ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 408 “พี่สะใภ้ ข้ามารับท่านแล้ว”
ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหยียน?
ราชาราชินีมังกรครุ่นคิดอยู่ค่อนวันค่อยนึกออกว่าบนฝั่งมีแคว้นเหยียนอยู่ เมื่อหลายเดือนก่อนพึ่งจะเปลี่ยนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ฟังว่าเป็นเด็กหญิงผู้หนึ่ง ทั้งยังมีความสามารถในการปกครองบ้านเมืองอยู่บ้าง
ที่ผ่านมาเผ่ามังกรล้วนไม่เคยไปแทรกแซงเรื่องราวของพวกมนุษย์ แคว้นใดจะเปลี่ยนฮ่องเต้ กระทำเรื่องอันใด ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาทั้งนั้น
เนื่องเพราะเผ่ามังกรมีอายุยืนยาว เผ่ามนุษย์ล้วนเป็นพวกตัวกระจ้อยร่อยเสมือนมดเล็กๆบนปลายนิ้ว ไม่จำเป็นจะต้องเห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเสียด้วยซ้ำ
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับฮ่องเต้หญิงผู้นี้ พวกเขาจึงรู้แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า นางไม่อยู่ที่แคว้นเหยียนเป็นฮ่องเต้ให้สบาย กลับบุกมาระรานถึงวังมังกรทะเลตะวันตก?
………………………..
ประกายแสงจากไข่มุกราตรีทอดลงบนร่างของนาง ขับเน้นชุดสีแดงให้เจิดจ้าดั่งแสงเพลิงจนบาดตาผู้คน
นางพลิกฝ่ามือแบกดาบยักษ์ที่แวววาวเป็นประกายเอาไว้บนหัวไหล่ เผยให้เห็นเอวบางแน่งน้อย บนใบมีดของดาบยักษ์ยังมีเลือดอาบ ไหลหยดอยู่ไม่หาย
ตู๋กูซิงหลันก้าวเท้าเข้ามา ชายเสื้อสีแดงพลิ้วไปด้านหลังราวกับเหินบิน เส้นผมยาวพลิ้วออกไป นำกองทัพที่ฮึกเหิมบุกเข้ามายังลานกว้างของตำหนักกลาง
สายตาของนางจับจ้องไปที่ชือหลีก่อน ริมฝีปากสีแดงขยับน้อยๆ ดาบยักษ์กวาดผ่านใบหน้าฝูงชนทั้งหลายออกไป “พี่สะใภ้ ข้ามารับท่านแล้ว”
ตั้งแต่ที่นางปรากฏตัว สายตาของชือหลีก็ผนึกติดอยู่กับร่างของนาง อย่างไม่อาจเคลื่อนไปไหน
นางทั้งองอาจ และฮึกเหิม ราวกับเทพสงครามหญิงที่ลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า แม้อยู่ต่อหน้าเผ่ามังกรก็มิได้มีทีท่าตื่นเต้นกังวลแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าทำไม แต่แค่ประโยคเดียวของตู๋กูซิงหลัน ก็สามารถทำให้หัวใจที่เหมือนถูกผนึกเอาไว้ในกลางฤดูหนาว กระเทาะน้ำแข็งออกมาได้
ดวงตาของชือหลีพลันมีน้ำตาคลอจนเปียกชื้น
ปลายจมูกแสบร้อน จนอดทนไม่ไหว
นางไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า ตู๋กูซิงหลันจะมาช่วยนาง
ตอนนั้นที่ทิ้งมุกมังกรเอาไว้ให้กับนาง ก็เพียงแค่เพราะหวังว่า…..หากนางตายไป ตู๋กูซิงหลันอาจนึกถึงมิตรภาพเก่า ช่วยรักษาดวงจิตที่เหลือของนางเอาไว้
แต่ว่านางกลับบุกมาแล้ว!
