ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 457 อสุรกายโลกันตร์
ตู๋กูซิงหลันแบกนางเอาไว้บนหลัง มือข้างหนึ่งถือดาบยักษ์เอาไว้ ขยับร่างพลิ้วออกไป หลบเลี่ยงลาวาหลายสาย
นางใช้ยันต์สีแดงอีกแผ่นหนึ่ง ผนึกลงไปในร่างของชือหลี สะกดดวงวิญญาณของนางเอาไว้
“ชือหลี เจ้าต้องเชื่อข้า!” ตู๋กูซิงหลันพยายามสงบจิตใจลง
ชือหลีอยู่บนแผ่นหลังของนาง มองดูฝุ่นผงและกองเพลิงที่พวยพุ่งขึ้นฟ้า เห็นเหล่าชาวมังกรทมิฬพากันแตกตื่นตกใจอย่างอลหม่าน มีแต่นางที่กำลังหลบหนี
ใบหูของนางแนบอยู่บนแผ่นหลังของตู๋กูซิงหลัน จนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ
นางเหมือนจะไม่เคย……ได้รับการปกป้องจากใครเช่นนี้มาก่อน
อบอุ่น ร้อนแรง
“อาหลัน……” นางอ้าปาก คำพูดที่เอ่อขึ้นมาถูกกลืนลงไป
ขอบคุณเจ้ามาก!
เปลือกตาของนางหนักมาก หนักขนาดทำให้นางหลับลึกลงไปทั้งๆที่อยู่บนหลังของตู๋กูซิงหลัน
ริมหูได้ยินเสียงลมกรรโชก และเสียงร้องคำรามของสัตว์อสูร
จนแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น!
ตู๋กูซิงหลันเหาะเหินอยู่ท่ามกลางลูกไฟที่ตกลงมาจากท้องฟ้า นางหรี่ตามองดูภูเขาไฟลูกนั้น……
ทันใดนั้นเอง ภูเขาไฟก็พังทะลายลงมาครึ่งหนึ่ง กรงเล็บขนาดใหญ่ที่มีเปลวเพลิงห้อมล้อมก็ผุดขึ้นมาจากใต้ภูเขาไฟ ท่ามกลางเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัว คล้ายว่ามีบางสิ่งกำลังป่ายปีนขึ้นมา
“อสุรกายโลกันตร์!”
คนในเผ่ามังกรทมิฬต่างก็พากันกรีดร้องออกมา!
“พวกมันถูกกักขังอยู่ใต้หุบเขาไร้สิ้นสุดมานับหมื่นปี…อยู่ๆทำไม…อยู่ๆทำไมถึงได้หลุดออกมาได้?”
ทันทีที่มีคนเอ่ยถึงอสุรกายโลกันตร์ แม้แต่คนในเผ่ามังกรทมิฬก็ยังต้องหวาดผวาขึ้นมา
ท่ามกลางเสียคำรามที่น่าสะพรึงกลัว ได้ยินเสียงของหวาชางสุ่ยดังไปทั่วทุกมุมว่า “นังเด็กเลวร้ายผู้นั้นคือตัวอัปมงคล!”
“อสุรกายโลกันตร์ถูกกักขังเอาไว้ใต้ภูเขาไร้สิ้นสุดมานานนับหมื่นปี ไม่เคยมีความเคลื่อนไหวใดๆมาก่อน พอนางมาถึง เจ้าอสุรกายตัวนั้นก็ป่ายปีนขึ้นมา เห็นได้ชัดว่านังเด็กผู้นี้มาเพื่อทำลายเผ่ามังกรทมิฬของข้า!”
หวาชางสุ่ยกล่าวไปอย่างใส่อารมณ์เสมือนหนึ่งเป็นเรื่องจริง
เยี่ยเฉินยืนอยู่ด้านหลังของนาง สายตาของเขาพลันอึมครึมลงไปอีกหลายส่วน เขารู้ดีกว่าผู้ใดว่า หากไม่มีป้ายบัญชาเปิดขุนเขา …..อสุรกายตัวนั้นไม่มีทางจะป่ายปีนขึ้นมาได้
เนื่องเพราะตอนที่อสุรกายตัวนั้นถูกกักขังอยู่ใต้เขาไร้สิ้นสุด นอกจากบิดาแล้ว ก็ยังมีมหาเทพอีกผู้หนึ่งร่วมด้วย
หลังจากที่ทั้งสองช่วยกันกักขังมันเอาไว้ ก็ได้สร้างป้ายบัญชาเปิดขุนเขาขึ้นมา……
ป้ายบัญชานี้เดิมทีถูกพระบิดาเก็บรักษาเอาไว้ ไม่รู้ว่าไปตกอยู่ในมือของพระมารดาตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่สำหรับเรื่องนี้ เยี่ยเฉินย่อมไม่สามารถพูดออกมาได้
บาดแผลบนหัวไหล่ของเขากำลังสมานตัวอย่างช้าๆ ดวงตาของเขามองไปทางภูเขาไฟลูกนั้น เสาะหาตำแหน่งของตู๋กูซิงหลัน
เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะน้องสาวต่างมารดาผู้นั้น! นางหาเรื่องให้ตนเองต้องดับสูญไม่อาจโทษว่าผู้อื่น!
