ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 207 ที่ข้าเกรงกลัวที่สุดก็คือท่าน
” พลักกก” ขณะที่เขากำลังลังเลไปมาอยู่นั้น ไก่ขนฟูก็บินโฉบลงมาที่ข้างกายของเขา สะบัดกรงเล็บกางออกเพียงเบาๆ ก็ช่วยเขาผลักกริชด้ามนั้นลงไปในลำคอ
นั่นเรียกว่า โหด เร็ว แม่น ลำคอของจีหรานถูกแทงจนทะลุ เลือดสีแดงฉีดพุ่งออกมาเป็นสายจนบาดตา
จากนั้นเจ้าไก่ขนฟูก็ขยับปีกที่ข้างเอว ส่งเสียงอย่างองอาจออกมาครั้งหนึ่ง ” กะ กะ กะต้าก~“
จะตายก็ตายให้เร็วๆ หน่อย จะมายึกยักคิดมากไปทำไม น่ารำคาญ!
เฮียช่วยให้เจ้าได้ตายในดาบเดียว ไม่ต้องมาขอบคุณเฮียหรอกนะ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็มีเสียงของประชาชนร้องออกมาในทันที ” แม้แต่สัตว์เทพยังทนดูไม่ได้ หรานอ๋องผู้นี้ชั่วร้ายเกินไปแล้วจริงๆ! “
” จริงด้วย หากเขาไม่ตายประชาชนคงไม่อาจสงบสุข! “
ผู้คนทั้งหลายต่างก็พากันร้องรับ
เมื่องูยักษ์และจีหรานตายไปแล้ว แม่น้ำลี่เหอที่โหมซัดเข้ามาก็กลับกลายเป็นสงบเงียบดังเดิม น้ำที่ท่วมเมืองลี่โจวไปกว่าครึ่งก็ลดระดับลงไป
ตู๋กูซิงหลันกักดวงวิญญาณของจีหรานและงูยักษ์เอาไว้ ใช้เป็นข้อตกลงกับชือหลี แลกเปลี่ยนความสงบร่มเย็นให้กับชาวบ้านในลุ่มแม่น้ำลี่เหอไปอีกพันปี
ชือหลีไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธนาง เพราะอย่างไรเสียตนเองก็เป็นผู้แพ้ หากว่าสู้กันใหม่อีกรอบก็ใช่ว่าจะเอาชนะนางได้อยู่ดี
ทันทีที่ชือหลีรับปาก ตู๋กูซิงหลันก็คลายผนึกของยันต์สีชาดออก ส่งวิญญาณของหญิงร้ายชายโฉดให้กับนาง
” นับจากวันนี้ไป ประชาชนทั้งหลายย่อมกลับมาจุดธูปบูชาให้ท่านอีกครั้ง ในภายหน้าท่านก็จะมีโอกาศมีร่างเทพขึ้นมาใหม่ ” ตู๋กูซิงหลันว่าต่อไป ” ท่านปกป้องแม่น้ำลี่เหอมานานนับพันปี ความดีเหล่านั้นถูกหักล้างไปกับการพรากชีวิตในช่วงหลายปีมานี้จนหมดสิ้นแล้ว ต่อไปขอเพียงท่านกลับมาทำดีมีเมตตา ย่อมสามารถมีโอกาสสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อีกครั้ง “
ว่ากันตามจริงแล้ว ชือหลีรู้สึกว่าต่อให้เป็นตู๋กูเจวี๋ยมาชักจูงให้นาง ” มีเมตตา ” นางก็ยังคงสามารถเข้าใจได้
แต่แม่นางน้อยผู้นี้ ไม่ว่าตัว นัยตาหรือว่าในใจล้วนดำสนิท สตรีที่มีแต่ความดำมืดเช่นนี้ มาชักจูงให้เทพอย่างนางมีเมตตา รู้สึกว่าจะแปลกประหลาดไปหน่อยแล้ว
ชือหลีจดจ้องมองดูนางอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยังคงรู้แต่เพียงว่าภายใต้ผิวหนังที่หมดจดงดงามนี้ เป็นดวงจิตที่มืดสนิทดวงหนึ่ง แม้ว่าจะยังมีพลังเซียนเบาบางปกป้องร่างอยู่ ก็ไม่อาจปกปิดความมืดมิดจากภายในของนางได้อยู่ดี
ที่สุดแล้ว….คืออะไรกันแน่?
