ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 604 เป็นพี่ชายที่เก็บมาเลี้ยงหรือไม่?
เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดแล้วก็ทำตามนั้น มันเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูแต่ไม่กล้าเข้าไปด้านใน
ตู๋กูซิงหลันก็มิได้ทำให้มันต้องลำบากใจ นางคลายมือจากชายเสื้อของเจ้าจิ้วจอกน้อย ทันใดนั้นก็เห็นมันกระโดดขึ้นมารอบหนึ่งก็กลายร่างเป็นจิ้งจอกสีขาวทั้งตัว กระโดดพรวดเดียวไกลสามชุ่น (1เมตร) พุ่งตัววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
พอวิ่งหนีออกไปจนถึงหน้าประตูวัง เจ้าปีศาจจิ้งจอกถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมา มันใช้กรงเล็บตะกุยประตูใหญ่ แอมมองดูเหตุการณ์ด้านในด้วยความตื่นเต้นไปพร้อมๆกับพวกปีศาจน้อยใหญ่ที่ติดตามมาตลอดทาง
พอองค์ราชินีได้พบมนุษย์กลุ่มนั้น นางมีหวังต้องพิโรธขนาดหนักจนถึงขึ้นบดพวกเขาให้แหลกเป็นเนื้อสับอย่างแน่นอน
เหล่าปีศาจทั้งหลายต่างก็คิดเช่นนี้อยู่ในใจ
นับตั้งแต่เข้ามาในวัง ท่านเจ้าสำนักก็ตระเตรียมความพร้อมที่จะประมือกับผู้คนเอาไว้ทุกเมื่อ
ไอปีศาจในที่นี้ไม่ธรรมดา ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าปีศาจใดๆที่เขาเคยได้พบในดินแดนจิ่วโจวมากมายนัก
แม้แต่เจ้าปีศาจจิ้งจอกซูเยานั่นก็ยังเทียบชั้นกันไม่ติด
หากนำเฉพาะไอปีศาจมาเปรียบเทียบกัน ไอปีศาจของซูเยายังนับว่าเป็นเพียงชั้นต้นเท่านั้น อย่างมากก็เป็นเพียงจิ้งจอกทารกที่พึ่งคลอดออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านเจ้าสำนักรู้สึกว่าจำเป็นจะต้องระมัดระวังผู้อื่น
ฟ่านอิงเองก็มิได้หย่อนยาน หมัดของเขากำเอาไว้แน่น พวกเขาเข้ามาในวังนี้ ก็เหมือนกับว่าตกมาอยู่ในรังของปีศาจ กลิ่นไอปีศาจรุนแรงจนเสียดแทงจมูก
เขามันเป็นเพียงคนตายที่ฟื้นคืนชีพ ย่อมไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
แต่ว่ายังสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า หากไอปีศาจนั่นแทรกซึมเข้าสู่อวัยวะภายใน ก็ยิ่งสามารถทำลายคนให้กลายเป็นชิ้นๆได้อย่างง่ายดาย
ตู๋กูซิงหลันสูดลมหายใจเข้าไปช้าๆ เดินเข้าไปด้านในอีกก้าวหนึ่ง
แต่แล้วกลับถูกท่านเจ้าสำนักดึงคอเสื้อด้านหลังเอาไว้
“ศิษย์น้อย จะไม่ไปหาพี่รองของเจ้าแล้วหรือ?”
เขาจำเป็นต้องเตือนสติศิษย์น้อยสักประโยค จุดประสงค์ของการมาที่นี้ ก็คือการมาตามหาตู๋กูเจวี๋ยเป็นหลัก ไม่ใช่มาตามหาไอดอล
ในใจของท่านเจ้าสำนักยิ่งรู้สึกคับข้องใจกับคำว่าไอดอลคำนี้ยิ่งนัก
ศิษย์น้อยอยู่ๆจะไปชมชอบคนที่ไม่เคยแม้แต่จะได้เห็นหน้ามาก่อนได้อย่างไร?
มันก็แค่ปีศาจจิ้งจอกที่เก่งกาจหน่อยตัวหนึ่งเท่านั้น มีอะไรให้น่าชื่นชมกัน?
ว่าตามจริงแล้ว ท่านเจ้าสำนักไม่อยากจะให้ทั้งสองได้พบหน้ากันเลยด้วยซ้ำ!
