ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 776 นางไม่ยินยอม นางทนไม่ได้
เห็นเขาไม่พูดไม่จา นางก็ยิ่งร้อนใจกว่าเดิม
แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่เคยหลั่งน้ำตาโดยง่าย แต่ว่ายามนี้น้ำตากลับไหลออกมาเป็นสายไข่มุก ด้วยความร้อนใจไปหมด
“จีเฉวียน เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” นางร้องไห้พลางก็คว้าเขาไว้แนบแน่นกว่าเดิม แทบจะอยากมอบชีวิตของตนเองให้กับเขา
แต่ว่าร่างกายของจีเฉวียนกลับทนไม่ไหวแล้ว
อวัยวะภายในทั้งหมดบอบช้ำ มุมปากมีเลือดไหลออกมาเป็นสีดำ จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาอีกหลายคำ ราวกับน้ำป่าไหลหลาก เปรอะเปื้อนลงไปบนทรวงอกของตู๋กูซิงหลัน
เลือดที่ระอุร้อนลวกลงมา
ทำให้หัวใจของนางเย็นวาบ
นางทั้งหมดแรง หวาดกลัว และยังสิ้นหวัง ความรู้สึกในทางร้ายประดังเข้ามาพร้อมๆกัน
ครั้งก่อนที่นางรู้สึกสิ้นหวังเช่นนี้ ก็คือตอนที่อาจารย์และจีเฉวียนต่างก็ ‘ตายจากไป’
คิดไม่ถึงว่าในชาตินี้จะต้องเผชิญกับความรู้สึกนั้นอีกครั้งอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
ตู๋กูซิงหลันคว้ามือของเขาเอาไว้ ดึงฝ่ามือใหญ่โตของเขามาวางลงที่หน้าท้องของตนเอง “มีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกกับเจ้า ว่าพวกเรา….กำลังจะมีลูกแล้วนะ”
ตอนที่เขาบุกขึ้นมาบนแดนสวรรค์ นางก็คิดจะบอกเขาแล้ว
พวกนางมีบุตรของตนเอง กำลังจะได้เป็นพ่อเป็นแม่คนแล้ว
“เด็กน้อยไม่อาจขาดบิดา” ตู๋กูซิงหลันหลั่งน้ำตาปานสายฝน โอบกอดเขาแนบแน่น ด้วยความเกรงว่าหากคลายออกเพียงเล็กน้อยนางก็จะต้องสูญเสียเขาไปตลอดกาล
จีเฉวียนมองดูนาง ดวงตาหงส์ที่อ่อนโยนมีความประหลาดใจ ทั้งเสียดาย ไม่อาจตัดใจอย่างมากมาย
ฝ่ามือใหญ่โอบหลังศีรษะของนางเอาไว้ พยายามใช้กำลังเฮือกสุดท้ายเอ่ยกับนาง “ซิงซิง ขอบใจเจ้า”
ว่าแล้ว ทรวงอกของเขาก็บังเกิดแสงสีดำอมทอง ในนั้นเหมือนมีบางสิ่งอยู่ภายใน กำลังจะเคลื่อนเข้าไปในร่างกายตู๋กูซิงหลัน
“ลูกเล่นนี้ข้าเคยใช้มาก่อนแล้ว” ตู๋กูซิงหลันยับยั้งเขาเอาไว้ในทันที
“เจ้าอย่าได้คิดจะทำให้ข้าลืมเจ้าอย่างเด็ดขาด!” น้ำเสียงของนางสั่นสะท้าน ทั้งยังสะอึกสะอื้นอยู่หลายครั้ง
ตอนนั้นยามที่นางยังเป็นจู่ฮว๋าย ก็เคยกลัวว่าเมื่อตนเองตายไปแล้ว ซีเหอจะต้องเศร้าเสียใจ ดังนั้นจำต้องลบความทรงจำของซีเหอทิ้งไป ทำให้เขากลายเป็นอ๋องแห่งเผ่าภูติ
มาตอนนี้จีเฉวียนก็คิดจะลบความทรงจำของนาง เพื่อให้นางลืมเขาไปตลอดกาล
นั่นไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
“เจ้าอยู่ก็เป็นคนของข้า ตายก็เป็นผีของข้า ไม่อาจไปจากข้าตลอดกาล และอย่าได้คิดจะทำให้ข้าลืมเลือน!”
จีเฉวียนกอดนางเอาไว้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตู๋กูซิงหลันกำลังตัวสั่นสะท้าน
ภรรยาตัวน้อยผู้นี้ ทำให้เขาไม่อาจคลายความกังวลใจได้เลย
แต่ว่าเวลาของเขามีไม่มากแล้ว
สุดท้ายก็ได้แต่จูบหนักๆลงบนหน้าผากของตู๋กูซิงหลันเป็นครั้งสุดท้าย
“รอข้า”
สองคำนี้ คือคำอำลาคำสุดท้ายระหว่างพวกเขา
“ข้าไม่รอ! หากว่าเจ้ากล้าตาย ข้าก็จะตายตามเจ้าไปด้วย!”
