ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล - ตอนที่ 174 หวานแหววมากไปมักจบไวเกิน! / ตอนที่ 175 ให้ชิมแค่คำเดียวพอ
- Home
- ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล
- ตอนที่ 174 หวานแหววมากไปมักจบไวเกิน! / ตอนที่ 175 ให้ชิมแค่คำเดียวพอ
ตอนที่ 174 หวานแหววมากไปมักจบไวเกิน!
ข่าวใหญ่ในหมู่โรงเรียนมัธยมปลายในวันต่อมาคือ : ม้ามืดแห่งมัธยมปลายฉีซยาเปิดตัวคว้าชัยชนะอย่างไม่คาดฝันในการพบกับมัธยมเฉินเจียง!
นักเรียนมัธยมปลายทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับข่าวนี้!
ทีมฉีซยาเก่งกาจขนาดไหนกันนะถึงได้สามารถเอาชนะถังอวี้และเฉินเจียงได้
ตอนนี้ ทีมบาสเกตบอลของฉีซยากำลังเป็นที่จับตามอง
แต่อย่างไรก็ตาม เซิ่งอี่เจ๋อซึ่งเป็นดาวเด่นของทีม กำลังยืนอยู่ที่ประตูห้องของเขาในตอนนั้น
อันซย่าซย่ายืนประจันหน้าพร้อมยกแขนขึ้นกอดอก พลางร้องแหว “ไม่! ห้ามนายไปโรงเรียนถ้ายังไม่ได้ไปโรงพยาบาล!”
เซิ่งอี่เจ๋อไม่ได้เป็นห่วงสภาพร่างกายของตัวเองเลยแม้แต่น้อย “ฉันสบายดี”
แต่อย่างไรก็ตาม แม่สาวตัวน้อยก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในการหยุดเขาไม่ให้ก้าวข้ามประตูออกมา
อันที่จริงแล้ว ด้วยพละกำลังขนาดเขา ไม่มีทางที่อันซย่าซย่าจะหยุดเขาได้เลย แค่เขาไม่อยากใช้กำลังกับแม่ตัวน้อยคนนี้เท่านั้นเอง
จมูกของเธอยังแดงระเรื่ออยู่จากการที่อารมณ์แปรปรวนเมื่อวาน หลังจากที่ทีมพวกเธอชนะการแข่งขัน ระหว่างที่ทีมบาสเกตบอลและเชียร์ลีดเดอร์พากันไปเลี้ยงฉลอง เธอก็รีบกลับบ้านมาร้องไห้ยกใหญ่
เธอเสียใจจริงๆ –เสียใจยิ่งกว่าการที่ทีมพ่ายแพ้จริงๆ เสียอีก
ความคิดที่ว่าอาการบาดเจ็บของเซิ่งอี่เจ๋อจะย่ำแย่ลงเพราะการแข่งขัน สร้างความเจ็บปวดร้อนรนขึ้นภายในใจเธออย่างกับว่าหัวใจเธอกำลังถูกทอดอยู่ในกระทะ
เพราะฉะนั้น เธอจึงขวางทางเซิ่งอี่เจ๋อไว้ในเช้าวันนี้ และขันอาสาลากตัวเขาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการ!
เซิ่งอี่เจ๋อจ้องมองดวงตาอันสดใสคู่นั้น และตกอยู่ในห้วงความคิดครู่หนึ่ง
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ “ก็ได้ ฉันจะไปตรวจให้เรียบร้อย เธอไปโรงเรียนได้แล้ว”
“ไม่!” อันซย่าซย่าปฏิเสธเสียงห้วน
เซิ่งอี่เจ๋อยังคงสับสนกับปฏิกิริยาของเธอเมื่อหญิงสาวคว้าแขนเขาไว้ด้วยสีหน้าดื้อดึงไม่ยอมแพ้ “ฉันบอกแล้วว่าฉันจะรับผิดชอบนายเอง! วันนี้นายเป็นของฉัน! ฉันจะไม่ยอมให้จนกว่าจะเห็นผลการตรวจสุขภาพของนาย!”
เมื่อเหลือบมองมือนุ่มนิ่มที่จับแขนเขาอยู่ เซิ่งอี่เจ๋อก็ยิ้มมุมปากแต่พยายามไม่แสดงอาการใดๆ ทางสีหน้า อย่างไรก็ตาม เขาปฏิบัติตามคำพูดของเธอ
ที่โรงพยาบาล
ภายหลังการตรวจอย่างละเอียดแล้ว แพทย์อาวุโสท่าทางน่านับถือก็ขยับแว่นก่อนเอ่ย “โชคดีนะ ที่อาการบาดเจ็บไม่ได้ส่งผลต่อกระดูก แต่ต่อจากนี้ไปเธอต้องไม่หักโหมออกกำลังมากเกินไป พ่อหนุ่ม ร่างกายเธอจะไม่สามารถรับไหวแล้วนะ ไม่ว่าเธอจะแข็งแรงสักแค่ไหนก็ตาม”
อันซย่าซย่ากล่าวขอบคุณนายแพทย์ทันทีและชกเซิ่งอี่เจ๋ออย่างโกรธๆ
ชายหนุ่มงง “มาชกฉันทำไม”
เดี๋ยวนี้ยัยจิ๋วเริ่มกำเริบใหญ่แล้วนะ!
