ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 722 การอยู่ห่างจากเขาเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องเขา
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 722 การอยู่ห่างจากเขาเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องเขา
“พวกเราไม่เป็นอะไรกัน พวกเรา…”
“ถ้าอย่างงั้นจะพูดไร้สาระมากมายทำไม?ไม่ใช่ว่าเธอต้องการยืมมือพวกเขาฆ่าฉันหรอกเหรอ?ไม่เป็นไรหรอก ถ้าพวกเขาฆ่าไม่ได้ เธอก็สามารถลงมือเองได้นิ ทำไมต้องหาเหตุผลมากมายมาอ้างล่ะ? ”
ไม่มีใครคาดคิดว่า จู่ๆคนที่นั่งรถเข็นวีลแชร์จะพูดขึ้น
เขายังคงดูเฉยเมย น้ำเสียงนิ่งแต่คำพูดที่เขาพูดนั้นคมราวกับมีด และพูดประโยคเหล่านั้นออกมาด้วยท่าทีเยาะเย้ยประชดประชัน
ในขณะนั้นชายชราเหมือนถูกตบหน้าเข้าไปหนึ่งฉาด!
ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความโกรธ
“แก–”
เขาโกรธมากจนกำหมัดเสียงดังกร็อดๆ
แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ทนได้ เขาจ้องไปที่แสนรักด้วยสีหน้าเขียวปั๊ดและพูดว่า: “แสนรัก แกอวดดีแบบนี้ วันหนึ่ง แล้ววันหนึ่งแกจะเสียใจ!”
แสนรักยิ้มเยาะ
เสียใจเหรอ?
สิ่งที่เขาเสียใจมากที่สุดในชีวิตนี้คือการที่เขาเกิดในตระกูลเทวเทพที่น่าขยะแขยงนี้
ไชยันต์รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาให้คนเอาศพทั้งหมดไปจากที่นี่และไม่ได้สืบสาวเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก แต่สำหรับแสนรัก เขาไม่ได้บอกว่าจะทำยังไงและทำได้เพียงไม่คิดเรื่องนี้ต่อเพื่อให้มันจบๆไป
ปล่อยให้เรื่องจบง่ายๆโดยไม่สืบสาวแบบนี้ไม่ยุติธรรม
เพราะนี่เป็นคดีฆาตกรรมโดยเจตนา และชายชราก็รู้ดีว่าใครคือผู้บงการ แต่เขาเลือกที่จะทำแบบนี้ทำให้ผิดหวังซะจริงๆ
“ช่างเขาเถอะ ยังไงซะแค่ตอนนี้แสนรักปลอดภัยก็ดีแล้ว”
หลังจากที่ไพบูลย์รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็พูดโน้มน้าวเส้นหมี่
เส้นหมี่ทำได้เพียงพยักหน้า
นั้นนะสิแค่เขาปลอดภัยก็ดีแล้วเธอยังคาดหวังอะไรในครอบครัวที่บัดซบแบบนี้อีก?
เส้นหมี่ไม่ได้คิดเรื่องอื่นอีก
ส่งเขากลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย เนื่องด้วยรินจังเจอเหตุการณ์ที่น่าตกใจกลัว จึงเป็นเรื่องยากที่เส้นหมี่จะอยู่ดูแลเขาที่โรงพยาบาลแต่เปลี่ยนให้ดลธีคอยดูแลเขาอย่างเงียบๆแทนในคืนนี้
“คุณแสนรัก ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ฉันพาลูกกลับไปก่อนนะ ถ้าคุณอยากได้อะไร คุณโทรเรียกพยาบาลนุชได้เลย”
ก่อนที่เธอจะไปเธออุ้มลูกเข้ามาบอกเขาที่ห้องพักผู้ป่วย
แสนรักกำลังนั่งอยู่บนเตียงอ่านหนังสืออย่างเงียบๆ
หลังจากเหตุการณ์ในตอนบ่ายทำให้แผลที่มือของเขาก็เปิดอีกครั้ง พยาบาลจึงต้องช่วยเขาพันผ้าพันแผลใหม่อีกรอบ คราวนี้ เขาเอนกายพิงหัวเตียงใช้โต๊ะกินข้าวเล็กๆเพื่อมาพิงอ่านหนังสือต่อ
เส้นหมี่รออยู่สักพัก
แต่น่าผิดหวังนิดหน่อย เขาไม่แม้แต่จะเหลือบมอง ในช่วงกลางคืนของห้องพักผู้ป่วย นอกจากเสียงแอร์ที่เปิดอยู่ มันก็เงียบราวกับว่าเขาไม่มีเธอในสายตาของเขาเลย
จะสนใจไม่สนใจก็ช่างเขาเถอะ
เส้นหมี่อุ้มลูกเตรียมจะเดินออกไป
“พรุ่งนี้คุณไม่ต้องมาแล้ว”
“ห๊ะ?” เส้นหมี่หยุดลงทันที หันกลับมามองเขาด้วยความประหลาดใจ “ทำไม? ฉันเป็นหมอที่ดูแลคุณ ทำไมคุณไม่ให้ฉันมาล่ะ”
“หมอที่ดูแลฉันคือไพบูลย์ไม่ใช่คุณ ตั้งแต่พรุ่งนี้ฉันบอกเขาว่าคุณไม่ต้องมาที่นี้อีก”
เขาแสดงท่าทีไม่แยแสและไม่ยอมรับว่าหล่อนเป็นแพทย์เฉพาะทางอย่างไร้ความปราณี ตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่อนุญาตให้เธอมาที่ห้องเขาอีก!