ตู๋กูซิงหลันหวาดกลัวการรอคอยที่สุดแล้ว นางกลัวว่าเมื่อต้องรอคอยสิ่งที่ได้กลับมาจะมีเพียงความว่างเปล่า
นางไม่ยินยอม นางทนไม่ได้ นาง….ร่ำร้องปานสายฝน
“ความผูกพันนี้ ทำเอาเฮียจะน้ำตาไหลแล้ว” ติ๊งต๊องก็เริ่มหลั่งน้ำตาบ้างแล้ว
วิญญาณทมิฬก็พลอยสะเทือนใจไปกับมัน อยากร้องไห้เช่นกัน
ผู้คนในเผ่าภูติต่างก็มองดู ในใจต้องวูบโหวงไปด้วย …..ความรักของฝ่าบาทช่างยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว
ตู๋กูซิงหลันยังคงเกาะกุมจีเฉวียนเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ข้าจะพาเจ้าไปยังโลกปัจจุบัน ที่นั้นมีหมอที่เก่งกาจที่สุด ข้าไม่เชื่อหรอกว่าในโลกนั้นจะไม่มีผู้ที่ช่วยเหลือเจ้าได้!”
นางพูดพลาง ก็กอดจีเฉวียนแนบแน่น
พริบตานั้นก็นำพาจีเฉวียนหายลับไปจากสายตาของทุกผู้คน ตรงไปโผล่ที่หุบเหวไร้ก้นบึ้งในทันที
มีแต่บิดาคนงามเท่านั้นที่สามารถพาพวกนางกลับไปที่โลกปัจจุบันได้ ตู๋กูซิงหลันไม่ต้องการเสียเวลาแม้แต่น้อย
ผู้คนทั้งหมดมองดูเงาหลังของพวกนางที่หายลับไปกับตาด้วยความตื่นตะลึง
ตอนที่เยี่ยจ้านเห็นบุตรสาวของตนเองพาจีเฉวียนมา เขาก็ต้องตกใจจนแทบกระโดด
“ท่านพ่อ หากส่งกลับไปไม่ได้ ข้าก็ขอตายไปพร้อมกับเขา!” ตู๋กูซิงหลันไม่คิดจะพูดจายืดเยื้อกับเขา นางใจร้อนดังกองไฟ ระหว่างทางที่มาก็ถ่ายทอดพลังของตนเองให้กับจีเฉวียนอยู่ตลอด
นางพูดจริง หากว่าไม่อาจอยู่ด้วยกัน นางก็ขอตายไปพร้อมกับจีเฉวียน
และพาลูกของพวกนางไปด้วย!
อย่าได้บอกว่านางใจร้าย ตู๋กูซิงหลันไม่อาจมีชีวิตอยู่เพียงผู้เดียวเพื่อคลอดทารกแล้วค่อยตายตามไป
นางไม่ต้องการทอดทิ้งเขาเอาไว้เพียงคนเดียวในโลก ไม่ต้องการให้เขาอยู่อย่างไร้บิดามารดาปกป้อง
เยี่ยจ้านร้อนใจจนลนลานไปหมด เขากลัวว่าบุตรสาวสุดที่รักจะปลงไม่ตก ฆ่าตัวตายไปจริงๆ
จึงได้แต่ยอมสูญเสียพลังตบะอีกห้าหมื่นปี ฝืนกำลังเปิดผนึกของลูกแก้วขึ้นมา ส่งคนทั้งสองกลับไปอย่าล้มลุกคลุกคลาน
“ลูกสาวสุดที่รัก อย่าได้คิดไม่ตกเป็นอันขาด ไอ้เฒ่านั้นพลังชีวิตยิ่งใหญ่จะตายไป ต่อให้ไม่มีลมหายใจไปวูบหนึ่งก็ไม่ต้องร้อนใจ ฝังเอาไว้ในดิน รอไปสักพัก เดี๋ยวก็งอกขึ้นมาเป็นไอ้เฒ่าไม่รู้จักตายเอง!”
