ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 70 ยำเกรงราวกับลูกหลานคนหนึ่ง
” เกิดอะไรขึ้น? เจ้าทำอะไรลงไป?! ” ตู๋กูเหลียนตระหนกสุดขีด ผีตายโหงนั่นเป็นนางใช้ดวงจิตและโลหิตสดของตนเองหล่อเลี้ยง คนผู้นั้นบอกเอาไว้ว่า มันมีอิทธิฤทธิ์สูงส่ง ไยตู๋กูซิงหลันจึงสลัดหลุดจากการควบคุมของมันได้?
“ก็อย่างที่เจ้าเห็น ว่าเราเหนือล้ำเกินบรรยาย ” ตู๋กูซิงหลันสางผมที่ข้างหูช้าๆ ดวงตาทั้งสองทอประกายสุกใส
นางใช้มือเพียงข้างเดียวบีบคอผีตายโหงนั้นไว้ลากคอมันออกมายืดยาวเสมือนยีราฟต่อหน้าต่อตาตู๋กูเหลียน
ศีรษะของผีตายโหงกำลังจะถูกฉีกทิ้ง แต่เจ้าถวนจื่อตัวดำบนบ่ากลับทำท่าราวสิงโตขู่กรรโชกออกมา มันทำฮึดฮัดวุ่นวาย แม้แต่ศีรษะที่เหลืออยู่อีกเพียงครึ่งเดียวของผีนั้น เจ้าถวนจื่อก็ยังอยากจะกลืนกินลงไปให้ได้
นี่มันคือตัวอะไรกันแน่? กลืนกินได้แม้กระทั่งผีสาง! ไยก่อนหน้านี้จึงไม่เคยเห็นเคยเจอตัวเช่นนี้มาก่อน?
แล้วหญิงผู้นี้คือตัวอะไรกันแน่? ไยจึงสามารถใช้มือเปล่าฉีกทึ้งมันได้? พละกำลังที่เหลือเฟือนั่นแทบจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ แล้ว
ตู๋กูซิงหลันลากผีตายโหงลงมาจากหลังโยนลงไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นจากพื้น เหยียบลงบนครึ่งหน้าที่เหลืออยู่ บดขยี้ลงไปช้าๆ พลางหันไปจ้องมองตู๋กูเหลียนด้วยสายตาอึมครึม “อธิบายมาซิ ใครสอนให้เจ้าเลี้ยงมันไว้? “
เจ้าผีร้ายนั่นพยายามจะพลิกตัว บิดตัวไปมาวุ่นวาย เส้นผมของมันงอกออกมาพันมือเท้าของตู๋กูซิงหลันอีกครั้ง พยายามที่จะควบคุมบังคับร่างกายของนาง
ตู๋กูซิงหลันหรี่ตามองอยู่หลายครั้ง ยกหมัดขึ้นมากำประหนึ่งหัวฆ้อน หมัดนี้กระแทกลงไป อวัยวะบนใบหน้าครึ่งนั้นก็จมลงไปประหนึ่งโดนทุบจนแบน ผีตายโหงนั่นกระอักดวงจิตออกมาคำโต แทบจะดวงจิตแตกสลายไปเสียเดี๋ยวนี้
“เอ๋ๆๆ เจ้าลงมือเบาหน่อยได้ไหม หากทุบจนเละแล้วมันจะไม่อร่อย! ” วิญญาณทมิฬที่อยู่ด้านข้างรีบพูดขึ้นอย่างเร่งร้อน
นังหนูนี่เวลาจับภูตผีทีไรทำไมถึงได้ใช้แต่กำลัง เหมือนตอนอยู่โลกก่อนไม่มีผิด
กว่าจะหาผีตายโหงแบบนี้ได้ ไม่ใช่ง่ายๆ พวกเราอ่อนโยนสักหน่อยดีไหมหืม?
ผีตายโหง “!!! ” ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ทุบข้าให้เละเถอะ ถึงจะถูกทุบจนวิญญาณต้องแตกสลายก็ยังดีกว่าถูกเจ้าถวนจื่อนี่กลืนกิน
ตู๋กูเหลียนได้แต่ซีดจนหน้าเขียวเป็นผัก ท่าทางของนางเสมือนได้เจอตู๋กูซิงหลันเป็นครั้งแรก “เจ้าไม่ใช่ตู๋กูซิงหลัน เจ้าเป็นใครกันแน่? “
ตู๋กูซิงหลันเป็นเพียงหญิงสาวสูงศักดิ์ที่อ่อนโยนผู้หนึ่งเท่านั้น ไหนเลยจะสามารถจับผีด้วยมือเปล่าได้กัน?
