ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 284 รักถึงขนาดอุทิศชีวิตให้นาง
ตู๋กูจุน ตู๋กูเจวี๋ย หยวนเฟยและหลงเซียวต่างก็ยืนอยู่ด้านหลังตู๋กูซิงหลัน
ตอนนั้นพวกเขาเพียงแต่รู้สึกว่ามีพลังลึกลับที่แข็งแกร่งขุมหนึ่งพุ่งเข้ามา ขนาดผิวกายของพวกเขายังถูกสายลมนั้นกรีดจนเจ็บแสบ
ทั่วทั้งร่างคล้ายถูกอัดกระแทก หลายคนในพวกเขาถูกผลักจนกระเด็นไปด้านหลังก้าวใหญ่
ตู๋กูจุนรีบปักดาบเล่มใหญ่เอาไว้เบื้องหน้าของคนทั้งหมด
เมื่อมีดาบยักษ์กำบังพลังที่รุนแรงสายนั้น ผู้คนที่เหลือค่อยสามารถสูดลมหายใจเข้าไปได้
พอลืมตาขึ้นมามอง ทั้งหมดก็เห็นว่าฮ่องเต้ทรงใช้พระองค์เองบดบังตู๋กูซิงหลันเอาไว้ทั้งตัว
ดาบสีดำเล่มนั้นแทงทะลุหัวไหล่ของพระองค์ไปแล้ว
ส่วนตู๋กูซิงหลันถูกกอดเอาไว้ในอ้อมพระพาหา พระหัตถ์ที่ใหญ่โตนั้นโอบศีรษะของนางเอาไว้อย่างแน่นหนา เส้นผมที่ยาวสลวยนั้นซุกอยู่ในอ้อมพระอุระ
หนึ่งดาบแทงทะลุ เลือดสดสาดกระเซ็น ไอเย็นแผ่ซ่านทะลุขึ้นไปบนชั้นฟ้า
พลังในหมอกสีดำที่เกาะติดอยู่บนตัวดาบดำนั้นแทบจะกลืนกินจีเฉวียนและตู๋กูซิงหลันลงไป
ตู๋กูซิงหลันคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนที่ดาบเล่มนั้นพุ่งเข้ามา ปฏิกริยาแรกของจีเฉวียนก็คือรับดาบแทนนาง
ที่จริงแล้ว หากมิใช่ว่าเขาคว้าตัวนางเอาไว้อย่างแน่นหนา ดาบนั้นนางยังมีโอกาสหลบพ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง
แต่ว่าตอนนี้นางถูกการกระทำของเขาทำเอาตกตะลึงไปเสียแล้ว
นางพึ่งจะขยับปากได้ ก็ได้ยินจีเฉวียนตรัสว่า “ไม่ต้องพูดอะไร”
ตู๋กูซิงหลันได้แต่ปิดปากเอาไว้ พลันรู้สึกว่าข้างแก้มของนางเย็นวาบ นางถึงได้เห็นว่าหัวไหล่ของจีเฉวียนเปียกชื้นไปทั้งแถบ
เขาสวมใส่ฉลองพระองค์สีดำลายทอง ต่อให้โดนเลือดย้อมก็ยังมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
ฉลองพระองค์เปียกชื้นเย็นยะเยือกเสมือนหนึ่งเป็นน้ำแข็ง ความเย็นแทรกจากผิวหน้าซึมเข้าสู่หัวใจของนาง
“ซวยแล้ว ฮ่องเต้สุนัขตกหลุมรักเจ้าเข้าจริงๆ เสียแล้ว!” วิญญาณทมิฬเกาะอยู่บนหัวไหล่ของตู๋กูซิงหลัน นี่เป็นครั้งแรกที่มันสัมผัสได้ถึงความรักของจีเฉวียน
การตัดสินใจที่เกิดขึ้นในฉับพลันของคนเรานั้น จะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงทั้งหมดออกมา
ความรักชอบที่จีเฉวียนมีให้กับตู๋กูซิงหลันนั้น ……ที่แท้ก็ไม่ใช่เพียงแค่คำพูด
แต่หากให้เปรียบเทียบกับเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่มันกังวลใจยิ่งกว่าก็คือ มันรู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายจากดาบสีดำเล่มนั้นอย่างยิ่ง!
