ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง - ตอนที่ 98 ไก่ติ๊งต๊อง ไม่จำเป็นต้องมีชื่อแซ่
“กุ๊กๆ กรู้~” เจ้าไก่ขนดำตัวฟูตัวนั้นยืนอยู่บนมุมหนึ่งของกองของขวัญ พอมองเห็นตู๋กูซิงหลัน มันก็กระพือปีก ส่ายหางที่ก้น แล้วมุ่งตรงมาหานาง
ไม่พบหน้ากันหลายวันพี่สาวตัวน้อยยิ่งงดงามขึ้นไปอีก
ตู๋กูซิงหลันหลบฉากไปด้านข้างก้าวหนึ่ง มันจึงได้แต่สัมผัสกับความว่างเปล่า พอหันหัวกลับไปก็มองเห็นว่าพี่สาวตัวน้อยสายตาเป็นประกายวิบวับๆ
จากนั้นใช้ความเร็วที่เหนือล้ำกว่ามันพุ่งเข้าสู่ใจกลางของขวัญเหล่านั้น
“โอ้ว~นี้ข้านอนหลับไปไม่กี่วัน ก็กลายเป็นยายเฒ่าเศรษฐีนีไปแล้วหรือ? ” ตู๋กูซิงหลันโอบอุ้มหยกผักกาดขาวที่มีขนาดใหญ่กว่าศีรษะของนางเอาไว้ในอ้อมแขน นางซาบซึ้งจนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา
“นายหญิง ท่านเอ่อ….” เห็นท่าทางของนางแล้วก็อยากจะร้องไห้ออกมา ทั่วทั้งวังหลวงใครบ้างจะไม่รู้ว่า นายหญิงค้างคืนอยู่ในตำหนักตี้หัวมาสามราตรี ….ของขวัญเหล่านี้เป็นเพราะนายหญิงถูกฮ่องเต้ ‘ข่มเหงรังแก’จึงได้มา
คนพวกนี้รู้จักแต่ยกย่อมสูงส่งเหยียบย่ำอ่อนแอ ยามที่นายหญิงตกระกำลำบากล้วนไม่เคยเห็นหน้า แต่พอยามนี้นายหญิงล้างมลทินได้สำเร็จ ทั้งยังถูกฮ่องเต้…..พวกนางก็พากันระริกระรี้เข้ามาถือรองเท้าให้
“เชียนเชียนที่แสนจะล้ำค่าของข้า อย่าลืมส่งของขวัญตอบแทนให้บรรดาลูกสะใภ้ที่ส่งของขวัญมาด้วยนะจ๊ะ ข้าไม่ค่อยจะมีเงินทอง เจ้าไปตัดดอกไฮ่ถางที่ด้านนอก ส่งไปยังแต่ละตำหนัก ตำหนักละนิดละหน่อยก็แล้วกัน ” ตู๋กูซิงหลันไถลตัวอยู่บนกองสมบัติ ดวงตาของนางในยามนี้หยาดเยิ้มปานพระจันทร์เสี้ยวไปแล้ว
นิสัยคลั่งไคล้ในเงินตรานั้น จากชาติก่อนยันชาตินี้ก็ไม่ได้จางหาย วิชาอาคมของสำนักหุบเขาภูติของพวกนาง สิ้นเปลืองเงินทองยิ่งนัก ทั้งกระดาษที่ใช้วาดยันต์ ครั่ง พู่กันชั้นดี เครื่องมือเครื่องใช้ ต่างก็เป็นของที่พิเศษโดยเฉพาะ
หากไม่มีเงินทอง แม้แต่จะวาดยันต์สักแผ่นยังทำไม่ได้จริงๆ