พอได้เห็นสาวน้อยที่ฮึกเหิมดั่งแสงเพลิงผู้นั้น หัวใจของนางก็พลันอบอุ่นขึ้นมา
ขาของนางหายดีแล้ว ซ้ำยังแข็งแกร่งกว่าเดิม
ชือหลีรู้สึกยินดีแทนนาง
ที่ด้านหลังของตู๋กูซิงหลัน ราชาสุนัขป่าแบกตู๋กูเจวี๋ยวิ่งเข้ามา เขาสวมชุดขาวตลอดทั้งตัว ร่างเพรียวบางพลิ้วมากับสายลม ดวงตาคู่นั้นมีแต่ความมุ่งมั่น
พอเขาเห็นชือหลี เห็นสีหน้าของนางซีดขาว หัวใจก็พลันเจ็บปวดขึ้นมา
เขาพลิกร่างลงจากหลังของราชาสุนัขป่า วิ่งออกไปในทันที
เหล่าทหารกุ้งปูที่อยู่ด้านหน้าพากันดาหน้าเข้ามาขวางเอาไว้ ตู๋กูซิงหลันกวาดดาบยักษ์ในมือออกไป ก็เกิดเป็นรังสีสังหารรุนแรงกดทับลงไป ทำเอาพวกมันพากันขาสั่น แทบจะต้องคุกเข่าลงไป
เมื่อมีปราการอย่างตู๋กูซิงหลัน เส้นทางที่ตรงไปยังชือหลีก็ราบรื่นไร้สิ่งกีดขวาง
ตู๋กูเจวี๋ยพุ่งเข้าไปถึงเบื้องหน้าของชือหลีในทันที จับมือของนางขึ้นมาอย่างไม่มีลังเล “กลับบ้านกับพวกเรา”
ในสายตาของชือหลี ตู๋กูเจวี๋ยจะอย่างไรก็เหมือนกับเจ้ากระต่ายน้อย
เขาเป็นพวกบัณฑิตอ่อนแอ ที่ต้องฟูมฟักเอาไว้ในเรือนอันอบอุ่นเลี้ยงดูอย่างเอาใจใส่ แต่ว่ามือที่จับกุมนางเอาไว้ กลับมีพลังส่งไปถึงกระดูกแทบจะบีบมือของนางแตกเสียด้วยซ้ำ
แค่ตู๋กูซิงหลันบุกมา นางก็ประหลาดใจมากแล้ว
แต่เจ้ากระต่ายน้อยผู้นี้ก็ยังติดตามมาด้วย ชือหลีรู้สึกว่าเกินกว่าที่คาดหมายเอาไว้มากมายเหลือเกิน
คำว่ากลับบ้านนี้ ทำให้นางถึงกับตกตะลึงไปแล้ว
บ้าน….กี่ปีมาแล้วที่นางไม่เคยได้ยินคำนี้?
นางชะงักอยู่กับที่ จิตใจเลื่อนลอย
นางก็สามารถ….มีบ้านได้หรือ?
ตู๋กูซิงหลันมิได้พุ่งออกไปก่อน เรื่อง‘วีรบุรุษช่วยหญิงงาม’ นี้สมควรปล่อยให้พี่รองจัดการไปเถอะ มิเช่นนั้นชาตินี้ทั้งชาติเขาคงไม่อาจตามจีบชือหลีได้สำเร็จ
ส่วนนาง จะรับผิดชอบงานกวาดล้างตรงหน้าเอง
ขอแค่ชือหลียังมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างล้วนไม่สายจนเกินไป
………………..
อีกด้านหนึ่ง หลิ่วฮุ่ยโอบอุ้มลู่เวยที่มึนงงจนใกล้จะหมดสติขึ้นมา ใบหน้าที่เคยสุขุมและนุ่มนวลตอนนี้รักษาไว้ไม่อยู่แล้ว
ปากของลู่เวยฉีกจนเละเทะ นางลืมตาขึ้นมองหลิ่วฮุ่ยอย่างอ่อนแรง ยกมือขึ้นชี้ไปทางตู๋กูซิงหลัน “เสด็จแม่ เป็นนาง …..นี่เป็นทัพหนุนที่ชือหลีเรียกมา….คิดฆ่าล้างสังหารข้าโดยไม่แยกแยะเหตุผลใดๆทั้งนั้น”
ลู่เวยกระอักเลือดออกมา แม้แต่นิ้วมือก็ยังสั่นสะท้าน
“ข้าก็แค่อยากจะหาของขวัญแต่งงานให้กับชือหลีเป็นพิเศษ คิดไม่ถึงว่าจะเกือบเอาชีวิตไม่รอด…..นางยังชิงดาบกระดูกมังกรของข้าไปด้วย”
หลิ่วฮุ่ยเคยภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวผู้นี้มาโดยตลอด นางทุ่มเทเลือดเนื้อและจิตใจไปมากมายถึงได้สามารถสร้างผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ขึ้นมาได้
ที่จริงแล้ว….แม้แต่ร่างสีทองของลู่เวย….ก็ยัง….
ตลอดหลายปีมานี้ ในบรรดารุ่นเยาว์ของเผ่ามังกรทั้งสี่ทะเล ลู่เอ๋อร์ไม่เคยต้องเสียทีให้กับผู้ใดมาก่อนเลย แต่ว่าตอนนี้กลับถูกสตรีเผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งทุบตีจนเกือบตาย?
เผ่ามนุษย์….ในสายตาของเผ่าพันธุ์ที่สูงส่งแล้ว ก็เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำในหกภพเท่านั้น พวกเขาต่ำต้อยเสมือนผงธุลี ได้แต่เงยขึ้นมองเผ่ามังกรจากโคลนตม แต่กลับสามารถทำร้ายเวยเอ๋อร์ได้ถึงเพียงนี้?