ขนาดแค่ปีศาจจิ้งจอกน้อยซูเยาเพียงตัวเดียวก็ยังหลอกล่อให้ศิษย์น้อยหัวหมุนได้แล้ว หากว่าเป็นเจ้าปีศาจจิ้งจอกตัวใหญ่…. ท่านเจ้าสำนักชักจะเกรงว่าตำแหน่งของตนเองในใจของศิษย์คงจะต้องสั่นคลอนเสียแล้ว
พอตู๋กูซิงหลันถูกเขาเตือนสติ ในใจก็พลันรู้สึกสำนักผิดขึ้นมา
จริงด้วย …..นางเกือบจะเขวี้ยงพี่รองหายไปในกลีบเมฆเสียแล้ว
เพียงแต่ว่าตอนนี้หัวใจกำลังคันยากจะระงับ คนงามในตำนานอยู่ตรงหน้า จะขอชมดูก่อนสักหน่อยมิได้หรือ?
อย่างไรนางก็มาถึงที่นี่แล้ว จะช้าหรือเร็วย่อมต้องไปหาพี่รองอย่างแน่นอน
ต่อให้ไปพบพี่รองก่อน พิษในกายของพี่รองก็ไม่อาจรักษาหายได้ในทันทีมิใช่หรือ?
คิดๆดูแล้ว นางก็กระแอมไอออกมาคำหนึ่ง เอ่ยกับท่านเจ้าสำนักว่า “เรื่องพี่รองยังพอจะรอได้สักครู่ ไม่แน่ว่าพี่ต๋าจี่อาจจะสามารถช่วยเหลือเขาก็ได้นะ….”
นี่มันบุคคลระดับตำนานเชียวนะ
ในตอนนั้นเอง ตู๋กูเจวี๋ยที่ได้ยินว่าน้องสาวของตนเองมาถึงแล้ว ก็พึ่งจะพาสังขารที่ใกล้จะตายของตนเองมาถึงด้านนอกตำหนัก
พอได้ยินคำพูดของน้องสาวตนเองกับหู เขาก็แทบจะกระอักเลือดลาโลกจากไปเสียเดี๋ยวนี้
พี่ชายอย่างเขา คงไม่ได้ถูกเก็บมาเลี้ยงกระมั้ง?
สองขาของเขาอ่อนแรง แทบจะล้มลงไปในทันที
ยังดีที่เจ้าสุนัขปีศาจน้อยข้างกายช่วยประคองเอาไว้ “มะ มะมะ …เจ้ามนุษย์น้อย ……เจ้า….จะ เจ้า เจ้า …ยะ อย่าได้…วิ่งวุ่นวายดีกว่า”
เจ้าสุนัขปีศาจน้อยจับตัวเขาเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมคลายมือแม้แต่น้อย มันค่อยๆลากคนไปคอยด้านข้าง
ใช่แล้ว เจ้าสุนัขปีศาจน้อยตนนี้ก็คือปีศาจที่ไปส่งมอบบุปผาวิญญาณให้กับตู๋กูซิงหลันในเมืองว่านฮวาเฉิงนั้นเอง
มันคือสุนัขน้อยที่ซูเยาเก็บกลับมา เดิมทีมันเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงธรรมดาในบ้านหลังหนึ่งเท่านั้น แต่หลังจากที่เจ้านายของมันเจริญก้าวหน้า ครอบครัวก็อพยพย้ายออกไป ทอดทิ้งมันไว้
หลังจากเร่ร่อนอยู่กว่าครึ่งปี เจ้าหมาน้อยผ่ายผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ทั้งยังมันถูกผู้คนรังแก จนได้รับบาดเจ็บอยู่เสมอ
ก่อนที่ซูเยาจะไปยังโลกปัจจุบัน บังเอิญเจอมันเข้าจึงเก็บกลับมา ทั้งยังถ่ายทอดไอปีศาจให้กับมัน ทำให้มันสามารถกลายร่างเป็นสุนัขปีศาจได้สำเร็จ
ดังนั้นที่จริงแล้วในใจของเจ้าสุนัขปีศาจน้อยตนนี้จึงหวาดกลัวพวกมนุษย์อย่างยิ่ง
วันนั้นตอนที่ไปส่งมอบบุปผาวิญญาณให้กับตู๋กูซิงหลัน มันก็แทบจะไม่กล้ามองดูหน้าของนางเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้พอต้องมาตัวติดกันกับตู๋กูเจวี๋ย มันก็ยิ่งหวาดกลัวจนถึงขั้นพูดจาตะกุกตะกัก
แต่เพราะว่ามันจดจำคำสั่งของซูเยาเอาไว้อย่างเคร่งครัด ว่าจะต้องดูแลเขาให้ดี อย่าได้ปล่อยให้เขาวิ่งวุ่นวาย ยิ่งไม่อาจให้พบเจออันตราย
ตู๋กูเจวี๋ยพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง พิษในร่างกายแม้ไม่อาจกำจัดออกไป แต่ว่าก็ถูกควบคุมเอาไว้แล้ว ตอนนี้จึงได้แต่ทุกข์ทรมานแทบเป็นแทบตายอย่างหนัก พอเดินมาไกลจนถึงที่นี้ก็ต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปมากมาย
ว่าตามจริงแล้ว เขาในตอนนี้ไม่สามารถเอาชนะเจ้าปีศาจสุนัขน้อยตัวนี้ได้ด้วยซ้ำ
………….
