ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 520 ความปรารถนาดี
ได้ยินสาวใช้เด็กกล่าวเช่นนี้แล้ว ไม่เพียงชิวซื่อเท่านั้น แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเองก็ดีใจเป็น อย่างยิ่งด้วย
ต่อไปเฉิงหรงและเฉิงเหมิงต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้านรองทางด้านนี้ หากคนของบ้านรองต่าง ปฏิบัติต่อเด็กทั้งสองอย่างเอื้อเอ็นดูได้ แน่นอนว่าย่อมจะเป็นผลดีต่อเด็กทั้งสองมากกว่า
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่รอให้ชิวซื่อเอ่ยปากก็รีบกล่าวยิ้มๆ ขึ้นก่อนว่า “รีบเชิญเข้ามาๆ!”
ชิวซื่อและโจวเสาจิ่นเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวถ้อยคํานี้ดวงตา ของทั้งสองคนต่างเจือไปด้วยรอยยิ้ม
ไม่นาน เฉิงเซิงก็เดินเข้ามา
อาจเป็นเพราะบ้านสามีดูแลดีมากเกินไป รุ่ยเกอเอ๋อร์ใกล้จะครึ่งขวบแล้ว เฉิงเซิงไม่เพียง ไม่กลับไปผอมบางดังก่อนหน้านี้ ดูเหมือนกับว่ายังเจ้าเนื้อขึ้นกว่าตอนก่อนคลอดลูกอีกเล็กน้อย ด้วย โชคดีที่นางหน้าตางดงามโดดเด่น ความเจ้าเนื้อเช่นนี้จึงมิได้ทําให้นางดูอวบอ้วนมากเกินไป ตรงกันข้ามด้วยผิวพรรณกระจ่างใสที่ขาวยิ่งกว่าหมอกและหิมะนั้นทําให้ดูสง่างามอิ่มเต็มขึ้น หลายส่วน
นางยิ้มพร้อมกับก้าวออกมาคารวะทักทายทุกคน ให้สาวใช้ถือห่อผ้าห่อใหญ่หนึ่งเข้ามา พลางกล่าวว่า “ข้าเพิ่งได้ยินท่านแม่พูดขึ้นมาเมื่อสองวันก่อน ก็เลยมิทันได้ตระเตรียมของดีอะไร มาให้หลานชายทั้งสองคน จึงให้ร้านตัดเย็บตัดเสื้อผ้า รองเท้าและถุงเท้ามาให้เล็กน้อย รอให้ผ่าน ไปสักช่วงหนึ่งข้ามีเวลาว่างแล้วค่อยตัดเสื้อผ้ามาให้หลานชายทั้งสองคนอีกสักสองสามชุด”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
4833
ชิวซื่อเองก็ช่วยรักษาหน้าให้บุตรสาวต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วย กล่าวยิ้มๆ ว่า “กําลัง กลัวอยู่ว่าเสื้อผ้าจะไม่พอ เจ้าส่งมาให้ ข้าก็ไม่จําเป็นต้องห่วงเรื่องพวกนี้แล้ว” เรียกให้สาวใช้ไป เชิญอาเป่ากับอาเหรินที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นเฉิงหรงและเฉิงเหมิงแล้วเข้ามา
อาเป่ าโตกว่าเล็กน้อย จึงรู้ว่าต่อไปอาเหรินจะเป็นน้องชายของตัวเองแล้วอย่างรู้ความ แม้นจะยังคงไม่ค่อยพูดเท่าไรนัก ทว่ากลับรู้จักดูแลให้อาเหรินกินข้าวเปลี่ยนเสื้อผ้า เดินไปที่ไหน ก็ล้วนรู้จักจับมือของอาเหรินเอาไว้
อาเหรินยังอยู่ในวัยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร กินอิ่มแล้วก็นอน นอนอิ่มแล้วก็กิน รู้เพียงว่าบ้าน หลังนี้ดีกว่าสถานที่ที่เคยอยู่มาก่อนหน้านี้มากโขเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังมีพี่ชายใหญ่อย่างอาเป่ าที่ คอยดูแลเขาเป็นอย่างดีมาตลอดตั้งแต่อยู่ที่มูลนิธิมาอยู่ด้วยกัน ทุกๆ วันจึงมีแต่ความสุข