พอนางจะมองดูให้ละเอียด ก็เห็นตู๋กูเจวี๋ยที่ยืนอยู่โผเข้ามาใกล้ๆ ดวงตาที่มีความคล้ายคลึงกับตู๋กูซิงหลันอยู่สามส่วนนั้นทอประกายขึ้นมา ” แม่นางเทพธิดา ท่านต้องเชื่อฟังคำสั่งสอนของน้องเล็กข้าให้ดี ทำตัวเป็นเทพที่ดีนะ “
” ภายหน้าหากว่าข้ามีเวลาว่าง ก็จะมาเยี่ยมท่านที่อารามบ่อยๆ พูดกันตามตรงนะ ช่วงหลายวันมานี้แม้ว่าท่านจะจับข้าขังเอาไว้ราวกับไม่ใช่คน แต่ก็ฟังคำพูดของข้าไปไม่น้อย ท่านเป็นผู้ฟังที่ดีคนหนึ่ง พวกเราสามารถเป็นคนรู้ใจกันได้ “
ชือหลี “…..” ขอโทษที ชาตินี้นางไม่คิดจะเจอคนปากมากผู้นี้อีกแล้ว!
เพราะเกรงว่าเขาจะพล่ามต่อไป ชือหลีก็สลายร่างจิตกลับไปเป็นรูปปั้นเทพธิดาหินที่น่าเคารพด้านหลังโต๊ะบูชาในทันที
ก่อนที่จะกลายเป็นหินไปอย่างสมบูรณ์ นางก็กล่าวประโยคสุดท้ายออกมา ” เราผู้เป็นเทพจะรักษาสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับฮ่องเต้ นับจากวันนี้ไปจะพิทักษ์แม่น้ำลี่เหอ ปกป้องความสงบสุขของประชาชนทั้งหลาย”
พวกเขาเป็นถึงทวยเทพ เมื่อให้สัจจะแล้วย่อมไม่มีทางคืนคำ
พอประชาชนทั้งหลายได้ยินเสียงของเทพธิดา จิตใจก็สงบลง อดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลงไปกราบกรานฮ่องเต้ส่งเสียงขอทรงพระเจริญหมื่นๆ ปี
ดูสิ ฝ่าบาททรงองอาจกล้าหาญเพียงไร เพียงแค่ชักกระบี่ออกมาครั้งเดียวก็ผ่าหัวงูยักษ์ออกได้แล้ว!
พระองค์ไม่เพียงชาญฉลาดมีแผนการ ความสามารถเช่นนี้แม้แต่นักพรตพวกนั้นจะมาเทียบได้ที่ไหนกัน?
ฝ่าบาท…….ทรงยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!
