ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 691 หนูอายุสามขวบ
แสงสว่างในดวงตาคู่นั้น ระยิบระยับวับวาบอย่างยิ่ง
หัวใจของจีเฉวียนถึงกับสั่นสะท้านขึ้นมา รีบคว้ามือของนางเอาไว้ในทันที
เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินตู๋กูซิงหลันไอโขลกๆออกมาหลายครั้ง
จีเฉวียนรีบโอบคนเข้าไปในอ้อมอก ใช้มือลูบแผ่นหลังรับลมหายใจให้กับนาง
พักใหญ่ ตู๋กูซิงหลันถึงได้ค่อยๆระบายลมหายใจออกมา
ยังไม่ทันรอให้จีเฉวียนกล่าวอะไร ก็ได้ยินนางเอ่ยปากว่า “พี่ชายคนงาม ท่านน่าดูจังเลย”
น้ำเสียงนั้นไม่ได้เย้ายวนเหมือนดั่งเสียงของสาวน้อย แต่ว่ากลับแทนที่ด้วยเสียงที่ออกจะสดใสจนไร้เดียงสา
พากว่าฟังแต่เสียงแล้ว คงต้องเข้าใจไปว่าเป็นเสียงของเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุเพียงสามสี่ขวบเท่านั้น
จีเฉวียนตะลึงไปครู่หนึ่ง แววตาของเขาตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ไม่ได้หันเหไปจากร่างของนางเลยแม้แต่ชั่วขณะ
“ท่านมองดูข้าเช่นนี้ ก็เพราะว่าข้าก็น่าดูเช่นกันหรือ?” ตู๋กูซิงหลันเอียงศีรษะ นางรู้สึกแต่ว่าทั่วร่างร้อนรุ่มจนทรมาน ลำคอก็แห้งผาดอย่างยิ่ง
“แต่ไหนแต่ไรเจ้าก็งดงามน่าดูที่สุดอยู่แล้ว” แม้ว่าในใจของจีเฉวียนกำลังเต้นอย่างอึกทึกครึกโครม แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่ง
“ฮิ ฮิ ฮิ” ตู๋กูซิงหลันหัวเราะออกมาในทันที
เพียงแต่ว่าในดวงตาของนางไม่ได้มีความเจ้าเล่ห์อีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่มาแทน ก็คือความไร้เดียงสาอย่างที่สุด ไร้เดียงสาอย่างแท้จริง บริสุทธิ์อย่างยิ่ง
นางเอาแต่ขยับร่างซุกเข้าไปอีก ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองไปที่เขา “แต่ว่าข้ารู้สึกทรมานมากเลย ปวดหัวมากด้วย เจ็บไปทั้งตัว เจ็บจริงๆเจ็บมากๆ…”
“พี่ชายคนงาม ท่านหน้าตาดีมากเลย หากว่าท่านกอดๆหอมๆก็ไม่เจ็บแล้ว”
เดิมทีร่างกายนี้ของตู๋กูซิงหลันพึ่งจะอายุสิบแปดปีเท่านั้น ใบหน้าก็ยังมีเค้าของทารกน้อยอยู่บ้าง พอประกอบกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไร้เดียงสาเช่นนี้ออกมา ก็ทำให้นางดูแล้วเยาว์วัยกว่าเดิมลงไปอีกหลายปี
พอนางบอกเช่นนี้ จีเฉวียนก็กอดนางเอาไว้ในทันที ทั้งยังจูบลงไปบนหน้าผากของนางครั้งหนึ่ง
ริมฝีปากของเขาเย็นซ่าน พอสัมผัสลงบนหน้าผาก ก็ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้นมาก
ที่จริงจีเฉวียนคิดจะเชยหน้าของนางขึ้นมาจูบ แต่ว่ามือขวาของเขาถูกเผาจนเละเทะจึงกลัวว่าจะทำให้นางตกใจ
วิญญาณทมิฬและเหล่าสัตว์อสูรต่างก็เฝ้าอยู่ด้านข้าง
ว่าตามจริงแล้ว ภาพเช่นนี้ดูออกจะประหลาดอยู่บ้าง
ในสมองของวิญญาณทมิฬมีแต่เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มไปหมด …..ทำไมมันมองดูแล้ว ถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่า หลันหลันเปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง
เสียงนั่น….พิกลเกินไปแล้ว….
เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของนางกันแน่?
เหล่าสัตว์อสูรต่างก็ประหลาดใจเช่นกัน
หากว่าพวกมันจำได้ไม่ผิดละก็ แม่นางผู้นี้โหดเหี้ยมจะตายไป แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้ดูทำตัวอ่อนแอป้อแป้เป็นเด็กน้อยเช่นนี้ นี่มันเรื่องอะไรกัน?