อาเป่าโขกศีรษะให้เฉิงเซิงและกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อม
อาเหรินเองก็ทําตามด้วยเช่นกัน
คนในห้องต่างยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนเฉิงเซิงนําเอาจี้หยกคู่หนึ่งที่เตรียมเอาไว้มา สวมให้เด็กทั้งสองคน ยังบอกพวกเขาด้วยว่าผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้วให้ไปเล่นที่บ้าน ที่บ้านยังมี น้องชายที่อายุน้อยกว่าพวกเขาอยู่ด้วยอีกผู้หนึ่ง
อาเหรินพยักหน้ายิ้มๆ อย่างเบิกบาน เงยหน้ามองอาเป่ าถามว่าไปได้หรือไม่อย่าง คาดหวัง
อาเป่ าพยักหน้าด้วยสีหน้านิ่งสงบ ทว่ากระบอกตาที่รื้นชื้นเล็กน้อยนั่นยังคงทําให้คน สัมผัสได้ถึงความซาบซึ้งในใจของเขา
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและโจวเสาจิ่นมองแล้วต่างสะอื้นออกมาเล็กน้อย ดึงอาเป่ าและอาเหริน ไปพูดคุยด้วย
4834
คําพูดคําจาของอาเหรินยังเป็นเด็กน้อย เป็นเหตุให้คนในห้องต่างหัวเราะร่าไม่หยุด
มีสาวใช้เข้ามารายงานอีกว่าเฉิงเจิงและเฉิงเซียวให้ป้ารับใช้มาคารวะทักทายคุณชาย น้อยทั้งสองท่าน ยังนําอาหาร ของเล่น และชุดเครื่องเขียนมาให้ด้วยเล็กน้อย
ชิวซื่อเชิญคนเข้ามาคารวะทักทายอาเป่าและอาเหริน
เฉิงเซิงจึงลากโจวเสาจิ่นไปข้างๆ กระซิบถามเสียงเบาว่า “อาเป่าและอาเหรินเป็นชื่อเดิม ของพวกเขาใช่หรือไม่ เหตุใดถึงยังให้ใช้ชื่อเดิมอยู่อีกหรือ”
โจวเสาจิ่นกระซิบกล่าวกับนางเป็นการส่วนตัวว่า “เป็นความตั้งใจของท่านอารอง ท่าน อารองกล่าวว่า แม้นพวกเขาจะเป็นผู้สืบสานของตระกูลเฉิงแล้ว แต่ก็ไม่จําเป็นต้องให้เด็กทั้งสอง คนไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองมาจากที่ใด แทนที่จะให้พวกเขาได้ยินคํากล่าวเหลวไหลจากผู้อื่นเมื่อโต ขึ้น มิสู้ให้พวกเขารู้เสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า ส่วนเรื่องที่ต่อไปเด็กทั้งสองคนจะเป็นอย่างไรนั้น พวกเราทําหน้าที่ของพวกเราให้ดีที่สุดก็พอแล้ว”
เฉิงเซิงกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ท่านปู่รองช่างมีจิตใจกว้างขวางจริงๆ เด็กทั้งสองคนนี้ มาถึงตระกูลเฉิงได้ ก็ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเขาทั้งสองคนแล้ว”
โจวเสาจิ่นเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แล้วก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ถ้าหากการคาด เดาของเฉิงฉือถูกต้อง เรื่องอะไรที่ทําให้เฉิงเซ่ายอมแม้กระทั่งทําคนที่ได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว อย่างองค์ชายสี่ต้องขุ่นเคืองกันนะ?
