ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 723 สถานการณ์พลิกกลับ?
ตู๋กูซิงหลันนั่งไม่ติดอีกต่อไป มองเห็นคนที่เหมือนกับนางทุกกระเบียดนิ้ว ราวกับว่ากำลังส่องกระจกอยู่ จะอย่างไรก็รู้สึกว่าแปลกประหลาด
นางกุมมือของจีเฉวียนเอาไว้แนบแน่น ก้าวออกมาจากเกี้ยวมงคลด้วยตนเอง
ทันใดนั้น เสียงกรุ๊งกริ๊งดังออกมาจากชุดแต่งงานของนาง ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของฝูงชนทั้งหมด
ถึงแม้จะบอกว่าทั้งสองเหมือนกัน แต่คนหนึ่งสูงส่ง คนหนึ่งก้มศีรษะต่ำ ราศีของทั้งสองแตกต่างกันอย่าลิบลับราวฟ้ากับดิน
ตู๋กูซิงหลันมองลงไป ดวงตาดอกท้อทั้งคู่จับจ้องไปยังดวงวิญญาณดวงนั้น
นางสูดอากาศเข้าไป ดมดูอย่างละเอียดลออ
อืม….กลิ่นที่ได้กำจายออกมาจากดวงวิญญาณดวงนั้น มีกลิ่นจางๆที่เหมือนกับของตนเอง
มีกลิ่นหอมอ่อนๆจางๆของดอกฮว๋าย
ตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินร่างเดิมเอ่ยต่อไปว่า “วันนี้ที่มาเข้าเฝ้าฮ่องเต้หญิง ก็เพราะว่ามีคนบงการ ต้องการให้ข้า ใส่ความท่านต่อหน้าปวงประชาว่าเป็นเพียงตัวปลอม”
ว่าแล้ว นางก็หันหน้ากลับไป จดจ้องไปที่ฉางซุนซิ่วอย่างนิ่งๆ
ฉางซุนซิ่ว “! ! !”
เมื่อครู่เขายังมีความมั่นใจอยู่อย่างเต็มเปี่ยม แต่ตอนนี้เพียงแค่ประโยคเดียวของดวงวิญญาณในร่างเดิมกลับกระชากสติของเขาทิ้งไป
นางกำลังพูดเรื่องอะไร?
คราวนี้ สายตาของฝูงชนทั้งหมด ก็ย้ายจากร่างของวิญญาณในร่างเดิม ไปยังฉางซุนซิ่ว
ตั้งแตกแรกพวกเขาก็ไม่เชื่ออยู่แล้วว่าฮ่องเต้หญิงจะทรงเป็นตัวปลอม แต่ในเมื่อราชครูผู้นั้นยืนยันอย่างหนักแน่น ก็เดาว่าคงจะมีหลักฐานอะไรบางอย่างอยู่….
ดังนั้นตอนที่ได้เห็นดวงวิญญาณดวงนั้น ทั้งหมดก็เกือบจะหลงเชื่อไปแล้ว
ใครจะไปคิดว่าสถานการณ์จะพลิกกลับอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้?
“เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใ? ผู้ใดจะไปบีบบังคับบงการเจ้าได้กัน?!” ฉางซุนซิ่วหัวเสียจนเกรี้ยวกราดออกมา อยากจะตบนางให้ตายคาฝ่ามือในครั้งเดียว
เขาต้องการให้นางมาพิสูจน์ตัวตนกับนังตัวปลอมนั่น มิใช่หันกลับมาแว้งกัดเขา!
“ใต้เท้าราชครู นอกจากท่านแล้ว ยังจะมีผู้ใดมีความสามารถบีบบังคับข้าได้อีก?” วิญญาณในร่างเดิมก็ไม่กลัว ถึงอย่างไรร่างนี้ก็คือส่วนหนึ่งของตู๋กูซิงหลัน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะอ่อนแอไม่กล้าต้านทาน แต่ว่าตอนนี้ก็แข็งข้อขึ้นมาแล้ว
นางลุกขึ้น ยืนอยู่ข้างกายจีเย่ว์ เมื่อมีจีเย่ว์คุ้มครอง ก็มีความมั่นใจกว่าเดิม
“เจ้าทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นฮ่องเต้หญิงทรงมีความสุข ยิ่งไม่อยากให้แผ่นดินแห่งนี้มีความสงบสุข ดังนั้นจึงได้เลือกที่จะเป็นไม้กวนปุ๋ยท่อนใหญ่ ก่อความวุ่นวาย ในวันมหามงคลเช่นนี้”
“เจ้า!” ฉางซุนซิ่วแค้นจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว ขมับของเขาปวดตุ๊บๆ แม้ว่าจะเคยคิดถึงความเป็นไปได้เอาไว้มากมาย แต่ก็ไม่เคยนึกว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้
คราวนี้ จีเฉวียนที่เงียบงันมาโดยตลอด ค่อยเอ่ยปากว่า “อ้อ จิตใจชั่วร้ายของเจ้า นับว่ากำเริบไม่น้อย”
น้ำเสียงเย็นยะเยือก ราวกับว่าไหลผ่านแท่งน้ำแข็ง ทำให้คนต้องสั่นสะท้าน
สถานการณ์เช่นนี้ ทำเอาแม้แต่ซือหลินก็ยังมีแต่เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาในหัวเต็มไปหมด
เป็นไปไม่ได้ ก็ก่อนหน้านี้จีเย่ว์ได้บอกเอาไว้แล้วว่า จะเรียกจิตวิญญาณของร่างเดิมออกมา เผชิญหน้ากับฮ่องเต้หญิง ทำไมพอถึงช่วงสำคัญถึงได้พลิกกลับลำเสียได้?
