ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 228 เรื่องที่สอง
โจวเสาจิ่นกล่าว “ท่านพ่อคงทราบเรื่องนี้แล้วกระมัง แล้วท่านว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
โจวชูจิ่นกล่าว “ท่านพ่อทราบเรื่องนานแล้ว เป็นท่านที่ให้หม่าฟู่ซานมาบอกข้า บอกว่ากลัวพวกเราสองพี่น้องจะไม่ทราบถึงความหนักเบาของเรื่องนี้ กลัวพวกเราคิดว่ายังจัดการกับเฉิงลู่ผู้นั้นด้วยความสุภาพได้แล้วสุดท้ายจะถูกเขาแว้งกัดเอาได้ จึงให้พวกเราอยู่ให้ห่างจากเขา ส่วนเรื่องอื่นๆ ยังไม่ได้กล่าวถึง”
โจวเสาจิ่นกล่าว “ท่านพี่ ท่านคิดว่าหาวิธีทำลายยศตำแหน่งของเฉิงลู่เป็นอย่างไร”
“ทำลายยศตำแหน่งของเฉิงลู่?” โจวชูจิ่นพึมพำกล่าว ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าหากทำลายยศตำแหน่งของเขาแล้วเขาจะทำตัวอยู่ในกฎหมายอย่างนั้นหรือ”
จะเป็นไปได้อย่างไร!
หากยศตำแหน่งของเขาถูกทำลายแล้วจะทำให้เขากระทำตัวอยู่ในกฎหมายได้ล่ะก็ ชาติก่อนคงไม่วางแผนหาตัวนางจนพบ แล้วยังหลอกให้นางหนีไปกับเขา โดยไม่คำนึงถึงพ่อตาที่ให้ความช่วยเหลือเขาและภรรยาที่ให้กำเนิดบุตรชายหญิงให้เขาเลยสักนิดเช่นนั้นหรอก
“นี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้นเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าว “เมื่อไร้ซึ่งยศตำแหน่ง เขาก็จะทำได้เพียงต้องพึ่งพาตระกูลเฉิง ถึงเวลานั้นพวกเราก็จะค่อยๆ จัดการเขาได้ แต่หากปล่อยให้เขาได้รับยศจวี่เหรินมาอยู่กับตัว ด้วยอุปนิสัยของเขาแล้ว คงจะยิ่งทำเรื่องที่บ้าคลั่งมากขึ้นออกมา ถึงเวลานั้นเกรงว่าจะไม่เพียงแค่สั่งคนไปวางยาฆ่าคนคนหนึ่งอย่างง่ายๆ เช่นนี้เพียงอย่างเดียว”
โจวชูจิ่นกล่าว “เช่นนั้นพวกเราก็ให้หม่าฟู่ซานไปเมืองเป่าติ้งสักครั้งก็แล้วกัน จะได้รับฮูหยินกลับมาด้วยพอดี เวลาผู้อื่นถามขึ้นมาก็ยังมีข้ออ้างได้ด้วย”
โจวเสาจิ่นเห็นด้วยเป็นอย่างมาก จากนั้นนำเอาปิ่นปักผมแก้วที่เตรียมเอาไว้สำหรับพี่สาวออกมามอบให้พี่สาว กล่าว “นี่สำหรับให้ท่านนำไปมอบเป็นรางวัลให้กับคนตระกูลเลี่ยวเจ้าค่ะ”
“เจ้าเก็บเอาไว้เองเถอะ!” โจวชูจิ่นยืนกรานที่จะไม่รับ
สองพี่น้องยื้อยุดกันอยู่นาน โจวชูจิ่นถึงได้ยิ้มพลางยอมรับมา
