ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล - ตอนที่ 403 เป็นหรือตาย (2) / ตอนที่ 404 เป็นหรือตาย (3)
ตอนที่ 403 เป็นหรือตาย (2)
ตอนแรกหลีฝานซิงคิดจะจับมือเธอ แต่พอเห็นเล็บของเธอเป็นสีดำก็ชักมือกลับ
“เธอก็คือเจี่ยนซินเอ๋อร์? เราเคยเจอกันตอนเด็กๆ” หลีฝานซิงกล่าวอย่างสุภาพ “ตอนนี้เธอเป็นแบบนี้…ฉันล่ะเห็นใจเธอจริงๆ เฮ้อ…”
เจี่ยนซินเอ๋อร์ยิ้มเย็นชา “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ มัวอ้อมค้อมอะไรนักหนา”
หลีฝานซิงยิ้ม “ฉันอยากถามเธอ เธอรู้ไหมว่าใครทำร้ายเธอจนกลายมาเป็นแบบนี้?”
“แน่นอนว่าเป็นอันซย่าซย่า!” เจี่ยนซินเอ๋อร์กัดฟันกรอด ระหว่างตาและคิ้วเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ถ้าไม่ใช่เพราะอันซย่าซย่า เซิ่งอี่เจ๋อก็คงไม่จัดการกับตระกูลเจี่ยน และถ้าตระกูลเจี่ยนไม่ล้มละลาย เธอก็ไม่ต้องไปเก็บขยะ!
“ไม่” หลีฝานซิงส่ายหน้า “เฮ้อ ตอนนี้เธอยังมองไม่ออกอีกเหรอว่าใครเป็นคนทำร้ายเธอ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นเซิ่งอี่เจ๋อ”
เจี่ยนซินเอ๋อร์ตัวสั่น เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เต็มใจยอมรับคำพูดนี้
เนื่องจากในใจลึกๆ เธอยังคงคลั่งไคล้ในตัวเซิ่งอี่เจ๋อ
แม้ว่าจะไร้สาระ แต่ก็เป็นเรื่องที่ลืมไม่ลง
“ถึงเธอจะทะเลาะกับอันซย่าซย่าแรงขนาดไหน แต่อันซย่าซย่าจะเอาปัญญาที่ไหนมาทำร้ายเธอได้? ไม่ใช่หรอกมั้ง คนที่ทำร้ายเธอ ทำร้ายครอบครัวเธอ จริงๆ แล้วก็คือเซิ่งอี่เจ๋อ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา จะเป็นไปได้ยังไงที่อันซย่าซย่าจะกล้าต่อกรกับเธอ?” หลีฝานซิงถอนหายใจอย่างปลงๆ “เขาทำกับเธอแบบนี้ เธอไม่คิดจะแก้แค้นบ้างเหรอ?”
เจี่ยนซินเอ๋อถูกเธอพูดกระตุ้น นัยน์ตาฉายแววความเกลียดชัง แต่เธอก็ต้องระงับมันไว้
เกลียดแล้วยังไงล่ะ ในเมื่อตอนนี้เธอตกอับจนมีสภาพเป็นแบบนี้ เธอจะทำอะไรเซิ่งอี่เจ๋อได้?
“เธอรู้ไหมว่าคนเราจะทุกข์ทรมานที่สุดตอนไหน? ไม่ใช่เพราะตัวเขาเจ็บหรอกนะ แต่เป็นเพราะคนที่เขาแคร์เจ็บหรือถูกรังแกต่างหากล่ะ…ความเจ็บปวดนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าตัวเองเจ็บกว่าร้อยเท่าพันเท่า!” หลีฝานซิงค่อยๆ พูดโน้มน้าว เธอโบกมือให้คนรับใช้จุดเครื่องหอม สักพักกลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ลอยเข้ามาในห้อง
เจี่ยนซินเอ๋อร์จมอยู่กับคำพูดของหลีฝานซิงและรู้สึกเพียงว่าคำพูดของหลีฝานซิงยิ่งฟังก็ยิ่งมีเหตุผล เธอเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “บอกฉัน ฉันควรทำยังไง?”
เธอรู้ดีว่าตัวเองถูกหลอกใช้ แต่ตอนนี้เธอเต็มใจที่จะถูกหลอก!
แม้จะเป็นแค่หมากตัวหนึ่ง แต่ตราบใดที่สุดท้ายสามารถทำร้ายเซิ่งอี่เจ๋อได้ เธอก็ยอม!
