ยัยหมอวายร้ายที่รัก - บทที่ 966 เดิมทีม็อกโกก็คือทายาทที่เหมาะสมที่สุดของตระกูลเทวเทพ
ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 966 เดิมทีม็อกโกก็คือทายาทที่เหมาะสมที่สุดของตระกูลเทวเทพ
“แกพูดอะไรนะ?”
“ผมพูดผิดเหรอ? ในใจของปู่ ก็มีเพียงแต่ครอบครัวของคุณอามาตลอด เมื่อก่อนทำกับพ่อของผมแบบนั้น ตอนนี้กับผมก็ด้วย ผมเป็นคนริเริ่มสละตำแหน่งให้กับเขาเองก็ไม่ได้ ปู่ยังจะตีผมให้ตาย นี่ไม่ใช่สิ่งที่ในใจปู่ต้องการจริงๆ เหรอ?”
ในท้ายที่สุดเขาก็ถูกบีบบังคับจนบ้าไปแล้ว
คนหนึ่งที่เคยอ่อนโยนใจกว้างแบบนั้น ในเวลานี้ เขาล้มลงอยู่บนพื้นจับขาข้างนั้นที่ถูกทุบจนได้รับบาดเจ็บ บนใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ยกเว้นสีขาวซีดที่ไม่มีสีเลือดครึ่งหนึ่ง
ที่เหลือคือความเคียดแค้นอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้คนต้องประสาทสั่นขวัญหาย
ในที่สุดสีหน้าของไชยันต์ก็ซีดเผือดลงไป
เขาโกรธจนเอ็นปูดเขียวขึ้นมา ดวงตาแก่คู่หนึ่งก็ยิ่งแดงก่ำเป็นสีเลือด แต่ในเวลานี้ เขาชี้ไปที่เขา กลับสั่นระรัวจนพูดอะไรไม่ออกอีกเลยสักคำเดียว
เขาไม่เคยรู้มาก่อน หลานชายคนโตที่เป็นเด็กดีคนนี้ ทำให้เขาเกิดความเข้าใจผิดต่อตัวเองอย่างมหันต์ขนาดนี้โดยที่ไม่ตั้งใจ เขาทำผิดไปจริงๆ งั้นเหรอ?
ทรวงอกของไชยันต์เต้นหนักขึ้นมาอย่างรุนแรง ทั้งเจ็บทั้งโกรธถึงขีดสุด ร่างกายโซไปเซมา ในที่สุด เก้าอี้ในมือเขาก็ถือไว้ไม่ไหวอีกต่อไป——
“ปัง——!”
ในที่สุดก็หล่นลงบนพื้นแล้ว
ม็อกโก : “……….”
รวมทั้งพวกรองผู้นำเดชาที่กำลังเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวข้างในอยู่ด้านนอก ต่างก็ตกตะลึงเหมือนกัน
นี่มันจังหวะอะไรกันอีก?
“ฉันจะบอกแกให้นะม็อกโก ฉันไม่เคยปฏิบัติต่อพ่อแกต่างไปจากอาของแก ความสามารถแบบไหน กินอาหารแบบไหน พ่อแกก็เอาคิดเล็กคิดน้อยว่าฉันไม่ได้ทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายแรงใจกับตัวเขา แต่เขาเคยคิดบ้างไหม? ตอนที่อาของแกได้รับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดอยู่นั้น ในอนาคตเขาก็ต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้งมากแค่ไหน? กองทัพหนึ่งมันไม่สามารถที่จะใช้เงินมหาศาลเพื่อนำไปฝึกฝนคนคนหนึ่งที่แม้แต่ปืนยังจับไม่เป็นให้มามือปืนได้หรอก แต่จะเลือกคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์ในตัวเองสูง นี่มันไม่ใช่เหตุผลเดียวกันเหรอ?”
“……”
“แล้วก็ สำหรับแก ฉันไม่รู้ว่าแกไปได้ยินข่าวนี้มาจากที่ไหนกันแน่? บอกว่าฉันต้องการให้แกสละตำแหน่ง แต่แกฟังฉันให้ชัดๆ เลยนะ นับตั้งแต่ที่ฉันไชยันต์มอบอนาคตของตระกูลเทวเทพไว้ในมือของแก ก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนเป็นคนที่สองเลย!”
ประโยคสุดท้ายนี้ ชายชราคนนี้แทบจะชี้ไปจนขอบตาที่แดงก่ำของหลานชายนอกคอกคนนี้ออกมาแล้ว
ม็อกโกเงยหน้าขึ้นมาทันที!
นี่มันคือความจริงเหรอ?
เขา….ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนคนจริงๆ เหรอ?
ทั้งๆ ที่คนคนนั้นเก่งยอดเยี่ยมขนาดนั้น ทั้งๆ ที่พอเขาเข้ามาก็พลิกสถานการณ์ของตระกูลเทวเทพ ทำให้คนทั้งไวท์ พาเลซและเมืองหลวงต่างตื่นตระหนกตกใจ!!
แต่เขายังบอกว่าไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนคนที่สอง
ม็อกโกสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า?