ตู๋กูซิงหลันเองก็เช่นกัน นอกจากนางจะตกใจทั้งยังซาบซึ้งกับการกระทำของจีเฉวียนแล้ว ก็ยังแบ่งความสนใจส่วนหนึ่งมาที่ดาบสีดำของเหยียนเฉียวหลัวอีกด้วย
ถึงตอนนี้ เหยียนเฉียวหลัวก็กลายเป็นเสียสติคลุ้มคลั่งไปแล้ว
ดวงตาของนางแดงก่ำ ทั่วทั้งร่างมีแต่ไอแค้นและแรงอาฆาต ทันทีที่ดาบแทงทะลุหัวไหล่ของจีเฉวียนเข้าไป ความแค้นของนางก็ยิ่งลึกล้ำกว่าเดิม
ก่อนหน้านางคิดว่าจีเฉวียนคงจะชอบตู๋กูซิงหลันอยู่บ้างสักเล็กน้อย แต่ตอนนี้ตนถึงได้รู้ว่า เขาชอบนางจนถึงขนาดที่….ไม่อาจจะมีอะไรมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
ชอบถึงขนาดที่ไม่ลังเลที่จะ….ตายแทนนาง
“จีเฉวียน ทำไมท่านถึงไม่ชอบข้า ทำไมถึงได้ผูกพันลึกซึ้งแต่กับนาง!” เหยียนเฉียวหลัวตาแดงก่ำแผดเสียงตะโกนออกมา ดาบในมือก็แทงลึกเข้าไปอีกส่วนหนึ่ง
ทะลุเนื้อหนัง ทะลวงออกไปอีกด้าน
จีเฉวียนเพียงแต่ขมวดคิ้วแนบแน่น ตรัสออกมาคำหนึ่งอย่างเย็นชา “ในโลกนี้ มีแต่นางที่คู่ควรให้เราชอบ”
“ข้าไม่ฟัง!” เหยียนเฉียวหลัวกระชับดาบในมือ “ห้ามท่านชอบนาง ห้ามชอบนาง! ท่านลืมแล้วหรือ ตอนที่อยู่ในต้าเหยียนพวกเราเคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน! ต่อให้ท่านไม่ชอบข้า ท่านก็ควรจะจดจำฉางซุนอิงได้! ต่อให้จะชอบใคร ท่านก็ควรจะไปชอบฉางซุนอิงต่างหาก นางน่ะเพราะเพื่อท่านแล้ว ถึงได้….”
ทันทีที่ได้ยินชื่อของฉางซุนอิง สีพระพักตร์ของจีเฉวียนก็เปลี่ยนแปลงไป
ไม่รอให้เหยียนเฉียวหลัวทันพูดจบ เขาก็ซัดฝ่ามือออกไปครั้งหนึ่ง
เหยียนเฉียวหลัวรับฝ่ามือของเขาเข้าไปเต็มๆ คนก็ลอยออกไปทั้งตัว
คราวนี้ไม่มีผู้ใดออกมาช่วยเหลือนาง รวมไปถึงผู้อาวุโสหยู่ซั่งอาจารย์ของนางเอง
ผู้คนทั้งหลายต่างพากันตกใจยิ่งกว่าเดิม
พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมเหยียนเฉียวหลัวถึงได้มีวิชาอาคมถึงระดับนั้น ดาบดำเล่มนั้นคล้ายดั่งกับว่างอกเงยออกมาจากร่างกายของนาง
ภูเขาฮว่าชิ่งซานฝึกฝนวิชาใดกันแน่? ตกลงแล้วเป็นวิชาเซียนหรือว่าวิชามาร?
ผู้คนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองดูเหล่านักพรตภูเขาฮว่าชิ่งซาน
แต่เห็นเพียงว่าพวกนักพรตเหล่านั้นขมวดหัวคิ้วแน่น ราวกับคาดไม่ถึงว่าจะเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้
ในขณะที่ผู้คนกำลังตื่นตกใจนั้น ก็เห็นว่าบนร่างของเหยียนเฉียวหลัวที่กำลังจะตกลงไปในทะเลสาบ มีหมอกสีดำพวยพุ่งออกมา
หมอกสีดำนั้นกลายเป็นมือผอมๆ ที่ยาวเฟื้อย พุ่งเข้ามาหาจีเฉวียนและตู๋กูซิงหลันด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า
ครั้งนี้ ตู๋กูซิงหลันผลักจีเฉวียนออกไป ทำให้ตนเองถูกมือหมอกดำนั้นคว้าตัวไป จนถูกเหยียนเฉียวหลัวลากตกลงไปในสระสวรรค์ด้วยกัน
เมื่อครู่นางติดค้างจีเฉวียนไปแล้วหนึ่งดาบ ความรู้สึกติดค้างเช่นนี้หากยิ่งมีมากก็คงยิ่งสะสางไม่ออก
ฝ่ามือนี้นางใช้พละกำลังอย่างแรง ถึงได้ผลักจีเฉวียนออกไปได้
จากนั้นก็ได้ยินเสียง ‘ตูมตาม’ สองครั้ง ทั่วทั้งทะเลสาบก็สงบเงียบลงทันที
จีเฉวียนมิได้หยุดยั้งลงแม้แต่น้อย เขารีบกระโดดตามลงไป
เงาร่างของชุดสีทองร่วงลงไปในทะเลสาบ แทบจะไม่มีหยดน้ำกระเซ็นขึ้นมา ราวกับว่าคนทั้งคนจมลึกลงไป
“น้องเล็ก!”