ต่อมาทั้งสองพี่น้องนอนอยู่บนเตียงหลังเดียวกัน โจวเสาจิ่นเล่าถึงรายละเอียดต่างๆ ของการเดินทางไปเขาผู่ถัว เช่นเล่าว่าหลงจู๊หวังของร้านตั๋วแลกเงินอวี้ไท่สาขาหนิงโปฉลาดแยบยลอย่างไร หลงจู๊ของสาขาหังโจวหลักแหลมและปราดเปรื่องอย่างไร วัดจินซานใหญ่โตโอ่อ่าขนาดไหน ชาโหวขุยของเมืองไท่ผิงที่ชงด้วยน้ำแร่จงหลิงเฉวียนหอมหวานและสดชื่นเพียงไร…เล่าทุกเรื่องอย่างละเอียด ล้วนเป็นเรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและเฉิงฉือดีกับนางทั้งสิ้น
โจวชูจิ่นฟังไปด้วย ยิ้มพลางลูบเส้นผมดำเงางามของโจวเสาจิ่นไปด้วย ยิ่งอยู่เสียงของสองพี่น้องก็ยิ่งเบาลง และค่อยๆ เข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด วันรุ่งขึ้นตอนที่ถูกชุนหว่านปลุกนั้น ต่างก็ไม่รู้ว่าเผลอหลับกันไปตั้งแต่เมื่อไร
สองพี่น้องรีบล้างหน้าล้างตา แล้วนำเอาของฝากสำหรับมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวนและท่านป้าใหญ่ รวมถึงของรางวัลสำหรับบ่าวรับใช้ไปที่เรือนเจียซู่
เฉิงอี้ยังอยู่ที่ผูโข่ว เฉิงเหมี่ยนตั้งใจพาเฉิงเก้ามาเช้ากว่าปกติเล็กน้อยเพื่อเจอโจวเสาจิ่น หลังจากสอบถามจนทราบว่านางเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ก็พาเฉิงเก้าออกไปข้างนอก
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนยิ้มร่าพลางอธิบายให้โจวเสาจิ่นฟังว่า “เดี๋ยวนี้เขาติดตามไปเรียนรู้งานของที่บ้านกับลุงใหญ่เหมี่ยนของเจ้าด้วยเป็นครั้งคราว”
งานแต่งงานของเฉิงเก้าได้ถูกกำหนดให้จัดขึ้นในเดือนเก้าปีหน้า ไม่ว่าเขาลงสนามสอบแล้วจะได้ยศตำแหน่งซิ่วไฉหรือไม่ งานแต่งงานนี้ก็ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ
โจวเสาจิ่นปลอบโยนฮูหยินผู้เฒ่ากวนว่า “ท่านวางใจเถิดเจ้าค่ะ พี่ชายเก้าจะต้องได้รับความยินดีพร้อมกันสองเหตุการณ์อย่างแน่นอน”
ชาติก่อน เฉิงเก้าได้รับยศตำแหน่งเป็นซิ่วไฉจริงๆ
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนกล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นก็ให้เป็นไปตามคำอวยพรของเจ้าแล้ว”
โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม นำเอาของฝากออกมา
ทุกคนต่างชื่นชอบหวีสับและปิ่นปักผมแก้วเป็นอย่างมาก ส่วนเครื่องประดับปะการังสีแดงกลับทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและฮูหยินใหญ่เหมี่ยนลังเลเล็กน้อย “คุณภาพดีขนาดนี้ หาได้ยากจริงๆ เจ้าเก็บเอาไว้ใช้เองในภายภาคหน้าเถิด!”
