ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 87 ไก่ป่าจากที่ใดกัน
ตู๋กูซิงหลันไม่ครุ่นคิดให้มากความ หยิบกุญแจออกมาได้ก็เสียบเข้าไปทันที
พอกุญแจทองแดงลอดเข้าไปในรู ก็ราวกับว่ามันถูกบางสิ่งดูดกลืนเข้าไปทั้งดอก ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่มีปฎิกิริยาใดๆ
คราวนี้ตู๋กูซิงหลันเริ่มขมวดคิ้วบ้างแล้ว นางจดจ้องไปยังรูกุญแจนั่น จนผ่านไปอีกสักพัก นางถึงได้มองเห็นว่าที่ด้านหลังรูกุญแจนั่นมีดวงตาข้างหนึ่งปรากฎขึ้น สีเขียวเรืองๆ
นางไม่พูดอะไรก็ใช้กริชของตนเองแทงเข้าไปในสัญลักษณ์หยินหยาง บนกริชนี้มีอักขระยันต์ที่นางสลักด้วยตนเอง ทั้งยังเป็นอักขระที่ใช้ทองคำดำราคาสูงเทียมฟ้าที่นางได้มาจากการให้เชียนเชียนเอาหยกประจำตัวของจีเย่ว์ไปขายมาหลอมเหลวจนสำเร็จขึ้นมา
แน่นอนว่าต้องร้ายกาจอย่างยิ่ง
ฮ่องเต้ทรงประทับอยู่ที่ด้านหลังของนาง เห็นนางที่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าส่ายสะโพกโยกก้นไปมาไม่มีหยุด คนก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
เอวของนางเล็กคอด แทบจะใช้สองมือโอบได้มิด ถึงแม้จะมีกระโปรงคลุมไว้ แต่เส้นสายที่บอบบางนั้นก็งดงามมากจริงๆ
เขาพลันเกิดความคิดขึ้นมาว่า สะโพกที่งดงามเช่นนี้ต่อให้ผายลมออกมา ก็ไม่นับว่าเลวร้ายเท่าไหร่
เส้นผมที่ยาวสลวยของนางสยายลงมาถึงข้างลำตัว แทบจะบดบังเงาร่างทั้งหมดไว้ เกิดเป็นเสน่ห์ที่ใครก็ยากจะอธิบายออกมาได้
นับตั้งแต่อายุได้สิบสองปีเป็นต้นมา ตู๋กูซิงหลันก็ได้ชื่อว่าเป็นกุลสตรีที่งดงามที่สุดในแคว้นต้าโจว แต่ว่าก่อนหน้านี้จีเฉวียนกลับไม่ทรงเห็นว่านางจะงดงามในที่ใด
ก็แค่ดวงตากลมโตกว่าคนอื่น ขนตายาวกว่าคนทั่วไป ผิวขาวกว่าใครๆ อยู่อีกหน่อย อะไรทำนองนั้น
แต่ว่าในตอนนี้ได้ทอดพระเนตรเห็นเงาหลังของนาง ฮ่องเต้กลับทรงรู้สึกขึ้นมาว่า….ก็น่ามองอยู่มากทีเดียว
นี่จะต้องเป็นเพราะว่าในสุสานมีสิ่งประหลาดลี้ลับมากเกินไป แล้วยังมีสายตาน่ารำคาญของจีเย่ว์นั่นอีก ฉะนั้นยามที่ได้มองนาง ถึงได้รู้สึกว่าสบายตากว่ายามปกติมากทีเดียว
เขามัวแต่จิตใจจดจ่ออยู่ที่สตรีน้อยตรงหน้า จนกระทั่งลำคอรู้สึกแห้งกระหายขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แทบจะไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าจีเย่ว์ที่อยู่ด้านหลังกำลังจะถูกใบหน้าประหลาดอัปลักษณ์นั่นคุกคามเอาชีวิต
ตู๋กูซิงหลันเองก็ยิ่งไม่ได้สนใจหันไปมองสถานการณ์ที่ด้านหลัง พอกริชของนางเสียบเข้าไปได้ ขยับได้นิด ก็ได้ยินเสียงกริ๊กดังจากประตูทองแดงบานนั้น เมื่อใช้รูกุญแจเป็นจุดกึ่งกลางก็สามารถพลักเปิดออกไปได้ทั้งสองด้านซ้ายขวา
ครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ถึงกระแสของความเย็นพัดผ่านออกมา ทันใดนั้นก็ปรากฎ……หัวไก่ตัวหนึ่ง?
ตู๋กูซิงหลัน “……..”
นางถูตาอยู่หลายรอบถึงได้แน่ใจว่า ที่เบื้องหน้าคือไก่ตัวหนึ่งจริงๆ!
