ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 519 รับบุตรบุญธรรม
โจวเสาจิ่นโผเข้าสู่อ้อมอกของเฉิงฉือ กล่าวว่า “ท่านกลับมานอนในห้องนอนเถิดนะเจ้า คะ!”
ท่าทางออดอ้อน
เฉิงฉือเสียใจเล็กน้อยที่วันนี้ดื่มมากเกินไป
แต่ทุกคนล้วนแสดงความยินดีที่เขาจะเป็นพ่อคนแล้ว เขารู้สึกดีใจจริงๆ จึงดื่มมากขึ้น หลายจอก
โจวเสาจิ่นเห็นเขายังลังเลอยู่บ้าง ก็บุ้ยปากพลางกล่าวว่า “ข้าไม่กลัวกลิ่นสุราบนตัวท่าน หรอก เตียงใหญ่ขนาดนี้ ขอเพียงข้ารู้ว่าท่านอยู่ข้างข้าก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
เฉิงฉือคลี่ยิ้มพลางลูบจมูกของนาง แล้วนอนบนเตียงในห้องนอน
โจวเสาจิ่นกอดแขนของเขาแล้วพิงไหล่ของเขา เล่าเรื่องงานเลี้ยงวันนี้ให้เขาฟังว่า “…ท่าน แม่ปีติยินดียิ่ง บอกว่าถ้ามีโอกาสจะเชิญอาเจิงพวกนางมาเล่นอีกเจ้าค่ะ แต่ก่อนข้าคิดว่าท่านแม่ ชอบความสงบ ตอนนี้ถึงได้ค้นพบว่าความจริงนางไม่ชอบให้คนที่รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างกินข้าว ด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่ ต้องฝืนใจพูดคุยสังสรรค์กับคนนี้บ้างคนนั้นบ้าง งานเลี้ยงครอบครัวแบบนี้ ท่านแม่เลยชื่นชอบเป็นอย่างมาก ข้าคิดว่าอีกไม่นานก็จะถึงวันคล้ายวันเกิดของพี่สะใภ้รอง อยากให้ข้าพูดกับพี่สะใภ้รอง จัดงานเลี้ยงแล้วเชิญท่านแม่ไปร่วมงานรื่นเริงหรือไม่เจ้าคะ”
งานวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั้น ขาดพวกบุตรชายและหลานชายไม่ได้เลย แต่ หากเป็นงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของชิวซื่อ เพียงต้องเชิญบรรดาสตรีในบ้านมาก็พอแล้ว
เฉิงฉือตอบยิ้มๆ ว่า “เจ้ากับพี่สะใภ้รองปรึกษาหารือกันก็แล้วกัน! เพียงแต่อย่าทําให้ ตัวเองเหนื่อยเกินไป หากรู้สึกไม่สบายก็อย่าฝืนตัวเองเลย”
4824
“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะๆ” โจวเสาจิ่นเอนกายลง แขนขากอดเกี่ยวเฉิงฉือไว้ “ท่านแม่ก็บอกไว้ เช่นกันว่า ให้ข้าคลอดบุตรอย่างปลอดภัยราบรื่นก็นับเป็นการแสดงความกตัญ�ูต่อนางแล้ว ข้า จึงอยากหาหมอตําแยคนหนึ่งมาอาศัยอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องพูดถึงความกล้าหาญตอนคลอดเลย เรื่อง ที่ควรจะระวังในวันธรรมดาก็จะได้มีคนคอยยํ้าเตือนคนหนึ่งเจ้าค่ะ”