คนที่มีบุตรสาว โดยปกติแล้วนับตั้งแต่บุตรสาวถือกำเนิดขึ้นมาก็เริ่มเก็บสะสมสินติดตัวให้บุตรสาวแล้ว
โจวเสาจิ่นนั้นมารดาป่วยเสียชีวิตไปตั้งแต่ที่อายุยังไม่ครบขวบปี ต่อมาก็มาพำนักอยู่ที่ซอยจิ่วหรู ต่อให้ฮูหยินผู้เฒ่ากวนจะดีกับนางมากเพียงใดก็ยังถูกกั้นเรื่องที่ว่าไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอยู่หนึ่งชั้น จึงไม่กล้าตัดสินใจแทนนาง กระทั่งเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของโจวเจิ้นแล้ว จึงเริ่มเตรียมสินสอดให้โจวเสาจิ่น แต่ก็เป็นเรื่องภายในสองปีมานี้เอง นางอาจเทียบไม่ได้กับโจวชูจิ่น ที่นับตั้งแต่จวงซื่อแต่งเข้าตระกูลโจวมาก็เริ่มเตรียมสินสอดให้โจวชูจิ่นแล้ว นอกจากนี้เรื่องที่ยากที่สุดของการจัดเตรียมสินสอดก็คือ บางครั้งสิ่งที่เจ้าต้องการต่อให้มีเงินก็หาซื้อไม่ได้
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าเติบโตมาขนาดนี้นี่นับเป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางออกจากบ้าน ท่านรับเอาไว้เถิดเจ้าค่ะ ต่อไปหากข้าได้พบของดีเช่นนี้อีก จะเก็บเอาไว้เองไม่ให้ท่านทราบเลยเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนหัวเราะดังลั่น กล่าวขึ้นว่า “หรือไม่เจ้านำไปมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็แล้วกัน! ที่เจ้าได้ติดตามออกไปด้วยในครั้งนี้ ต้องขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่า”
“นี่เป็นของที่ข้าซื้อกลับมาฝากท่านกับท่านป้าใหญ่” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “ทางด้านของฮูหยินผู้เฒ่ากัวข้าค่อยหาวิธีตอบแทนนางในภายภาคหน้าก็แล้วกันเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนเห็นท่าทีของนางแน่วแน่ยิ่งนัก หันไปส่งสายตาให้ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนครั้งหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นพวกข้าจะรับเอาไว้ก็แล้วกัน”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม หลังจากที่มอบหวีสับและที่เสียบผมต่างๆ ให้ซื่อเอ๋อร์และคนอื่นๆ แล้ว นางก็ลุกขึ้นกล่าวขอตัว “ถึงแม้จะกล่าวว่าฮูหยินซ่งมีฮูหยินผู้เฒ่ากัวให้การรับรองอยู่แล้ว แต่ข้ากับนางก็อยู่ร่วมกันบนเรือมาช่วงหนึ่ง นางมาเป็นแขกที่ซอยจิ่วหรู ข้าไม่อาจละเลยหน้าที่ของเจ้าบ้านได้ อย่างไรก็ต้องไปกล่าวทักทายนางสักหน่อยถึงจะถูกเจ้าค่ะ”
“ถูกต้องๆ” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนเห็นด้วยเป็นอย่างมาก กล่าวว่า “ในส่วนของฮูหยินซ่งนั้นเจ้าพิจารณาได้เลยว่าควรทำอย่างไร หากต้องการเชิญนางมาเป็นแขกที่บ้าน เจ้าก็ส่งเทียบเชิญได้เลย ถึงเวลาข้าจะมาอยู่เป็นเพื่อนด้วย เรื่องเงินทองก็ให้ใช้ของกองกลาง ไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้น หากเสียมารยาท จะทำให้ผู้อื่นคิดว่าพวกเราใจแคบได้”
