ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 610 เขาบอกว่าจะร่วมเป็นร่วมตายกับนาง นางก็เชื่ออย่างสนิทใจ
- Home
- ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง
- ตอนที่ 610 เขาบอกว่าจะร่วมเป็นร่วมตายกับนาง นางก็เชื่ออย่างสนิทใจ
หวังว่านั่นคงจะไม่ใช่วิธีการทักทายตามประสาเผ่าพันธุ์ของมันหรอกนะ?
แต่ถึงอย่างไร นางก็พยายามให้เกียรติมันโดยก้มลงไปมองดูเป้ากางเกงของตนเองครั้งหนึ่ง
พอเสือดำเงยหน้าขึ้นมาจึงได้เห็นนางกำลังก้มลงมองเป้ากางเกงอยู่พอดี
เสือดำ “……”
มันมาที่นี่เพราะมีธุระอะไรกับนางนะ ทำไมอยู่ๆมันก็คิดอะไรไม่ออก
มันได้เจอเผ่ามนุษย์มาก็ไม่น้อย ทำไมอยู่ๆถึงต้องมาเจออะไรแปลกๆเช่นนี้ ดูท่าสมองของนางคงจะมีปัญหาหรือเปล่า?
รอจนเมื่อตู๋กูซิงหลันเงยหน้าขึ้นมา ก็ได้เห็นดวงตาสีเขียวที่วาววับของเสือดำมีแววสับสนสามส่วน ชิงชังสี่ส่วน ที่เหลือค่อนข้างซับซ้อนจนอ่านไม่ออก
เอาเป็นว่ามิใช่เรื่องดีก็แล้วกัน
ตู๋กูซิงหลัน “พี่เสือดำ ดึกดื่นค่อนคืน ท่านมาที่นี่ด้วยเหตุอันใดหรือ?”
ตู๋กูซิงหลันอยู่ใกล้มันมาก บนหน้าของเสือดำตัวนี้ยังมีรอยแผลจากมีดดาบอยู่รอยหนึ่ง บริเวณที่เป็นแผลเป็นไม่มีเส้นขนขึ้นมาอีกเลย มองดูก็รู้เลยว่า ก่อนหน้านั้น นี่จะต้องเป็นบาดแผลที่สาหัสมากอย่างแน่นอน
“ฮ่องเต้หญิง เจ้าไม่ควรรั้งอยู่ที่นี่!”
สายลมจากเบื้องนอกพัดหวีดหวิว เสือดำที่พูดภาษามนุษย์ได้ ดูแล้วออกจะแปลกประหลาดอยู่บ้าง
ที่เรียกมันว่าเป็นเสือตัวผู้ แม้ว่ามันจะไม่ได้ชื่นชอบสักเท่าไร แต่ก็มิได้ปฏิเสธ เนื่องเพราะว่ามันเป็นตัวผู้จริงๆ นางจะเรียกเช่นนั้นก็มิได้ผิดอะไร
ตู๋กูซิงหลัน “หืม?”
“พวกเจ้าผิดใจกับแดนสวรรค์ หากรั้งอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะนำเรื่องเดือดร้อนมาให้กับหุบเขาหมื่นปีศาจ!”
เสือดำเห็นนางทำเหมือนมิได้รู้ถึงความหนักเบาของเรื่องราว ก็หงุดหงิดจนขุ่นเคืองขึ้นมา
“เจ้าไม่ได้รู้เลยว่า ที่หุบเขาหมื่นปีศาจยังสามารถคงอยู่ได้มาถึงทุกวันนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายดายแล้ว!”
มันเอ่ยด้วยความวิตก กระทั่งหนวดบนปากก็ยังชี้ชันขึ้นมา
“แล้วที่จริง แดนสวรรค์กับหุบเขาหมื่นปีศาจ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร?”
ตู๋กูซิงหลันเองก็ดูออก
เรื่องเหล่านี้ย่อมไม่อาจไต่ถามจากพี่สาวต๋าจี่ได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้พี่เสือดำส่งตัวเองเข้าประตูมาแล้ว สำหรับนางถือว่าเป็นข่าวสารที่มีประโยชน์
ยันต์โลหิตของนางยังกักขังเยี่ยเฉินเอาไว้อยู่ เดิมทีก็คิดเอาไว้ว่า จะใช้ประโยชน์จากเยี่ยเฉินเพื่อขึ้นไปบนแดนสวรรค์สักรอบ
เรื่องที่ได้รู้ว่าหุบเขาหมื่นปีศาจมีพี่สาวต๋าจี่พำนักอยู่ ล้วนเป็นความบังเอิญ
“ขอเพียงเจ้าบอกออกมาอย่างชัดเจน ข้าก็จะพาพี่ชายไปจากที่นี่ในทันที”
ถึงแม้ว่าเสือดำจะไม่เชื่อถือในเผ่ามนุษย์ แต่ก็คิดว่าถึงอย่างไรฮ่องเต้หญิงผู้นี้เป็นผู้ที่องค์ชายน้อยพามา ทั้งยังเคยช่วยชีวิตองค์ชายน้อยเอาไว้ครั้งหนึ่ง
“หากว่าเจ้าผิดคำพูด ข้าก็จะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!” เสือดำกล่าวขณะแยกเขี้ยวยิงฟัน มันยังกางกรงเล็บออกมาอีกด้วย
ภายใต้แสงดาว กรงเล็บที่แหลมคมนั้นสะท้อนแสงหนาวเย็นออกมาจางๆ
ตู๋กูซิงหลัน “ข้าไม่เคยพูดปดมาก่อน”
ว่าแล้ว เสือดำค่อยเอ่ยออกมาว่า “เรื่องนี้ต้องเริ่มจากเมื่อนานมาแล้ว….”
