ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 245 มีน้ำจิตน้ำใจ
ถึงแม้ว่ามันจะเกาะติดอยู่บนหลังคารถ แต่อย่างน้อยต้องนับว่ามันก็มีน้ำใจที่ไม่ได้ทำรถพัง ทั้งยังช่วยพ่นไฟมาตลอดทาง
ต้องเผาไอ้พวกตัวประหลาดทิ้งไปมากมาย ตอนนี้ท้องของมันชักจะหิวขึ้นมาแล้ว
พอได้ยินเจ้าไก่ขนดำส่งเสียงร้อง หยวนเฟยก็เคร่งเครียดขึ้นมา นางกลัวว่าเหยื่อของตนจะถูกแย่งชิงไป
นางโฉบลงไปข้างกายของหลงเซียว ใช้มือข้างเดียวคว้าสายบังเ**ยนรถม้าเอาไว้ ออกแรงดึงรั้งรถม้าของฝ่าบาท
นางนั่งลงที่ด้านหน้าของรถม้า เหลือบมองหลงเซียวที่ถือกระบี่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก็ตบไหล่ของเขาทีหนึ่ง “หลบไปเถอะ ของเล่นพวกนี้เจ้าจัดการพวกมันไม่ได้หรอก ให้เราลงมือดีกว่า”
ว่าแล้ว นางก็ล้วงเอาขวดใบเล็กออกมาจากในอกเสื้อ เขย่าเบาๆ ก็เทน้ำยาสีแดงออกมาหลายหยด
พอน้ำยาหยดลงไปบนพื้นทราย ก็กำจายกลิ่นหอมประหลาดออกมา
แมงป่องดำที่เดิมทีคึกคักดั่งม้าศึกพอได้กลิ่นหอม ก็รีบหันหัวกลับมาในทันที ต่างทะยานเข้าหาแหล่งที่มาของกลิ่นอย่างคลุ้มคลั่ง
แมงป่องดำมากมาย กลุ้มรุมเข้ามาจนกลายเป็นลูกบอลสีดำลูกใหญ่
หยวนเฟยรีบฉวยโอกาสนี้ ล้วงเอาข้องไม้ไผ่ใบย่อมๆ ออกมา ข้องไม้ไผ่นั้นก็มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกัน พอเปิดจุกออก ก็เห็นแมงป่องดำเหล่านั้นพุ่งเข้าไปข้างในราวกับมีวิญญาณ
กระทั่งข้องไม้ไผ่บรรจุแมงป่องดำลงไปจนล้น หยวนเฟยถึงได้เก็บขึ้นมาด้วยความพอใจ
นางรู้สึกว่าฝ่าบาททรงดีต่อนางมากจริงๆ ไม่เพียงแต่พานางเดินทางผ่านบ้านเกิด ทั้งยังมอบโอกาสให้นางได้มาจับแมงป่องนรก หยวนเฟยรู้สึกว่าการเดินทางรอบนี้คุ้มค่ามาก
ดวงตาของนางยังทอประกายไม่ยอมหยุด เก็บข้องไม้ไผ่ไปแล้ว ก็เริ่มกวาดตามองออกไปโดยรอบอีกครั้ง ดูสิว่ายังมีเหยื่อที่เล็ดรอดหว่างแหไปหรือไม่
นางทางหนึ่งค้นหาทางหนึ่งก็ส่งเสียงกระซิบไปด้วย “ฝ่าบาท แมงป่องนรกพวกนี้ยังตัวไม่ใหญ่เท่าไรนัก หม่อมฉันคิดว่าสมควรจะนำกลับวังหลวงไปเลี้ยงดูอีกสักสามถึงห้าปี รอจนอวบอ้วนแล้ว ฝ่าบาทก็ทรงพระราชทานงานเลี้ยงแมงป่อง ให้พวกขุนนางเหล่านั้นได้บำรุงร่างกาย”
ขุนนางบุ๋นของแคว้นต้าโจวอ่อนแอเกินไปแล้ว ดูอย่างบิดาของเต๋อเฟย ท่านรองมหาเสนาบดีนั่นสิ ที่จริงพึ่งจะมีอายุแค่หกสิบกว่าปีเท่านั้นเอง หลังจากเกิดเรื่องของเสียนไท่เฟยแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ถึงได้ป่วยไม่ยอมหาย ตอนนี้ดูแล้วเหมือนตะเกียงที่ถูกถอดไส้ทิ้งไป [1]
นางเห็นยามปกติไทเฮาน้อยมักจะนึกถึง ‘เฒ่าฟู่’ อยู่บ่อยๆ คิดๆ ดูแล้วตอนนี้ไทเฮาน้อยคงจะไม่ได้เกลียดชังรองมหาเสนาบดีผู้นี้สักเท่าไร
มีตัวตลกเอาไว้ให้นางได้สนุกสนานย่อมดีกว่าปล่อยให้นางอยู่ในวังอย่างเบื่อๆ แล้วก่อปัญหาขึ้นมา
ภายในรถม้า ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมองนางเขย่าข้องไม้ไผ่ที่ใส่แมงป่องดำเอาไว้จนเต็ม ก็ทรงคิดแต่ว่าอยากให้นางอยู่ให้ห่างจากพระองค์และตู๋กูซิงหลันเข้าไว้
“ม้าแสนรักของเราล้ำค่าอย่างที่สุด เจ้าต้องรักษา”
หยวนเฟยถึงกับมึนตึบ นางใช่หมอรักษาสัตว์ที่ไหนกัน?