โจวเสาจิ่นกล่าวขอบคุณท่านยาย แล้วชวนโจวชูจิ่นไปด้วยกัน กล่าวว่า “ตลอดการเดินทางนี้ฮูหยินซ่งดูแลข้าเป็นอย่างดี เนื่องจากไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวเตรียมการเอาไว้อย่างไรบ้าง จึงไม่กล้าเชิญท่านป้าใหญ่ไปด้วย แต่ท่านพี่ต้องออกไปกล่าวขอบคุณฮูหยินซ่งให้ข้าสักครั้งถึงจะถูก”
ฮูหยินซ่งเป็นภรรยาของขุนนางใหญ่ ใครไม่อยากประจบประแจงบ้าง แต่เนื่องจากนางเป็นแขกของจวนหลัก ใครก็ตามที่จะมาพูดคุยกับนางได้ ก็ต้องได้รับการเห็นชอบจากจวนหลักก่อน หากนางพาฮูหยินใหญ่เหมี่ยนไปคารวะฮูหยินซ่งโดยไม่ได้รับการเห็นชอบจากจวนหลัก จะถูกระแวงสงสัยว่ามาสอดรู้เรื่องของจวนหลักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่โจวชูจิ่นนั้นไม่เหมือนกัน อย่างแรกนางเป็นพี่สาวของโจวเสาจิ่น และอย่างที่สองคือนางเป็นเพียงเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือนผู้หนึ่ง คำพูดของผู้น้อยย่อมมีน้ำหนักน้อย ฮูหยินซ่งย่อมไม่เห็นนางอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนและฮูหยินใหญ่เหมี่ยนต่างเข้าใจเหตุผลในข้อนี้ดี ทั้งสองคนไม่เพียงไม่ตำหนิโจวเสาจิ่น ยังรู้สึกว่าโจวเสาจิ่นคิดได้รอบคอบ จึงสั่งให้ในครัวทำของว่างที่ค่อนข้างขึ้นชื่อของจวนสี่ด้วยตัวเอง ให้โจวชูจิ่นนำไปฝากฮูหยินซ่งที่เรือนรับรองแขกที่นางพักอยู่
เมื่อฮูหยินซ่งได้ยินว่าโจวเสาจิ่นและพี่สาวนำของว่างมาเยี่ยมนาง ก็รีบสั่งให้สาวใช้เชิญพวกนางเข้ามา
จากที่นางเห็นแล้ว โจวเสาจิ่นต่างหากถึงจะเป็นคนรุ่นหลานที่อยู่ในใจของฮูหยินผู้เฒ่ากัว บวกกับที่นางเองก็ชื่นชอบโจวเสาจิ่นยิ่งนัก รู้สึกว่า ณ สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างซอยจิ่วหรูแห่งนี้ โจวเสาจิ่นคือคนที่ตนสนิทสนมด้วยที่สุด ไม่เพียงรับของว่างที่พวกนางนำมาให้ด้วยความยินดี ตอนที่โจวชูจิ่นกล่าวขอบคุณนางนั้นยังกล่าวชมเชยโจวเสาจิ่นไปอีกชุดใหญ่
โจวชูจิ่นเห็นโจวเสาจิ่นได้รับคำชมเชย ก็รู้สึกปลาบปลื้มยินดียิ่งนัก ยิ่งดูฮูหยินซ่งก็ยิ่งรู้สึกว่าฮูหยินซ่งสุภาพอ่อนโยน จึงชวนฮูหยินซ่งคุยอย่างเอาอกเอาใจ ทำให้ฮูหยิ่งซ่งยิ้มอย่างมีความสุขไปทั่วทุกส่วน สุดท้ายเอ่ยถามโจวเสาจิ่นว่า “ข้าได้ยินสื่อมามาคนข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวว่า ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปรับประทานอาหารเจที่วัดจีหมิง เจ้าก็น่าจะไปด้วยกระมัง”
“ยังไม่ทราบว่าจะได้ไปด้วยหรือไม่เจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวก่อนแล้วค่อยมาเยี่ยมเยียนท่าน แต่พี่สาวของข้ายืนกรานว่าจะมากล่าว ‘ขอบคุณ’ ท่านสักครั้ง ข้าก็เลยพาพี่สาวมาที่นี่ก่อน ยังไม่ได้ไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเลยเจ้าค่ะ!”
“เช่นนั้นเจ้ารีบไปสอบถามดูเถิด” ฮูหยินซ่งกล่าวยิ้มๆ “เมื่อคืนเซินเกอเอ๋อร์ยังกล่าวกับข้าว่า เดิมทีเข้าใจว่าเมื่อมาถึงบ้านของเจ้าแล้วจะได้เจอเจ้าทุกวัน แต่ใครจะรู้ว่าพวกเจ้าจะอยู่ห่างกันขนาดนี้ ยังสะดวกไม่เท่ากับตอนอยู่บนเรือด้วยซ้ำ!”
