษาหน้าตาส่งเสียร้องโครกครากออกมา
” หากว่าเจ้ายินยอมหิวตายล่ะก็ ข้าก็ไม่ว่าอะไร ” ชือหลีชี้ไปทางซากกระต่ายที่อยู่ข้างกายเขา ” มีกระต่ายเหล่านี้ให้เจ้ากิน ก็ถือว่าข้ามีเมตตามากแล้ว “
ตู๋กูเจวี๋ยมองดูกระต่ายมากมายที่ตายอยู่ตรงหน้า ในดวงตาก็ปรากฏความเห็นอกเห็นใจราวกับพระโพธิสัตว์ออกมา
เขานั่งสมาธิ กล่าวอามิตตาพุทธออกมาคำหนึ่ง ” กระต่ายน้อยที่น่าสงสาร ข้ามิได้ฆ่าพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับต้องมาตายเพราะข้า หวังว่าพวกเจ้าเมื่อตายไปแล้วก็จงได้ไปอยู่ในสรวงสวรรค์อย่างมีความสุข จากนี้มิต้องประสบกับความทุกข์และความตายใดๆ อีก หากว่าข้าสามารถมีชีวิตรอดออกไปได้ จะต้องฝังกลบพวกเจ้าอย่างดี ไม่ให้พวกเจ้าถูกพวกหมาป่าที่โหดร้ายจับไปกินเด็ดขาด “
ว่าแล้ว ก็ไม่ลืมจะตักเตือนชือหลีอีกสักประโยค ” แม่นางเทพธิดา ทำไมจิตใจของท่านถึงได้โหดร้ายเช่นนี้ กระต่ายน้อยน่ารักจะตาย ไยจึงต้องฆ่าพวกมันด้วย? “
ชือหลีแทบจะคลุ้มคลั่ง เกือบจะสกัดกั้นไอดำในร่างกายของนางเอาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว
แม้แต่ตู๋กูซิงหลันเองก็ยังรู้สึกว่าที่ริมหูมีแต่ยุงตอมส่งเสียงดังหึ่งๆ ไปหมด
เจ้าไก่ขนดำฟูก็เป็นต้องใช้ปีกข้างหนึ่งอดหูเอาไว้ พี่ชายของพี่สาวตัวน้อยช่างจิ๊ๆ จ๊ะๆ มากความเกินไปแล้ว!
วิญญาณทมิฬหนวกหูเสียจนรู้สึกอึดอัดไปทั้งร่าง ไม่เป็นตัวของตัวเอง พี่ชายของไทเฮาน้อยเป็นพวกพล่ามทั้งวันจริงๆ
ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด มัวแต่ทำท่ากังวลพวกกระต่ายอยู่ได้!
ผ่านไปอีกครึ่งวัน ตู๋กูเจวี๋ยถึงพึ่งจะคิดได้ว่าที่ข้างกายยังมีน้องเล็กอยู่อีกคน เขาจับมือนางเอาไว้อย่างอ่อนโยน กล่าวว่า ” น้องเล็ก อย่ากลัวไปเลย พี่รองจะปกป้องเจ้าเอง “
เหลือบมองดูเขาแวบหนึ่ง บอกตรงๆ นะเจ้าคะพี่รอง ข้ารู้สึกว่าโอกาสที่ข้าจะต้องปกป้องท่านนั้นมีมากกว่า
ดูรูปร่างที่ผ่ายผอมเปราะบางนั่นสิ ตัวบางปานจะขาดออกจากกันได้อยู่แล้ว เทียบกับพี่ใหญ่ที่กำยำมีพละกำลังล้นเหลือแล้วเป็นคนละเรื่องกันเลย
แน่ใจหรือว่าพวกเราสามคนเกิดจากพ่อคนเดียวกัน?
วิญญาณทมิฬ ” ข้าคิดว่าที่เขาอยู่ในอันดับสองนั้นก็สมเหตุสมผลดี คำว่า ‘เอ้อ’ (ที่สอง แต่พ้องเสียงกับคำว่า ‘หิว’) นี้เหมาะสมกับเขาอย่างที่สุดแล้ว “
ตู๋กูเจวี๋ย ปลอบน้องสาวแล้ว ก็หันไปหาชือหลีเริ่มพล่ามต่อไป ” แม่นางเทพธิดา พวกเรามาคุยกันหน่อย ท่านพูดเอาไว้ ว่าขอเพียงข้าสามารถทนได้หนึ่งเดือน ท่านก็จะปล่อยข้าจากไป และตัวท่านเองก็จะยอมกลับเนื้อกลับตัวใหม่ เป็นเทพธิดาที่ดี ถึงตอนนี้ก็ผ่ามมาครึ่งเดือนแล้ว เหลืออีกเพียงครึ่งเดือน ข้าก็จะชนะแล้ว ท่านจะอย่างไรก็เป็นถึงเทพธิดาแห่งสายน้ำ ไม่อาจพูดแล้วไม่รักษาคำพูดใช่ไหม? “
” หากว่าแม้แต่เทพเซียนก็ยังโกหกหลอกลวง ในโลกนี้จะยังมีสิ่งใดที่เชื่อถือได้อีก? “
ตู๋กูเจวี๋ยยังคงพร่ำเพ้อต่อไปไม่เลิก ทำเอาชือหลีกรุ่นโกรธจนต้องกลอกตาขาว สองขาที่เรียวยาวของนางแปรเปลี่ยนกลายเป็นหางงูสีเขียว ไม่พูดไม่จาก็สะบัดหางนั้นเข้าใส่ในทันที
เจ้าตัวนี้พูดมากน่ารำคาญเกินไปแล้ว ตลอดครึ่งเดือนมานี้พอนางปิดตาลงเมื่อใด ในสมองล้วนมีแต่เสียงหลอกหลอนของเขาลอยมาเข้าหู หากมิใช่ว่านางเคยเป็นเทพมาก่อน คงยากจะทนทานเสียงที่มีพลังกัดกร่อนทำลายประสาทของเขา