นี่ก็เป็นความคิดของฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวคิดว่าพวกมามาข้างกายนางแม้ว่าล้วนมีประสบการณ์ทั้งนั้น แต่สุดท้าย อายุมากแล้ว ตั้งแต่คลอดเฉิงฉือก็ไม่ได้ดูแลหญิงมีครรภ์อีกเลย คิดว่าหาหมอตําแยที่มีชื่อเสียงสัก คนหนึ่งมาอาศัยอยู่ที่บ้านให้เร็วที่สุดก็ดีเหมือนกัน
เฉิงฉือเห็นนางกอดรัดเขาแน่น ก็ระบายยิ้มพลางพลิกตัวโอบกอดนางในวงแขน กล่าวว่า “ดึกแล้ว รีบนอนเถอะ! เรื่องนี้ข้ากําชับซางมามาไว้แล้ว ให้นางไปหาอาเจิง เจ้าไม่ต้องยุ่งแล้ว”
อ้อมแขนที่อบอุ่นทําให้ใจของโจวเสาจิ่นผ่อนคลายลงทั้งหมด หาวทีหนึ่งอย่างเกียจคร้าน แล้วกล่าวอีกสองสามประโยคก่อนจมเข้าสู่ห้วงนิทรา
เฉิงฉือหลุดหัวเราะ หอมแก้มนางแล้วหลับตาลง
รอจนถึงวันที่หนึ่งเดือนสิบหลังกราบไหว้บรรพบุรุษเสร็จแล้ว ครรภ์ของโจวเสาจิ่นก็มั่นคง แล้ว หมอตําแยแซ่ไช่ท่านหนึ่งที่เฉิงเจิงแนะนํามาก็เข้ามาอาศัยในตระกูลเฉิง เสื้อผ้าฤดูหนาวก็ แจกจ่ายเรียบร้อยแล้ว บรรยากาศที่ประตูเฉาหยางคึกคักยิ่งนัก บนใบหน้าของทุกคนล้วนแต้ม รอยยิ้ม ฝีเท้าที่ย่างก้าวบนถนนก็เบาและว่องไวไม่น้อย เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นชุดเพ่ยจื่อที่หลวม ของโจวเสาจิ่นรอยยิ้มก็เอ่อท้นออกมาจากนัยน์ตาอย่างยากจะระงับ
4825
เฉิงฉือคิดจะแต่งชุนหว่านให้กับฉินจื่อจี๋ซึ่งเป็นญาติผู้น้องของพ่อบ้านฉินจื่อจี๋
ลูกหลานตระกูลฉินสําหรับคนของตระกูลเฉิงแล้ว มิได้เป็นบ่าวไพร่ธรรมดาแต่อย่างใด แต่งให้กับฉินจื่อจี๋ซึ่งเป็นญาติผู้น้องของพ่อบ้านฉินจื่อจี๋ได้ นี่สําหรับชุนหว่านก็เป็นการให้เกียรติ อย่างหนึ่งจริงๆ
