ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 419 บุรุษที่หนุนหลังซิงซิง
ประกายสีดำทองของกระบี่ยาวมาถึงในชั่วพริบตา จิตกระบี่สว่างวาบฟาดเป็นลำแสงทอดยาวออกไป
พอกระบี่นี้มาถึง ก็ได้ยินเสียงโลหะเสียดสีดังโครมครามบาดหูอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งตำหนัก
จากนั้นก็ได้ยินเสียงของตกดังตึง เห็นกรงเล็บมังกรของเยี่ยอิงถูกตัดลงมา!
เลือดสดทะลักไหลนองลงไป เงาร่างสีดำทองร่างนั้นบังอยู่ด้านหน้าของตู๋กูซิงหลัน ทั่วร่างของเขามีหมอกสีดำอยู่ชั้นหนึ่งสะท้อนละอองเลือดของเยี่ยอิงทั้งหมดออกไป
ผู้คนต่างก็พากันตกตะลึงแล้ว!
นั่นคือ….องค์หญิงของเผ่ามังกรทมิฬ!
นั่นเป็น….ร่างจริงขององค์หญิง!
แต่แค่กระบี่เดียวก็สามารถตัดกรงเล็บมังกรข้างหนึ่งทิ้งได้?
ทุกคนต่างพากันหันไปมองดูบุรษที่พึ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา…….
นี่ช่างเป็นบุรุษที่โดดเด่นงดงามจนไร้คู่เปรียบในใต้หล้า! รูปโฉมที่หมดจดงดงามเช่นนั้นแม้แต่เผ่ามังกรที่ได้ชื่อว่าเลื่องลือในเรื่องความงามก็ยังมิอาจเทียบเคียงได้
ลู่กว่างมองดูเพียงแวบเดียว…..หัวใจก็ต้องชะงักไป
บรรดาบุตรหลานของราชามังกรอีกทั้งสามทะเลเขาเลยได้เห็นมาหมดแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีองค์ชายองค์ใดจะสามารถเทียบกับบุรุษที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ได้เลย
ไม่เพียงแต่รูปโฉมที่ยอดเยี่ยมเหลือธรรมดาเท่านั้น แม้แต่พลังที่อยู่ภายในร่าง….นั่นจะใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะมีได้อย่างไร?
เขาเองก็เคยพบเจอเหล่าเทพเบื้องบนมา แต่ก็ยังรู้สึกว่า ราศีของบุรุษผู้นี้ยังโดดเด่นยิ่งกว่าเทพเบื้องบนเสียอีก
ตู๋กูซิงหลันเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นแต่เงาหลังของจีเฉวียน
เส้นผมของเขาพลิ้วผ่านใบหน้าของนางเบาๆ ทำให้คันนิดๆ
แผ่นหลังของเขากว้างมาก บดบังแสงสว่างตรงด้านหน้าของนางเอาไว้จนหมด…..
จากมุมมองของนาง เห็นแต่มุมหน้าด้านข้างของเขา และเรืองร่างได้รูปงดงามไร้ที่เปรียบ
เจ้าตัวยุ่งผู้นี้…..ตามมาด้วยหรือ?
ตลอดทางที่มานี้ นางไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด!
“เจ้าคือใครกัน?” เยี่ยอิงที่สูญเสียกรงเล็บมังกรไป จับจ้องมองไปยังจีเฉวียนด้วยความโกรธเกรี้ยวจนแทบจะแยกเขี้ยวพ่นไฟได้
“เมื่อครู่เจ้าได้ยินไม่ชัดหรอกหรือ?” จีเฉวียนกวาดตามองดูนางอย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ก้าวถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว ยื่นมือไปโอบเอวของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ ยืนแนบชิดกับนาง เอ่ยทีละคำว่า “เราก็คือบุรุษที่ทั้งสูง ทั้งหล่อ ทั้งเย็นชา เก่งกาจอย่างไร้เหตุผล และหนุนหลังหลันหลันอยู่ผู้นั้น”
ตู๋กูซิงหลัน “……”
อะแฮ่ม อะแฮ่ม เจ้าตัวยุ่งผู้นี้ไม่เพียงแต่ติดตามมา ทั้งยังแอบฟังคำพูดของนางอยู่ด้านหลังหรือ?
จีเฉวียนตรัสแล้ว กระบี่เหมันต์ในมือก็วาดออกไป “ก็เป็นอย่างที่ซิงซิงว่าเอาไว้ ใครที่กล้าแตะต้องนางแม้แต่ปลายผม ต้องถามกระบี่ในมือของเราก่อนว่าได้หรือไม่”
กระบี่นี้พอวาดออกไป ก็แผ่ไอเย็นสุดขั้วออกมา
ทำเอาทั่วทั้งวังมังกรสูญเสียความอบอุ่นไปจนหมด ที่ด้านหลังของจีเฉวียนมีแต่ความเย็นยะเยือกราวขุมนรก ในขุมนรกนั้นมีแต่ภูติผีปีศาจมากมายกำลังร่ำร้องด้วยความโหยหวน ต่อสู้ยื้อแย่งกันจะหนีออกมา
ความเย็นยะเยือกแทรกซึมเข้าไปในร่างของคนทั้งหลาย ทำเอาแม้แต่คนเผ่ามังกรก็ยังอดจะสั่นสะท้านไปทั้งร่างไม่ได้
บุรุษผู้นี้ ……เป็นมนุษย์จริงๆหรือ?