“ถ้านายไม่เริ่มดูแลร่างกายตัวเองนับตั้งแต่บัดนี้ ฉันจะ-ฉันจะ…” หญิงสาวอึกๆ อักๆ ก่อนจะจบประโยคนั้นด้วยคำขู่ “ฉันจะต่อยนาย! ฮึ!”
เซิ่งอี่เจ๋อได้ยินแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
ยัยบื้อเอ๊ย ต้องจับเขามัดมือมัดเท้าเอาไว้ล่ะถึงจะทำอย่างนั้นได้
คุณลุงหมอพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “หลานชายของหมอน่ะเล่าให้ฟังเรื่องวลีฮิตทางออนไลน์ที่ว่า : สวีทหวานแหวว… แล้วอะไรต่อนะ”
“หนูรู้ค่ะ! หนูรู้! คุณหมอ เค้าว่า ‘สวีทหวานแหวนเกินไปเดี๋ยวก็ไปไว!’ มันไม่ใช่คำแช่งให้ใครตายหรอกค่ะ แต่พูดถึงคู่รักที่แสดงความรักในที่สาธารณะมากเกินพอดีอาจทำให้ความรักของพวกเขาจืดจางลงก่อนเวลาอันควร…” อันซย่าซย่าอธิบายให้คุณหมอฟังด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งทำให้ใบหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อเครียดเคร่งขึ้นระหว่างที่เขาเริ่มลากตัวเธอไปทางประตู
“นี่ นายจะทำอะไรน่ะ ฉันยังพูดไม่จบเลย!” อันซย่าซย่าดิ้นพลางกางแขนขา
“ยัยบื้อ!” เซิ่งอี่เจ๋อดุเสียงเบา ใครได้ยินก็คงจะได้รู้สึกถึงความเอ็นดูที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงเขา
กลับมาที่ห้องตรวจ คุณหมอส่ายหน้า “เฮ้อ อายุปูนนี้แล้วยังต้องมานั่งดูเด็กๆ เขาจีบกันอีก เป็นหมอยุคนี้มันลำบากจริงๆ”
อันซย่าซย่าไม่ได้รู้เลยว่าคุณหมอเข้าใจผิดว่าเซิ่งอี่เจ๋อและเธอเป็นแฟนกัน หญิงสาวสะบัดมือเขาออกหลังจากที่ทั้งคู่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วก่อนจะพูดอย่างโมโห “เอาละ ในเมื่อไม่มีอะไรผิดปกติกับนาย ฉันจะไปโรงเรียนแล้ว!”
“เหรอ” เซิ่งอี่เจ๋อหรี่ตาหยอกเธอเล่น “วันนี้เธอไม่ได้ลาแล้วหรอกเหรอ เธอคงไม่ไป…”
ตอนที่ 175 ให้ชิมแค่คำเดียวพอ
เขาหยุดพูดกลางประโยคได้อย่างชะงัด
อันซย่าซย่าจิ้มปลายนิ้วชี้เข้าหากัน ดูท่าทางรู้สึกผิด อันที่จริง…เธอคิดไว้ว่าจะกลับบ้านแล้วเล่นวิดีโอเกม
มือคู่ใหญ่ของเขาจับมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มพูดด้วยหน้าตานิ่งๆ “ก็เธอเคยบอกว่าอยากจะไปดูหนังไม่ใช่เหรอ งั้นก็ไปดูกันเถอะ”
สีหน้าของอันซย่าซย่าเปลี่ยนเป็นไม่อยากจะเชื่อเลย!
เซิ่งอี่เจ๋อจำคำชวนที่โพล่งออกไปโดยไม่ได้ยั้งคิดของเธอเมื่อวันก่อนได้ด้วย!