“ตอนนั้น นายหญิงคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในหุบเขาหมื่นปีศาจ เพื่อฝึกฝนให้สำเร็จเป็นเซียน นางจำเป็นจะต้องไปผ่านประสบการณ์เกิดในโลกมนุษย์ครั้งหนึ่ง”
ตู๋กูซิงหลันมิได้ขัดจังหวะมัน ปล่อยให้เสือดำเล่าต่อไป
ว่าตามจริงแล้ว จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ดูไม่เหมือนกับตำนานที่นางคุ้นเคยในโลกปัจจุบันสักเท่าไหร่
“นางไปเกิดในโลกมนุษย์ กลายเป็นบุตรสาวของตระกูลซู”
“ครั้งหนึ่งด้วยความบังเอิญ ตอนที่เกิดหิมะตกหนักในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงค์ ทำให้นางได้พบกับตี้ซิน โอรสสวรรค์ในตอนนั้น”
“แต่ครั้งโบราณนานมา เรื่องความรักระหว่างชายหญิงล้วนไม่อาจแยกแยะได้อย่างชัดเจน เอาเป็นว่าต่อจากนั้นพวกเขาก็รักกัน”
“นายหญิงเป็นผู้มีเมตตา อุปนิสัยนุ่มนวลอ่อนโยน จึงเป็นที่โปรดปรานของโอรสสวรรค์”
พอเสือดำเล่ามาจนถึงตรงนี้ สมองของตู๋กูซิงหลันก็ต้องเกิดเครื่องหมายคำถามตัวโตๆขึ้นมา
นุ่มนวลอ่อนโยน? คนที่พี่เสือดำพูดถึง คือพี่สาวต๋าจี่ที่นางรู้จักนะหนือ?
“เจ้าไม่เชื่อรึ ตอนนั้นนายท่านคือจิ้งจอกที่มีกลิ่นอายของเทพเซียนมากที่สุดในเผ่าจิ้งจอกของพวกเราแล้ว ยามปกตินางแสนจะมีเมตตา ทำความดีสร้างบุญกุศลนับครั้งไม่ถ้วนอยู่เสมอ ดังนั้นจึงเป็นจิ้งจอกที่ฝึกฝนและบำเพ็ญตบะได้ก้าวหน้าที่สุดในเผ่าของพวกเรา”
ตู๋กูซิงหลันรีบส่งสายตา ‘ข้าเชื่อเจ้าแล้ว โปรดเล่าต่อไป’ ให้กับมัน
“แม้กระทั่งยามที่กลายเป็นพระสนมของโอรสสวรรค์ นายหญิงก็ยังเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในความดี มีเมตตาอยู่เสมอ”
“ช่วงเวลาผ่านพ้นไปเนิ่นนานแล้ว ในตอนนั้น สายสัมพันธ์ระหว่างแดนมนุษย์กับแดนสวรรค์ที่มีเทพเซียนยังมิได้ห่างไกลกันซักเท่าไร พวกที่เกิดเป็นมนุษย์ ล้วนถูกบังคับให้ต้องถวายเครื่องสักการะบูชาให้กับแดนสวรรค์ทุกๆปี ทั้งยังต้องทุ่มเทหยาดเหงื่อของผู้คนสร้างวัดวาอารามขนาดใหญ่ถวาย แต่เหล่าเทพที่สูบเลือดและเนื้อของประชานกลับมิได้ทำสิ่งใดทั้งสิ้น รู้จักแต่เป็นเทพที่ดูดกลืนเลือดเนื้อเท่านั้น”
พอพูดถึงตรงนี้ เสือดำก็แยกเขี้ยวยิงฟันออกมา ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง!