เมื่อกลับถึงบ้าน นางพูดเรื่องนี้กับเฉิงฉือ เฉิงฉือมิได้กล่าวสิ่งใด ทว่าในใจกลับหนักอึ้งขึ้นอย่างเงียบๆ ผ่านไปไม่กี่วัน ฮูหยินของซ่งจิ่งหรานก็มาเยี่ยมเยียนโจวเสาจิ่นอย่างกะทันหัน
4835
โจวเสาจิ่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ฮูหยินซ่งมิได้มาเยี่ยมเยียนฮูหยินผู้เฒ่ากัว แต่มาเยี่ยมเยียนนาง…นี่ทําให้นางรู้สึกไม่ค่อย สบายใจเล็กน้อย หวนคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าช่วงนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ คิดไม่ออกว่าฮูหยินซ่งมาหาตนด้วยเรื่องอะไร จึงรีบแต่งหน้าแต่งตัวแล้วไปพบแขกที่ห้องโถง
ฮูหยินซ่งจับมือของนางเอาไว้พลางมองสํารวจนางขึ้นลงยิ้มๆ กล่าวเสียงอบอุ่นว่า “บอก ว่าสามเดือนใกล้จะสี่เดือนแล้ว แต่ก็ดูไม่ออกเลยสักนิดเดียว กินอะไรได้หรือไม่ เด็กผู้นี้รบกวนเจ้า หรือไม่”
โจวเสาจิ่นกับนางกล่าวทักทายกัน ทุกคนพูดคุยกันอีกสองสามประโยค จากนั้นไป คารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่ลานทิงเซียง
เนื่องจากเข้ากลางเดือนสิบแล้ว จึงเริ่มมีการตระเตรียมของใช้บางอย่างสําหรับปีใหม่แล้ว ป้ารับใช้ประจําเรือนเพาะชําสองสามคนกําลังห้อมล้อมฮูหยินผู้เฒ่ากัวพูดคุยเรื่องดอกไม้กันอยู่ ปรึกษาว่าช่วงปีใหม่สถานที่อะไรควรจะประดับตกแต่งดอกไม้อะไรบ้าง ที่เฟิ งไถมีพรรณไม้อะไร ออกใหม่บ้าง ดอกไม้อะไรที่เรือนเพาะชําของที่บ้านปลูกเองได้บ้าง และดอกไม้อะไรที่ต้องไปซื้อ เพิ่มมาจากที่เฟิงไถบ้าง
ทราบว่าฮูหยินซ่งมาหาโจวเสาจิ่น ฮูหยินผู้เฒ่ากัวโบกมือยิ้มๆ ครั้งหนึ่ง พลางกล่าว “ข้า มิใช่แม่สามีใจร้ายประเภทนั้น พวกเจ้าไปหาที่คุยเรื่องส่วนตัวกันเองเถิด ทางด้านนี้ข้ายังมีธุระ ของข้าอยู่อีก”
ฮูหยินซ่งได้ยินแล้วก็หัวเราะไม่หยุด กล่าวขึ้นว่า “ทั่วทั้งจิงเฉิงนี้ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าท่านเป็น คนที่รักใคร่บุตรสะใภ้ผู้หนึ่ง แม้นจะกล่าวว่าแยกบ้านกันแล้ว แต่ท่านดูพี่น้องใต้เท้าเฉิงสองสาม คนนั้น ต่างไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ไม่รู้ว่าใกล้ชิดสนิทสนมกว่าพวกที่เบื้องหน้าอยู่ด้วยกันแต่ลอบแทง กันด้วยมีดด้วยศรเหล่านั้นมากมายเพียงใด เพียงแต่ว่ามีสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเล็กน้อยเท่านั้น ที่ประตู
4836
เฉาหยางนี้ก็เป็นใต้เท้าเฉิง นายท่านรองที่อาศัยอยู่ไม่ไกลก็เป็นใต้เท้าเฉิง ที่ซอยซิ่งหลินก็เป็นใต้ เท้าเฉิง ทําให้ผู้อื่นไม่รู้ว่าที่กําลังพูดถึงนั้นเป็นใต้เท้าเฉิงคนไหนกันแน่เจ้าค่ะ”
เฉิงจิงเป็นขุนนางใหญ่ เมื่อเดินออกไปย่อมมีคนเรียกขานอย่างเคารพนบนอบว่า “ขุน นางใหญ่เฉิง” ประโยคหนึ่ง แต่เฉิงเว่ยและเฉิงฉือนั้น อาศัยอยู่ทางด้านประตูเฉาหยางเหมือนกัน จึงแยกยากอยู่บ้างจริงๆ
ฮูหยินซ่งมิใช่คนที่เก่งเรื่องพูดไปตามมารยาทพอเป็นพิธี คําพูดไม่กี่ประโยคนี้จึงกล่าว ออกมาได้อย่างจริงใจยิ่ง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ รั้งให้ฮูหยินซ่งอยู่รับประทานมื้อเที่ยงด้วย “รู้ว่าเจ้าปลีกตัวได้ยาก แต่ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องอยู่กินข้าวที่นี่ก่อนแล้วค่อยกลับไป!”