ตู๋กูซิงหลันคลี่ยิ้มบางๆ พริบตาเดียวก็หิ้วผีตายโหงที่สภาพร่อแร่ไปที่เบื้องหน้าตู๋กูเหลียน ใช้มือข้างหนึ่งเชยคางนางขึ้นมา จ้องเข้าไปในดวงตาของตู๋กูเหลียน “ที่เราถามเจ้า เจ้ายังไม่ได้ตอบ มัวพร่ามอะไรอยู่? “
ตู๋กูเหลียนไม่รู้วิธีควบคุมภูติผีแม้แต่น้อย เป็นใครกันที่มีความสามารถขนาดทำให้นางชุบเลี้ยงผีตายโหงชุดแดงได้?
เต๋อเฟยรึ? อาจไม่แน่ว่าใช่
“ไม่พูดหรือไง? ” ตู๋กูซิงหลันเห็นนางปิดปากไม่ว่ากล่าวก็ไม่โกรธเคือง
นางปล่อยมือจากตู๋กูเหลียน กำหมัดขึ้นมาอีกครั้ง ต่อยออกหมัดหนึ่งกระแทกลงบนอกบริเวณหัวใจของผีตายโหงนั่น ดวงจิตของผีร้ายสั่นสะท้าน แทบจะแตกสลายกับคืนสู่ธรรมชาติ
วิญญาณทมิฬปวดใจเหลือเกิน หากว่าอาหารของมันถูกทุบจนแหลกเละ รสสัมผัสก็จะไม่ดีเท่าไหร่ ทั้งยังมีผลต่อคุณภาพอาหารด้วย
มันขยับตัวดุ๊กดิ๊ก ขยำมือเล็กๆ ไปมา อย่าจะเข้าไปห้ามแต่ก็ไม่กล้า เพราะตู๋กูซิงหลันไม่เหลือบแลมันแม้แต่น้อย
ตู๋กูเหลียนเองก็เจ็บปวดบริเวณหัวใจจนกระตุกขึ้นมาเช่นกัน นางทำสัญญาผูกพันกับผีร้ายนั่นไปแล้ว หากว่าผีร้ายนั่นตาย ตัวนางแม้ไม่ตายก็เท่ากับเหลือชีวิตเพียงครึ่งเดียว แต่ตู๋กูซิงหลันกลับไม่หยุดมือ นางล้วงเอายัตน์เหลืองแผ่นหนึ่งออกมาไว้ในมือ จากนั้นก็ต่อยกระหน่ำลงไปแบบไม่ยั้ง ทุกหมัดที่กระแทกลงไป ผีร้ายเป็นต้องร่ำร้องอย่างโหยหวน หลังจากห้าหกหมัดที่กระหน่ำลงไปติดๆ กัน มันก็ทนทานไม่ไหวอีกต่อไป ใช้ปากที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวนั้นพูดว่า “พอแล้วๆ อย่าตีข้าอีกเลย หากยังตีต่อไปคงไม่เหลือชีวิตผีอีกแล้ววววว…..”
ตู๋กูซิงหลันยกยิ้มมุมปาก กวาดตามองมันราวกับจอมมารตนหนึ่ง “อ๋อ ที่แท้เจ้าก็พูดจาได้นิ? “
ผีตายโหง “……” ต่อให้ข้าพูดไม่ได้ยามนี้ก็ต้องถูกบังคับให้พูดออกมาแล้ว
ตู๋กูเหลียนที่เจ็บปวดจนมึนไปหมดก็ยังตระหนกจนไม่ได้สติ นางคิดมาตลอดว่าผีตายโหงตัวนี้เป็นใบ้ รู้จักแต่ดื่มเลือดกลืนกินดวงจิต
“เดิมข้าเป็นเพียงนางกำนัลในวังที่ถูกโยนทิ้งลงบ่อน้ำให้ตายอย่างอนาถ เมื่อตายแล้วก็มีแรงพยาบาทเข้มข้น โชคดีบังเอิญได้พบกับผู้บำเพ็ญเซียนผู้หนึ่งช่วยให้ข้าได้กลายเป็นภูตผี ท่านเซียนมีบุญคุณต่อข้า ครั้งนี้เพียงแต่ต่อการให้ข้าตอบแทนบุญคุณ เท่านั้น ให้ข้าทำความต้องการของหญิงผู้นี้ให้สำเร็จ ” ผีตายโหยพูดอย่างอ่อนแรง ตู๋กูเหลียนเองก็เจ็บปวดจนสลบไสลไปแล้ว
จากนั้นก็ได้ยินมันกล่าวต่อว่า “ผีอย่างพวกเราก็ต้องมีคุณธรรมใช่ไหม ได้รับบุญคุณมาแม้เล็กน้อยย่อมต้องตอบแทน ท่านดูเถอะ ข้าเป็นผีที่ดีขนาดไหน ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ท่านได้โปรดปราณีมีเมตตาปล่อยข้าไปได้ไหม? “
ตู๋กูซิงหลันจ้องเขม็งไปที่มัน “ดังนั้นท่านเซียนนั่นคือใครกันแน่? “
ใช่ว่าเป็นคนเดียวกันกับผู้ที่บงการผึ้งพิษของหยวนเฟยหรือไม่?