เส้นขนเป็นสีดำหงอนไก่เป็นสีแดงสด ดวงตาที่สดใสนั้น ข้างหนึ่งเป็นสีเขียว ข้างหนึ่งเป็นสีเหลืองทอง
ไก่ตัวนั่นมีขนาดครึ่งตัวคน ทำท่าเหมือนแม่ไก่นั่งยองๆ อยู่ที่เบื้องหน้านาง ในปากของมันมีกุญแจทองแดงที่นางเสียบเข้ามาเมื่อครู่อยู่ มันกำลังใช้ดวงตาที่แปลกประหลาดคู่นั้นและศีรษะที่กระดุ๊กกระดิ๊กไปมาจดจ้องดูนาง
หากไม่ใช่เพราะว่าบนร่างของมันมีกระแสเย็นๆ ของธาตุหยินอยู่เต็มเปี่ยม ตู๋กูซิงหลันคิดว่ามันก็ดูจะน่ารักดี
ขณะนั้นเอง ที่ด้านหลังของนางเกิดเสียงโหยหวนดังขึ้น ตู๋กูวิงหลันเหลียวหลังไปดู ก็เห็นว่าใบหน้ามนุษย์ที่พึ่งกลืนกินวิญญาณทมิฬลงไปนั้น กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจน
ครู่เดียวก็เห็นว่าในดวงตาบนใบหน้ามนุษย์มีมือสั้นๆ อยู่คู่หนึ่ง ผุดออกมาจากดวงตาโดยตรง คล้ายกับว่ากำลังฉีกกระชากออกมาจากตรงจุดที่มันคลุมทับอยู่
ใบหน้ามนุษย์ในอุโมงค์นั้นได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนเกิดความคิดหลบหนี แต่น่าเสียดายที่เจ้าถวนจื่อตัวดำๆ นั้น ถึงแม้ติดจะอวบอ้วน แต่ก็คล่องแคล่ว พละกำลังก็มาก ด้านหนึ่งฉีกทึ้ง ด้านหนึ่งก็กัดกิน จนในเวลาสั้นๆ มันกลายเป็นเพียงเศษหนังแผ่นหนึ่ง
เศษเสี้ยวแผ่นหนังนั่นยังคิดที่จะหลบหนี แต่ว่าเจ้าถวนจื่อตัวดำกระโดดเพียงครั้งเดียวก็ทับร่างของมันเอาไว้อยู่หมัด อ้าปากกลืนกินมันลงไปอย่างไร้ความปราณี
คราวนี้ วิญญาณทมิฬถึงได้นอนแผ่อยู่ในอุโมงค์ ใช้มือป้อมๆ ลูบไล้พุงกลมๆ จนเรอออกมาเล็กน้อย
วิญญาณทมิฬเป็นร่างจิต ฮ่องเต้และอี้อ๋องย่อมมองไม่เห็น พวกเขามองเห็นแต่ว่า ใบหน้ามนุษย์ที่น่ากลัวนั่นกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
มาถึงโลกมิตินี้ต้องนานแล้ว วิญญาณทมิฬพึ่งจะรู้สึกว่าได้กินอาหารเรียกน้ำย่อยที่เป็นเรื่องเป็นราวเสียบ้าง
พอมันเรอเสร็จเรียบร้อย ถึงได้กระโดดดึ๋งดั๋งมาที่ด้านหน้าของตู๋กูซิงหลัน จ้องมองไก่โง่ๆ พลางแยกเขี้ยวจนปวดฟัน
“ไรเนี่ย ทำไมถึงเป็นไก่ล่ะ? แล้วปีศาจของอั๋วล่ะ? ผีร้ายละ? ตัวอันตรายทั้งหลายล่ะ? “
ไก่ที่มีแต่ตัวกับขนปุกปุยนั่นมองไปที่มัน ก็สะบัดหน้าหันไปอีกทางหนึ่ง กุญแจทองแดงที่อยู่ในปากก็ถูกเขวี้ยงออกไปดังตุ๊บอยู่บนพื้น
ตู๋กูซิงหลันค่อยๆ เก็บกุญแจทองแดงขึ้นมาจากบนพื้น ใช้แขนเสื้อเช็ดถูจนสะอาด คนก็ค่อยๆ ลอดผ่านประตูทองแดงบานนั้นเข้าไป
ไก่ตัวนั้นไม่ได้ส่งเสียงร้องใส่นาง เพียงแต่เฝ้ามองดูนางอย่างเงียบๆ
พอนางเดินไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง มันก็ติดตามมาก้าวหนึ่ง ขยับคอผงกหัวไปมา ดมกลิ่นอยู่ที่บั้นท้ายของนาง
พอตู๋กูซิงหลันหันไปมองดูมัน มันก็นั่งลงที่ด้านหน้าของนางอย่างสงบเสงี่ยม หงอนบนหัวขยับไปมา
ดวงตาที่แปลกประหลาดคู่นั้นส่องประกายออกมา มันตีปีกอย่างตื่นเต้นยินดี ทั้งยังส่ายก้นผายลมออกมาครั้งหนึ่ง ค่อยทำท่าขนลุกไปทั้งตัว ก็พุ่งเข้ามาหานางอย่างต้องการจะผูกมิตร