โจวเสาจิ่นหาข้ออ้างเรียกคนมาดูตัวครั้งหนึ่งผ่านม่านกั้น ไม่ต้องพูดถึงหน้าตาสง่างามหรือสายตากระจ่างใสเลย ดูแล้วก็เป็นคนที่ค่อนข้างซื่อตรงผู้ หนึ่ง บวกกับนางเชื่อในสายตาของเฉิงฉือ จึงเรียกชุนหว่านมาพูดเรื่องนี้ทันที ชุนหว่านหน้าแดงก้มหน้างุด ไม่กล้าเอ่ยแม้ประโยคเดียว โจวเสาจิ่นราวกับเห็นตนเองในอดีตอย่างไรอย่างนั้น นางกระซิบว่า “เจ้าเติบโตมาพร้อมกับข้า ตอนนี้มิใช่เวลามาเกรงใจ คิดเห็นอย่างไร จะดี จะร้ายเจ้าก็ต้องบอกข้าสักหน่อย!” ชุนหว่านจึงพึมพําตอบว่า “ทั้งหมดแล้วแต่ฮูหยินเลยเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม ชุนหว่านถอยออกไปด้วยใบหน้าร้อนผะผ่าว ผ่านไปเพียงสองวัน คนที่ประตูเฉาหยางก็ทราบกันทั่วแล้ว
เจินจู ปี้อวี้และคนอื่นๆ พากันมาแสดงความยินดีให้กับชุนหว่าน สีหน้าล้วนเผยรอยอิจฉา ไม่มากก็น้อย
โจวเสาจิ่นดึงตัวสาวใช้เด็กคนหนึ่งมาปรนนิบัติชุนหว่านโดยเฉพาะ ตระเตรียมสินเจ้าสาว เป็นเพื่อนชุนหว่าน
4826
ทว่าชุนหว่านกลับไม่อยากรีบแต่งงานถึงเพียงนั้น ตอนที่มาขอบคุณโจวเสาจิ่นก็กล่าวอ ย่างขัดเขินว่า “ไม่ว่าอย่างไรฮูหยินต้องให้ข้าเห็นคุณชายใหญ่กําเนิดก่อนแล้วค่อยส่งข้าออกไป ไม่อย่างนั้นข้าจะวางใจลงได้อย่างไรเจ้าคะ”
โจวเสาจิ่นจึงให้ชุนหว่านหมั้นกับฉินจื่อจี๋ก่อน
ฮูหยินผู้เฒ่ายังตกรางวัลเป็นเงินยี่สิบเหลี่ยงให้แก่ชุนหว่านเพื่อการนี้อีกด้วย
โจวเสาจิ่นมาขอบคุณแทนชุนหว่าน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวคลี่ยิ้มพลางบอกนางว่า “พวกข้าเพิ่งจะย้ายมาจากจินหลิง พวกเจ้าก็แยก บ้านเป็นของตนเองแล้ว เป็นเวลาที่ต้องตั้งกฎเกณฑ์พอดี บ่าวไพร่ที่จงรักภักดีเช่นนี้ ตอนที่ควรตก รางวัลก็ต้องตกรางวัลให้งาม เป็นตัวอย่างให้กับบ่าวรับใช้พวกนั้น ให้รู้ว่าตนควรทําอย่างไร”
โจวเสาจิ่นรับคํายิ้มๆ
เฉิงเซ่าที่ซอยซวงอวี๋ส่งจดหมายมาให้ แจ้งว่าพรุ่งนี้หลังจากออกงานอยากมาเยี่ยมฮูหยิน ผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถือจดหมายพลางเอ่ยขึ้นอย่างฉงนว่า “ไม่รู้ว่าน้องรองมาหาข้าด้วยเรื่อง อะไร”
ทว่าโจวเสาจิ่นกลับไม่กล้าเพิกเฉย จึงบอกให้ห้องนํ้าชาตระเตรียมชาต้าหงเผาชั้นดี และ ให้ห้องครัวตระเตรียมอาหารและสุราแต่เนิ่นๆ จนกระทั่งตอนเย็นเมื่อเฉิงฉือกลับมา นางยังกําชับ ให้เฉิงฉือกลับมาให้เร็วขึ้นสักหน่อยว่า “ดื่มเป็นเพื่อนท่านอารองสักสองจอกนะเจ้าคะ!”