ขณะที่ตู๋กูซิงหลันพาจีเฉวียนไปนั้น เยี่ยจ้านยังเอาแต่ตะโกนตามหลังไปอย่างสุดเสียง
จนผ่านไปเนิ่นนานในภายหลัง เยี่ยจ้านก็ยังไม่รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาเป็นเช่นไร
เพียงแต่แดนสวรรค์ที่ถูกเพลิงมารเผาผลาญจนดำเป็นตอตะโกไปทั้งแถบ ในที่สุดก็กลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยอีกครั้ง
หกภพภูมิคืนสู่ความสงบสุข แดนสวรรค์นั้นมอดไหม้ไปแล้ว
วงล้อแห่งวัฏสงสารหวนคืนสู่ธรรมชาติดังเดิมอีกครั้ง
แต่ว่ากลับมีคนอยู่ผู้หนึ่ง ที่ยังพยายามเป็นศัตรูกับฟ้าดิน แย่งชิงคนกับธรรมชาติ
แม้แต่หนทางจะกลับมาเกิดใหม่ของสามีตนเองก็ยังจะยื้อยุดเอาไว้
…..
โลกปัจจุบัน หุบเขาปีศาจ บ้านตากอากาศในสวนกุหลาบ
ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่ที่ข้างเตียง มองดูจีเฉวียนที่ปิดตาสนิท
นางสมควรเข้าใจดี ว่าแพทย์แผนปัจจุบันช่วยเหลือเขาไม่ได้
ถึงแม้ว่านางจะเสาะหาหมอที่ดีที่สุดมาก็ตาม แต่สุดท้ายก็ยังไร้หนทางอยู่ดี
แต่ว่าตู๋กูซิงหลันก็ยังไม่ยอมหยุดถ่ายทอดพลังของตนเองให้กับเขา ไม่ยอมให้เขาสิ้นลมหายใจไป
ส่วนครรภ์ของนางก็ใหญ่โตขึ้นทุกวันๆ
พวกนักข่าวที่ช่างสืบเสาะ แอบถ่ายภาพท้องที่ใหญ่โตของนางไป
ทั่วทั้งประเทศจึงร้อนลนราวหม้อน้ำเดือด
ทุกคนต่างก็กระหายใคร่รู้ ว่าตกลงเป็นหมูตัวไหนที่ได้กินผักกาดขาวที่งดงามหัวนี้ไป
ก่อนหน้านี้ทุกคนเคยเพ่งเล็งไปที่ผู้ยิ่งใหญ่ที่พักอาศัยอยู่ในบ้านของราชินีจอเงินท่านนั้น คนที่เป็นกษัตริย์ผู้ปกครองประเทศมี่ซือหลัว
เป็นไปได้หรือไม่ว่า เด็กคนนี้จะเป็นเชื้อสายของกษัตริย์ผู้นั้น?
เรื่องนี้ไม่มีใครที่รู้คำตอบที่แท้จริง เพราะว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ ‘ฝ่าบาท’ องค์นั้น ก็ยังไม่เคยเผยโฉมหน้าออกมาเลย
แต่ว่าในตอนนี้ ก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะตู๋กูซิงหลันทั้งสิ้น
ทุกคนต่างก็เฝ้ารอดู ให้บิดาของเด็กปรากฏตัวออกมา
เหล่าแฟนคลับยิ่งร้อนใจ นับตั้งแต่ที่เทพธิดาของพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เธอก็ไม่เคยมีรอยยิ้มเลย ทุกครั้งที่พวกนักข่าวแอบถ่ายรูปออกมาได้ ล้วนแล้วแต่เป็นใบหน้าที่เศร้าหมอง
สถานการณ์เป็นเช่นนี้ อยู่ตลอดนานถึงเก้าเดือนแล้ว
เด็กในท้องเติบโตขึ้นทุกๆวัน ที่หนักหนาคือเจ้าตัวน้อยผู้นี้ถึงกับเป็นยอดบรรพชนของการดูดกลืนพลัง
นับตั้งแต่ที่ตู๋กูซิงหลันตั้งท้อง ก็ถูกเขาดูดกลืนพลังไปกว่าครึ่ง
ทั้งนางก็ยังถ่ายทอดพลังให้จีเฉวียนไม่ยอมหยุด ในที่สุดก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
แต่เรื่องที่ทำให้นางยิ่งจิตใจพังทลายก็คือ เขาไม่ได้ดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้แม้แต่ร่างกายก็เริ่ม…..เน่าเปื่อยแล้ว
เขาสมควรจะตายไปตั้งนานแล้ว แต่ว่านางกลับฝืนหน่วงเหนี่ยวจิตวิญญาณของเขาเอาไว้ในร่างร่างนี้
แต่ว่าในที่สุด…..ก็รั้งไม่อยู่อีกต่อไป
ความจริงนี้ทำให้ร่างกายและจิตใจของนางล่มสลาย เมื่อกายใจล่มสลาย ครรภ์ของนางก็ไม่อาจรับได้เช่นกัน เจ้าตัวน้อยในครรภ์ดิ้นรนอย่างทุรนทุราย ทรมานนางจนปวดร้าวแทบจะขาดใจแล้ว
………………….