ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล - ตอนที่ 176 สมน้ำหน้าเขาแล้ว / ตอนที่ 177 เป็นห่วงใช่ไหม
ตอนที่ 176 สมน้ำหน้าเขาแล้ว
เซิ่งอี่เจ๋อรู้สึกกระอักกระอ่วนแล้วตอนนี้
เขาเคยได้ยินผู้กำกับพูดถึงหนังเรื่องนี้ตอนถ่ายทำละคร “ตำนานเซียนตกสวรรค์” ขณะที่เขาเล่าว่ามันเป็นหนังที่ดึงดูดทั้งนักวิจารณ์และผู้ชมได้มากขนาดไหน จนได้รับการกล่าวขวัญว่าจะเป็นตัวเก็งรางวัลออสการ์ในปีหน้า
ตัวภาพยนตร์เองมีความโดดเด่นจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามมันมีฉากเกี่ยวกับเรื่องเพศในครึ่งหลังของเรื่อง…ซึ่งก็ไม่ได้โจ๋งครึ่มมากแต่ก็อีโรติกพอดู…
แล้วเขาก็ดันพาอันซย่าซย่ามาดูหนังแบบนี้…
เซิ่งอี่เจ๋อกระแอมในคอก่อนกระซิบบอก “นี่รู้ไหม ได้ยินเขาว่าหนังเรื่องนี้น่าเบื่อมากเลย เราไปดูเรื่องอื่นกันดีไหม”
อันซย่าซย่ามองเขาด้วยแววตาสงสัย “จริงเหรอ”
เมื่อมองเข้าไปในดวงตาอันกระจ่างใสคู่นั้นซึ่งตอนนี้อยู่ใกล้เขามาก ชายหนุ่มก็พยายามเต็มที่ที่จะรักษาสีหน้านิ่งไว้ “อาฮะ”
“แต่เราซื้อตั๋วมาแล้วนี่นา! อย่าเลยเสียดายเงิน!” เธอกะพริบตาโตๆ พลางนึกในใจ “ฮึ! โยนไอศกรีมฉันทิ้งใช่ไหม ดีละ งั้นเราก็มานั่งดูหนังน่าเบื่อไปนี่แหละ นายไม่ได้ไปไหนหรอก!”
เซิ่งอี่เจ๋อเหงื่อตกอยู่เงียบๆ จากนั้นเขาก็พยายามบังคับจะลากตัวเธอออกไป แต่หนังกลับเริ่มฉายแล้ว และอันซย่าซย่าเองก็ไม่ยอม การโต้แย้งเล็กๆ น้อยๆ ของทั้งคู่ทำให้คนรอบข้างเริ่มบ่น
เซิ่งอี่เจ๋อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลั้นใจรอฉากที่กำลังจะมาถึง
ครึ่งแรกของเรื่องเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับเด็กสาวกำพร้า ซึ่งมีชีวิตอยู่ในสังคมชั้นล่าง ต้องประสบกับชะตากรรมทุกรูปแบบ และความไม่แน่ใจของโลกใบนี้
โครงเรื่องน่าสนใจและข้อความที่หนังนำเสนอออกมาก็ลึกซึ้งมาก แต่อย่างไรก็ตามเซิ่งอี่เจ๋อกลับรู้สึกว่าเขากำลังนั่งอยู่บนพรมที่เต็มไปด้วยหนามแหลม
แต่โชคดีที่อันซย่าซย่าเห็นว่าภาพยนตร์แบบนี้มันน่าเบื่อมาก หญิงสาวผล็อยหลับไปหลังจากกินป๊อปคอร์น ศีรษะเล็กๆ ของเธอผงกจนกระทั่งเอนมาซบกับไหล่ของเขา
เมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักบนไหล่ เซิ่งอี่เจ๋อก็เกร็งตัวขึ้นมาทันที เขาไม่กล้าขยับแม้แต่กล้ามเนื้อเพราะกลัวว่าอาจจะทำให้อันซย่าซย่าตื่น
เธอกลับหลับสนิท มิหนำซ้ำยังเคี้ยวริมฝีปาก จนทำให้เขาสงสัยว่าเธอกำลังฝันอะไรอยู่นะ
เมื่อหนังฉายผ่านไปครึ่งเรื่อง เด็กหญิงกำพร้าก็ได้ช่วยชีวิตชายชราคนหนึ่งเอาไว้ ซึ่งเขากลับกลายเป็นชายชราที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองนั้น ด้วยความที่ไม่มีทายาท เขาจึงทิ้งทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้เด็กสาวกำพร้าหลังจากที่เขาตายไป ซึ่งทำให้ชีวิตเธอพลิกผันในชั่วข้ามคืน ระหว่างเรื่องดำเนินไป การปฏิสัมพันธ์ของเธอและนักแสดงนำรวมทั้งนักแสดงสมทบชายก็นำไปสู่เรื่องราวของความรัก
ระหว่างงานเลี้ยง เด็กสาวกำพร้าเปิดตัวอย่างอลังการโดยสวมชุดหรูหราที่สุดในงาน ไม่เพียงแค่ดึงดูดสายตาเปี่ยมไปด้วยความทึ่งได้มากมายแล้ว หล่อนยังทำเอาพระเอกของเรื่องเข่าอ่อนไปเลย
จากนั้นทั้งสองก็จูบกันอย่างเร่าร้อนที่ระเบียง และด้วยการกระชากจากพระเอก ชุดราตรีหรูก็ขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วทั้งคู่ก็เริ่มแสดงบทรักกันตรงนั้นเอง…
เซิ่งอี่เจ๋อหน้าชา การใช้แสงสีในฉากนั้นช่างเต็มไปด้วยศิลปะและไม่มีฉากที่เห็นเนื้อหนังมังสาเลยสักเสี้ยววินาที แต่อย่างไรก็ตามเพียงแค่แสงเงาและเสียงก็เพียงพอแล้วที่จะบ่งบอกว่าทั้งสองกำลังทำอะไรกันอยู่
เขาปรายตามองไปยังอันซย่าซย่าอย่างกังวล แต่โชคดียัยซื่อบื้อตัวน้อยยังคงหลับอยู่
เซ่งอี่เจ๋อหวังสุดหัวใจว่าเธอจะยังคงหลับต่อไปอย่างนั้น
ต่อมา เมื่อฉากรักเริ่มเกิดถี่ขึ้น ชายหนุ่มมองไปรอบๆ และเห็นว่าคู่รักคู่อื่นๆ ก็เริ่มจะกอดจูบกันแล้ว บรรยากาศร้อนแรงเริ่มอบอวลไปทั่วทั้งโรงภาพยนตร์มืดๆ
อยู่ๆ เธอก็ขยับและถูหน้ากับไหล่เขาซึ่งทำให้เขาตัวเกร็งขึ้นมาทันที!
“อืม…ไอศกรีมโคนของฉัน…” อันซย่าซย่าบ่นพึมพำและทำจมูกฟุดฟิดๆ ซุกใบหน้าเล็กๆ เข้าหาซอกคอเขาราวกับลูกแมวน้อยผู้ไร้เดียงสา
ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็รู้สึกไม่สะดวกใจขึ้นมาในเกือบจะทันที
ลมหายใจอุ่นๆ เป็นระยะประปรายที่ไหล่ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายหนัก บนหน้าจอพระเอกนางเอกก็กำลังร่วมรักกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่วนในโรงหนังนี้เอง เขาก็ได้ยินเสียงคู่รักพลอดรักกันอยู่รอบตัวเขา
ให้ตาย! อะไรเข้ามาดลใจให้เขาพาอันซย่าซย่ามาดูหนังเรื่องนี้กันนะ!