เฉิงฉือยิ้มพลางหยิกหน้านาง กล่าวว่า “เด็กน้อยของข้ารู้จักดูแลจัดการงานในเรือนแล้ว!” นํ้าเสียงเจือความชื่นชมเล็กน้อย โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วดวงตาก็ยิ้มหยีเป็นเสี้ยวพระจันทร์
4827
เมื่อเฉิงเซ่ามาถึง นางย่อมมิอาจอยู่รับรองได้ จึงเย็บปักเสื้อผ้าอยู่ในห้องนอน
ปรากฏว่าเฉิงฉือกลับมาบอกนางว่า เฉิงเซ่าตัดสินใจไปรับเด็กคนหนึ่งจากสถาน สงเคราะห์มาบันทึกไว้ใต้นามของเฉิงซวิ่น เป็นผู้จุดธูปกราบไหว้เฉิงเฝินกับเฉิงซวิ่นในอนาคต แต่ กังวลว่าตนอายุมากแล้ว กลัวจะเลี้ยงเด็กคนนี้ได้ไม่ดี จึงอยากให้ชิวซื่อช่วยดูแลเด็กคนนี้แทน
โจวเสาจิ่นอดกล่าวยิ้มๆ ไม่ได้ว่า “ข้ายังคิดว่ามีเพียงข้าที่ชื่นชอบพี่สะใภ้รองเสียอีกนะเจ้า คะ ที่แท้สายตาของท่านอารองก็กระจ่างดุจหิมะเหมือนกัน เช่นนั้นท่านแม่ว่าอย่างไรเจ้าคะ”
เฉิงฉือตอบว่า “ท่านแม่บอกว่าต้องหารือกับพี่สะใภ้รองก่อน สุดท้ายแล้วการอบรมเลี้ยงดู เด็ก มิใช่เรื่องเล็ก ต้องหารือให้ดีกับพี่สะใภ้รอง”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่โจวเสาจิ่นรู้จัก มิใช่คนที่ตั้งความคิดของตนเป็นใหญ่ประเภทนั้น เรื่อง ใหญ่ถึงเพียงนี้ นางจะต้องถามความคิดเห็นของชิวซื่อก่อนเป็นแน่
วันถัดมาชิวซื่อมาหา โจวเสาจิ่นก็จงใจฟังอยู่ข้างหนึ่ง
หลังจากที่ชิวซื่อทราบเรื่องก็ค่อนข้างประหลาดใจและตื่นเต้นเล็กน้อย แต่นางก็สงบ อารมณ์ลงมาได้อย่างรวดเร็ว สีหน้าเห็นได้ชัดว่ากังวลเล็กน้อยขณะกล่าวว่า “ข้าเพียงกลัวจะเลี้ยง ได้ไม่ดีนัก…ท่านแม่ ท่านตัดสินใจให้ข้าเถิดนะเจ้าคะ! หากท่านบอกให้ข้ารับเลี้ยงข้าก็จะรับเลี้ยง หากท่านคิดว่าไม่เหมาะสมก็ให้ท่านอารองเลือกคนอื่นแล้วกันเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากลับคิดว่าเจ้าเหมาะสม เพียงแต่กลัวว่าหลังจากรั่ง เกอเอ๋อร์แต่งงานแล้วเมื่อเจ้ามีหลานเพิ่มขึ้นแล้วจะดูแลสุขภาพร่างกายไม่ไหว”
ชิวซื่อได้ยินแล้วรีบกล่าวว่า “ไม่หรอกเจ้าค่ะๆ หากในบ้านมีคนเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งก็ ครึกครื้นขึ้นเล็กน้อย”
เรื่องนี้ก็ตกลงกันตามนี้
4828
หยวนซื่อได้ยินแล้วก็ตกใจเป็นอย่างมาก ไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นการเฉพาะ กล่าวว่า “สุดท้ายก็ไม่รู้จักรากเหง้าดี ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีนิสัยใจคอเช่นไร เหตุใดไม่รับเลี้ยงเด็กสักคนจาก บรรดาญาติๆ หรือสหายเล่าเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตอบว่า “นี่เป็นเรื่องในบ้านของอารองเจ้า อารองของเจ้าเป็นผู้ที่มีความคิด ความอ่านผู้หนึ่ง ในเมื่อเขาตัดสินใจอย่างนี้แล้ว ย่อมต้องมีเหตุผลของเขาเป็นแน่ พวกเราก็ไม่ ต้องพูดให้มากความอีกแล้ว!”