จีเฉวียนประทับอยู่ข้างร่างของงูยักษ์ เช็ดเลือดที่ติดอยู่บนกระบี่อ่อนออกไป ก็เก็บกระบี่ไว้ที่ข้างเอว ทรงสั่งให้เหล่าองครักษ์จัดการเก็บกวาดสถานที่เสร็จ ก็หันพระองค์เสด็จกลับเข้าไปในอาราม
คราวนี้ ทรงยื่นพระหัตถ์ออกไปลากตู๋กูซิงหลันขึ้นมาจากห้องใต้ดิน
ตู๋กูซิงหลันแต่งกายเป็นชาย เมื่อยืนอยู่ข้างพระองค์ดูไปก็คล้ายเป็นน้องชายตัวน้อย
นางเก็บยันต์สีชาดในมือเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะประจบประแจงฮ่องเต้ ” ฝ่าบาททรงเจ๋งเป้ง ฝ่าบาทยอดเยี่ยม ฝ่าบาททรงปรีชาสามารถเช่นนี้ ทรงเท่ห์จนทำเอาตาของข้าเกือบจะบอดไปเลย! “
พอคิดย้อนกลับไปถึงตอนที่วิญญาณทมิฬกระโดดงับเขาจนต้องฟันร่วงหมดปาก ตั้งแต่ตอนนั้นนางก็สมควรจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอนแล้ว
วันนี้เขาสามารถใช้กระบี่เดียวกำจัดงูทิ้งไป ก็ยิ่งประจักษ์ชัดเลยว่าเขาไม่ใช่ธรรมดา
นางไม่เชื่อหรอกว่า อาศัยเพียงแค่การฝึกยุทธ์จะทำให้มีกำลังได้มากขนาดนั้น
ความลับที่อยู่ในร่างของฮ่องเต้ผู้นี้มีอยู่มากมาย แต่ว่านางก็ไม่กล้าถามออกไปอย่างง่ายๆ
ตอนนี้ทำได้เพียงยืนยันว่าเขาเก่งมาก ที่จริงแล้วยังเก่งกว่าที่นางเคยคิดเอาไว้เสียอีก แผนการก่อกบฏอันยิ่งใหญ่ของนางคงจะต้องเลื่อนออกไปก่อน
หากยังคลำหาความสามารถของฮ่องเต้ผู้นี้ไม่ออก ก็ไม่ควรจะผลีผลาม
เอาเถอะ หากว่าไม่ได้ถูกเขาบีบคั้นจนสุดทาง นางก็จะไม่ก่อกบฏก็แล้วกัน ความเสี่ยงสูงเกินไปแล้ว
ต่อไปยามอยู่ในวัง คงต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่าเดิมแล้ว
จีเฉวียนมองดูท่าทางของนางที่ชื่นชมตนเอง ในพระทัยก็ทรงรู้สึกว่าการเป็นคนเก่งกาจก็ไม่เลวนัก
เขายื่นหัตถ์ออกไปปัดฝุ่นบนศีรษะของนาง ” ต่อไปยามอยู่ข้างกายเรา ก็ไม่มีปีศาจร้ายที่เจ้าต้องหวาดกลัวแล้ว “
ตู๋กูซิงหลัน “……..” เอ่อ ที่ข้าหวาดกลัวที่สุดก็คือท่านน่ะแหละ ขอบคุณนะ
วิญญาณทมิฬชักจะตัวสั่นสะท้านขึ้นมาบ้างแล้ว ” หลันหลัน หากว่าเขาชักดาบสับข้าสักครั้ง ข้าจะมีโอกาสรอดสักกี่ส่วนกัน? “
ตู๋กูซิงหลันตอบอย่างไม่มีลังเลว่า ” ศูนย์ “
วิญญาณทมิฬ “!!! “
” งั้นให้ทางเลือกเจ้าอีกครั้ง มีแค่สองทาง หนึ่ง: กอดขาฮ่องเต้เอาไว้ให้แนบแน่น ต่อให้ต้องตายก็อย่าได้ปล่อยมือ! สอง: ไปให้ไกลจากเขา ยิ่งไกลก็ยิ่งดี! “
ตัวอันตรายเช่นนี้ หากว่าไม่สามารถเอามาเป็นมิตรกับฝ่ายเราได้ ก็ต้องอยู่ให้ห่างที่สุดเข้าไว้
งูตัวยักษ์ขนาดนั้น เกรงว่าต่อให้เป็นยมบาลมาเองก็เกรงว่าไม่อาจสับทิ้งในดาบเดียวละมั้ง?