ดวงตาของหลิ่วฮุ่ยเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาก็มีแต่หยาดน้ำตาคลอหน่วย
มองไปยังราชามังกรลู่กว่างด้วยความคาดหวัง “ท่านพี่~ลู่เวยของพวกเราทำผิดบาปอันใด นางเพียงแต่รักเอ็นดูน้องสาว ออกไปหาของขวัญ กลับต้องมาโดนเผ่ามนุษย์คนหนึ่งทำร้ายถึงเพียงนี้…..”
“ทะเลตะวันตกของพวกเรา ตอนนี้กลับตกต่ำถึงขนาดที่พวกมนุษย์ที่เหมือนกับมดปลวกจะมาย่ำยีได้แล้วหรือ?”
นางทางหนึ่งพูดทางหนึ่งก็หลั่งน้ำตาออกมา สีพักตร์ของราชามังกรลู่กว่างบูดบึ้งอย่างที่สุด
ลู่เวยคือสมบัติล้ำค่าในฝ่ามือของเขา ทะเลตะวันตกนี้ก็เป็นถิ่นฐานของตนเอง!
นางถูกทำร้ายถึงเพียงนี้ในท้องที่ของตนเอง แล้วเขาที่เป็นราชามังกรจะวันตกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้กัน!
เขาคุกเข่าลงไปที่ข้างกายลู่เวย ให้นางกลืนยาเม็ดสีทองลงไปเม็ดหนึ่ง ด้วยสีหน้าถมึงทึง
ตู๋กูซิงหลันมองดูราชามังสามีภรรยาด้วยสายตาเย็นชาและเฉยเมย ดูลีลาการแสดงของราชินีผู้นั้นสิ…..จุ๊ จุ๊ ไม่ไปเอาตุ๊กตาทองคำมามอบให้กับนางสักตัวช่างเป็นเรื่องที่ต้องขออภัยนางแล้ว
มิน่าเล่า….ทั้งที่หน้าตาหรือก็ไม่เท่าไหร่ แต่ว่ากลับใช้ปีนป่ายจนมีฐานะขึ้นมาได้ ทั้งยังบีบคั้นจนภรรยาและลูกสายหลักหมดหนทาง
สีหน้าของชือหลีเองก็ย่ำแย่ นางกำลังสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ที่ผ่านมาหลิ่วฮุ่ยใช้หน้ากากเมตตามาแสดงอยู่เสมอ นางเห็นจนไม่เป็นที่ประหลาดใจอีกต่อไปแล้ว แต่ว่าคำด่าทอว่าเป็นมดปลวกนั่นกลับทำให้นางคับข้องใจอย่างที่สุด
นางสามารถทนรับการหยามหมิ่นได้ แต่นางไม่อาจยอมให้สตรีผู้นั้นมาดูถูกตู๋กูซิงหลัน
ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นที่ลานกลางตำหนัก ตู๋กูซิงหลันยกดาบยักษ์ขึ้นมากวาดดาบออกไปเบาๆ ชี้ไปทางหลิ่วฮุ่ย
“ตอนที่เราเล่นละคร เจ้ายังเป็นเพียงแค่ไข่อยู่เลย” ดาบยักษ์พุ่งนำไปเบื้องหน้า ร่างของตู๋กูซิงหลันก็ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด
คมดาบที่กระหายเลือดแหวกผ่านไปในอากาศ ด้วยพลังรุนแรงดุจสายฟ้าฟาดลงมา
ยามสังหารคนมุ่งตัดศีรษะ!
พอดาบนี้พุ่งมาถึง หลิ่วฮุ่ยก็ต้องหน้าเปลี่ยนสี
ราชามังกรรีบกระชากนางออกมาเหวี่ยงออกไปไกลที่ด้านหลัง นางถึงได้หลบดาบยักษ์ที่พุ่งมาได้พ้น
ขณะเดียวกัน ในมือของพระองค์ก็เกิดประกายแสงสีเงินออกมา ใจกลางฝ่ามือของพระองค์ปรากฏหอกสามง่ามสีเงินด้ามยาวขนาดเท่าร่างคน
เมื่อตวัดหอกสามง่ามออกไป ก็ปรากฏลำแสงสีเงินพุ่งเข้าหาตู๋กูซิงหลัน
หัวใจของชือหลีกระตุกขึ้นมา นางรู้ว่าตู๋กูซิงหลันแข็งแกร่ง แค่นางสามารถจัดการกับลู่เวยได้ก็ถือว่าเหนือความคาดหมายของตนเองแล้ว
แต่ว่าผู้ที่นางกำลังเผชิญหน้าอยู่ในตอนนี้ก็คือไอ้แก่ชั่วลู่เวย….โอกาสที่จะชนะ….มีเพียงน้อยนิด
ตู๋กูซิงหลันพลิกข้อมือคว้าด้ามของดาบยักษ์ที่เหาะออกไปเอาไว้ ขยับข้อมือขึ้นสกัดกั้น
……………………………
ตอนต่อไป “จอมมารน้องเล็ก”