อสุรกายโลกันตร์เพียงตัวเดียวก็เพียงพอที่จะทำลายลึกทะเลลึกทั้งหมดให้ราบเป็นหน้ากลอง!
ตู๋กูซิงหลัน…..กับตัวกระหายเลือดนั่น จะต้องมีแต่ตายเท่านั้น!
พวกมันจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับความโอหังของตนเอง!
“พระมารดา ข้าต้องการพลังกระหายเลือดและพลังจิตมังกรทมิฬของพวกมัน” เยี่ยเฉินสีหน้าอึมครึม ตอนนี้เขาไม่หลงเหลือความสนใจในร่างกายของตู๋กูซิงหลันอีกแล้ว
“รอให้เดรัจฉานน้อยทั้งสองตายแล้ว พลังนั้นก็จะกลายเป็นของเจ้า” หวาชางสุ่ยยืนอยู่ข้างๆเขา มือหนึ่งโบกพัดวายุเบาๆ แววเนตรทอประกายเ**้ยมโหด
“ดาบยักษ์ในมือของนางก็คือเขามังกรของพระบิดาเจ้า เดิมก็สมควรจะเป็นของเจ้าด้วย รอให้นังเดรัจฉานนั่นตายแล้ว ดาบยักษ์ก็จะกลายเป็นศาสตราวุธของเจ้าเช่นกัน” หวาชางสุ่ยว่าต่อไป
ต้องโทษที่ตอนนั้นนางมีเมตตามากเกินไป จึงไม่ได้ไปตามฆ่าพวกเลือดเนื้อของตู๋กูชิงชิงให้หมดสิ้น ถึงได้ทำให้พวกมันทั้งสองสบโอกาสในวันนี้!
เฮอะ……แต่ก็นับว่าดีอยู่เหมือนกัน ขุมพลังที่เฉินเอ๋อร์เสาะหามานานหลายปีในที่สุดก็ถูกส่งมาถึงหน้าประตู ทำให้นางไม่ต้องไปเสียแรงควานหาอีกต่อไป
เยี่ยเฉินพยักหน้า สองแม่ลูกคล้ายจะลืมสนิทไปแล้วว่า ‘ศพ’ ของเยี่ยอิงยังคงอยู่ที่ตรงนั้น
เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับพลังและอำนาจเหล่านั้นแล้ว …..น้ำใจญาติมิตรนั่นจะนับเป็นอะไรได้?
ท่ามกลางแสงเพลิง ร่างของตู๋กูซิงหลันทอรัศมีสีดำอมเงินออกมา กีดกันความร้อนภายนอกออกไป
บนยอดของภูเขาไฟ กรงเล็บของอสุรกายขนาดใหญ่กำลังป่ายปีนขึ้นมา ขนาดของมันไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าภูเขาลูกหนึ่งเลยทีเดียว มันเบียดร่างของตนเองออกมาจากปากปล่องลาวา
มันมีกรงเล็บที่แหลมคม และปีกขนาดใหญ่ที่สามารถปิดบังดวงอาทิตย์และท้องฟ้าได้ เจ้าอสุรกายตัวนี้ถึงกับมีสามหัว!
กรงเล็บดุจอินทรี ปีกปักษายักษ์ หัวคล้ายมังกร! มันป่ายปีนอยู่บนยอดเขา สะบัดปีกออกมาครั้งหนึ่งราวกับจะสลัดความอัปยศอดสูที่ถูกกักขังมานานนับหมื่นปีออกไป
พอส่งเสียงร้องคำรามออกมาครั้งหนึ่ง พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของตู๋กูซิงหลันก็แตกระแหงเป็นร่องลึกยาวออกไปมีหลายร้อยเมตร!
พื้นดินสั่นสะเทือนจนพังทะลาย อาณาเขตที่กางกั้นน้ำทะเลไม่ให้ทะลักเข้ามาก็สั่นสะท้านจนผันผวนอย่างรุนแรง
เพียงแค่เสียงคำรามเพียงครั้งเดียว ก็มีเผ่ามังกรทมิฬจำนวนไม่น้อยที่ถูกเสียงนั้นทำลายจนร่างสลายกลายเป็นผุยผง
อสุรกายตัวนี้มีพลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
ตู๋กูซิงหลันต้องผนึกการได้ยินของตนเองในทันที แม้ว่าจะมีพลังจิตมังกรจากร่างป้องกันอยู่ แต่ว่ากระดูกทั่วร่างของนางก็ยังรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนจนชาไปทั่วร่าง
นางไม่เคยพบเห็นสัตว์ประหลาดเช่นนี้มาก่อน!