โจวเสาจิ่นหัวเราะฮ่า
มีสาวใช้เด็กเข้ามารายงาน บอกว่าปี้อวี้มาหา
ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ฮูหยินซ่งให้สาวใช้พานางเข้ามา
พอปี้อวี้เห็นโจวเสาจิ่นก็ร้อง “ไอ้โหยว” ออกมาเสียงหนึ่ง กล่าวว่า “ในที่สุดก็เจอท่านเสียที! หากไม่ใช่เพราะได้พบกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยน ขานี้ของข้าคงได้วิ่งจนผอมเพรียวเสียแล้วเจ้าค่ะ พอลืมตาตื่นขึ้นมาฮูหยินผู้เฒ่าก็สั่งให้บ่าวไปเชิญคุณหนูรองมา ข้าไปถึงเรือนหว่านเซียง ปรากฏว่าท่านไปเรือนเจียซู่แล้ว ข้าจึงเร่งเดินไปที่เรือนเจียซู่ นายหญิงผู้เฒ่าเริ่มทำวัตรเช้าไปแล้ว สาวใช้เหล่านั้นรู้เพียงว่าท่านมาที่จวนหลัก แต่กลับไม่รู้ว่าท่านไปเรือนไหนกันแน่ ข้าจึงเร่งกลับมาที่เรือนหานปี้ซานอีกครั้ง ปรากฏว่าท่านยังไม่ได้ไปที่เรือนหานปี้ซาน ข้าจึงจำต้องมุ่งหน้าไปที่เรือนเจียซู่อีกครั้ง สวรรค์คงเห็นใจข้าจึงให้ข้าได้พบกับฮูหยินใหญ่เหมี่ยน ไม่อย่างนั้นข้าคงยังรออยู่ที่หน้าห้องพระของนายหญิงผู้เฒ่าอยู่เป็นแน่!” กล่าวจบ นางก็ก้าวออกมาทำความเคารพฮูหยิซ่ง กล่าวว่า “บ่าวรีบร้อนไปหน่อย ปล่อยให้ท่านได้เห็นเรื่องตลกเสียแล้วเจ้าค่ะ”
คุณหนูรองตระกูลโจวผู้นี้เป็นที่โปรดปรานของฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างที่คาดเอาไว้จริงๆ
ฮูหยินซ่งลอบพิจารณาอยู่ในใจ กล่าวยิ้มๆ ว่า “แม่นางปี้อวี้ไม่ต้องเกรงใจ คุณหนูรอง เจ้ารีบตามแม่นางปี้อวี้ไปหาฮูหยินผู้เฒ่าเถิด ไม่แน่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าตามหาเจ้าด้วยมีเรื่องเร่งด่วนอะไรก็เป็นได้!”
