ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 696 พี่ชายคนดี!
ต่อให้เขาต้องมอบชีวิตของตนเองให้กับนาง ก็จะไม่มีทางทำร้ายนางแม้แต่น้อย
อย่าว่าแต่เรื่องที่จะทำผิดต่อนางเลย นั่นย่อมไม่มีทางอย่างแน่นอน
ที่เขาพาตู๋กูซิงหลันกลับมาที่นี่ ก็เพราะว่าแคว้นต้าโจวมีญาติมิตรของนางอยู่ หากนางได้ใกล้ชิดกับญาติพี่น้องย่อมเอื้อประโยชน์ต่อการฟื้นฟูความทรงจำของนาง
“วันนี้เราผู้เป็นอ๋องขอสาบานต่อหน้าท่านทั้งสอง ชั่วชีวิตนี้จะรักนาง ดูแลนาง และปกป้องนาง ไม่มีทางทำร้ายนาง”
จีเฉวียนกอดสาวน้อยในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น สาวน้อยมีรอยยิ้มอยู่ทั่วใบหน้า
ยามที่ตู๋กูซิงหลันมองดูตู๋กูจุนและตู๋กูถิง ในใจก็รู้สึกดีขึ้นมา นางรู้สึกว่าทั้งสองช่างดูคุ้นเคย ทำให้อยากใกล้ชิด
จีเฉวียนกอดนางเอาไว้แน่น พลางเอ่ยอีกประโยคหนึ่งว่า “หากแม้ผิดคำสาบาน ขอให้ต้องไปเกิดเป็นสัตว์ชั้นต่ำตลอดไป กลายเป็นหมู เป็นแพะ ต้องถูกฆ่าทิ้งทุกชาติไป”
ทั้งจีเฉวียนและซื่อมั่วต่างก็เป็นผู้สูงส่งที่มิว่าใครก็ต้องนับถือ
คำสาบานเช่นนี้ นับว่ารุนแรงและโหดร้ายอย่างที่สุดแล้ว
แม้แต่สองตาหลานตระกูลตู๋กูก็ยังต้องตกตะลึงไป
เห็นท่าทางที่ทั้งเคร่งครัดและหนักแน่นของเขา ทั้งสองยังจะต้องมีอะไรให้คลางแคลงใจอีก
ที่จริงแล้ว….สิ่งที่เขาทำให้กับหลันหลันนับว่ามากเกินพออยู่แล้ว
เพียงแต่พวกเขาวางยอดดวงใจผู้นี้เอาไว้สูงสุดในหัวใจ คอยทนุถนอมมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ย่อมต้องทั้งเสียดายและไม่วางใจที่จะมอบให้ผู้อื่นดูแลนางแทน
ตู๋กูซิงหลันได้ฟังแล้ว ศีรษะเล็กๆนั่นก็ส่ายไปมาอย่างรุนแรง “ข้าไม่ต้องการให้พี่ชายเป็นหมูเป็นแพะ หากว่าท่านเป็นหมูเป็นแพะแล้วละก็….”
พอพูดถึงตรงนี้ นางก็ร้องไห้เสียงดังออกมา “อย่างงั้นนู๋ก็ไม่กล้ากินหมูกินแพะอีกต่อไปแล้วสิ….”
“แต่ว่านู๋ชอบกินเนื้อมากๆเลย แงๆ”
ผู้คนทั้งหมดตัวแข็งทื่อ ถูกสมองที่ย้อนวัยกลับไปของนางทำเอาตกตะลึงกันไปหมดแล้ว
ยังไม่ทันได้หายตกตะลึง ก็ได้ยินตู๋กูซิงหลันเอ่ยต่ออีกว่า “ท่าน….ท่านไปเป็นสุนัขเถอะ….นู๋ไม่กินเนื้อสุนัขนะ…..”
พอคิดอยู่ชั่วแวบ นางก็เอ่ยต่อไปอีกว่า “ไม่อย่างนั้นท่านไปเป็นเหมียวๆก็ได้ ข้าไม่กินเหมียวๆเหมือนกัน”
คำสาบานอันรุนแรงของจีเฉวียนเมื่อครู่ ถึงกับทำให้สองตาหลานตระกูลตู๋กูต้องซาบซึ้งใจแล้ว แต่พอตู๋กูซิงหลันเอ่ยสองประโยคนี้ออกมา ก็ทำให้บรรยากาศอันน่าซาบซึ้งเหล่านั้นสลายไปจนหมดสิ้น
ไม่ใช่แล้ว ดวงใจเอ๋ย เจ้าหลุดประเด็นสำคัญไปแล้ว!
จีเฉวียนชะงักไปเล็กน้อย แล้วเขาก็ยิ้มออกมา ในแววตามีแต่ความทนุถนอมไม่จางหาย “ตกลง เป็นสุนัข เป็นเหมียวๆ เจ้าชอบอย่างไร เราก็จะเป็นเช่นนั้น”
ตู๋กูซิงหลันประทับจูบลงไปบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง “สมแล้วที่เป็นพี่ชายแสนดีของนู๋!”