อย่าว่าแต่นางยังจะต้องเป็นยอดโฉมสะคราญผู้หนึ่ง เงินทองย่อมจะขาดไปไม่ได้
” เจ้าค่ะ” เชียนเชียนพยักหน้า พลางหันไปมองดูดอกไฮ่ถางที่ใกล้จะร่วงหล่นจนหมดแล้ว พวกนางจนจริงๆ ด้วย
นางพึ่งจะรับคำ ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านนอกของตำหนักเฟิ่งหมิง
พอหันไปมองดู ก็เห็นเกี้ยวประจำพระองค์ของฮ่องเต้ พระองค์ทรงฉลองพระองค์มังกรสีทองประทับอยู่ตรงกลาง นั่นเป็นฉลองพระองค์มังกรที่ตัดขึ้นใหม่ แม้แต่ลวดลายมังกรสะบัดตัวก็ใช้ไหมทองคำและไหมล้ำค่าห้าสีปักลงไปทั้งหมด
พระองค์ทรงรัดเกล้าที่เป็นหยกประดับทองคำ พระเกศาที่ยาวสลวยไม่มีรุ่ยร่ายแม้แต่เส้นเดียว
บั้นพระองค์ทรงดาบฝังอัญมณี ดัชนีทรงแหวนล้ำค่า
บนพระศอที่ยิ่งโดดเด่นด้วยไข่มุกดำทั้งเส้น
ภายใต้การประคองของเหล่าบ่าวรับใช้ในวัง เกี้ยวประจำพระองค์ก็ถูกยกเข้ามาในพระตำหนักเฟิ่งหมิง
ตู๋กูซิงหลันเคยชินแต่กับฉลองพระองค์ที่เรียบง่ายของเขา แต่คราวนี้เจ้าฮ่องเต้สุนัขนี่กลับทำเอานางตื่นตะลึ่งไปในทันที วันนี้ไอ้หนุ่มนี้ดูร่ำรวยอู้ฟู่จริงๆ!
ถึงแม้ว่านางจะพำนักอยู่ในพระตำหนักตี้หัวถึงสามคืนติดต่อกัน แต่ว่านอกจากวันที่กระอักเลือดวันนั้นแล้ว ก็ไม่ได้เห็นตัวคนอีกเลย
หลี่กงกงรีบเข้ามานำทาง โค้งเอวลงน้อมเชิญฮ่องเต้เสด็จเข้าไปในตึกข้างของตำหนักเฟิ่งหมิง
บรรดาพนังงานชาววังทั้งหลายที่ติดตามมาต่างก็น้อมรออยู่ในสวนของตำหนักเฟิ่งหมิง
นี่มันช่างแปลกประหลาดนัก ไยไทเฮาพึ่งจะเสด็จออกจากพระตำหนักตี้หัว ฝ่าบาทก็สาวพระบาทตามมาในทันที
พอจีเฉวียนเสด็จเข้ามาในด้านในก็ทอดพระเนตรเห็นสมบัติมากมายเต็มห้อง ยิ่งพอทอดพระเนตรเห็นสตรีที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่ท่ามกลางของขวัญเหล่านั้น สายพระเนตรหงส์ก็ยิ่งหรี่ลงในทันที ทรงตรัสอย่างทรนงคำหนึ่ง “ไม่ได้เรื่อง”
ตู๋กูซิงหลันกลับทำเสมือนไม่ได้ยินเสียอย่างงั้น นางลุกขึ้นยืน ดวงตากลมโตนั้นมองดูจีเฉวียนที่ท่าทางจะมีปัญหาอยู่บ้าง เขาจะต้องตั้งใจเช็ดหางตามาโดยเฉพาะ เขาอาบน้ำแต่งตัวเป็นพิเศษถึงได้มาที่นี่!