สมน้ำหน้าตัวเองแล้ว และทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของเขาทั้งนั้น!
ทำไมเขาถึงได้ลากตัวเองมาอยู่ในนรกเป็นๆ นี่นะ!
ตอนที่ 177 เป็นห่วงใช่ไหม
ภาพยนตร์ความยาวหนึ่งร้อยยี่สิบนาที แต่กลับมีฉากกอดจูบลูบคลำและร่วมรักกันนานถึงหกสิบนาที…
เมื่อหนังจบลง เซิ่งอี่เจ๋อผู้ถูกทรมานมาอย่างหนักก็นิ่วหน้าก่อนจะกระแซะอันซย่าซย่าเบาๆ
หญิงสาวตื่นรู้สึกตัวขึ้นอย่างสะลึมสะลือ “หนังจบแล้วเหรอ”
เซิ่งอี่เจ๋อมองหน้าเธออย่างเคร่งเครียดราวกับเขากำลังแผ่รังสีอันตรายใส่เธอ
“เช็ดน้ำลายซิ!”
เธอสะดุ้งแล้วตื่นเต็มตาทันทีทันใด รีบเช็ดมุมปากอย่างไวจากนั้นก็มองหน้าเซิ่งอี่เจ๋ออย่างประหม่า
ไฟเหนือศีรษะค่อยสว่างขึ้นทีละดวงแล้วโรงหนังก็เริ่มสว่างขึ้น ทั้งสองเริ่มมองเห็นหน้ากันได้อย่างชัดเจนขึ้นกระทั่งกลายมาเป็นนั่งจ้องตากัน
อันซย่าซย่าหรี่ตา ยังคงปรับสายตากับแสงสว่างอยู่ จู่ๆ ทันใดนั้นเองเขาก็เอื้อมมือมาหยิกแก้มเธอ
“อื้อ…” อันซย่าซย่างุนงงกับการแกล้งแผลงๆ อย่างไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัวของเขา เมื่อเซิ่งอี่เจ๋อกัดฟันกรอดพลางพูด “ยัยซื่อบื้อ! ฉันจะไม่มาดูหนังกับเธออีกแล้ว!”
มันดูเหมือนเขากำลังแก้แค้นและบ่นในเวลาเดียวกัน นัยน์ตาดำขลับของเขาลุกโชนไปด้วยความโกรธ
อันซย่าซย่าร้อง “เจ็บ…”
“ฮึ!” ชายหนุ่มหยันตามสไตล์คนปากแข็งแต่ใจอ่อน แต่ก็ไม่ยอมรามือ เขาหยิกแก้มเธออีกสองสามครั้ง รู้สึกดีกับสัมผัสที่อยู่ใต้ปลายนิ้ว
เรียกว่าเป็นการหยิกเพื่อชดเชยกับความทรมาทรกรรมทั้งหลายที่เขาต้องเผชิญเมื่อกี้ก็แล้วกัน
เธอทนด้วยน้ำตาเริ่มเอ่อนอง ไม่รู้เลยว่ามันเรื่องอะไรกัน
แต่แล้วโทรศัพท์ที่สั่นขึ้นก็ช่วยเธอเอาไว้ เซิ่งอี่เจ๋อปล่อยหน้าเธอ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมารับ
เสียงหัวเราะใจดีของผู้กำกับดังมาจากปลายสาย “สวัสดีอี่เจ๋อ ฮ่าๆ … เธอยุ่งอยู่หรือเปล่าตอนนี้ พอจะมีเวลามาถ่ายซ่อมหน่อยไหมวันนี้”
เซิ่งอี่เจ๋อเป็นคนที่อุทิศตัวให้งานเป็นปกติอยู่แล้ว หลังจากคุยกับผู้กำกับเสร็จแ เขาก็มองมาที่อันซย่าซย่าพลางบอก “เดี๋ยวฉันกลับไปส่งเธอที่บ้านก่อน”