คำก็นู๋ คำก็พี่ชายแสนดี ทั้งคำพูดคำจาและท่าทางเช่นนี้ หากผู้คนที่ไม่รู้เรื่องได้เห็นเข้าไม่รู้ว่าจะเอียนจนต้องอาเจียนออกมาหรือไม่
แต่ว่าสองตาหลานตระกูลตู๋กูพอได้เห็นท่าทีของนาง ก็มีแต่จะยิ่งหลงใหลขึ้นไปอีกร้อยเท่า ไม่ว่าตู๋กูซิงหลันจะทำอะไร ในสายตาของพวกเขาล้วนเห็นว่าดีทั้งนั้น น่ารักน่าเอ็นดูที่สุด ชนิดที่ไม่มีใครในโลกเทียบได้
หากว่าทั้งสองจะรักใคร่กระหนุงกระหนิงราวกับว่าในโลกใบนี้ไม่มีผู้อื่นผู้ใดอีกแล้ว สองตาหลานตระกูลตู๋กูก็ยังทนดูได้ทั้งนั้น
เมื่อจีเฉวียนหันไปมองดูตู๋กูซิงหลันก็มีแต่รอยยิ้มจนลึกลงไปถึงก้นบึ้งของดวงตา
ครู่ต่อมา เขาถึงได้เงยหน้าขึ้น หันสายตากลับไปที่ร่างของตู๋กูจุน
ที่เขาพาตู๋กูซิงหลันกลับมาที่ต้าโจว ก็เพราะว่ายังมีจุดประสงค์อีกอย่างหนึ่งด้วย นั่นก็คือ ตู๋กูจุน
ดูจากตัวเขาในตอนนี้ของเขา ยังทรุดโทรมยิ่งกว่ายามที่ตนจากไปเสียอีก ดูจากท่าทางแล้วก็ยังไม่ได้ฟื้นคืนความทรงจำในชาติก่อนกลับมาเป็นแน่
จีเฉวียนมีความทรงจำทั้งหมดของซื่อมั่วอยู่ แน่นอนว่าย่อมรวมไปถึงเรื่องทั้งหมดยามที่เขาเคยเป็นหมิงอ๋องด้วย
ใบหน้าของตู๋กูจุนนี้ เหมือนกับซือเป่ยแห่งแดนสวรรค์ทุกประการ ชาติก่อน เขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลซือในแดนสวรรค์ ต่อมาได้กบฎต่อแดนสวรรค์ กลายเป็นหนึ่งในสิบยมราชของตน
สงครามเทพภูติในครั้งนั้น เขาเลือกจะปกป้องเผ่าภูติ (เผ่าหมิง) ปกป้องหมิงอ๋อง จนตายคาคมดาบ
ซื่อมั่วจึงใช้พลังของหมิงอ๋อง ส่งเขากลับไปเกิดใหม่ และมอบฐานะตู๋กูจุนให้กับเขา
ทั้งหมดนี้ ตู๋กูจุนย่อมจำไม่ได้
ยามนี้ เมื่อจีเฉวียนมองดูตู๋กูจุน แววตาก็คลายความเย็นชาลงไปอีกหลายส่วน
แววตาเช่นนั้น พอมองนานเข้าก็ทำให้ตู๋กูจุนเกิดความรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวขึ้นมา
“อาการปวดศีรษะของพี่(ภรรยา)ใหญ่ ดีขึ้นบ้างหรือไม่?” จีเฉวียนถึงกับชิงเอ่ยปากเรียกเขาเป็นพี่ภรรยาก่อน ทำเอาสมองของตู๋กูจุนถึงกับชาจนทำงานช้าไปวูบหนึ่ง
“งานแต่งงานของพวกเจ้ายังไม่ทันได้จัด จะมาเรียกกันเช่นนี้ออกจะไม่เหมาะสมกระมั้ง” ตู๋กูจุนขมวดคิ้ว เห็นท่าทางที่รักใคร่กันอย่างหวานชื่นของทั้งสอง ก็คิดว่าพรุ่งนี้จะต้องรีบไปหาคนของวัดเทียนเจี้ยน เลือกวันมงคล จัดงานแต่งงานนี้ขึ้นโดยไวแล้ว
น้องเล็กเป็นถึงฮ่องเต้หญิงของดินแดนโบราณแห่งนี้ งานอภิเษกของฮ่องเต้หญิง ย่อมต้องยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ
“จะช้าหรือเร็วก็ต้องใช้ เรียกเสียแต่ตอนนี้ จะได้ทำให้เจ้าเคยชินล่วงหน้า”
จีเฉวียนเอ่ยต่อไป เมื่ออยู่ต่อหน้าคนตระกูลตู๋กู คำพูดของเขาก็มากขึ้นตามไปด้วย คงจะเป็นเพราะรักบ้านเผื่อแผ่นกกากระมัง แม้แต่บรรยากาศรอบกายที่สูงส่งเย็นชาก็ยังอ่อนจางลงไปอีกหลายส่วน
ราวกับว่าเขามีความอบอุ่นแบบมนุษย์เพิ่มมากขึ้น
ตู๋กูจุน “……”
สองมือของท่านผู้เฒ่าตู๋กูซุกอยู่ในแขนเสื้อ สีหน้ายังคงแสดงออกว่าไม่ยินยอมสักเท่าไร “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องเรียกข้าผู้เฒ่าเป็นท่านตาก่อน ถึงจะถือว่าเหมาะสม”
จีเฉวียน “ท่านตา”
โอ้ เสียงเรียกนั่น มันช่างคมชัดเสียนี้กระไร แต่ไม่รู้ว่าออกมาจากใจหรือไม่
ท่านผู้เฒ่ารู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจโดนลูกธนูยิงเข้าไปดอกหนึ่งอย่างแม่นยำ คนถึงกับตะลึงจนแข็งค้างไปแล้ว
ตู๋กูซิงหลันได้ยินเขาเรียกท่านตา ก็รีบหันไปเรียกท่านตาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานบ้าง “ท่านตา ท่านตา ท่านตาเจ้าขา”
ตู๋กูถิง “จ๋า หลานคนดี!”
จากนั้นท่านตาก็รีบกลับออกไป ตรงไปยังวัดเทียนเจี้ยนอย่างเร่งด่วน
เขายังรีบร้อนกว่าตู๋กูจุนเสียอีก คิดจะกำหนดวันมงคลโดยเร็วที่สุด!
ในบ้านไม่มีงานมงคลมานานมากแล้ว!
ย่อมต้องจัดอย่างเอิกเกริก
จีเฉวียนมิได้รั้งเขาเอาไว้ เพียงแต่หันเหสายตากลับไปที่ตู๋กูจุนอีกครั้ง
ทั้งยังถามคำถามเดิม อาการปวดศีรษะเป็นเช่นไรแล้ว
ขมับของตู๋กูจุนถึงกับเต้นตุบๆขึ้นมาในทันที ตอนนี้อาการปวดของเขายิ่งทียิ่งกำเริบรุนแรง ก่อนหน้านี้ในหนึ่งเดือนจะเป็นสักครั้ง แต่ว่าตอนนี้กลับเป็นวันละหลายครั้ง
ทำไมจีเฉวียนถึงได้เกิดห่วงใยเขาขึ้นมา?
“ซือหนาน เราติดค้างชีวิตเจ้าชีวิตหนึ่ง ย่อมต้องชดเชยให้เจ้าอย่างดีที่สุด”
ชื่อ ซือหนานสองคำนั้น พอเรียกออกมา สีหน้าของตู๋กูจุนก็เปลี่ยนไปในทันที
ชื่อนั้นเขาเก็บเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจมาโดยตลอด นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เกิดอาการปวดหัวก็มันจะพึมพำชื่อนี้อยู่เสมอ
แต่ว่าแทบจะไม่มีใครรู้เรื่องชื่อนี้เลย ตลอดช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา นอกจากจะออกติดตามค้นหาข่าวคราวของน้องเล็กกับน้องรองแล้ว เขาก็แอบสืบหาเรื่องของ ‘ซือหนาน’ ที่ปรากฏขึ้นในสมองอยู่บ่อยครั้ง แต่กลับสืบไม่ได้ความอันใดทั้งสิ้น
จีเฉวียนไปรู้จักชื่อนี้มาจากที่ใดกัน?
“ไม่จำเป็นจะต้องกังวลไป เมื่อถึงเวลา เรื่องที่สมควรจะคิดออก เจ้าก็ย่อมจะคิดออกได้เอง”
จีเฉวียนพูดพลาง ในฝ่ามือก็ผุดพลังวิญญาณขึ้นมาสายหนึ่ง พลังวิญญาณนี้ถูกส่งไปให้ตู๋กูจุน ผ่านทางหน้าผากของเขา
นั่นเป็นความรู้สึกที่สุขสบายประการหนึ่ง ขมับที่เมื่อครู่เอาแต่เต้นตุบๆอยู่ตลอดเวลาของตู๋กูจุน พลันสงบลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่สมองก็รู้สึกสดใสขึ้นมาก
ตู๋กูซิงหลันเองก็จ้องไปที่เขาด้วยเช่นกัน นางมองเลยไปยังดาบยักษ์ของตู๋กูจุน
ดาบยักษ์เล่มนั้นยังมีรูขนาดใหญ่อยู่รูหนึ่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการซ่อมแซม
นางรีบล้วงสิ่งของสองอย่างออกมาจากในถุงเฉียนคุนอย่างรวดเร็ว ค้อนทลายดวงดาวและดาบคาตานะ ของสองอย่างนี้นางชิงมาจากมือของสองในแปดแม่ทัพแดนสวรรค์
…………….