ผีตายโหงส่ายศีรษะไปมา “เซียนผู้นั้นเป็นผู้สูงศักดิ์ ฐานะของท่าน ผีน้อยอย่างข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? “
ตู๋กูซิงหลัน “เจ้าผี กินมันไปเถอะ ไอ้นี่มันไร้ประโยชน์แล้ว”
วิญญาณทมิฬที่รอคอยอยู่ด้านข้างนานแล้วก็กระโดดเข้าใส่ เมื่อครู่มันกลืนผีร้ายนั่นไปครึ่งหัว ฟันทั้งหมดของมันก็งอกคืนมาครบแล้ว ดวงจิตก็แข็งแกร่งขึ้นอีกเล็กน้อย หากว่าได้กินลงไปทั้งหมดล่ะก็ ร่างจิตของมันก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว! นี่ช่างเป็นโชคดีจริงๆ!
พอเห็นถวนจื่อตัวดำอ้าปากสีแดงเลือดขึ้นมา ผีตายโหงก็หวาดผวาจนเข้าไปกอดขาตู๋กูซิงหลันไว้ “ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ๆ เซียนผู้นั้นก็เหมือนกับท่าน รู้จักวิชาไสย์เวทย์! สามารถเสกยันต์ได้….แต่ว่าอ่อนโยนกว่าท่านมาก ข้าน้อยรู้แต่เพียงเท่านี้จริงๆ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเซียนผู้นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ขอท่านโปรดปล่อยข้าไปเถอะ”
ผีตายโหงร่ำไห้แล้ว น้ำตาเป็นสายเลือด ขดตัวเป็นก้อนกลม ยำเกรงประหนึ่งเป็นเพียงลูกหลานคนหนึ่ง
“ยังมีอีกอย่าง น้ำเสียงของท่านเสียงน่าฟังมาก แต่ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิงกันแน่ ” ผีตายโหงที่กลัวว่าจะต้องตายอีกครั้งได้แต่บอกทุกสิ่งที่ตนรู้
จริงๆ นะ สตรีตรงหน้านี้ยังน่ากลัวกว่าจอมมารเสียอีก!
ครั้งหน้าหากได้พบเจอ มันจะต้องอ้อมหลบไป อย่าได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับสตรีผู้นี้มีแม้แต่น้อย
ตู๋กูซิงหลันทอดถอนใจอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยถามต่อว่า “หากว่าเจ้าได้เจอเซียนผู้นั้นอีก จะจดจำได้ไหม? “
ผีตายโหงสั่นศีรษะหลายครั้ง แล้วค่อยพยักหน้าติดๆ กัน “ข้า ข้า ข้าก็ไม่แน่ใจ ……….ท่านเซียนมีแสงสว่างสาดส่องอยู่ตลอดเวลา…”
“หลัน หลัน เจ้าจะมัวพูดมากไร้สาระไปทำไม อั๊วหิวจะตายอยู่แล้ว ตกลงจะให้กินได้หรือยัง ” วิญญาณทมิฬรีบร้อนเสียจนจะไฟลุกอยู่แล้ว
ตู๋กูซิงหลันไม่สนใจมัน นางใช้มือข้างเดียวหิ้วผีร่อแร่หมดสภาพนั้นขึ้นมา หยิบยันต์แผ่นหนึ่งผนึกเข้าไปในร่างของมัน จากนั้นก็โยนมันลงไปบนร่างของตู๋กูเหลียนใหม่อีกครั้ง
ตู๋กูเหลียนสำลักอากาศออกมาครั้งหนึ่ง ค่อยๆ ได้สติขึ้นมา
ที่แท้เมื่อครู่เจ้าผีตายโหงนั่นคืบคลานช้าๆ เข้าไปในตัวตู๋กูเหลียน หลังจากนางชะงักไปชั่วครู่ แววตาก็พลันเปลี่ยนไป
นางลุกขึ้นยืน หันมาตอบตู๋กูซิงหลันว่า “ขอบคุณท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่เมตตาไว้ชีวิต! “
นางจอมมารผู้นี้ ไม่เพียงไม่ฆ่ามัน ทั้งยังยอมให้มันยึดร่างของตู๋กูเหลียน!
ได้อยู่ในร่างที่อบอุ่นมีชีวิต ทำเอาผีตายโหงน้ำตาไหล ……ความรู้สึกที่ได้กลับมาเป็นคนมีชีวิต ช่างดีเหลือเกิน