พอพูดจบ เขาก็ยืนขึ้นแล้วเดินออกไปโดยมีหญิงสาวเดินตามหลังไปติดๆ เหมือนกับเหาฉลามซึ่งดูท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ “หมอบอกให้นายหลีกเลี่ยงการออกกำลังที่หนักหน่วง เซิ่งอี่เจ๋อ นายชอบว่าฉันว่าซื่อบื้อตลอดเวลา แต่สิ่งที่ฉันเห็นก็คือ นายเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกเลย! ตอนแรกก็เล่นบาสเกตบอลแล้วนี่ยังจะกลับไปถ่ายละครอีก นายคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์แมนหรือไง แบบนั้นมันดีต่อสุขภาพหรือไงฮะ”
จู่ๆ เขาก็หยุดเดิน อันซย่าซย่าไม่ทันมองจึงชนเข้ากับอ้อมแขนของเขา
ชายหนุ่มกดฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนไหล่เธอ นัยน์ตาเขาส่องประกายวิบวับราวกับดวงดาวที่สุกสกาวยามค่ำคืน เมื่อประกอบเข้ากับไฝเม็ดเล็กๆ ใต้ตาของเขานั้นก็ยิ่งทำให้มันดึงดูดสายตาราวกับจุดสีแดงสด
“อันซย่าซย่า ที่เธอคอยจู้จี้กับฉันทั้งหมดนี้ ฉันคิดได้ไหมว่าเธอเป็นห่วงเป็นใยฉันจริงๆ” น้ำเสียงสุขุมชัดเจนของเขาดังขึ้นข้างหูของเธอ หญิงสาวรู้สึกราวกับว่ากำลังได้ยินเสียงดอกไม้ไฟวันชาติพากันระเบิดตูมตามอยู่ในหัวของเธอ
โอ๊ยตายแล้ว…เธอกำลังทำบ้าอะไรอยู่นะ…
นี่คือเซิ่งอี่เจ๋อเชียวนะที่เรากำลังพูดถึงอยู่ เธอเป็นใครกันถึงจะมีสิทธิ์ไปเป็นห่วงเขา
เธอคงต้องล้ำเส้นไปแล้วแน่ๆ
เหมือนกำลังเคาะประตูที่เปิดเอาไว้แล้ว
“ใช่ไหม ว่ายังไง” เขาเอ่ยถามอีกครั้งอย่างอ่อนโยน
เธอเปลี่ยนความเขินอายเป็นความโกรธ หญิงสาวรู้สึกราวกับเธอเพิ่งถูกเขาแกล้งหยอกล้อเล่นก่อนจะตะโกนตอบ “ไม่ใช่เลย! ทำไมฉันต้องเป็นห่วงนายด้วยล่ะ! จะทำอะไรก็เชิญ ฉันจะไม่พูดอะไรแล้ว!”
เธอผลักเขาออกให้พ้นทางแล้วรีบวิ่งหนี และกระโดดลงบันไดทีละหลายขั้น แต่แล้วเท้าก็สะดุดและล้มลงหน้าฟาดพื้น
พื้นข้างล่างนั้นเย็นเฉียบ แต่มันก็ช่วยทำให้เธอสมองโล่งขึ้นในทันที
เซิ่งอี่เจ๋อรีบตามเธอมาพลางช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้น น้ำเสียงของเข่าเหมือนจะบ่น “แค่เดินเฉยๆ ยังเป๋เลยเหรอ! ให้ฉันอุ้มไหม”
อันซย่าซย่า : *ยกมือตบหน้าผาก* ขายหน้าที่สุด
เซิ่งอี่เจ๋อค่อยๆ แกะมือเธอออกจากใบหน้า และบังคับให้เธอมองตาเขา
“ฉันจะถามเธออีกครั้ง อันซย่าซย่า เธอเป็นห่วงฉันใช่ไหม”