เห็นกันมาตั้งนานแล้วกลับไม่เคยรู้เลยว่าเขามีด้านที่มหาโหดเช่นนี้
คิดดูแล้วก่อนหน้านี้ที่พวกนางอยู่กันเบื่อๆ ก็ไปก่อเรื่อง แล้วยังไม่ถูกฮ่องเต้สุนัขผู้นี้สับเอา ก็ต้องนับว่าพวกมันมีบุญแล้ว!
นี่ยังไม่แน่ว่าที่จริงแล้วฮ่องเต้อาจจะทรงรู้ไส้รู้พุงของพวกนางเป็นอย่างดีแล้วก็เป็นได้
เห็นนางไม่พูดจา จีเฉวียนก็เข้าใจว่านางเกิดความซาบซึ้งใจขึ้นมาเสียแล้ว พระทัยที่เย็นชาก็พลันอิ่มเอิบขึ้นมานิดๆ
” เรื่องของเมืองลี่โจวจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็ติดตามเรากลับวังเถอะ เจ้าหิวจนผ่ายผอมแล้ว สมควรจะต้องบำรุงให้ดีสักหน่อย ” ขณะที่ฮ่องเต้ทรงตรัสออกมานั้น สายพระเนตรก็อดไม่ได้ที่จะมองออกไปยังร่างของเจ้าไก่ขนฟูที่ยังคงกินเนื้องูอยู่ด้านนอก
เจ้าไก่ขนฟูรู้สึกว่ามีสายตาลึกลับจับจ้องมายังตัวมัน พอเงยหน้าขึ้นมากวาดตามองดูโดยรอบ ก็ไม่พบเห็นอะไร
ใครจะไปสนกัน…..กินงูก่อนดีกว่า
เนื้องูมีจำนวนมาก อืม เก็บเอาไว้ให้เจ้าถวนจื่อตัวดำนั่นสักชิ้นก็แล้วกัน ถึงแม้ว่าเจ้าถวนจื่อนั่นจะน่ารังเกียจ แต่ว่ามันก็เป็นสัตว์ในพันธะสัญญาของพี่สาวตัวน้อย ในเมื่อตัวมันชอบพี่สาวตัวน้อย ถ้าเช่นนั้นก็ต้องถือว่ารักบ้านเพื่อแผ่นกกาก็แล้วกัน
ในมุมสงัด คนชุดดำนำตัวอันหร่วนหลบหนีออกมาตั้งแต่แรก หุ่นไม้นั่นแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว
………………………………
ยามค่ำคืน ตู๋กูซิงหลันลากตัวอู๋เจินออกมาจัดการเรื่องหนึ่ง ทำพิธีชำระให้กับวิญญาณผู้ตายนับพันนับหมื่นเหล่านั้นที่ริมแม่น้ำลี่เหอ
พอวิญญานผู้ตายทั้งหลายต่างก็ไปจนหมดแล้ว ทั่วทั้งแม่น้ำลี่เหอก็กลับมาเป็นฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง
สายลมยามค่ำคืนก็มิได้หนาวเหน็บจนน่ากลัวอีกต่อไป
อู๋เจินอยากจะคุกเข่าให้นางจริงๆ ” เพียงแค่คืนเดียวก็ชำระวิญญาณได้มากมายถึงเพียงนี้ มีแต่ท่านเซียนไทเฮาเท่านั้นที่ทำได้ ท่านเซียน ท่านไม่คิดจะมาเป็นเจ้าอารามผู้ทรงเกียรติให้กับพวกเราที่อารามเทียนเก๋อกวนจริงๆ หรือขอรับ? “
ตัวเขาเอง ในหนึ่งคืนให้ชำระวิญญาณสักร้อยดวงก็ถือว่าสุดความสามารถแล้ว
ความเคารพนับถือที่เขามีให้กับตู๋กูซิงหลันยิ่งทีก็ยิ่งลึกล้ำแล้ว ” ข้าอยากจะกราบท่านเป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ “