ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 454 “จับเจ้าได้แล้ว หึ...”
ต่อให้ตู๋กูซิงหลันได้รับพลังที่แข็งแกร่งจากใต้หุบเหวไร้ก้นมามากมายขนาดไหนก็ตาม
มารดาของนางก็ยังเป็นเพียงเผ่ามนุษย์….เลือดครึ่งหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ในกายของนางเป็นเลือดของพวกมนุษย์ ร่างกายเช่นนี้ย่อมไม่มีท่างที่จะมาเปรียบเทียบกับสายเลือดบริสุทธิ์ของคนในราชวงค์มังกรทมิฬได้
เยี่ยเฉินฝึกฝนมาหลายพันปี เขาไม่เชื่อหรอกว่าตนเองจะไปพ่ายแพ้ให้กับสาวน้อยที่มีเลือดมังกรเพียงแค่ครึ่งเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น…..ตอนนี้เขาได้ทุ่มพลังในร่างออกไปอย่างเต็มที่
จิตที่แหลมคมของง้าวเกิดจากพลังของสัตว์อสูรถูซีที่เขาเคยล้มได้ตัวนั้น สัตว์อสูรในบรรพกาล …..นอของมันสามารถทะลวงขุนเขาให้กลายเป็นรูได้
ต่อให้เป็นทวยเทพบนสวรรค์ชั้นฟ้า….ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถรับกระบวนท่าของเขาได้
ตู๋กูซิงหลันยกดาบยักษ์ขึ้นมาเตรียมพร้อมในทันที
นางหรี่ดวงตาทั้งคู่ลง รอยยิ้มบนริมฝีปากแดงไม่เพียงแต่ไม่เลือนหาย ทั้งยังแย้มยิ้มอย่างกว้างขวางกว่าเดิม เป็นรอยยิ้มที่เ**้ยมเกรียมเปี่ยมไปด้วยความกระหายเลือด
รูปร่างที่บอบบางเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดที่ใหญ่โตของดาบยักษ์แล้วก็ยิ่งเห็นที่ถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
นางไม่ได้หลบหลีกเลยแม้แต่น้อย แต่กลับกุมดาบยักษ์ทะยานเข้าไปปะทะกับเยี่ยเฉิน
นางบอกแล้วอย่างไร ไม่ต้องรีบ ไล่เรียงไปทีละคน!
พละกำลังของเยี่ยเฉิน ตอนที่ได้ประมือกันก่อนหน้านี้นางก็พอจะรู้อยู่เจ็ดแปดส่วนแล้ว แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
หากว่าผนึกในร่างของนางยังไม่ถูกบิดาคนงามคลายออก ก็คงจะไม่สามารถรับมือเขาได้จริงๆ
แต่ว่าตอนนี้….ไม่เหมือนกันแล้ว!
ในแววตาของนางมีประกายเลือด ขณะที่นออันแหลมคมของถูซีบนง้าวมังกรกำลังจะพุ่งเข้ามาถึงนั้น ดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันก็ฟันเข้าใส่ลำคอของเยี่ยเฉิน
เยี่ยเฉินคิดไม่ถึงว่า นางไม่คิดจะหลบหลีกแม้แต่น้อย หากแต่คิดจะฟันเขาให้ถึงตายเท่านั้น!
ดาบยักษ์เล่มนี้ถึงแม้จะสามารถฟันเสี่ยวอิงได้สำเร็จ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะฟันเขาเข้า!
เกล็ดของเขา คือสิ่งที่สามารถป้องกันคมอาวุธได้ดีที่สุดในใต้หล้า ไม่มีทางที่จะได้รับบาดเจ็บง่ายๆ
หากแต่เป็นตู๋กูซิงหลันต่างหาก…..ไม่หลบหรือ?
เช่นนั้นก็มีแต่จะต้องตาย!
“ติ้ง!” ปลายแหลมของนอแรดยักษ์สัมผัสกับหน้าผากของตู๋กูซิงหลัน
ได้ยินเสียงกระทบดังสดใส คล้ายดั่งเสียงโลหะถูกเคาะ สะเก็ดไฟกระเด็นออกมามากมายราวดอกไม้ไฟ
ใต้สะเก็ดไฟนั้น กึ่งกลางหน้าผากของตู๋กูซิงหลันพลันปรากฏตราประทับมังกรสีดำอมเงินขึ้นมา
แต่รอยประทับนี้ไม่เหมือนกับของพวกเยี่ยเฉิน……
รอยประทับของนางทอแสงสีดำเข้มข้น ทั้งยังมีสีแดงเลือด แสงนั้นระเบิดวาบออกมา ทำลายนอแรดยักษ์จนแหลกละเอียดกลายเป็นผุยผง!
ในตอนนั้นเอง ศีรษะของมังกรสีดำอมเงินตัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากร่างของตู๋กูซิงหลัน เพียงแต่ศีรษะก็มีขนาดใหญ่กว่าตำหนักหลังหนึ่งเขาไปแล้ว มันผงาดอยู่ด้านหลังนางด้วยท่าทางน่าเกรมขามและแข็งแกร่งดุร้าย
บนหน้าผากของมังกรตัวนั้น มีตราประทับที่เหมือนกันกับบนหน้าผากของตู๋กูซิงหลันอย่างไม่ผิดเพี้ยน
ยามนี้ มังกรตัวนั้นกำลังจ้องสองตาที่เป็นประกายมองกวาดไปทั่วด้วยความเย็นชา
แววตาของมันเหมือนกับตู๋กูซิงหลันราวกับเป็นพิมพ์เดียวกัน ทั้งเย็นชาทั้งหยิ่งผยอง
แววตาที่มองดูฝูงชน ราวกับมองดูซากศพกองหนึ่ง
“นั่นคือ ……พลังของจิตมังกรทมิฬ?!”
ความแข็งแกร่งจนเจิดจ้านั้น ไม่เพียงแค่เยี่ยเฉิน แม้แต่คนอื่นๆก็ไม่อยากจะเชื่อสายตา!
รอบประทับนั่นพวกเขาคุ้นเคยอย่างที่สุดแล้ว ……นั่นเป็นตราประทับของราชามังกร…..ที่สืบทอดกันมาผ่านทางสายโลหิตเท่านั้น เป็นขุมพลังที่มีแต่ราชามังกรทมิฬเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง!
ตลอดหลายปีมานี้องค์ไท่จื่อทรงรับอนุมามากมายนับไม่ถ้วน ก็เพื่อจะได้ให้กำเนิดทารกศักดิ์สิทธ์ที่มีพลังของจิตมังกรทมิฬ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้ว พลังของจิตมังกรทมิฬ……กลับถูกลูกสาวนอกสมรสผู้หนึ่งรับไปแล้ว?
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปแล้ว รวมถึงหวาชางสุ่ยที่อยู่บนหอสูงด้วย
ต่อให้นางเคยเยือกเย็นเพียงไร …..แต่ว่าตอนนี้สองมือกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
“เป็นไปไม่ได้! พลังของเยี่ยจ้านจะถูกนังแพศยาน้อยรับไปได้อย่างไร?”
น้ำเสียงของนางสั่นเครือ ราวกับว่ากัดฟันเอ่ยแต่ละคำออกมา
ตลอดหลายปีมานี้ นางเข้าใจไปว่าพลังนั้นยังไม่ได้ปรากฏ คิดไม่ถึงว่าที่จริงกลับถูกคนถ่ายทอดไปตั้งแต่แรกแล้ว?
ทั้งยังเป็นสายเลือดชั้นต่ำอย่างพวกมนุษย์!
“เยี่ยจ้าน! เยี่ยจ้าน! ท่านมันลำเอียงนัก!” หวาชางสุ่ยโกรธแค้นจนตัวสั่นสะท้าน ขนาดตอนที่เยี่ยจ้านนำนางมนุษย์ผู้นั้นกลับมา นางก็ยังไม่โกรธแค้นเท่าตอนนี้เลย!
“องค์ราชินีเพคะ……โปรดถนอมพระวรกาย” นางกำนัลพยายามทูลเตือนด้วยความระมัดระวัง
“แค่สวะชาวมนุษย์ผู้หนึ่ง! นางไม่คู่ควรจะได้รับพลังของจิตมังกรทมิฬ!” หวาชางสุ่ยกัดฟันกรอด ข้อนิ้วขาวโพลน นางเรียกป้ายบัญชาการหยกดำชิ้นหนึ่งออกมาจากในแหวนของตน
“ปลดปล่อยอสุรกายโลกันตร์ทั้งหมดออกมา! วันนี้มิว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนใดๆ ก็ต้องนำสิ่งที่อยู่ในร่างกายของนังแพศยาน้อยนั่นกลับคืนมาให้เฉินเอ๋อร์ให้จงได้!”
หวาชางสุ่ยออกคำสั่ง พลางส่งป้ายบัญชาการหยกดำให้กับนางกำนัลประจำตัว
องค์ราชินีเพคะ…..หากพวกอสุรกายโลกันตร์เหล่านั้นหลุดออกมา…..เกรงว่าเผ่ามังกรทมิฬทั้งหมดก็คง……” นางกำนัลตื่นตระหนกจนขวัญผวา หากปลดปล่อยอสุรกายโลกันตร์ออกมาละก็ วิธีนี้เท่ากับว่าต่อให้สามารถสังหารศัตรูได้สำเร็จแต่ว่าฝ่ายตนเองก็ต้องสูญเสียหนักจนแทบไม่เหลืออะไร
เช่นนี้….ทั่วทั้งก้นทะเลลึกจะไม่เหลือความสงบสุขอีกแล้ว
“อย่ามัวพล่ามไร้สาระ รีบไป!” หวาชางสุ่ยขมวดคิ้วมุ่น
นางรู้ดีว่าพลังของจิตมังกรทมิฬนั้นน่าหวาดกลัวเพียงไร เมื่อนังแพศยาน้อยนั่นได้สืบทอดไปแล้ว บางทีแม้แต่เฉิงเอ๋อร์ก็อาจจะไม่ใช่คู่มือของนาง
สายตาของหวาชางสุ่ยจับจ้องไปที่ร่างของเยี่ยเฉิน ทันใดนั้นก็เห็นดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันกวาดลงมาใส่เขาเช่นกัน
เยี่ยเฉินหลบลงไปได้ทัน ดาบยักษ์นั่นจึงไม่ได้ตัดหัวของเขา แต่ว่ากลับฟันโดนสะบักไหล่แทน
เกล็ดมังกรบนร่างของเขามีสะเก็ดไฟกระเด็นออกมา แต่ว่าก็ไม่อาจต้าทานดาบยักษ์ของตู๋กูซิงหลันเอาไว้ได้
ดาบยักษ์ที่ทั้งหนักและแหลมคมเฉือนลงไปในร่างของเขา ทั้งยังเถือลึกลงไป
ยังดีที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าเยี่ยอิงมากนัก เยี่ยเฉินใช้พลังอย่างสุดกำลัง ค่อยพาร่างกายหลุดพ้นออกมาจากดาบยักษ์ได้
เขาคิดจะเหาะถอยหนีออกไป แต่ว่าตู๋กูซิงหลันกับมีข่ายยันต์สีเหลืองดักเอาไว้ก่อนแล้ว เขาไม่อาจหลบหนีออกไปจากข่ายมนต์เหล่านี้ได้
เขาได้แต่ถอยหลบไปอีกหลายเมตร ยืนร่างที่มีเลือดท่วมอยู่บนซากปรักหักพัง มองดูตู๋กูซิงหลันด้วยความตื่นตะลึง เมื่อครู่ง้าวมังกรของเขาไม่เพียงไม่อาจสังหารตู๋กูซิงหลัน แต่กลับปลุกเร้าจิตมังกรทมิฬของนางขึ้นมา กระทั่งง้าวมังกรของเขาก็ยังเกือบจะถูกทำลายลงไปด้วยแล้ว
มังกรยักษ์ที่อยู่เบื้องหลังของนางตัวนั้น คือสัญลักษณ์ของจิตมังกรทมิฬ
มือของเขากุมปากแผลเอาไว้ หรี่ดวงตาลง มองดูสิ่งที่ตนเองเฝ่าถวิลหามาตลอดทั้งวันและคืน ….ในแววตามีแต่ความกระหาย!
ในเมื่อพระบิดาเอาแต่ลำเอียงเช่นนี้ เขาก็จะแย่งชิงสิ่งที่สมควรเป็นของเขาแต่แรกกลับคืนมา!
จิตมังกรทมิฬสมควรเป็นของเขาแต่แรก! เป็นของเขาเท่านั้น!
ตู๋กูเจวี๋ยอยู่ด้านหลังของตู๋กูซิงหลันออกไปไม่ไกล ร่างของเขามีแต่เลือดท่วมตัว มองดูจิตมังกรที่อยู่ด้านหลังของตู๋กูซิงหลัน สติที่แตกซ่านไปค่อยๆชัดเจนขึ้นมาอีกเล็กน้อย
น้องเล็ก……
สายตาของเขาเหลือบไปเห็นพวกที่คิดจะฉวยโอกาสทำร้ายนางจากด้านหลังอย่างไม่กลัวตาย พวกมันยังไม่ทันได้เข้าใกล้นาง ตู๋กูเจวี๋ยก็โผร่างทะยานเข้าไป คว้าแต่ละคนมาฉีกเป็นชิ้นๆก่อนแล้ว
“ด้านหลังของน้องเล็ก มีข้าคอยปกป้องอยู่! ใครก็ไม่อาจแตะต้องนางแม้แต่เส้นผม!” เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในปากย้อมไปด้วยเลือดสดใหม่
ในเมื่อนางต้องการเปิดฉากฆ่าล้าง….เช่นนั้นเขาก็จะช่วยนางขจัดสิ่งกีดขวางเส้นทางเอง!
สองพี่น้องชายหญิงต่างก็กลายเป็นมารปีศาจไปแล้ว!
ปลายนิ้วของตู๋กูซิงหลันลูบไล้ผ่านตัวดาบยักษ์เพียงเบาๆ นางขยับวูบหนึ่ง ก็มาถึงเบื้องหน้าของเยี่ยเฉิน
เอ่ยเสียงเย็นยะเยือกที่ข้างหูของเยี่ยเฉินว่า “จับเจ้าได้แล้ว เฮอะ….”
…………………….
ไรท์: จังหวะนี้ อยากจะแทะถั่วไป บอกหวาชางสุ่ยไปว่า ไม่รู้หรือไงจ๊ะ ว่าลูกครึ่งนั้นจะได้รับยีนเด่นจากพ่อแม่!
ตอนต่อไป “ไม่พอใจก็มาทุบข้าสิ?”