ตู๋กูซิงหลันนั่งพิงอยู่ด้านหนึ่ง ในใจก็คิดขึ้นมาว่า ปีนี้ฐานะของหยวนเฟยชักจะตกต่ำ ถึงขนาดต้องมานั่งรักษาม้าเสียแล้วหรือนี่?
นางสงสารหยวนเฟยน้อยจนปวดใจอยู่ชั่วแวบหนึ่ง
นางขยับตัว พอคิดจะออกไป ก็ถูกฮ่องเต้คว้าคอเสื้อเอาไว้ลากกลับมา “เราเคยพูดเอาไว้ว่าอย่างไร?”
ตู๋กูซิงหลันชะงักไปครู่หนึ่ง ฝ่าบาทสีพระพักตร์เย็นชา ตักเตือนนางอีกครั้งด้วยความอดทน “เมื่อเข้าสู่ที่นี่ เจ้าต้องเชื่อฟังคำเราอย่างดี ติดตามเราตลอดเวลา”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันอยากปลดทุกข์หนัก”
“ก็ถ่ายมันในรถ”
ตู๋กูซิงหลัน “!!!”
“อย่าคิดว่าเราไม่รู้ เจ้าก็แค่ห่วงใยหยวนเฟย” ขณะที่ตู๋กูซิงหลันมัวแต่ตกตะลึง จีเฉวียนก็จับนางกลับมานั่งลงบนที่เดิม
“นางเติบโตในแดนหนานเจียงมาตั้งแต่เล็ก พบเจอแมลงพิษมามากกว่าข้าวสารที่เจ้าเคยกินเสียอีก นางไม่มีทางเกิดเรื่องหรอก” ฮ่องเต้ประทับนั่งลงที่ข้างกายนาง โดยมิได้หันไปทอดพระเนตรหยวนเฟยอีกเลย
ว่าแล้วก็ไม่ลืมตรัสอย่างเสียดแทงใจนางอีกประโยค “นางออกมาเพื่อจับแมลง”
พูดกับตามตรงแล้ว ก็มิได้มีอะไรต่างจากพวกหลงเซียวเลย
ยิ่งพระองค์ตรัสเช่นนี้ ตู๋กูซิงหลันก็ยิ่งเกิดความสงสารหยวนเฟยน้อยยิ่งกว่าเดิม
ดูเอาเถอะ นี่มันใช่เรื่องที่สมควรจะต้องมาทำหรือ?
ลากคนร่วมเดินทางมาเป็นพันลี้ เพื่อคอยจับแมลงให้กับเขา?
แล้วพี่รองล่ะพามาด้วยเพื่ออะไรกัน?
ใช้ปากพ่นน้ำลายให้เแมลงตายหรือยังไง?
ขณะที่ตู๋กูซิงหลันคิดมาถึงตรงนี้ ก็เห็นตู๋กูเจวี๋ยลงมาจากรถม้า ในมือของเขายังมีผ้าห่มนอนนุ่มนิ่มผืนหนึ่ง เขาเกรงว่าในทะเลทรายจะมีตัวอะไรโผล่ออกมาอีก จึงรีบวิ่งตรงมายังข้างรถของตู๋กูซิงหลันในทันที
เขาพยายามเขย่งก้นอยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังปีนขึ้นมาไม่ได้ ดวงตาคู่นั่นจึงหันไปจดจ้องหลงเซียงและหยวนเฟยแทน “ต้องรบกวนแล้ว ช่วยดึงข้าขึ้นไปหน่อยเถอะ”
หลงเซียวยังคงมีสีหน้าเย็นชา ส่วนหยวนเฟยนั่นทำหน้าปวดฟัน
นางบอกแล้วใช่ไหมว่าขุนนางบุ๋นของต้าโจวนั้นอ่อนแอเกินไป คราวหน้าตอนแบ่งเนื้อแมงป่องไว้ให้เฒ่าฟู่ ยังต้องแบ่งอีกส่วนหนึ่งให้คนปากมากผู้นี้
เฮ่อ ทำไมอยู่ๆ ถึงต้องคิดถึงตู๋กูจุนที่ขนหน้าอกดกดำผู้นั้นด้วยนะ
เห็นเขาพยายามเขย่งก้นอยู่หลายรอบแล้ว หลงเซียวก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ยื่นมือลงไปคว้าที่เข็มขัดดึงตัวเขาขึ้นมา
ตู๋กูเจวี๋ยยิ้มให้กับเขา “หัวหน้าหลง ช่างมีน้ำจิตน้ำใจ ไว้พวกเรามาหาเวลาระลึกความหลัง สนทนากันเป็นไง?”