หยวนซื่อออกไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก กลับไปบอกเฉิงจิง
เฉิงจิงยากจะปกปิดความตะลึงเอาไว้ได้ เดินทางไปซอยซวงอวี๋เป็นการเฉพาะแต่กลับมา มือเปล่า
หยวนซื่ออดบ่นไม่ได้ว่า “เขาอายุมากขนาดนี้แล้ว ต่อไปเด็กคนนี้จะไม่ตกอยู่ในความ รับผิดชอบของพวกเราหรือ”
เฉิงจิงหงุดหงิดเล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านอารองไม่ได้ว่าอะไร แต่เจ้ากลับร้อนใจแทน”
หยวนซื่อรู้สึกหดหู่
เฉิงเซ่าจึงพาเฉิงฉือไปสถานสงเคราะห์หลายครั้ง จากนั้นก็เลือกวันฤกษ์ดีวันหนึ่ง ไปรับ เด็กสองคนกลับมาจากสถานสงเคราะห์พร้อมกับเฉิงฉือ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัว โจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ ที่รออยู่ที่ซอยซวงอวี๋ต่างประหลาดใจเป็นอย่าง มาก
“บอกว่าจะเลือกคนเดียวมิใช่หรือ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองดูเด็กผู้ชายสองคนที่อยู่ตรงหน้า คนหนึ่งอายุห้าขวบ อีกคนอายุสามขวบ ตัวผอมและเล็กแต่สายตากลับปราดเปรียว เอ่ยถาม อย่างตกตะลึงว่า “เหตุใดถึงกลายเป็นสองคนได้เล่า”
4829
เฉิงฉือลูบศีรษะเด็กสองคนที่จับมือกันไว้พลางตอบยิ้มๆ ว่า “เด็กสองคนล้วนดียิ่ง คนโต เฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก ส่วนคนเล็กอายุไล่เลี่ยกัน ท่านอารองตัดสินใจไม่ได้มาโดยตลอด ต่อมาคิดว่าถ้าเลี้ยงเด็กคนเดียวก็ดูโดดเดี่ยวเกินไป หากเลี้ยงเด็กสองคนก็จะมีสหายคนหนึ่ง จึง พาเด็กทั้งสองคนกลับมาเสียเลยขอรับ”
เนื่องจากเฉิงซวิ่นก็เป็นลูกโทน ดังนั้นหลังจากที่ล้มป่วยแล้วเสียชีวิตสายของเฉิงเซ่านี้จึง ขาดผู้สืบทอด… ทุกคนต่างก็พอจะเข้าใจได้
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็คลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี!” จากนั้นก็กวักมือเรียกเด็กทั้งสองคน เอาลูกอมให้เด็กทั้งสองกิน แล้วเอ่ยถามว่าชื่ออะไร อายุเท่าไร ยังจําเรื่องต่างๆ ในบ้านได้หรือไม่ ทํานองนั้น
เด็กคนโตผู้นั้นพูดไม่มาก ถามคําตอบคํา ส่วนเด็กคนเล็กนั้นร่าเริงสดใสกว่าเล็กน้อย แต่ จําได้ไม่ค่อยชัดแล้ว
เฉิงเซ่าก็กล่าวว่า “คนโตตั้งนามว่าหรง ส่วนคนเล็กนามว่าเหมิง”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตะลึงงันเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “เช่นนี้ก็ดี นับได้ว่าเป็นเหลนคนโตและคน รองในรุ่นนี้ของพวกเรา”
บุตรทั้งสองคนของเฉิงสือจากจวนรองคนหนึ่งนามว่า ‘เกิง’ อีกคนนามว่า ‘อวิ๋น’ ซึ่งใช้ อักษรข้าง ‘เหล่ย’1 ประกอบอยู่ในชื่อ ทว่าเฉิงเซ่ากลับตั้งนามให้เหลนทั้งสองคนด้วยอักษรข้าง ‘เฉ่า’ เห็นได้ว่าตัดขาดกับซอยจิ่วหรูอย่างสิ้นเชิงแล้ว
1 เหล่ย (耒) เป็นเครื่องมือเกษตรสําหรับไถนาในยุคโบราณของจีนชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นอักษรข้างที่ประกอบในชื่อของเฉิงเกิง (程耕) และ เฉิงอวิ๋น (程耘) ส่วนชื่อของเฉิงหรง (程蓉) และเฉิงเหมิง (程蒙) ประกอบด้วยอักษรข้าง เฉ่า (草) ที่แปลว่า หญ้า
4830
ชิวซื่อเห็นบรรยากาศหนักอึ้งเล็กน้อยจึงรีบก้าวมากล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านอารอง หรงเกอ เอ๋อร์กับเหมิงเกอเอ๋อร์เพิ่งมาถึง ข้าพาพวกเขาไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อยแล้วกัน ประเดี๋ยวยัง ต้องไปกราบไหว้บรรพบุรุษอยู่นะเจ้าคะ!”