สมกับที่เป็นพวกมดปลวกต่ำต้อย ปากเอ่ยถ้อยคำใดล้วนเชื่อถือไม่ได้ทั้งสิ้น
ซือหลินขุ่นข้องอย่างรุนแรง เหตุการณ์ที่อยู่ๆก็พลิกกลับเช่นนี้ อาจทำให้แผนการที่นางวางเอาไว้ต้องวุ่นวายไป
แต่ว่านางก็ยังคงรีรอ มิได้รีบร้อนเคลื่อนไหว
อีกด้านหนึ่ง ฉางซุนซิ่วก็ยังไม่ถึงกับสติหลุดไป เขาเกรี้ยวกราดอยู่ครู่หนึ่งก็รีบสงบใจลง
เขาเป็นคนฉลาด จึงไม่ไปต่อคำกับจีเฉวียน แต่เลือกที่จะหันกลับไปเล่นงานกับวิญญาณในร่างเดิม
“เจ้าบอกว่าข้าบงการเจ้า พูดออกมาเพียงแค่ลมปาก จะทำให้ผู้อื่นเชื่อได้อย่างไร”
น้ำเสียงของเขาเย็นลงไปอีกหลายส่วน ขยับร่างเข้าไปในดวงวิญญาณนั้นอีกก้าวหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นจดจ้องไปที่นาง อย่างแทบจะอยากพุ่งเข้าไปทะลวงนางเป็นโพรงโพรงหนึ่ง
“เจ้าต่างหากที่สามารอธิบายได้หรือไม่ว่า ทำไมรูปลักษณ์วิญญาณของเจ้าถึงได้เหมือนกับตู๋กูซิงหลันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน?”
คำถามนี้ ผู้คนทั้งหมดต่างก็สงสัยเช่นกัน
พอเขาถามขึ้นมา ต่างก็รู้สึกว่าช่างประจวบเหมาะจริงๆ
วิญญาณเจ้าของร่างถูกเขาถามเช่นนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
มือของนาง อดไม่ได้ที่จะจับชายเสื้อของจีเย่ว์เอาไว้
จีเย่ว์ก้าวออกไป บดบังนางเอาไว้ที่ด้านหลัง
“หากมิใช่เพราะว่านางเหมือนกับฮ่องเต้หญิง แล้วจะถูกเจ้าบีบบังคับให้ออกมาท้าพิสูจน์กับฮ่องเต้หญิงหรือ?”
จีเย่ว์สาดสายตาเย็นชาใส่เขา “เพียงแต่หากจะให้ตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น พวกเราย่อมไม่อาจหักใจทำชั่วได้จริงๆ”
“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” ฉางซุนซิ่วอยากจะฆ่าคนทั้งคู่นี้ให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้
พอคิดย้อนกลับไปถึงช่วงที่ได้ติดต่อกับจีเย่ว์ ตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกขึ้นมาว่า ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ ตนเองกับใต้เท้าซือหลินคงจะถูกจีเย่ว์ล่อลวงเสียแล้ว
จีเย่ว์ปากก็บอกว่าเกลียดชังจีเฉวียนกับตู๋กูซิงหลัน แต่ว่าพอถึงตอนนี้กลับช่วยปกป้องนังตัวปลอมนั่นอยู่ตลอดเวลา บางทีที่เคยบอกว่าจะมาพิสูจน์กันนั้น ก็พูดออกมาเพื่อหลอกลวงพวกเขามาโดยตลอด?