และเขาก็กำลังจะทำให้มันกลายเป็นความจริง
เขาพาเธอที่ยังมึนงงขึ้นรถ เซิ่งอี่เจ๋อบอกคนขับให้พาทั้งคู่ไปยังศูนย์การค้าที่ใกล้ที่สุด
เซิ่งอี่เจ๋อสวมหมวกเบสบอลพร้อมกับผ้าพันคอเพื่อป้องกันไม่ให้คนที่เดินผ่านจดจำใบหน้าเขาได้ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเกือบทั้งหมดถูกปิดซ่อนเอาไว้ สำหรับคนอื่นๆ แล้ว เขาก็เป็นแค่หนุ่มน้อยน่ารักที่รูปร่างดีคนหนึ่ง ไม่มีใครจำได้ว่าเขาคือนักร้องนำของสตาร์รี่ไนต์
จากชั้นหนึ่งถึงชั้นที่หกของห้างเป็นร้านขายสินค้าทั่วไป ขณะที่ร้านอาหารอยู่บนชั้นเจ็ดและศูนย์รวมความบันเทิงทั้งหลายอยู่บนชั้นที่แปด
ทั้งสองขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่แปด เซิ่งอี่เจ๋อเดินไปซื้อตั๋ว ยังเหลือเวลาอีก 15 นาทีก่อนที่หนังจะเริ่มฉาย ดังนั้นทั้งคู่จึงนั่งรออยู่บริเวณที่นั่งพัก
เซิ่งอี่เจ๋อมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าพวกเขาถูกรายล้อมด้วยคู่รักมากมาย
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา ค้นหาในอินเทอร์เน็ต—
วิธีการออกเดตกับเพศตรงข้าม
ผลการค้นหาออกมาหลายร้อยหน้า เขาลุกขึ้นยืนหลังจากอ่านลิงก์ที่มีคนเข้าไปอ่านเยอะที่สุด
อันซย่าซย่านั่งมองด้วยความงุนงง จากนั้นไม่กี่นาทีเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับยัดถังป๊อปคอร์นใส่อ้อมแขนเธอ นอกจากนั้นยังซื้อชานมร้อนมาด้วยอีกสองแก้ว
ซย่าซย่าจอมตะกละรีบรับถังนั้นไว้ทันทีพลางบอกอย่างมีความสุข “ฉันอยากกินไอศกรีมด้วย!”
เซิ่งอี่เจ๋อดีดหน้าผากเธอด้วยนิ้ว “ของเย็นๆ ไม่ดีต่อสุขภาพนะ!”
อันซย่าซย่าเบะปาก หน้าตาดูสลดลง “ฮื่อ…”
เมื่อเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของเธอ เซิ่งอี่เจ๋อก็รู้สึกเสียใจและยอมแพ้ “กินคำเดียวพอนะ”
“ได้! ได้!” อันซย่าซย่าพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเดินไปซื้อไอศกรีมกับเขา
ชายหนุ่มถือมันไว้ในมือและบอกอย่างเคร่งขรึม “คำเดียวนะ แล้วฉันจะโยนทิ้ง”
“เสียดายของชะมัด! เราจ่ายเงินซื้อมานะ เราต้องกินให้หมดสิ!” เธอบ่นเมื่อเขายกไอศกรีมโคนหนี “งั้นก็ไม่ต้องกิน ฉันไม่อยากให้เธอมาร้องไห้ฟ้องฉันว่าปวดท้องนะ”
อันซย่าซย่าหน้าแดงกับความทรงจำอันน่าอับอายสุดๆ ครั้งที่แล้ว เธอกระทืบเท้า “ก็ได้! คำเดียวก็ได้!”
“คำเดียวพอเลยนะ!” เซิ่งอี่เจ๋อย้ำ
“โอ๊ย เอามาให้ซะที!” อันซย่าซย่าหงุดหงิด
เซิ่งอี่เจ๋อยื่นโคนมาชิดปากเธอ หญิงสาวกัดคำใหญ่
มุมปากของเขาขยับยกขึ้น ยัยนี่กัดคำเดียวคุ้มเลยนะ ไอศกรีมหายไปตั้งครึ่งลูก!
เขาเลื่อนโคนไอศกรีมหนีโดยที่มีเธอกระโดดตามมาข้างหลัง “อย่าโยนทิ้งนะ ขอกินอีกคำเดียว! โอ๊ย! ขอเลียเฉยๆ ก็ได้ยังไม่ทันได้ลิ้มรสชาติเลย…”
เซิ่งอี่เจ๋อโยนไอศกรีมทิ้งถังขยะอย่างไม่ไยดีก่อนเดินหนีไปด้วยช่วงขายาวๆ ของเขา “ไปเถอะ ได้เวลาเข้าโรงแล้ว”
อันซย่าซย่ายืนบ่นกระปอดกระแปดอยู่ข้างถังขยะ “มันมีกฎสามวินาทีอยู่ไม่ใช่เหรอ ที่บอกว่าถ้าเราเก็บของกินขึ้นมาภายในสามวินาที เชื้อโรคจะไม่ทันเกาะ…”
เซิ่งอี่เจ๋อฟังเรื่องนั้นด้วยความตกใจ
ด้วยกลัวว่าเธออาจจะหยิบมันขึ้นมาจากถังขยะและกินมันเข้าไปจริงๆ เขาคว้าคอเสื้อตรงท้ายทอยเธอแล้วลากตัวไปที่โรงหนังโดยไม่สนใจการประท้วงของเธอ
เขาเลือกที่นั่งที่ดีที่สุดตรงกลางของโรงหนัง หลังจากที่ทั้งสองนั่งลงแล้ว เขาก็ตรวจเช็กหางตั๋วอันเป็นปกติตามนิสัย
“เมืองคนตายยาก”
ชื่อหนังก็ดูเป็นหนังแอ็กชันฟอร์มใหญ่
นั่นทำให้เซิ่งอี่เจ๋อประทับใจอยากดูในตอนแรก แต่กลับมีอะไรบางอย่างคอยกวนใจเขา
และเขาก็เพิ่งได้รู้ก็เมื่อหนังเริ่มฉาย
มันเป็นหนังรักๆ ใคร่ๆ ที่มีฉากโป๊เปลือยด้วย!