“ฝ่าบาท!”
ผู้คนทั้งหมดต่างตกตะลึง
ตู๋กูจุนและตู๋กูเจวี๋ยมาถึงริมทะเลสาบ หากมิใช่ว่าท่านเจ้าอารามเทียนเก๋อกวนรั้งตัวเอาไว้ ทั้งสองคนคงจะกระโดดลงไปแล้ว
“ท่านแม่ทัพผู้พิชิต ฝ่าบาททรงมีพระบารมีสูงส่ง ย่อมไม่สวรรคตโดยง่าย” อู๋เทียนกล่าวต่อไป “ขอท่านแม่ทัพคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม พวกเราไม่อาจเสียกระบวน”
เมื่อครู่ตู๋กูจุนกังวลในตัวน้องเล็กมาเกินไป ดังนั้นจึงมึนหัวไปหมด
ยามนี้ถึงได้ค่อยๆ สงบลง
ที่นี่นอกจากพวกเขาแล้ว ก็ยังมีคนของภูเขาฮว่าชิ่งซาน ต้าเหยียน ต้าฉิน เจ็ดแคว้นเล็กและขุมกำลังต่างๆ
หากว่าพวกเขาเสียกระบวน คนพวกนี้ก็อาจจะกลุ้มรุมกันเข้ามา
ใช่แล้ว….เขาไม่อาจว้าวุ่น
เขายืนอยู่ริมทะเลสาบ ออกคำสั่งลงไปในทันที
ให้นักพรตจากอารามเทียนเก๋อกวนเป็นแนวหน้า ลงไปในทะเลสาบ
ในตอนนั้นเองอิ๋งฉีก็ก้าวออกมา ผงกศีรษะให้กับตู๋กูจุนกล่าวว่า “นางกำนัลน้อยประจำตัวฮ่องเต้ต้าโจวผู้นั้น เคยช่วยชีวิตข้าผู้เป็นอ๋องเอาไว้ครั้งหนึ่ง เราผู้เป็นอ๋องสมควรตอนแทน หากว่าท่านแม่ทัพไม่รังเกียจ ข้าผู้เป็นอ๋องอาสานำเหล่านักพรตลงไปตามหาคน”
“สภาพในทะเลสาบค่อนข้างซับซ้อน ข้าผู้เป็นอ๋องคือผู้รอดชีวิตกลับมาเพียงหนึ่งเดียว พื้นที่ด้านล่างนั้นข้ายังคุ้นเคยอยู่บ้าง”
หากแยกเรื่องยาอายุวัฒนะเอาไว้ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งของความรู้สึกเขารู้ว่าตนเองติดค้างบุญคุณตู๋กูซิงหลัน
ตู๋กูจุนมิได้ขัดขวางเขา เพียงแต่มีสีหน้าดำคล้ำ
เขาต้องอยู่ที่ริมทะเลสาบ คอยจับตาผู้คนจากฮว่าชิ่งซาน
โดยเฉพาะคนชุดม่วงที่สวมใส่หน้ากากผู้นั้น
ถึงแม้ว่าตั้งแต่ต้นจนจบคนผู้นี้จะพูดอยู่เพียงไม่กี่ประโยค แต่ความรู้สึกที่ตนได้รับนั้น เขาคือตัวอันตรายที่สุด
ดังนั้น คนกลุ่มหนึ่งจึงกระโดดตูมลงไปในทะเลสาบ ส่วนตู๋กูเจวี๋ยที่ปากมากอยู่ตลอดเวลาก็ต้องการจะติดตามกลุ่มของแคว้นฉินลงไปให้ได้
ตู๋กูจุนก็คร้านจะรั้งตัวเขาเอาไว้เช่นกัน
……………….
ในสระสวรรค์ สายน้ำเย็นอย่างยิ่ง
ทั้งสี่ทิศรอบด้านมีแต่ความมืดมิด ในกระแสน้ำยังมีศพแห้งลอยไปลอยมาอยู่ไม่น้อย
ศพแห้งที่ไม่ได้ถูกล่ามเอาไว้ ลอยเคว้งคว้างอย่างไร้จุดหมาย
ตู๋กูซิงหลันมีไอสีดำครอบคลุมอยู่รอบตัวอยู่ห่างจากเหยียนเฉียวหลัวไปประมาณห้าหกเมตร นางถูกไอสีดำนั่นพาดำลิ่งลงไปที่เบื้องหน้ารูปสลักทองแดงโบราณ
เส้นผมของรูปสลักโบราณนั้นเป็นหนามแหลมมากมาย ทั้งยังแขวนศพที่ยังไม่ถูกดูดจนแห้งดีเอาไว้
เมื่อมองลงไปจากมุมที่นางอยู่ สภาพข้างใต้เท้านี้เป็นดั่งขุมนรก