แต่ว่ามันยังไม่ทันจะกระทบถูกตู๋กูซิงหลัน ก็เห็นว่าฮ่องเต้ที่เสด็จตามมาอย่างกระชั้นชิด ยื่นพระบาทออกมาข้างหนึ่งกวาดใส่ก้นน้อยๆ ของเจ้าไก่ตัวนั้น ไก่ขนปุกปุยจึงลอยกระเด็นไปไกลอยู่หลายเมตร กรงเล็บบนเท้าของมันจิกกรีดลงไปบนแผ่นทองที่เรืองรองระยิบระยับอยู่บนพื้นจนเกิดริ้วรอยอยู่หลายเส้น
เสียงขูดขีดนั่นราวกับกรีดไปบนแผ่นกระจก บาดหูอย่างที่สุด
“ไก่ป่านี่มาจากที่ใด ถึงกลับบังอาจนัก กล้าวางท่าต่อหน้าเรา! ” จีเฉวียนประทับยืนอยู่ด้านข้างของตู๋กูซิงหลัน พอครุ่นคิดว่าเมื่อครู่บั้นท้ายของนางถูกเจ้าไก่นั่นมาทำดูๆ ดมๆ ก็รู้สึกว่าไอ้ไก่นี่สนควรตายยิ่งนัก
อี้อ๋องจีเย่ว์เองก็พึ่งจะผ่านเข้ามาได้ ไก่ตัวนั่นก็ถูกเขวี้ยวมาตรงเบื้องหน้าของเขา
ก่อนหน้านี้พึ่งจะได้เห็นภาพสยดสยองไปอยู่หลัดๆ คราวนี้กลับเป็นไก่เป็นๆ ตัวหนึ่ง ทำให้เขาออกจะไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง
หรือใครจะกลัวว่าคนที่ผ่านเข้ามาจะหิวโหย ถึงได้ตระเตรียมอาหารเอาไว้กัน?
ตู๋กูซิงหลันเห็นแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี จีเฉวียนถึงกับเป็นฮ่องเต้ที่จัดการคนกันเอง ข่มเหงผู้อ่อนแอแต่หวาดกลัวผู้แข็งแกร่งไปแล้ว ก็แค่ไก่ตัวหนึ่ง ไยต้องไปเตะมัน?
นางกวาดตามองไปรอบๆ ถึงได้พบว่าทุกสิ่งในนี้ล้วนเป็นประกายแวววาว บนพื้นล้วนปูด้วยแผ่นทองคำ มีไข่มุกอัญมณีมากมายนับไม่ถ้วนกองรวมอยู่ แม้แต่กำแพงยังใช้หยกดำก่อขึ้นมา!
หยกดำชนิดนี้ ยังสูงค่ากว่าทองคำมากมายนัก!
บนกำแพงหยก ยังมีแสงจากตะเกียงโบราณที่ติดไฟลุกอยู่ แสงไฟเป็นสีฟ้า ทั้งหมดถูกติดตั้งไว้บนมุมทั้งแปด
หินคริสตัลถูกนำมาสกัดจัดเรียงเป็นแท่นสูงขนาดใหญ่ บนแท่นปลูกเอาไว้ด้วนต้นไฮ่ถางขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง
บนต้นไม้ไร้ดอก มีเพียงใบที่เ**่ยวแห้งไม่กี่ใบ ลำต้นขนาดใหญ่เอนลงมาจนเกือบจะคว่ำ แทบจะพิงไปกับกำแพง
แสงสว่างสีฟ้าย้อมต้นไฮ่ถางจนหม่อหมอง ทั้งสุสานเป็นประกายสีฟ้าจางๆ
“ที่นี่คือที่พักพิงสุดท้ายของเย่วฮูหยินหรือ? ” แม้แต่จีเย่ว์ยังถอนใจอย่างยากจะเชื่อได้
ผู้คนต่างทราบว่า ผู้เฒ่าตู๋กูทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างสุสานให้กับเย่วฮูหยิน แต่กลับไม่มีใครรู้ว่า สุสานแห่งนี้จะวิจิตรพิศดารถึงเพียงนี้
จีเฉวียนเองก็หรี่ตามองอย่างพิจารณา เจ้าผู้เฒ่าตู๋กูถิงนั่นที่ผ่านมารักษาภาพลักษณ์ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีสมบัติใดติดตัว แต่สุสานแห่งนี้ยังวิจิตรงดงามเสียยิ่งกว่าของราชวงค์เสียอีก
พระหัตถ์ข้างที่ได้รับบาดเจ็บ ยามนี้ปิ่นที่แทงทะลุฝ่ามือยังไม่ได้ถูกเอาออก พระหัตถ์ข้างนี้ปวดบวมจนแทบจะกลายเป็นกีบเท้าหมูแล้ว
เขายกพระหัตถ์อีกข้างขึ้นมา คิดจะวางลงไปบนหัวไหล่ของตู๋กูซิงหลัน
ก็เห็นเจ้าไก่ขนปุยที่เขาพึ่งเตะกระเด็นไปไกลหลายเมตรนั้นกำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา ดวงตาวาววับด้วยความโกรธพุ่งตรงมายังเขา