“แกฟังชัดเจนแล้วยัง? นี่คือดวงชะตาของแก และก็เป็นหน้าที่ของแก แกอย่าคิดหนีตลอดชีวิตนี้ แกมันไอ้หลานนอกคอก!!”
ไชยันต์ตะคอกมาอีกหนึ่งประโยค และเมื่อประโยคนี้จบลง ในที่สุด หลังจากที่ตัวเขาโซไปเซมา ก้นก็ล้มกระแทกลงบนเก้าอี้ด้านหลัง และในที่สุดน้ำตาจากดวงตาแก่ๆ ทั้งสองข้างก็ไหลลงมา
ม็อกโก : “………”
หลังจากที่รู้สึกเหมือนมีสิ่งของบางอย่างทุบลงอย่างหนักบนหัวใจของเขา เขาก้มหน้าลงอย่างจัง ผู้ชายอายุสามสิบกว่าปี ที่ขอบตาไม่เคยแดงเลยแม้แต่น้อยในท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด
ในตอนนี้ ภายในขอบตาก็น้ำตาไหลทะลักออกมาเหมือนเด็กคนหนึ่ง
นี่คือผลลัพธ์ที่เขาคาดคิดไม่ถึง
เขาเข้าใจมาโดยตลอดว่า ตัวเองก็คือคนนั้นที่เขาไม่ชอบ เหมือนกันกับพ่อของเขา
แต่ความจริงกลับกายเป็นว่า เขาเองก็ได้รับความรักมาโดยตลอด
“พอแล้ว ในเมื่อพูดเปิดใจกันแล้ว งั้นก็ดีเลย ผมก็จะบอกกับพวกคุณสักคำ ผมควรจะกลับไปได้แล้ว”
ในตอนที่ปู่กับหลานต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งความดีใจที่ในที่สุดก็สามารถไล่เมฆหมอกจนสามารถเห็นดวงจันทร์อยู่ในห้องทำงาน จู่ ๆ คนที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่อย่างแสนรัก ก็ยืนพูดประโยคนั้นอย่างเรียบนิ่งอยู่ตรงนั้น
อะไรนะ?
สิ้นเสียงคำพูด ไชยันต์ได้ฟังแล้ว ก็หันหน้ามามองทันที
“กลับไป? แกไปไหน?”
“ใช่ รัก นายอย่าเข้าใจผิด สิ่งที่พวกเราพูดเมื่อสักครู่ ก็แค่พูดๆ ไปอย่างนั้นเอง”
ม็อกโกเองก็หันมามอง ตอนที่เขาเห็นชายคนนี้ ทันใดนั้น บนใบหน้าที่ยังมีรอยแดงช้ำ ก็ปรากฏให้เห็นความขาวซีดเล็กน้อย เริ่มปฏิเสธคำพูดที่ไชยันต์พูดกับเขาขึ้นมาทันที
ในท้ายที่สุดเขายังคงให้ความสำคัญกับพี่น้องของเขาคนนี้เป็นอันดับแรก
แต่แสนรักหลังจากเหลือบมองอย่างผู้เหนือกว่า จู่ ๆ คิ้วเข้มที่แสนเย็นชานั้นก็เผยให้เห็นว่าไม่พอใจเล็กน้อย
“พูดๆ? นั่นคือหน้าที่ของนาย ม็อกโก นายฟังให้ชัดเจนเลยนะ นี่คือครั้งหนึ่งที่ฉันได้ยินตาแก่คนนี้ใช้สมองอย่างฉลาดมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหอะเหอะ……….”
ไชยันต์ : “ !!!!”
ม็อกโก : “……….”
ผ่านไปสักประมาณหนึ่งนาที ม็อกโกก็ปีนลุกขึ้นมาจากบนพื้น หลังจากที่สะบัดฝุ่นบนตัวออก ถามว่า : “แล้วนายจะไปไหน? บ้านของนายอยู่นี่”
“บ้านฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ ตระกูลหิรัญชาต่างหากคือบ้านฉัน!”
ผู้ชายที่ไม่มีสีหน้าอารมณ์ใดบนใบหน้า ได้ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
อารมณ์ของไชยันต์ที่เพิ่งจะผ่านฉากหนึ่งที่รุนแรงมาเมื่อสักครู่สงบลง พอได้ฟังคำพูดนี้ เส้นเอ็นบนหน้าผากก็กระตุกเด้งขึ้นมาอีก
“แก—— “
“พอได้แล้ว เรื่องวันนี้ทุกคนก็เหนื่อยมามากแล้ว ที่นี่เป็นเขตทหาร มีอะไรทุกคนกลับไปค่อยว่ากัน อย่าให้พวกเขาหัวเราะเยาะพวกเราอยู่ที่นี่เลย”
ม็อกโกรีบขัดจังหวะของชายชราคนนี้
เขาที่เดินออกพ้นผ่านมาจากหมอกควันก้อนนั้นแล้ว กลับคืนสู่ท่าทีสงบเยือกเย็นและสุขุมในแบบของเขา เขาสร้างสถานการณ์ที่ดีให้ทั้งสองคน จากนั้นก็ให้เขาทั้งสองกลับไปบ้านก่อน