น้ำเสียงเย็นชาของจีเย่ว์ยังไม่ทันจบ ฝูงชนต่างก็ต้องลืมตาโต เมื่อเห็นเขาคุกเข่าลงไป เงยหน้ามองดูตู๋กูซิงหลันที่ยืนอยู่บนกำแพงสูง
“ชีวิตนี้ของจีเย่ว์ เป็นฮ่องเต้หญิงทรงประทานลงมา นางในดวงใจของข้า ก็เป็นฮ่องเต้ทรงช่วยเอาไว้ พอได้ยินข่าวว่าฝ่าบาทจะทรงอภิเษก พวกเราก็คิดจะเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี”
ว่าแล้ว ราวกับเกรงว่าฝูงชนจะได้ยินไม่ชัด เขาก็เอ่ยเสียงดังขึ้นกว่าเดิมด้วยความใจเย็น “เรื่องของข้า ไม่จำเป็นต้องยกมาพูดกันอีกแล้ว นางในดวงใจของข้า ตอนนั้นได้ตายไปแล้ว แต่เพราะว่าฮ่องเต้หญิงทรงเมตตาเห็นใจพวกเรา จึงได้ใช้เศษเสี้ยวดวงจิตของตนเองเป็นแกน ให้คนรักของข้าได้อาศัยเป็นที่พักพิง ทำให้นางสามารถอยู่เคียงข้างข้าได้ต่อไป ดังนั้น รูปลักษณ์วิญญาณของนาง จึงเหมือนกับฮ่องเต้หญิงทุกประการ”
ว่าแล้วจีเย่ว์ก็โขกศีรษะให้ตู๋กูซิงหลันต่อหน้าฝูงชนทั้งหลายครั้งหนึ่ง “พระเมตตาอันยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้หญิง พวกเราย่อมไม่มีทางลืมเลือนไปได้”
เขาเล่าเรื่องทั้งหมดออกมาในรวดเดียว ผู้คนทั้งหลายจึงเกิดความเข้าใจขึ้นมา ที่แท้จิตวิญญาณดวงนั้นก็คือวิญญาณที่แยกออกไปของฮ่องเต้หญิงเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่นนั่นเอง
ในเมื่อเดิมก็เป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณฮ่องเต้หญิง เช่นนั้นหากจะเหมือนกับพระองค์ก็คงไม่มีอะไรแปลก
“ใครจะคิดว่าพอพวกข้ามาถึงเมืองหลวง ก็ถูกราชครูเสาะหาจนเจอ เขารู้ว่าวิญญาณคนรัก ของข้าเหมือนกับฮ่องเต้หญิง ก็บีบบังคับพวกเรา ให้มาใส่ความว่าฝ่าบาททรงเป็นตัวปลอม!”
“อืมๆๆ ใช่แล้ว” วิญญาณในร่างเดิมรีบขานรับ
ดาบที่ทั้งสองคนร่วมมือกันทิ่มแทงนี้ แทบจะทำให้ฉางซุนซิ่วต้องลาโลกไป
ความสามารถในการกล่าววาจาเหลวไหลของพวกมัน ไม่เอาไปแต่งนิทานช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเหลือเกิน!
คราวนี้ สายตาของฝูงชนที่มองไปยังฉางซุนซิ่วต่างก็เปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยาม
เจ้าคนทรยศชาติบ้านเมืองผู้นี้ ตอนนั้นอดีตฮ่องเต้ทรงไว้ชีวิตมันไปแล้วครั้้งหนึ่ง ก็ต้องนับว่าฟ้าดินเมตตาปรานีมากแล้ว ตอนนี้ยังกล้ามาเล่นงิ้วทุเรศทุรังในวันอภิเษกของฮ่องเต้หญิงอีกหรือ คนผู้นี้ช่างน่าสะอิดสะเอียนเสียจริงๆ
ยังโชคดี ที่พวกเขาเลือกที่จะเชื่อในฮ่องเต้หญิงตั้งแต่แรก!
บนกำแพงสูง ดวงตาหงส์ที่เย็นชาของจีเฉวียนยังแฝงเอาไว้ด้วยรอยยิ้มสามส่วน
เรื่องราว ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้หรอกนะ
พอเห็นเขาเผยรอยยิ้มออกมานิดหนึ่ง ฉางซุนซิ่วก็ถึงกับระเบิดอารมณ์ในทันที
ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงก่ำ จ้องมองจีเย่ว์และวิญญาณในร่างเดิมนั้นอย่างเคียดแค้น
“ข้าน่ะหรือที่บีบบังคับพวกเจ้า ข้าอาศัยอะไรไปบีบบังคับพวกเจ้ากัน? เจ้าเป็นถึงอี้อ๋อง เก่งทั้งบู๊บุ๋น ทั้งยังเป็นทายาทรุ่นหลังของศพคืนชีพ ข้าจะไปบีบบังคับอะไรพวกเจ้าได้?”
“เป็นพวกเจ้าต่างหากที่วางกับดัก คิดจะบีบบังคับให้วันนี้ข้าต้องอับจนหนทาง!”
……………………