หรือว่าจะถูกสิง ดวงวิญญาณในร่างนี้เป็นของผู้อื่น?
พอจีเฉวียนจูบนาง ตู๋กูซิงหลันก็หัวเราะคิกคักออกมา
นางไม่รอช้า ริมฝีปากสีแดงยื่นออกไป ระดมจูบลงไปบนข้างแก้มของจีเฉวียนอย่างถี่ยิบ
“พี่ชายคนงาม ข้าชอบท่าน พอได้เห็นท่านเป็นครั้งแรกก็ชอบท่านเลย!”
“มั๊วะ~มั๊วะ~มั๊วะ~”
แววตาของนางเปล่งประกายราวลูกแก้วเจียรไน
ในดวงตามีแต่ภาพของจีเฉวียน
ตู๋กูซิงหลันมองดูเขาอย่างละเอียดลออ ก็รู้สึกว่ารักอย่างสุดจิตสุดใจ ราวกับว่าฟ้าได้ลิขิตให้นางชอบพี่ชายผู้นี้อย่างไรอย่างนั้น
“ใจข้าเปี่ยมรัก ยิ่งสุขใจกว่าใจเจ้า” จีเฉวียนมองดูนาง ในแววตามีแต่ความเจ็บปวด
จิตวิญญาณของนางได้รับบาดเจ็บจนสาหัส…จนสติสตางค์ไม่สมบูรณ์เสียแล้ว
ตู๋กูซิงหลันได้ฟังแล้ว ก็โยกศีรษะแรงๆ ห่อปากเอ่ยว่า “ข้าฟังไม่เข้าใจว่าท่านพูดอะไร”
ด้วยระดับความรู้ความเข้าใจในภาษาของนางในตอนนี้ ย่อมฟังภาษาที่สละสลวยเหล่านั้นไม่เข้าใจ
จีเฉวียนนิ่งงันไปเล็กน้อย ก็เปลี่ยนคำพูดเป็นภาษาที่เรียบง่ายว่า “ข้าก็ชอบเจ้าเหมือนกัน มากกว่าที่เจ้าชอบข้ามากมายนัก”
ตู๋กูซิงหลันได้ยินแล้ว ก็ยิ่งดีใจขึ้นมา
นางกอดคอของเขาเอาไว้ ประทับรอยจูบลงไปบนใบหน้าของเขาอีกหลายต่อหลายครั้ง “เช่นนั้นท่านต้องชอบข้าตลอดไปนะ หากว่ามีวันใดไม่ชอบขึ้นมาละก็….”
พอพูดถึงตรงนี้ ดวงตาที่ตอนแรกยังเปล่งประกายระยิบระยับ ก็พลันอับแสงลงไปในทันที
“ข้าก็จะยี (ตี)ท่านให้ตายไปเยอ (เลย)”
น้ำเสียงที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่กลับเอ่ยวาจาที่โหดร้ายที่สุดออกมา
ว่าแล้ว นางก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของจีเฉวียนอย่างพออกพอใจ แม้ว่าบนร่างจะยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ แต่ไม่รู้ว่าทำไม พอได้อยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายคนงาม ก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บแล้ว
นางชอบเขามากจริงๆนะ ชอบจนบอกไม่ถูกเลย จนคิดครอบครองเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
จีเฉวียนทั้งรักทั้งตามใจนางอย่างยิ่ง แววตาที่มองดูนาง พลันเปลี่ยนเป็นแววตาที่มองดูบุตรสาวขึ้นมา
เขามีความทรงจำทั้งหมดของซื่อมั่วอยู่ในร่าง ตู๋กูซิงหลันตอนยังเล็กเป็นเช่นไร เขาล้วนรู้ดี
น้ำเสียงของนางในตอนนี้ เหมือนกับยามที่นางเป็นเด็กเล็กๆไม่มีผิด
โดยเฉพาะดวงตาของนางคู่นั้น ยิ่งทำให้เขาคิดถึงนางในยามเป็นเด็กน้อยขึ้นมา
ตู๋กูซิงหลันถูกซื่อมั่วเลี้ยงดูขึ้นมากับมือ การเติบโตทุกช่วงเวลาชีวิตของนาง เขาจดจำได้อย่างชัดเจน
และเพราะเขารู้ จึงทำให้จีเฉวียนเข้าใจนางอย่างกระจ่างดุจลายนิ้วมือของตนเอง
นอกจากรูปโฉมที่เป็นสาวน้อยวัยสิบแปดแล้ว ท่าทางของนาง เหมือนกับนางตอนนี้ยังเป็นเด็กเล็กๆไม่มีผิดเพี้ยน
บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างยิ่ง ทั้งยังเอาแต่ใจ
มือของเขาลูบลงไปบนเส้นผมของนางอย่างแผ่วเบา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองคือใคร?”