ภายในตำหนัก ความสนใจทั้งหมดของตู๋กูซิงหลันในตอนนี้ทุ่มไปอยู่บนร่างของพี่ต๋าจี่จนหมดสิ้น
แต่ว่าพอกวาดตามองไปจนรอบ กลับไม่เห็นคนแม้แต่เงา
แสงสว่างในตำหนักมีอยู่อย่างจำกัด โครงสร้างของที่นี่ก็ดูแปลกประหลาด ตู๋กูซิงหลันเดินวนไปรอบหนึ่ง ใต้เท้าก็พลันเหยียบโดนอะไรนุ่มๆ
ฟ่านอิงชี้ไปที่ใต้เท้าของนางเป็นคนแรก “ไอ้ที่อยู่ขดเป็นก้อนกลมๆนั่นก็คือราชินีของหุบเขาหมื่นปีศาจใช่หรือไม่?”
ตู๋กูซิงหลันค่อยมองตามลงไป ค่อยเห็นก้อนอะไรขาวๆแดงๆ
นั่นเป็น สุนัขจิ้งจอกเก้าหางที่สวยงามมากตัวหนึ่ง!
ร่างของมันขาวโพลนดุจหิมะ หางกลับเป็นสีแดงดุจเพลิง!
ใบหูที่มีขนฟูๆคู่นั้นก็เป็นสีแดงด้วยเช่นกัน
ตรงหน้าผา มีตราประทับจิ้งจอกสีแดงดุจเปลวเพลิง
ตราประทับนี้เหมือนกับตราประทับที่อยู่บนตัวแหวนที่จิ้งจอกน้อยมอบให้นางไว้ไม่มีผิด
แม้ว่าจะอยู่ในร่างของสุนัขจิ้งจอก แต่ว่าขนตาของมันก็ยาวอย่างยิ่ง ขอบตาสีแดงลากยาวเป็นเส้นที่สวยงาม แค่มองดูเพียงแวบเดียวหัวใจถึงกับเต้นตูมตามขึ้นมา
ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับจะตะโกนออกมาว่า ‘แม่จ๋า หนูกำลังตกหลุมรัก’
ขนาดตู๋กูซิงหลันอดไม่ได้ที่จะจับหัวใจของตนเองเอาไว้ รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงไม่ยอมหยุด
นางค่อยๆถอนเท้าออกจากปลายหางที่เหยียบลงไปอย่างระมัดระวัง ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
ทั้งๆที่ขยับเพียงเบาๆ แต่ก็ยังเห็นว่าขนตาของเจ้าจิ้งจอกตัวนั้นขยับขึ้นมาแล้ว
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดค่ำแล้ว อากาศในหุบเขาหมื่นปีศาจดีอย่างยิ่ง สูงจนสามารถมองเห็นออกไปได้ไกล
แสงดาวเต็มฟ้าทอลงมาอย่างอ่อนโยน ส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามาสะท้อนเข้าไปในดวงตาของเจ้าจิ้งจอกตัวนั้นพอดี
ชั่วขณะนั้นทำเอาคนที่ได้เห็นล้วนตกอยู่ในความหลงใหลจนหมดสิ้น!
ตู๋กูซิงหลันกุมหัวใจน้อยๆของตัวเองเอาไว้ มันกำลังเต้นรัวเป็นกลอง!
นางยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาจับจ้องไปที่เจ้าจิ้งจอกตัวนั้นอย่างไม่กระพริบ
อีกฝ่ายเองก็หันมามองดูนางและบุรุษอีกสองคนที่อยู่ข้างกายนาง
จิ้งจอกตัวนั้นบิดศีรษะไปมาอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน จากนั้นจึงค่อยลุกขึ้นนั่งอย่างเอื่อยเฉื่อย
ขณะที่ลุกขึ้นมา แสงดาวจากภายนอกก็สว่างมากขึ้น ใต้แสงดาวกระจ่างนั้น เกิดเป็นภาพการเปลี่ยนร่างอันหมดจดงดงาม
ท่ามกลางละอองแสงระยิบระยับ ร่างนั้นเปลี่ยนเรือนร่างของสตรีผู้หนึ่งอย่างรวดเร็ว
รอบกายของนางมีแสงระยิบระยับโอบล้อมและไอปีศาจที่แข็งแกร่ง
สตรีทรงศักดิ์ที่เป็นผู้ปกครองอันสูงส่ง กำลังทอดตาลงมามองดูสิ่งที่อยู่ในครอบครอง
……………………………