ทุกคนหัวเราะร่าแล้วพากันเร่งเด็กทั้งสองคนไปล้างหน้าล้างตา
จากนั้นเฉิงจิงก็รีบรุดมา เฉิงฉือพาเด็กทั้งสองคนไปจุดธูปกราบไหว้บรรพบุรุษในศาล บรรพชนที่ตระกูลเฉิงสร้างขึ้นใหม่ที่ต้าซิ่งเป็นเพื่อนเฉิงเซ่า โดยมีเฉิงจิงเป็นผู้บันทึกชื่อของเด็กทั้ง สองคนใต้นามของเฉิงซวิ่นด้วยตนเอง จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็กลับซอยซวงอวี๋
ตอนนี้ตะวันคล้อยไปทางทิศประจิมแล้ว เด็กทั้งสองคนทําความรู้จักกับบรรดาญาติๆ เรียบร้อยแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัว โจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ ก็มอบของขวัญแรกพบให้เด็กๆ จากนั้นทุก คนก็นั่งล้อมโต๊ะบุรุษโต๊ะหนึ่งสตรีโต๊ะรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน แล้วชิวซื่อก็พาเด็กทั้งสองคน กลับบ้านไป
วันรุ่งขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับโจวเสาจิ่นไปเยี่ยมเด็กสองคนนั้น
เด็กทั้งสองคนยังนอนหลับอยู่ ชิวซื่อกระซิบบอกพวกนางว่า “เกรงว่าคงจะถูกทําร้ายที่ สถานสงเคราะห์มาไม่น้อย มีบาดแผลเก่าๆ ที่มองไม่ออกอยู่บ้าง หลังจากที่เด็กทั้งสองคนมาถึง แล้วกลับนอนไม่หลับเลยทั้งคืน เพิ่งจะหลับเมื่อตอนรุ่งสางนี้เอง ข้ากําชับพวกสาวใช้ข้างกายเป็น พิเศษแล้ว ไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนเด็กทั้งสองคน ให้พวกเขาตื่นขึ้นมาเอง”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เจ้าต้องจับตาดูให้มากสักหน่อย แม้ว่าข้างกาย เจ้าล้วนเป็นบ่าวรับใช้ที่ปรนนิบัติพวกเจ้าสามีภรรยามายี่สิบกว่าปี แต่ก็หวั่นกลัวพวกที่สับสน เหล่านั้น อย่าให้เด็กทั้งสองคนได้รับความทุกข์ใจ”
4831
ชิวซื่อรีบกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านวางใจเถิด ในเมื่อพวกเขาเข้ามาตระกูลเฉิงแล้ว ก็เป็น ลูกหลานของตระกูลเฉิง เป็นบุตรชายของซวิ่นเกอเอ๋อร์ ข้าจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ”
“ถ้าเจ้าเป็นผู้ดูแล ข้าก็วางใจ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตบมือของชิวซื่อเบาๆ มีสาวใช้เด็กวิ่งเข้ามา แจ้งว่า “กูไหน่ไนสามกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!” ชิวซื่อเอ่ยถามยิ้มๆ ว่า “เด็กคนนี้กลับมาทําไม”
สาวใช้เด็กคงจะได้รับความโปรดปรานจากชิวซื่อเป็นอย่างมาก ยิ้มพลางตอบว่า “กูไหน่ ไนสามตั้งใจกลับมาเยี่ยมคุณชายน้อยทั้งสองท่านเจ้าค่ะ!”