“ฝ่าบาท ดาบของท่านเล่มนี้ช่างงดงามอย่างยิ่งเลย~” ตู๋กูซิงหลันไม่ได้สนใจจะมองพระพักตร์ของเขาแม้แต่น้อย นางเดินไปถึงข้างตัวเขา สายตาจดจ้องอยู่ที่ข้างบั้นเอว
เจ้าฮ่องเต้สุนัขถึงแม้จะสูงใหญ่ แต่ว่ารูปร่างก็ดีเยี่ยม นี่มันปีศาจยั่วยวนตัวเป็นๆ โดยแท้ ส่วนดาบฝังอัญมณีพวกนี้ เมื่อได้แขวนอยู่บนเอวของเขา ก็ยิ่งดูล้ำค่าขึ้นไปอีก
จากนั้นก็จ้องมองดูปลายนิ้วที่เรียวยาวของเขา แหวนหยกของท่านก็สวยงามมาก! “
“จุ๊ๆๆ …….ชุดมังกรตัวนี้ก็วิจิตรงดงามเหลือเกิน เส้นไหมพวกนี้หลายตังค์น่าดูละสิ! “
“อุว้าว สายสร้อยไข่มุกนี่! ไร้เทียมทานๆ จริงๆ! “
จีเฉวียน “…….”
“วันนี้ใครเป็นคนสางผมให้ท่านกัน แม้แต่เส้นผมที่รุ่ยร่ายสักเส้นก็ยังไม่มี ช่างเหมาะสมกับรัดเกล้าของพระองค์นี้เหลือเกิน ………” ทำให้นางอดที่จะอยากเอาศีรษะตนเองมาขายให้เขาเสียให้ได้
“ฮึ ” จีเฉวียนส่งเสียงเย็นชาคำหนึ่ง คราวนี้สตรีผู้นี้ก็รู้จักที่จะสังเกตเห็นเขาบ้างแล้ว
เขาจดจ้องไปยังนาง จากนั้นก็หันไปมองดูของขวัญที่กองอยู่รอบห้อง
ตู๋กูซิงหลันพลันรู้สึกขึ้นมาว่าสายพระเนตรของเขาไม่ค่อยจะถูกต้อง ก็รีบเอาตัวเข้ามาบังสายตาของเขาเอาไว้
“ฝ่าบาทเพคะ ของขวัญเหล่านี้ เป็นพวกลูกสะใภ้ส่งมาแสดงความกตัญญูต่อข้า ขอพระองค์อย่าได้ทรงเกิดพระทัยเสียดาย”
ครั้งก่อนเจ้าหนุ่มนี่ยังยึดเอาสมบัติหมดบ้านของตาเฒ่าฟู่มาหมด นี่เป็นอุปนิสัยของเจ้าเจ้าไก่โต้งกระดูกเหล็กผู้นี้ ……มีหรือว่าจะไม่คิดจะเอาสมบัติของนางอีก”
“เราเป็นถึงผู้ครองแคว้นหนึ่ง มีหรือจะไปอยากได้ของของเจ้า? ” จีเฉวียนอยากจะจับนางมาตีสักรอบ ไม่เห็นหรือไงว่าทุกสิ่งที่อยู่บนร่างกายของเขาตอนนี้ เพียงฉวยขึ้นมาสักชิ้นหนึ่งก็สูงค่ามากกว่าของขวัญทั้งหมดกองนี้มากมายหลายเท่า?
อย่างเขาสิถึงจะเรียกว่าผู้มีเงินตัวจริง!
หลี่กงกงทนดูไม่ได้อีกต่อไป…ฝ่าบาทคงจะทรงลืมเรื่องของท่านรองมหาเสนาฯ ไปแล้วสินะ….
ตรัสแล้ว ฝ่าบาทก็หันไปทางหลี่กงกง “หลี่ต้าชิง ไปตรวจสอบดู เหล่าพระสนมทั้งหลายได้รับสิ่งของมีค่าเหล่านี้มาจากที่ใดกัน หากว่าเจอที่มาไม่ถูกไม่ควร ก็จัดการเก็บเข้าท้องพระคลังไปเสีย ไทเฮาทรงมีพระเกียรติสูงส่ง จะรับของขวัญใดก็พึงรับแต่ที่ถูกทำนองคลองธรรม ไม่เช่นนั้นหากทิ้งไว้อาจเกิดเภทภัย ได้ไม่คุ้มเสีย
หลี่กงกง “เอ่อ……..”