โจวเสาจิ่นรีบกล่าวอำลาฮูหยินซ่ง แล้วไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกำลังรับประทานมื้อเช้าอยู่ กล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้ารับมื้อเช้าแล้วหรือยัง วันนี้ในครัวทำโจ๊กดอกเบญจมาศ เจ้าอยากรับสักหน่อยหรือไม่”
โจวเสาจิ่นกล่าวปฏิเสธไปอย่างสุภาพ
ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ได้บังคับนาง เล่าเรื่องที่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับฮูหยินซ่งที่ศาลาทิงอวี่ในวันนี้ เรื่องที่จะชวนฮูหยินซ่งไปเที่ยวเขาจีหมิงในวันพรุ่งนี้ให้โจวเสาจิ่นฟัง กล่าวว่า “…เจ้าสนิทสนมกับฮูหยินซ่ง เจ้าไปบอกท่านยายของเจ้าสักหน่อยว่า ช่วงที่ฮูหยินซ่งพักอยู่ที่เมืองจินหลิงนี้ จะให้เจ้าช่วยอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินซ่ง”
โจวเสาจิ่นขานรับยิ้มๆ เล่าเรื่องที่นางพาพี่สาวไปกล่าวขอบคุณฮูหยินซ่งให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟัง
พอฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินว่าโจวชูจิ่นเข้ากับฮูหยินซ่งได้ดี จึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “ให้พี่สาวของเจ้าไปอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินซ่งด้วยก็แล้วกัน ถึงแม้พี่สาวของเจ้าเองก็พูดน้อยเหมือนกัน แต่ก็ถือว่ามากกว่าเจ้า”
โจวเสาจิ่นหัวเราะอย่างขัดเขิน แล้วกลับไปแจ้งฮูหยินผู้เฒ่ากวน
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนปลาบปลื้มยินดียิ่งนัก
หลานสาวทั้งสองคนของจวนสี่ของพวกเขาได้ช่วยฮูหยินผู้เฒ่ากัวออกหน้าให้การรับรองฮูหยินของขุนนางใหญ่ซ่ง นี่ช่างเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ยิ่งนัก! ซึ่งก็แสดงว่ากิริยามารยาทของหลานสาวทั้งสองคนของจวนสี่ของพวกเขายามรับรองแขกและยามเข้าสังคมดีพอใช้งานได้แล้ว
นางรีบเรียกฮูหยินใหญ่เหมี่ยนมา ถามโจวเสาจิ่นว่าต้องการตัดอาภรณ์ตัวใหม่สักสองสามชุดหรือไม่
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ตัดชุดใหม่ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ นอกจากนี้ข้ากับพี่สาวยังมีชุดใหม่ที่ยังไม่เคยได้สวมใส่อยู่อีกมากมายเลยเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนจึงถามถึงพวกงานอดิเรกและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงต่างๆ เกี่ยวกับฮูหยินซ่งขึ้นมา พูดคุยกันไปกว่าครึ่งชั่วยาม หากไม่ใช่เพราะสาวใช้ของจวนหลักมาเตือนว่างานเลี้ยงที่ศาลาทิงอวี่ใกล้จะเริ่มแล้วล่ะก็ นางอาจจะยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ ก็เป็นได้
โจวเสาจิ่นและโจวชูจิ่นก้าวออกไปช่วยฮูหยินผู้เฒ่ากวนผลัดอาภรณ์
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนโบกมือรัว พร้อมกับกล่าวว่า “ไม่ต้อง” ให้พวกนางรีบกลับไปล้างหน้าล้างตาใหม่แล้วไปศาลาทิงอวี่พร้อมกับนาง
สองพี่น้องตระกูลโจวจึงจำต้องกลับเรือนหว่านเซียงไป
ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านหาข้ออ้างให้พวกนางออกไปก่อนเพราะมีเรื่องต้องการคุยกับข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“เป็นเจ้าที่ฉลาดหลักแหลม” ฮูหยินผู้เฒ่ากวนกล่าวยิ้มๆ “ข้าพิจารณาดูแล้วเครื่องประดับปะการังสีแดงนั่นพวกเราก็ช่วยเสาจิ่นเก็บรักษาเอาไว้ก่อน ต่อไปยามนางออกเรือน ค่อยเติมเข้าไปในหีบของนางก็แล้วกัน ทั้งไม่เป็นการไปขัดขวางความกตัญญูของเด็กผู้นี้ และก็ถือว่าเป็นความปรารถนาดีของพวกเราด้วย”
“ท่านกับข้าคิดไปในทางเดียวกันเลยเจ้าค่ะ” ฮูหยินใหญ่เหมี่ยนกล่าวยิ้มๆ “ไม่เพียงเท่านี้ ข้าคิดว่าพวกเราควรจะต้องเริ่มช่วยเตรียมสินสอดให้เสาจิ่นได้แล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานของนาง ท่านคิดว่าพวกเราควรจะไปพูดคุยกับท่านบุตรเขยหรือยังเจ้าคะ”
………………………………..