เส้นหมี่หน้าซีดทันที
เธอมองชายที่นอนอยู่บนเตียงสักพักพร้อมกับสับสนอยู่ในหัว
ไม่สิ ทำไมจู่ๆเขาถึงพูดแบบนี้?
พวกเขาพึ่งผ่านเรื่องคอขาดบาดตายมาเมื่อตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ? ทำไมความสัมพันธ์ไม่ดีขึ้นเลย? แต่เมื่อเหตุการณ์สงบลงเธอกลับจะถูกไล่ออกแทน?
เส้นหมี่ไม่เข้าใจ
เธออยากจะถามให้แน่ชัดกว่านี้ แต่มีพยาบาลคนใหม่เข้ามาพอดี “หมอคิตตี้ในเมื่อคนไข้ไม่ต้องการให้คุณดูแลแล้ว คุณควรออกไปก่อนเถอะค่ะ เกรงว่าเขาจะอารมณ์เสีย”
จากนั้นเธอก็พาสองแม่ลูกออกไปโดยไม่พูดอะไร
เส้นหมี่กำหมัดแน่นและหลังจากนั้นไม่นานหลักจากที่เธอเหลือบมองชายผู้เฉยชาที่ประตูอยู่สักพัก เธอก็เดินจากไปด้วยความคับแข้นใจพร้อมกับลูกสาว
ทำไมจู่ๆเขาถึงเป็นแบบนี้?
เส้นหมี่ออกจากโรงพยาบาล
สิบนาทีต่อมาผู้อำนวยการไพบูลย์ที่ได้ยินข่าวก็ลงมาที่ห้องพักผู้ป่วย
“ได้ยินมาว่าคุณไล่ผู้ช่วยผมออกไปเหรอ? เกิดอะไรขึ้น คุณชายม็อกโก เป็นเพราะเหตุการณ์วันนี้ คุณกลัวว่าเธอจะถูกเอี่ยวไปด้วยและกลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัยถ้าอยู่ใกล้คุณเหรอ”
ไพบูลย์ยิ้มเบาๆและลากเก้าอี้ไปนั่งหน้าเตียงของชายหนุ่ม
เมื่อพูดจบ แสนรักซึ่งนั่งอยู่บนเตียงและกำลังเพลิดเพลินกับเสียงเพลงจากหูฟังของเขาก็มีสีหน้าเศร้าหมองทันที
“ไม่ใช่!”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่อยากให้เธอรักษาคุณอีกล่ะ ฉันพูดได้เลยว่าถึงเธอจะเป็นแค่ผู้ช่วยแต่ทักษะทางการแพทย์ของเธอดีมาก คุณก็เคยเห็นแล้ว ในช่วงนี้อาการนอนไม่หลับและบาดแผลบนร่างกายของคุณก็ดีขึ้นมาก”
ไพบูลย์พยายามโน้มน้าวเขาด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าอาการของเขานั้นดีขึ้น
แต่แสนรักก็ไม่มีท่าทีสนใจ
จนกระทั่ง เขาได้ยินคำพูดของไพบูลย์ เขาก็จ้องมาที่ไพบูลย์ด้วยใบหน้าที่เย็นชาของเขาและแสดงท่าทีเย้ยหยัน: “แล้วคุณล่ะทำอะไร เอาไว้ประดับโรงพยาบาลเหรอ? คนไข้ของตัวเองแต่ให้ผู้ช่วยมาดูแลเนี่ยนะ”
ไพบูลย์:“……”
ไอ้เด็กเหลือขอนี้ ยังจะไม่พอใจอีก ทำไมถึงเป็นคนมีทิฐิสูงแบบนี้นะ?
ไพบูลย์ไม่มีทางเลือกแล้วก็ยืนขึ้น: “เอาล่ะ ในเมื่อคุณปฏิเสธเธอมากขนาดนี้ งั้นฉันคงทำได้เพียงจัดให้เธอดูแลผู้ป่วยรายอื่น เดี้ยวคุณค่อยว่ากันอีกทีละกัน”