“แน่นอนว่าต้องรู้สิ ข้าก็คือเยี่ยซิงหลันยังไงละ!” ตู๋กูซิงหลันพยักหน้า แววตาที่มองดูเขาบริสุทธิ์สดใส “พี่ชายคนงาม ท่านไม่รู้จักข้าหรือ?”
“ย่อมต้องรู้จักเจ้าอยู่แล้ว” ยามที่จีเฉวียนเอ่ยกับนาง น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเสียงที่เอาอกเอาใจเด็กน้อยขึ้นมา
“ข้าเพียงแต่ลืมไป ว่าเจ้ากี่ขวบแล้ว” ว่าแล้ว จีเฉวียนก็เสริมขึ้นอีกคำหนึ่ง
ตู๋กูซิงหลันคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นับนิ้วอย่างเอาจริงเอาจัง เรียกตนเองขึ้นมาว่า “นู๋ ปีนี้สามขวบแย้วนะ!”
วิญญาณทมิฬ “! ! !” คำนั้นมันชอบใช้เรียกตัวเอง หลันหลันเจ้าอย่ามามั่ว!
เหล่าสัตว์อสูร “….” แม่นางผู้นี้ออกจะหน้าไม่อายอยู่บ้าง
แววตาของจีเฉวียนยังคงเปี่ยมไปด้วยความเอาใจใส่และตามอกตามใจ
การตามใจเช่นนี้ เหมือนกับยามที่ซื่อมั่วมองดูตู๋กูซิงหลันอย่างเด็กๆไม่มีผิด
“ที่แท้เจ้าก็สามขวบแล้วนี่เอง…” ใบหน้าที่เย็นชาปานภูเขาน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย พลันเปลี่ยนเป็นบิดาที่การุณขึ้นมาในทันที
“ใช่แล้วล่ะ” นางหัวเราะอย่างไร้เดียงสา “อีกแป็บเดียวนู๋ก็จะโตแล้วนะ”
จีเฉวียนลูบศีรษะของนาง ในหัวใจต้องสะทกสะท้อนและปวดร้าว
จิตวิญญาณของนางต้องบาดเจ็บถึงเพียงไหน ถึงได้ทำให้สติปัญญากลายเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ความทรงจำย้อนกลับไปเมื่อตอนสามขวบ แม้แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาก็ลืมเลือนจนหมดสิ้น
“พี่ชายคนงาม ท่านไม่มีความสุขหรือ?”
ตู๋กูซิงหลันเห็นเขาขมวดคิ้วมุ่น ก็ยื่นมือออกไป ลูบระหว่างหัวคิ้วเบาๆ
“นู๋ไม่ชอบให้ท่านเป็นแบบนี้เลย ….ไม่เหมือนพี่ชายแล้ว เหมือนคุณลุง”
วิญญาณทมิฬ “….” สวรรค์โปรด ตอนนี้มันรู้สึกขนลุกขนพองจนขนจะร่วงหมดตัวแล้ว
มันอดสงสัยไม่ได้ว่า หลันหลันกำลังหลอกกันอยู่หรือเปล่า
เพราะว่าก่อนหน้านี้นางเคยเป็นถึงราชินีจอเงินของโลกปัจจุบันมาก่อนด้วยซ้ำ เรื่องการแสดงต้องเรียกว่าเก่งกาจจนเหลือเชื่อ
คงจะมิใช่เป็นเพราะว่าจีเฉวียนจากนางไปเนิ่นนาน ตอนนี้จึงจงใจหาเรื่องมาล้อเขาเล่นบ้างกระมัง?
ไม่อาจโทษว่าที่มันจะคิดเช่นนี้ เพราะด้วยอุปนิสัยของตู๋กูซิงหลัน ย่อมสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้อยู่แล้ว
ขณะที่มันกำลังคิดเช่นนี้อยู่นั้น ก็เห็นจีเฉวียนปลอบเสี่ยวซิงหลันเรียบร้อยแล้ว แววตาที่เย็นยะเยือกก็มองมาทางวิญญาณทมิฬ
วิญญาณทมิฬถึงกับขนลุกจนพองฟูขึ้นมาในทันที
มันรู้สึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว
มันร้องอย่างน่าสงสารว่า “ฝ่าบาทท่านอาจารย์ หนู ข้า ข้าจุดตะเกียงตรงตามเวลาจริงๆนะ….”
……………….