“พูดจาไร้สาระได้เป็นกระบุง แล้วยังมาทำเป็นหล่อเหลาอันใด?” เยี่ยอิงทนดูต่อไปไม่ได้แม้แต่น้อย
ในสายตาของนางมีแต่พี่ชายของตนเองเท่านั้น บุรุษอื่นมิได้เข้าตานางแม้แต่น้อย
รวมถึงบุรุษที่งดงามดุจเทพมารตรงเบื้องหน้าผู้นี้ด้วย
ในสายตาของเยี่ยอิง ไม่เพียงแต่ไม่หล่อเหลา ทั้งยังเลี่ยนเกินไปอีกด้วย!
นางไม่ได้กลายเป็นร่างจริงมาหลายร้อยปีแล้ว……ตอนแรกที่กลายร่างก็เพียงเพราะจะใช้พลังมังกรทะลวงออกจากข่ายยันต์ของตู๋กูซิงหลันเท่านั้น
ร่างมังกรที่ใหญ่โตโอฬารของนางยังมียันต์สีเหลืองหลายใบติดอยู่บนร่าง แต่ว่ายันต์เหล่านั้นก็ขาดวิ่นหมดแล้ว
ยามนี้นางไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว นางคำรามเสียงดังกึกก้อง ระเบิดพลังมังกรออกมา สะบัดหางมังกรออกไปในทันที
หางมังกรยังสะบัดไปไม่ทันถึง แต่สายลมที่แฝงกลิ่นเลือดหอบหนึ่งก็พัดออกไปแล้ว
เกิดเป็นแรงกดดันที่ทำให้คนหายใจไม่ออก ทั่วทั้งตำหนักสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
แผ่นหินด้านบนแต่ละก้อนหนักนับร้อยชั่ง พอตกกระแทกลงมาเพียงแค่ครู่เดียวก็ทำให้ทั่วทั้งตำหนักทะลุเป็นแผ่นตะแกรง
จีเฉวียนโอบอุ้มตู๋กูซิงหลันเหาะออกไปนอกตำหนัก ชักนำเยี่ยอิงออกไป
เยี่ยอิงรีบไล่ตามไป ตอนนี้นางสูญเสียเหตุผลไปหมดแล้ว ในใจเพียงต้องการทำลายคนทั้งสองให้เป็นผุยผงเท่านั้น
เยี่ยอิงมีนิสัยเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร สิ่งของที่ไม่อาจได้มาเป็นต้องทำลายทิ้ง
ในเมื่อสตรีผู้นั้นไม่เต็มใจจะแต่งเป็นอนุให้กับพี่ชาย เช่นนั้นก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นได้ไปง่าย!
หัวใจของชาวมังกรทมิฬทั้งหลายต่างก็พากันสั่นสะท้านขึ้นมา
ครั้งก่อนที่องค์หญิงทรงพิโรธ…..เผ่ามังกรทมิฬถูกนางทำลายไปเกือบครึ่งแล้ว!
ชาวมนุษย์ผู้นั้นกระตุ้นโทสะของนางเข้าแล้วจริงๆ!
เยี่ยอิงอารมณ์ร้ายมาแต่ไหนแต่ไร หากเกิดโทสะขึ้นมา ต่อให้วัวสิบตัวก็ยังรั้งนางเอาไว้ไม่อยู่ นางมักจะใช้กำลังการต่อสู้เข้าตัดสินอยู่เสมอ
พอออกจากวังมังกร น้ำทะเลก็เคลื่อนเข้ามาหา
เดิมทีตู๋กูซิงหลันคิดจะซัดฝ่ามือผลักตนเองให้หลุดออกจากจีเฉวียน แต่เพราะว่าตอนนี้นางไม่มีมุกมังกรของชือหลีแล้ว ทั้งยังไม่มีลูกแก้ววารีคุ้มครองร่างกาย ได้แต่อาศัยหมอกดำบนร่างของจีเฉวียนผลักน้ำทะเลออกไป
นางพยายามอดทนเอาไว้ ปล่อยให้เขากอดตนเอง
“ซิงซิง กอดเราให้แน่นๆหน่อย อย่าได้ตกลงไป” จีเฉวียนกลับไม่รู้จักพอ “ทะเลแห่งนี้มีปลายักษ์อยู่มากมาย พวกมันชอบกินสตรีงดงามมากๆ”
ตู๋กูซิงหลัน “…….”