หลงเซียว “…….” วิธีที่ดีที่สุดยามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนปากมาก นั่นก็คืออย่าไปต่อปากต่อคำกับเขา ให้ทำเป็นว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ตนเองจึงจะได้รับการปลดปล่อย
พอเห็นว่าสถานการณ์มิได้ไปในทางเดียวกัน ตู๋กูเจวี๋ยก็รู้จักแบ่งความสำคัญก่อนหลัง ไม่ได้กล่าวอะไรกับหลงเซียวอีก
“น้องเล็ก กลางคืนหนาวเย็น พี่รองเอาผ้าห่มนอนมาให้เจ้า ตอนกลางคืนต้องห่มตัวให้ดี อย่าได้ป่วยไข้ไป ทั้งข้าและพี่ใหญ่ ยังมีท่านปู่อีกคนจะต้องเป็นห่วงมากแล้ว
เขากอดผ้าปูเอาไว้ คุกเข่าด้วยสีหน้าน่าสงสารอยู่นอกรถม้า
ตู๋กูซิงหลันพลันเกิดความอบอุ่นในใจขึ้นมา ถึงแม้ว่าตลอดทางนางจะได้รับบริการระดับห้าดาวมาโดยตลอด แต่ผ้าห่มของพี่รองก็ทำให้อุ่นใจที่สุด
นางกำลังจะเอื้อมมือออกไปรับ ฝ่าบาทก็รีบคว้านางมาไว้ในอ้อมกอดก่อนก้าวหนึ่ง
ตรัสอย่างไม่สนใจสถานการณ์ทั้งยังตั้งด่านป้องกันของเขาขึ้นมา “อ้อมแขนของเราไม่อบอุ่นเพียงพอหรืออย่างไร? จะเอาผ้าห่มพวกนี้มาทำไม?”
ตู๋กูซิงหลัน “…….” ขอโทษทีเถอะ อย่างท่านนี่ต้องเรียกว่าแท่นน้ำแข็งที่ทำให้คนหนาวตายได้ต่างหาก ขอบคุณนะ
ตรัสแล้ว จีเฉวียนก็รับผ้าห่มของตู๋กูเจวี๋ยมาด้วยตนเอง “หากว่าเจ้ารู้สึกหนาว เราจะเอาผ้าห่อเจ้าเอาไว้ ค่อยกอดก็ได้”
ตู๋กูซิงหลันถูกเขากลั่นแกล้งเช่นนี้นางก็ใกล้จะเป็นบ้าเข้าไปทุกทีแล้ว
ขอถามหน่อยนะ เจ้าฮ่องเต้สุนัขกำลังไล่จีบนางอยู่หรือไง?
หากเป็นการตามจีบหญิงละก็ ต้องนับว่าฮ่องเต้สุนัขเป็นระดับสุดยอดของบุรุษเสเพลจริงๆ
หยอดคำหวานมาเป็นชุดๆ การใส่ใจดูแลรึก็ไร้ที่ติ ตลอดทางมานี้แทบจะทำประหนึ่งว่านางคือบุตรสาวของเขาแล้ว
ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ตู๋กูซิงหลันค่อยตอบกลับไปเบาๆ ว่า “ฝ่าบาท พวกเรากำลังออกตามหาสมบัติกันนะเพคะ”
ไม่ได้มานั่งจีบกันโว้ย ลูกพี่ ท่านช่วยมีสติหน่อยได้ไหม!
“เรารู้ดี แต่การตามหาสมบัติกับการใช้ผ้าห่มกอดเจ้าเข้านอน มีอะไรขัดแย้งกันหรือ?”
พี่รองถูกแย่งผ้าห่มไปแบบนี้ เขาย่อมไม่มีความสุขแล้ว “ฝ่าบาท ข้อขัดแย้งนี้ค่อนข้างจะเป็นปัญหาใหญ่พะยะค่ะ”
“ขอทรงพระกรุณาให้กระหม่อมได้อธิบายให้พระองค์ฟัง ประการแรกนั้น……”
พอตู๋กูเจวี๋ยเปิดปากขึ้นมา เสียงของลูกศรที่เย็นเฉียบดอกหนึ่งก็แล่นตรงมาแต่ไกล
ทิศทางของลูกศรนั่นพุ่งตรงเข้าหาศีรษะของตู๋กูเจวี๋ย ขณะที่เห็นว่าลูกศรกำลังจะเสียบเข้าไปในศีรษะของเขานั้นเอง ก็มีกรวดก้อนหนึ่งบินเข้ามาขวางไว้
มันกระแทกลูกศรดอกนั้นตกไปด้วยความแม่นยำ
หลงเซียวคว้าลูกศรดอกนั้นขึ้นมาด้วยท่าทางเย็นชา รายงานต่อจีเฉวียนด้วยสีหน้าปราศจากอารมณ์ใดๆ “ฝ่าบาท มีคนร้าย”
……………………………….
คุยกันนิดนึง:
ไรท์ : อยากจะเชิญหยวนเฟยมาเมืองไทย จะได้มาทำเมนูเปิบพิศดารร่วมกัน แมงป่องทอด แมงป่องดองเหล้า โอทอปบ้านเรามีเยอะเลย
——
[1] 吹灯拔蜡 [chuī dēng bá là]