ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 197 ยันต์สีชาด
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่านางได้เห็นประสบการณ์ใหม่เพิ่มแล้ว ที่ผ่านมานางเคยรู้สึกว่าวิชาพูดไปเรื่อยเปื่อยของตนเองสูงส่งไม่มีใครเทียบได้ วันนี้พอได้เจอพี่รอง ถึงได้รู้ว่าอะไรเรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
เทียบกับพี่รองแล้วนางรู้สึกว่าตนเองก็เป็นแค่พวกมือสมัครเล่นเท่านั้น
คราวนี้ พอหางงูสะบัดเข้ามาหา ยันต์สีเหลืองในมือตู๋กูซิงหลันก็พุ่งออกไปแล้ว
ยันต์สีเหลืองกับหางของชือหลีปะทะกัน เกิดเป็นเสียงกึกก้องกังวานไปทั่ว ประกายแสงอันสวยงามระเบิดออกมา
แสงนี้ทำให้วิญญาณคนตายที่รายล้อมอยู่ร่ำร้องจนกระเจิดกระเจิง
กองกระดูกขาวบนพื้นสะเทือนไปมา หางของชือหลีถูกเผาจนเกิดรอยไหม้ตื้นๆ นางหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที
นางดูไม่ผิด ในร่างเนื้อนี้ มีดวงจิตที่พิเศษอยู่จริงๆ
วิชายันต์สะกดเช่นนี้ ปกติใช้ได้กับแค่พวกภูติผีปีศาจเท่านั้น นางไม่รู้ว่าแม่นางน้อยผู้นี้ใช้ยันต์อะไรกันแน่ ถึงได้สามารถทำให้ร่างจิตของนางได้รับบาดเจ็บขึ้นมาได้
พี่รองที่อยู่ด้านข้างก็ตาโตขึ้นมา เขาไม่เคยนึกเคยฝันมาก่อนเลยว่า น้องสาวที่อ่อนแอและนุ่มนวลของตนเอง วันหนึ่งจะสามารถปกป้องเขาจากอันตรายได้
นี้มันเหมือนกับจะให้แม่หมูปีนต้นไม้ ให้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกอย่างไรอย่างนั้น
เขาอดที่จะเกิดความสงสัยขึ้นมาไม่ได้ แม่นางน้อยที่อยู่ตรงหน้าที่จริงแล้วใช้น้องสาวของตนเองหรือไม่
ตั้งแต่เล็กจนโต มีครั้งไหนบ้างที่ไม่ถูกนางผลักออกไปรับดาบแทน?
แต่ว่าตอนนี้ น้องเล็กกำลังปกป้องเขาอยู่จริงๆ!
เรื่องนี้ทำให้ตู๋กูเจวี๋ยทั้งตกตะลึงทั้งซาบซึ้ง ดูเถอะ เขาที่เป็นถึงคุณชายรองของตระกูลตู๋กู ทำเรื่องอะไรลงไปแล้ว?
อยู่ๆ ก็ตกต่ำจนถึงขั้นที่ต้องให้น้องเล็กออกมาปกป้องเขา!
ยามปกติน้องเล็กหวาดกลัวงูที่สุด แต่ว่าตอนนี้กลับกำลังสู้กับงูตัวหนึ่งอยู่!
แต่เดี๋ยวก่อน! ดูเหมือนว่าที่ต่อสู้กันเมื่อครู่นี้น้องเล็กจะไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบนี่?
ตู๋กูเจวี๋ยมองดูเงาหลังของตู๋กูซิงหลันที่บังอยู่ด้านหน้าของตนเอง เห็นผมหางม้าของนางปลิวไสวขึ้นไปบนอากาศ ในมือมียันต์สีเหลืองรูปร่างหลากหลาย ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าน้องเล็กของตนเองใช่ตกลงไปในทางใต้ดินด้วยความบังเอิญ แล้วก็ได้รับวิชาลับมาชุดหนึ่ง นับตั้งแต่นั้นก็เลยใช้วิชาอันล้ำเลิศเดินในเส้นทางปราบผีล่าปีศาจใช่หรือไม่?
หากว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง นี่คงเป็นชะตาลิขิตอันยิ่งใหญ่ละก็ ถูกน้องเล็กช่วยเอาไว้ก็เป็นเรื่องธรรมดา
นางเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับชัยชนะอยู่แล้ว หากจะได้วิชาลับมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ในสมองของตู๋กูเจวี๋ยเกิดความคิดความเป็นไปได้อย่างหลากหลาย หลังเพ้อเจ้อไปมาอยู่หลายวูบ ก็เห็นว่าน้องเล็กประมือกับชือหลีไปอีกหลายกระบวน
ทั้งสองฝ่ายมิได้ใช้พลังกันอย่างเต็มที คล้ายกับว่าแค่หยั่งเชิงดูกันเท่านั้น
ตู๋กูซิงหลันไม่ได้ลงแรงแข็งขันเท่าไรนักเพราะหากลงมือหนักเกินไปก็จะกระตุ้นความสนใจของผู้คนด้านบนได้ นางเพียงแค่เขวี้ยงยันต์ออกไปไม่กี่แผ่น ดูซิว่าดวงจิตของชือหลีนั้นแข็งแกร่งในระดับใด
ถึงอย่างไรก็เคยเป็นถึงเทพธิดาประจำสายน้ำมาก่อน ถึงแม้ว่าพลังของนางไม่เหมือนเดิม แต่ก็ถือว่ามีความสามารถอย่างแท้จริง
หากว่าเป็นตัวนางในโลกก่อน ต่อให้เป็นชือหลีในยามที่แข็งแกร่งที่สุด นางก็ยังสามารถต่อกรได้สักรอบ
แต่ว่าตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ในเมื่อเพียงแค่แลกเปลี่ยนฝีมือกัน ตู๋กูซิงหลันก็ยังมิได้เสียเปรียบอันใด
ตู๋กูเจวี๋ยกระชากโซ่บนร่างไปมา สองตาจับจ้องอยู่บนเปลวเพลิงสีทองของเจ้าไก่ขนดำฟู จนเส้นเลือดดำบนสองแขนเบ่งพอง ” แม่นางเทพธิดา ท่านที่เป็นถึงเทพองค์หนึ่ง กลับมารังแกแม่นางน้อยที่อายุเพียงสิบกว่าปีเท่านี้ หากเล่าลือออกไปไม่เกรงว่าจะทำให้น่าอับอายขายหน้าหรอกหรือ? “
” ข้าตู๋กูเจวี๋ยถึงจะเป็นคนสำรวมพูดน้อย แต่ขอเพียงแค่ข้าสามารถมีชีวิตรอดออกไปได้ ข้าจะต้องทำให้คนทั้งแผ่นดินได้รู้ว่า ท่านที่เป็นเทพธิดาแห่งสายน้ำ กลับใจแคบเสียยิ่งกว่ารูเข็ม ลงมาตบตีกับสตรีตัวเล็กๆ ที่สำคัญคือประมือกันไปตั้งหลายรอบแล้วก็ยังเอาชนะไม่ได้ คนบนโลกนี้ได้ยินแล้วก็ช่างเถอะ แต่ว่าหากพวกเทพแห่งน้ำเซียนทั้งหลายพวกนั้นได้รู้เข้าละก็ ไม่รู้ว่าอีกหน่อยยามท่านอยู่ในแดนเซียน ยังจะมีหน้าไปพบผู้คนอีกไหม? “
ชือหลี ตู๋กูซิงหลัน วิญญาณทมิฬ ติ๊งต๊อง แม้กระทั้งเหล่าวิญญาณคนตายที่หลบหนีอยู่รอบๆ ต่างก็เกิดคำถามขึ้นมาในสมอง
สำรวมพูดน้อย?
ขอถามหน่อยคุณชายหมายถึงผู้ใดกัน?
แต่พวกเขากลับได้ยินตู๋กูเจวี๋ยพร่ำบ่นต่อไป ” หากว่าข้าเป็นท่านละก็ จะต้องไม่ทำให้น้องเล็กยุ่งยากแม้แต่น้อย เรื่องพรรค์นี้มีแค้นกับใครก็ควรไปชำระกับคนนั้น ท่านมาวนเวียนอยู่กับน้องสาวข้าไม่ยอมปล่อยไปเพื่ออะไร ก็ไม่ใช่ว่านางเคยไปรังแกท่านสักหน่อย แล้วนางก็ไม่ใช่คนที่ทำลายควันธูปของท่านด้วย นี่ท่านเอาความแค้นมาลงผิดที่ไปหรือเปล่า? “
ชือหลีถูกฝีปากของเขาด่าจนนางปวดศีรษะขึ้นมา หากนางรู้มาก่อนว่าไอ้หนุ่มผู้นี้จิกกัดได้ตลอดเวลา นางย่อมไม่มีทางพาเขามาไว้ที่นี่ตั้งแต่แรก
หลายวันมานี้นอกจากดื่มน้ำ กินผักกินหญ้าแล้ว เขาก็ไม่ได้กินสิ่งอื่นใดอีกเลย ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใดกัน ถึงได้ยังสามารถจิ๊ๆ จ๊ะๆ ได้มากเช่นนี้
ทำเอานางพลอยหมดกำลังใจจะไปประมือกับตู๋กูซิงหลัน ถูกเขาบ่นเสียจนสมาธิกระเจิดกระเจิง คิดแต่จะหาอะไรมาอุดปากเขาให้จงได้
ตู๋กูซิงหลันอาศัยช่วงเวลาที่นางเสียสมาธิ หายตัวไปในชั่วพริบตา นางสะบัดเท้าเหินขึ้นไปกลางอากาศ เหาะขึ้นมาด้วย ท่วงท่าองอาจสง่างาม นางสวมชุดดำตลอดร่าง ผมมัดหางม้าพลิ้วไสว โถมร่างพุ่งเข้าไปหาชือหลี ทันใดนั้นในฝ่ามือก็ปรากฏยันต์สีชาดขึ้นมาผืนหนึ่ง ประทับลงไปบนหน้าผากของชือหลีในทันที
แม้ว่าชือหลีเองจะมีปฎิกริยารวดเร็ว แต่ว่าก็ไม่อาจหลบเลี่ยงยันต์สีแดงของตู๋กูซิงหลันได้
ขณะที่ยันต์แผ่นนี้สัมผัสโดนหน้าผากของนาง ก็สลายกลายเป็นแสงสีแดงแทรกซึมเข้าไป ทำให้นางถูกตรึงอยู่กับที่ในทันที
ถึงตอนนี้ ตู๋กูซิงหลันถึงค่อยคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับนาง “เทพธิดาชือหลี ลำบากท่านต้องมาเล่นละครร่วมกับข้าเสียแล้ว “
ชือหลีมองดูนางยิ้มแย้มด้วยความมั่นใจ ก็ต้องตกตะลึงขึ้นมา พอคิดย้อนกลับไป แม้เมื่อครู่เห็นนางทำท่าหวาดหวั่นขวัญผวา แต่ที่แท้ก็เป็นตัวเองที่ตกหลุมพลาง
ตั้งแต่ต้นแล้ว สาวน้อยนางนี้มิได้เกรงกลัวนางเลย!
ที่เห็นว่าหวาดกลัว ที่แท้เป็นเรื่องที่นางเสแสร้งเท่านั้น
นาง เป็นผู้ใดกันแน่?
” กุ๊ก กุ๊ก กรู้! ” พอเห็นว่าตู๋กูซิงหลันผนึกชือหลีเอาไว้ได้ เจ้าไก่ขนดำฟูก็กระพือปีกพรึ่บพรั่บ มันคิดจะใช้เปลวเพลิงสีทองฉลองชัยชนะให้กับนาง
พี่สาวตัวน้อยเก่งที่สุด สมแล้วที่มันถูกชะตาด้วย!