ในใจของนางมีแต่คำผรุสวาทที่ไม่ควรเอ่ยออกมา เห็นนางเป็นเด็กสามขวบหรืออย่างไร?
“หลันหลัน เจ้าเป็นโรคกลัวน้ำลึก อย่าพึ่งไปดื้อดึงกับเขาเลย” วิญญาณทมิฬกระโดดออกมา มือสั้นๆของมันเกาะอยู่บนเสื้อผ้าของตู๋กูซิงหลันอย่างแนบแน่น ในใจก็คิดไปว่าเจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นี้จะต้องจงใจพาหลันหลันออกมานอกวังมังกรอย่างแน่นอน
จากนั้นก็ฉวยโอกาสกับนาง
“ซิงซิง ยามที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย ก็คิดจะพึ่งพาเรา เรายินดีเหลือเกิน” จีเฉวียนพระหัตถ์ข้างหนึ่งถือดาบ พระหัตถ์อีกข้างกอดนางเอาไว้ มุ่งออกไปยังจุดที่ไกลจากวังมังกร
มังกรตัวนี้ร้ายกาจอย่างยิ่ง หากว่ามันอาละวาดออกมาอย่างสุดพลัง ในระยะสิบลี้ลงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลือรอดไปได้
อย่างไรเสียตู๋กูเจวี๋ยผู้นั้นก็เป็นพี่ชายของซิงซิง จีเฉวียนนั้นรักบ้านเผื่อแผ่นกกา จึงคิดเผื่อถึงความปลอดภัยของคนในครอบครัวของนางด้วย
ตู๋กูซิงหลันสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ “เจ้าไม่เห็นหรือว่า ข้ากำลังสร้างความลำบากให้เจ้าหรอกหรือ?”
จีเฉวียน “ไม่ลำบาก นี่เป็นความสุข”
ตู๋กูซิงหลัน “เฮอะ”
ปากของบุรุษ!
พูดไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงเยี่ยอิงไล่ตามมาแล้ว
มังกรสีครามเมื่ออยู่ในทะเลลึกก็เหมือนดั่งปลาได้น้ำ ความเร็วนี้ยังคงไวกว่าสายฟ้าฟาดอีกหลายส่วน
ทันใดนั้นเองร่างของนางก็ขดเป็นวง ล้อมพวกเขาเอาไว้ข้างใน
ดวงตาสีครามนั้นมีแต่ไอสังหาร นางไม่พูดพร่ำทำเพลง อ้าปากขึ้นปล่อยลำแสงที่หนาวเย็นออกมา
เดิมทีรอบกายของตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียนยังมีสัตว์ทะเลอยู่บ้าง
แต่สัตว์ทะเลเหล่านั้นพอสัมผัสโดนลำแสงที่เหน็บหนาวนั้นเข้าก็แตกสลายกลายเป็นผุยผง!
“เป็นแค่เผ่ามนุษย์ธรรมดา กลับกล้ามาโอ้อวดต่อหน้าข้า!” เยี่ยอิงส่งเสียงเย็นชา แม้แต่หลายคำที่เอ่ยออกมาก็แฝงพลังที่เยือกแข็ง ทำให้พวกเขาไม่อาจหลบหนี!
นางจะทำลายพวกมันให้จบสิ้น จากนั้นค่อยนำซากกลับไปยังเผ่ามังกรทมิฬ ให้พวกมันไม่มีทางได้สงบสุขอีกตลอดกาล!
ลำแสงที่เย็นยะเยือกนั้นยังไม่ทันได้พุ่งออกมา เพียงแค่แรงกดดันที่แผ่ออกมาก็สามารถทำให้คนต้องแหลกเหลววิญญาณสลายได้แล้ว
ไม่เสียทีที่เป็นถึงองค์หญิงของเผ่ามังกรทมิฬ …..อย่างไรเสียก็ยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง
ตู๋กูซิงหลันหรี่ตาลง ในมือล้วงเอายันต์ออกมาแผ่นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากเริ่มเอื้อนเอ่ยคาถา
แต่ว่าจีเฉวียนกลับชิงลงมือก่อนด้วยความฮึกเหิม พระองค์ควงกระบี่ด้วยพระหัตถ์ข้างเดียว เบื้องหลังของพระองค์เกิดเป็นฉากสีดำที่มืดมิด พระเกศายาวพลิ้วราวกำลังเริงระบำ พอสะบัดดาบนั้นออกไป ก็ผ่าท้องทะเลจนกรีดแยกออก
จากนั้นก็ชิงพุ่งเข้าปะทะกับลำแสงที่หนาวเย็นของเยี่ยอิง ลำแสงที่หนาวเย็นปะทะกับจิตกระบี่ กลับถูกความมืดในจิตกระบี่นั้นดูดกลืนเข้าไป จากนั้นพลังที่ดำมืดนั้นก็พุ่งเข้าใส่เยี่ยอิง….
………………………………
ตอนต่อไป “เจ้าสามารถเรียกเขาว่า สหายควายน้อย”