ประวัติศาสตร์ที่โลกปัจจุบันนำไปเล่าขาน ล้วนถูกแทรกแซงจากอิทธิพลของแดนสวรรค์ ดังนั้นเรื่องที่มันเล่ามาตู๋กูซิงหลันจึงเชื่อว่ามีความจริง
“แต่แล้วพอมาถึงตี้ซิน เขากลับหัวแข็ง เขาคิดจะเปลี่ยนแปลงสิ่งทุกสิ่งที่ไร้ความยุติธรรม ดังนั้นจึงได้ให้ในแคว้นฝึกฝนเหล่านักพรตขึ้นมา คิดจะต่อต้านพวกเผ่าเทพ”
“ดังนั้นพวกเทพที่เจ้าเล่ห์เพทุบายจึงได้เริ่มค้นหาตัวแทนคนใหม่ และล้มล้างพรรคพวกของตี้ซินให้หมดสิ้น ถึงกับยกอ้างเกียรติภูมิของเหล่าเทพมาก่อความวุ่นวาย ทำศึกต่อเนื่องยาวนานถึงแปดปี”
เมื่อเสือดำเล่ามาจนถึงตรงนี้ ตู๋กูซิงหลันจึงได้ฟังเรื่องนี้ในอีกภาคหนึ่ง
“ตลอดแปดปีแห่งความวุ่นวายนั้น นายหญิงคอยอยู่เคียงข้างตี้ซินอย่างไม่เคยปริปากบ่น ร่วมเผชิญพายุและเมฆฝนไปพร้อมกับเขา ไม่เคยถอยหนีแม้สักครึ่งก้าว”
“แม้กระทั่งเรื่องหอสอยดาวนั่น นางก็ขอให้สร้างขึ้นมาเพื่อนางจะได้ใช้พลังของตนเองสร้างเขตอาคมเพื่อหักล้างกับพลังของพวกเทพสวรรค์ ….”
“นางรักเขา จึงทุ่มเทให้อย่างไร้ข้อแม้ ถึงขนาดที่ว่ายินดีทำทุกสิ่งสละทุกอย่างเพื่อเขา”
“แต่ว่าเขา…..กลับหักหลังนางในตอนสุดท้าย”
เสือดำถอนหายใจออกมา กระทั่งน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็ยังสั่นเทา
“หลังผ่านช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด เมืองเจาเกอ[1]ก็ถูกกองทัพยึดครอง ทั่วทั้งเมืองโลหิตไหลเป็นท้องธาร”
“ทั้งๆที่นางคือพระสนมต๋าจี่ผู้งดงาม มีเมตตาและอ่อนหวาน แต่กลับถูกใส่ร้ายว่าเป็นนางปีศาจที่ล่มบ้านล้างเมือง ทวนเทพเกลียดนาง ประชาชนก็ชิงชังนาง”
“ในวันนั้น โอรสสวรรค์พานางไปที่หอสอยดาว บอกว่าจะร่วมเป็นร่วมตายกับนาง”
“นางก็เชื่ออย่างสนิทใจ”
“นายหญิงรักเขาถึงเพียงนั้น ไหนเลยจะยอมปล่อยให้เขาตายไปได้? ที่จริงนางตระเตรียมทางรอดเอาไว้ให้เขาตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้ต้องต่อสู้กับพวกเทพจนดับสูญ นางก็จะต้องเหลือทางรอดเอาไว้ให้กับเขา”
“แต่ว่าในตอนสุดท้าย เขากลับใช้กระสวยสังหารเทพแทงใส่หัวใจของนางจากด้านหลังอย่างเย็นชา ควักเอาหัวใจครึ่งดวงของนาง ต่อหน้าเหล่าทวยเทพ ต่อหน้ากองทัพกบฏ และต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย”
“ต่อหน้าต่อตาของนาง เขาถวายหัวใจจิ้งจอกเก้าหางให้กับเหล่าเทพบนแดนสวรรค์”
“เขาบอกว่า ‘เราลุ่มหลงจนมัวเมา เพราะถูกจิ้งจอกตัวนี้ยั่วยวน จึงได้กระทำความผิดมหันต์’ ”
“เขาบอกว่า ‘เรายินดีละทิ้งปีศาจจิ้งจอกตนนี้ ขอเทพไท้ทั้งหลายโปรดละเว้นทางรอดให้แก่เราสักครั้ง’ ”
“ใต้หอสอยดาวหลังนั้นล้วนเป็นเหล่าไพร่ฟ้าประชาราษฏร์ที่นางเคยปกป้อง ผู้คนตั้งมากตั้งมายเหล่านั้น….พวกเขาพากันหลงลืมจนหมดสิ้น ว่านายหญิงมอบความรักให้กับพวกเขาราวกับเป็นบุตรของตน!”
“ตอนนั้น…. พวกเขาล้วนเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น พวกเขาทั้งหวาดกลัวและเกลียดชัง ต่างก็พากันด่าทอว่านางคือผู้ที่ล่มบ้านล้างเมือง ปัดความผิดทั้งหลายมาโยนลงบนนาง พวกเขาแทบจะอยากฉีกกินเลือดและเนื้อของนางเสียด้วยซ้ำ”
“ทั้งๆที่ ตลอดแปดปีแห่งการต่อต้านนั่น เป็นนายหญิงคอยปกป้องพวกเขาแท้ๆ”
…………………..
[1] เมืองหลวงของราชวงค์ซาง (商朝)