ตู๋กูซิงหลัน “!!! “
นางกอดหัวผักกาดขาวหยกนั้นเอาไว้แน่นไม่ยอมคลาย รู้อยู่ว่าเจ้าฮ่องเต้สุนัขนี่ไม่มีทางมาดี นางได้แต่ขมวดคิ้วแน่น ยังไม่ทันได้กล่าวอะไร ก็เหลือบเห็นเจ้าไก่ขนดำตัวฟูตัวนั้นกระทืบเท้าโผเข้าใส่จีเฉวียนแล้ว
มันกระพือปีก ถลาบินมากลางอากาศ ปากที่แสนจะแหลมคมพุ่งลงมาจิกพระพักตร์ของเขา
ปฏิกิริยาของจีเฉวียนเองก็ถือว่าคล่องแคล่วว่องไว กระชากดาบล้ำค่าออกมาจากช่วงเอว สะบัดดาบออกไปทางหัวของเจ้าไก่ตัวนั้น
เจ้าไก่ขนดำตัวฟูถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ใช้จงอยปากต้านทานดาบนั้นเอาไว้ จนเกิดเสีนง ‘ติง’ ขึ้นครั้งหนึ่ง ถึงกับทำให้ดาบของฮ่องเต้เกิดริ้วรอยขึ้นในทันที
มันสะบัดศีรษะวุ่นวาย ใช้สายตาอาฆาตพยาบาทมองจีเฉวียน
จีเฉวียนขมงพระขนงคราหนึ่ง กำดาบล้ำค่าเล่มใหญนั้นไว้ในพระหัตถ์ หันไปตรัสกับตู๋กูซิงหลันว่า “เจ้าเก็บเอาไก่นี่ไว้ข้างตัวทำไม? “
เขาไม่มีทางลืมหรอกว่าตอนที่อยู่ในสุสานของเย่วฮูหยินนั้น เจ้าไก่ตัวนี้แอบดมก้นนางไปหลายครั้ง
ตู๋กูซิงหลันจ้องมองดูดาบล้ำค่าของฝ่าบาทที่ถูกจิกจนมีริ้วรอยขึ้นมารูหนึ่ง หัวใจก็ชะงักไปในทันที เจ้าไก่จากสุสานตัวนี้ ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย
แต่ว่าเจ้าไก่ตัวนี้กลับรีบซ่อนตัวอยู่ใกล้เท้า พอเขาคิดจะประลองกันในรอบสองอีก ตู๋กูซิงหลันกลับลงมืออย่างรวดเร็ว ใช้มือเดียวคว้าคอของมันไว้หิ้วกลับมา แล้วจึงหันกลับไปทูลกับจีเฉวียนว่า “ฝ่าบาท มันก็เป็นแค่ไก่ติ๊งต๊องตัวหนึ่ง เก็บเอาไว้เป็นอาหารเท่านั้น เผื่อว่าวันไหนท่านอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาอีกแล้วจับข้าส่งไปตำหนักเย็นขึ้นมาก็เท่านั้นเอง”
จีเฉวียนทอดพระเนตรมองดูนางตะครุบคอไก่ตัวนั้นไว้ในมือ แววพระเนตรบนพระพักตร์งดงามนั้นดูไปไม่ธรรมดา
“เจ้าตั้งชื่อให้มันด้วย? “
ตู๋กูซิงหลัน “หา? “
“ติ๊งต๊อง?! ไก่ตัวหนึ่งก็มีค่าพอให้เจ้าตั้งชื่อให้ด้วยรึ? เจ้าชอบมันมากมายเพียงไหนกันแน่”
ตู๋กูซิงหลัน “เอ่อ……….”
ฮ่องเต้ตรัส “หลี่ต้าชิง ส่งเจ้าไก่ตัวนี้ไปที่ห้องเครื่อง ไทเฮาพึ่งทรงบรรเทาจากอาการประชวรครั้งใหญ่ สมควรบำรุงให้มาก”
——
翡翠白菜