“อันซย่าซย่าเป็นแฟนเซิ่งอี่เจ๋อ แต่เซิ่งอี่เจ๋อเห็นเธอเป็นแค่ของเล่น เธอยังไม่เข้าใจเรื่องการแต่งงานระหว่างตระกูลใหญ่ของพวกเราอีกเหรอ? ท้ายที่สุดแล้วมันล้วนไม่ใช่เรื่องของความชอบพอกัน…ส่วนเซิ่งอี่เจ๋อก็มีคนรักวัยเด็กแล้ว ไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ทั้งยังอยู่ในตระกูลเศรษฐี คุณพ่อเซิ่งยังเคยจัดงานหมั้นให้ทั้งสองคนแล้วด้วย แต่เนื่องจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ต้องเป็นอันยกเลิกไป…แต่ถึงอย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็มีความสำคัญต่อเซิ่งอี่เจ๋อ ต่อตระกูลเซิ่งมาก ฉันไม่บอกเธอก็น่าจะเข้าใจดี?”
น้ำเสียงของหลีฝานซิงเริ่มฟังดูคลุมเครือ “เธอแค่จัดการผู้หญิงคนนี้…”
สายตาเจี่ยนซินเอ๋อร์พร่ามัว “แต่ฉันคนเดียว จะสำเร็จได้ยังไง?”
“ไม่ ยัยโง่ เธอยังมีผู้ช่วยอีกคน” หลีฝานซิงดีดนิ้ว ชายร่างสูงใหญ่สวมหมวกเบสบอลเดินมาพร้อมกับสบถอย่างดูถูก “ใช้กลิ่นนี่อีกแล้ว…”
หลีฝานซิงหันไปมองเขา อีกฝ่ายรีบพูดขึ้นมาว่า “ฉันจะทำตามที่เธอบอก แต่เธอต้องตกลงเงื่อนไขกับฉัน!”
“ไม่มีปัญหา ฉันจะทำลายชื่อเสียงเซิ่งอี่เจ๋อให้ป่นปี้ แต่พวกนายต้องช่วยฉันจัดการคนรักวัยเด็กของเขาก่อน!” ปากหลีฝานซิงกระเพื่อมยิ้มอย่างร่าเริง แต่ใจเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
วันนั้น เซิ่งอี่เจ๋อทำให้ซ่งชิงเฉินตกใจกลัวจนคิดถอนตัว
และตอนนี้เธอคิดจะหนีเอาตัวรอดไปตามลำพัง หึ ฝันไปเถอะ!
ทุกคนที่ล่วงรู้ความลับสมควรลงนรกซะ!
ตอนที่ 404 เป็นหรือตาย (3)
พริบตาเดียวก็ถึงวันจันทร์
ทันทีที่เลิกเรียน อันซย่าซย่าก็หยิบกระเป๋าเตรียมจะกลับบ้านไปดูละคร ซูเสี่ยวโม่วิ่งมาหาเธอพร้อมกับบีบหน้าอกเธออย่างหมั่นเขี้ยว “จุ๊ๆ ซย่าซย่า ช่วงนี้เธอกินอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อถูกจู่โจมที่หน้าอก อันซย่าซย่าก็หน้าแดง “อะไรเนี่ย! อย่าจับสิ!”
เธอลูบหน้าตัวเองพลางถามอย่างเศร้าๆ “โม่โม่ ช่วงนี้ฉันดูขี้เหร่ใช่ไหม? หลังจากที่ฉลองปีใหม่เสร็จ ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้น…”
ซูเสี่ยวโม่สำรวจดูอย่างละเอียด เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้ามีรูปร่างบอบบาง ใบหน้าอ่อนเยาว์ นัยน์ตาเป็นประกายเหมือนดวงดาว
ถ้าให้บอกว่ามีตรงไหนที่ดูแปลกออกไป ดูเหมือนจะเป็น…หน้าอกที่ใหญ่ขึ้น?!
ใบหน้าขยายตัวออก ในขณะที่ยิ้มก็มีภาพหญิงงามล่มเมืองอยู่เลือนลาง
“ซย่าซย่า ฉันคิดว่าเธอไม่ได้อ้วนนะ…เธอน่าจะกำลังโต” ซูเสี่ยวโม่แตะคางพูด “จุ๊ๆ ฉันคิดว่าเธอสวยขึ้นนะ เธอหน้าคล้ายแม่หรือเปล่า? ฉันเดาได้ว่าแม่เธอน่าจะเป็นคนที่สวยมากแน่ๆ …”
ความอ้างว้างฉายอยู่ระหว่างคิ้วกับดวงตาของอันซย่าซย่า
เธอไม่เคยเจอแม่มาก่อนตั้งแต่เด็กยันโต แต่ไหนแต่ไรป่าป๊าอันกับอันอี้เป่ยก็ไม่เคยให้เธอดูรูปของแม่เลย
เธอโตมาขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองหน้าตาเป็นอย่างไร
เนื่องจากซูเสี่ยวโม่โตมาพร้อมกับเธอ พอรู้ตัวว่าตัวเองพูดผิดไปแล้ว เธอจึงกระแอมเสียงเปลี่ยนเรื่อง “เอ๊ะ ฉันได้ยินมาว่าเทศกาลดนตรีของพวกเธอมีหนุ่มหล่อด้วยนี่ แต่ดูเหมือนจะตกรอบในรอบออดิชั่น วันนี้คงไปเข้าแข่งขันในรอบคัดพิเศษ ไปกันเถอะ ไปดูหนุ่มหล่อกัน!”