หากว่ามีสักตัวหนึ่งหลุดออกไปยังดินแดนของมนุษย์ เกรงว่าแผ่นดินต้าโจวทั้งหมดคงจะถูกมันทำลายจนราบคาบ!
นางกุมดายยักษ์ในมือเอาไว้อย่างแนบแน่น ขับพลังออกมาจนรัศมีรอบกายสว่างจ้า ผิวหนังทั่วร่างร้อนผะผ่าว
อสุรกายตัวนั้นขยับปีกออกมาครั้งหนึ่ง ก็พัดพาความร้อนของภูเขาไฟออกมา จนทั่วทั้งวังลุกไหม้กลายเป็นขุมนรก
ไม่เหลือที่ใดให้สามารถหยั่งเท้าได้อีก
อีกทั้งอสุรกายตัวนี้ยังสามารถเสาะหาตู๋กูซิงหลันจากท่ามกลางผู้คนนับหมื่นได้ในเพียงแวบเดียวเท่านั้น!
กลิ่นอายที่อยู่ในร่างของนาง มันรู้จักเป็นอย่างดี!
นั่นเป็นกลิ่นอายที่น่าชิงชังของเยี่ยจ้านและคนอีกผู้หนึ่ง! มันถูกกักขังเอาไว้ใต้ภูเขานานหลายต่อหลายปี เพราะพ่ายแพ้ให้กับพวกเขา!
แต่ว่าตอนนี้ มันเป็นอิสระแล้ว!
เยี่ยจ้านกับคนผู้นั้นตายไปแล้วหรืออย่างไร? เช่นนั้นก็คิดบัญชีกับผู้สืบทอดของพวกมันก็แล้วกัน!
อสุรกายตัวนั้นร้องคำรามออกมา ขยับปีกขนาดใหญ่โบกเข้าหาตู๋กูซิงหลัน
หวาชางสุ่ยยิ้มอย่างเย็นชาอยู่ในมุมมืด ได้รับสืบทอดพลังจิตมังกรทมิฬจากเยี่ยจ้าน ทำให้นังเด็กนั่นสามารถอาละวาดไปทั่วเผ่ามังกรทมิฬได้ แต่ว่าพอตนปลดปล่อยอสุรกายโลกันตร์ออกมา นังเด็กนั้นก็จะกลายเป็นเป้าหมายอันดับแรกของอสุรกายโลกันตร์
อสุรกายโลกันตร์เกลียดชังเยี่ยจ้านเพียงไร นางเข้าใจชัดเจนยิ่งกว่าผู้ใดทั้งสิ้น
เมื่อได้พบกับผู้สืบทอดของเยี่ยจ้าน อสุรกายโลกันตร์ย่อมต้องการฉีกนางออกเป็นแปดชิ้น!
หวาชางสุ่ยยิ้มออกมาอย่างปิดไม่มิด นางตบลงไปบนบ่าของเยี่ยเฉิน กล่าวอย่างมั่นใจว่า “เฉินเอ๋อร์ อีกไม่นานสิ่งที่เดิมทีสมควรเป็นของเจ้า ก็จะกลับคืนมาสู่ร่างกายของเจ้าแล้ว”
พึ่งจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงแตกร้าวดังลากยาวขึ้นมาในทันที
หวาชางสุ่ยและเยี่ยเฉินพากันหน้าเปลี่ยนสี หันไปมองอย่างรวดเร็ว
ก็เห็นอาเขตที่ใช้กั้นน้ำทะเลออกจากเผ่ามังกรทมิฬถูกบางสิ่งทะลวงเข้ามา!
ใช้แล้ว ถูกเจาะจนพังทะลายแตกลงมา!
เสียงคำรามของสัตว์อสูรขนาดมหึมาดังกึกก้อง กลายเป็นพลังเค้นมหาศาลทะลวงเข้ามาพร้อมกับน้ำทะเลทะลัก
“สวบ ซู่ ซู่!” น้ำทะเลและลาวาไหลไปบรรจบกันเกิดเสียงเดือดดังไปทั่ว ไอน้ำจำนวนมหาศาลระเหยขึ้นมา
น้ำทะเลเหล่านั้นทะลักเข้ามาจากทางด้านหลังของตู๋กูซิงหลัน ขณะที่อสุรกายตัวนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาตู๋กูซิงหลัน ก็ปรากฏฝ่ามือที่แข็งแกร่งข้างหนึ่งผุดออกมาจากน้ำทะเล คว้าตัวนางเข้าไปในน้ำทะเล
นั่นเป็น…..อ้อมแขนที่นางคุ้นเคยอย่างที่สุด
ตู๋กูซิงหลันเงยหน้าขึ้นมองดู ก็เห็นแววตาของดวงเนตรหงส์ที่แสนจะงดงามคู่นั้น กำลังส่องประกาย
ในแววตานั้นสะท้อนเพียงแต่ภาพของนางผู้เดียว
เขาตรัสว่า “ซิงซิง เรามาแล้ว”
……………………………………………………
ไรท์ : มาแล้ววววว!
ตอนต่อไป “สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่”