” พอก่อน! ติ๊งต๊อง อย่าได้สิ้นเปลืองเพลิงสีทองของเจ้าเลย ขอร้องเถอะ ต่อไปยังมีโอกาสให้ได้ใช้อีกมาก! ” ตู๋กูซิงหลันทำมือห้าม สหายติ๊งต๊องไม่อาจคึกคักได้มากเกินไป หากว่าคึกขึ้นมาเกินควร นางเกรงว่าที่นี่อาจจะระเบิดได้
นางยังต้องเก็บรักษาดวงจิตของชือหลีเอาไว้ ยังมีประโยชน์อยู่อีกมาก
พอเจ้าไก่ขนดำฟูได้ฟังแล้ว คอของมันก็ค่อยๆ ตกลง ปีกที่กระพือขึ้นสูงก็ลดลงมาช้าๆ
ก็ได้ คราวหน้าพอพี่สาวตัวน้อยอยากจะใช้งาน มันจะสำแดงสุดฝีมือไปเลย
วิญญาณทมิฬเองก็อัศจรรย์ใจไปเหมือนกัน มันคิดไม่ถึงเลยว่าพลังของตู๋กูซิงหลันจะฟื้นฟูขี้นมาได้มากถึงขั้นนี้ ยันต์ที่นางใช้มีระดับชั้นที่หลากหลาย ที่ปกติใช้เป็นประจำก็คือยันต์พื้นๆ อย่างสีเหลือง แต่ว่ายันต์สีชาดนี้ มิได้ใช้ออกโดยง่าย โดยมากก็จะใช้กับพวกที่ค่อนข้างหนักมือ หรือประมาณพลังไม่ได้
มันนึกว่านางในตอนนี้ทำได้แค่เพียงใช้ยันต์สีเหลืองเท่านั้น คิดไม่ถึงว่า นางจะสามารถถึงขนาดควบคุมยันต์สีชาดได้แล้ว หรือจะเป็นเพราะพลังของหยกสรรพชีวิตกัน
” น้องเล็ก พี่รองซาบซึ้งยิ่งนัก ไม่ได้พบกันตั้งนาน เจ้าเติบโตจนเปลี่ยนไปมากแล้ว ราวกับว่าเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง ความตื่นเต้นและซาบซึ้งในใจของพี่รองไม่สามารถบรรยายออกมาด้วยคำพูดได้จริงๆ หากว่าจะให้อธิบายให้ได้จริงๆ ละก็ นั่นก็คือ…..”
ตู๋กูซิงหลันไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พร่ำเพ้อต่อไป นางพุ่งกลับไปที่ข้างกายเขา ซัดฝ่ามือใส่คนจนสลบไปในครั้งเดียว
จากประสบการณ์ในครั้งนี้ นางตัดสินใจแล้วว่าต่อไปตนเองจะต้องพยายามบ่นให้น้อยลง มลพิษทางจิตใจเช่นนี้มันทรมานเกินไปแล้ว
——
ยันต์สีเหลืองและยันต์สีแดงต่างกันอย่างไร?
1. จุดประสงค์การใช้งานแตกต่างกัน
– ยันต์สีเหลืองนั้นใช้เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายและปกป้องคุ้มครอง จึงใช้สีเหลืองซึ้งเป็นพื้นฐานของพลังหยาง (แสงอาทิตย์และแสงสว่าง)
– ยันต์สีแดงนั้นใช้เพื่ออัญเชิญเทพและส่งเทพ
2. ช่วงเวลาการสร้างยันต์แตกต่างกัน
– ยันต์สีเหลืองต้องเขียนขึ้นในเวลากลางคืน หากเขียนในเวลากลางวันนัยว่าจะถูกแสงอาทิตย์ตามธรรมชาติสะกดข่ม ไม่แข็งแกร่งเพียงพอ
– ยันต์สีแดง ต้องเริ่มเขียนหลังไก่ขันครบสิบครั้งและต้องเขียนให้เสร็จก่อนที่แสงแรกของดวงอาทิตย์จะขึ้นมาบนท้องฟ้า