–
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็มาถึงยังสถานที่แข่งขันรอบคัดพิเศษและหาที่นั่งอยู่ตรงมุมมุมหนึ่ง
เนื่องจากการแข่งขันในรอบออดิชั่นคราวนี้เข้มงวดมาก จึงทำให้จำนวนผู้เข้าแข่งขันไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงจัดการแข่งขันรอบคัดพิเศษขึ้นมาอีกรอบเพื่อคัดคนเข้ามาแข่งขันเพิ่ม
หนุ่มหล่อที่ซูเสี่ยวโม่พูดถึงอยู่ลำดับที่หก เขาจึงได้ขึ้นเวทีเร็ว
พออันซย่าซย่าเห็นก็แทบกระอักเลือด
คิ้วเรียวสวย หน้าม้ายาวๆ รูปร่างผอมบาง ใบหน้าเย็นชา ถ้าพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอก คำว่าสวยน่าจะเหมาะกับเขามากกว่าคำว่าหล่อ!
“นี่เป็นผู้ชายจริงๆ เหรอ?” อันซย่าซย่าทึ่ง
ซูเสี่ยวโม่หัวเราะแหยๆ “แน่นอนสิ นี่เป็นที่สุดแห่งเคะเลยนะ! จุ๊ๆ ช่างสวยอะไรอย่างนี้…อยากกดเขาไว้ใต้ร่างแล้วทำให้เขาร้องไห้จริงๆ …”
อันซย่าซย่าเหงื่อไหลพลัก
ชาตินี้ซูเสี่ยวโม่เกิดมาผิดเพศแล้วแน่ๆ …
หลังจากนั้นผู้แข่งขันหมายเลข 7 ก็ปรากฏตัวตามมาติดๆ เดิมทีอันซย่าซย่ากับซูเสี่ยวโม่กำลังจะเดินออกไป แต่เมื่อเห็นผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ในสถานที่แข่งขัน ทั้งสองก็ถึงกับช็อก
ซ่งชิงเฉิน!
หากมีเพียงซ่งชิงเฉิน บางทีก็คงไม่ได้สนใจ แต่คู่เล่นที่นั่งอยู่หลังเปียโนกลับเป็นเซิ่งอี่เจ๋อ!
ซูเสี่ยวโม่รู้สึกได้ว่าอันซย่าซย่าที่อยู่ด้านข้างตัวแข็งทื่อ
“ซย่าซย่า…” เธอเรียกเบาๆ แต่อันซย่าซย่าเหมือนร่างไร้วิญญาณโดยไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
ทั้งสองคนอยู่บนเวที คนหนึ่งเล่นเปียโน คนหนึ่งสีไวโอลินด้วยบทเพลงอันแสนคลาสสิก คลาสสิกในแบบที่มักจะได้ยินในงานแต่งงาน
อันซย่าซย่ารู้สึกแสบตาอย่างรุนแรง
เรื่องที่เล่นดนตรีคู่กับซ่งชิงเฉิน เซิ่งอี่เจ๋อไม่ได้บอกเธอเลย…
พอถึงช่วงตอนท้ายของเพลง อันซย่าซย่านั่งนิ่งอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะลุกหนีออกจากฮอลล์ด้วยความสิ้นหวัง
ซูเสี่ยวโม่เดินตามไปและถามอย่างเป็นห่วง “ซย่าซย่า เธอโอเคไหม?”
อันซย่าซย่าส่ายหน้า ซูเสี่ยวโม่ถอนหายใจพลางยกมือโบกแท็กซี่และผลักอันซย่าซย่าเข้าไป
ไม่ไกลนัก ซ่งชิงเฉินก็ขึ้นรถแท็กซี่ด้วยน้ำตาที่ไหลอาบหน้า
ด้านหลังมีรถบิวอิคก์คันหนึ่ง เจี่ยนซินเอ๋อร์ยิ้มอย่างเย็นชา “นั่งไงเธอ! ไป ตามไป!”