ฮูหยินซ่งรับคํายิ้มๆ มิได้ไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับโจวเสาจิ่น กลับกล่าวขึ้นว่า “แม้น วันนี้ข้าจะมาเยี่ยมเสาจิ่น แต่ก็อยากใช้โอกาสนี้คุยเรื่องส่วนตัวกับเสาจิ่นสักสองสามประโยคด้วย หากฮูหยินผู้เฒ่าช่วยตัดสินใจให้ได้สักครั้งหนึ่ง นั่นก็ยิ่งดีแล้ว” ขณะที่นางกล่าว ก็เล่าเรื่องที่ขุน นางใหญ่ซ่งมีเจตนาให้เฉิงฉือใช้ตําแหน่งผู้ตรวจตราของกรมการตรวจตราไปทํางานขุดลอกแม่ นํ้าเหลืองร่วมกับจางฮุ่ยรองเจ้ากรมโยธาและข้าหลวงฝ่ ายจัดการนํ้าคนปัจจุบันที่เมืองไคเฟิ งแต่ เฉิงฉือก็ปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าให้โจวเสาจิ่นและฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟัง “…นายท่านของพวกข้าคาด เดาว่า โดยมากคงเป็นเพราะใต้เท้าเฉิงเป็นห่วงฮูหยินผู้เฒ่าและเสาจิ่น แต่นายท่านของพวกข้าก็ กล่าวด้วยว่า นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากโอกาสหนึ่งจริงๆ…
…เนื่องด้วยเรื่องของใต้เท้าชวี วันนี้องค์ฮ่องเต้ทรงมีพระประสงค์ให้มีการขุดลอกแม่ นํ้าเหลืองใหม่อีกครั้ง เจ้ากรมโยธาที่เพิ่งเข้ารับตําแหน่งใหม่อย่างหวงหลี่และขุนนางใหญ่เฉิงก็ได้ ชื่อว่าไม่ลงรอยกัน เขาเพิ่งเข้ารับตําแหน่ง ต่อให้อยากสร้างความลําบากให้ใต้เท้าเฉิง เวลานี้ทุก
4837
คนต่างก็จับตาดูอยู่ ไม่เพียงไม่อาจลงมือเท่านั้น ในทางตรงกันข้ามอาจจะยังช่วยเหลือใต้เท้าเฉิง ในทุกๆ ด้านเพื่อให้การขุดลอกแม่นํ้าเหลืองดําเนินไปได้อย่างราบรื่น…
…กรมการคลังยิ่งไม่กล้ากดข่มไม่ปล่อยเงินให้แม่นํ้าเหลือง…
…อีกทั้งมีคนละมุนละม่อมทว่าก็ทํางานออกมาเป็นที่ประจักษ์ได้อย่างใต้เท้าจางคุมอยู่ ด้วยผู้หนึ่ง เรื่องขุดลอกแม่นํ้าเหลืองในครั้งนี้จะต้องสําเร็จลงได้อย่างแน่นอน…
…ขอเพียงมีผลงานนี้อยู่กับตัว ไม่ว่าใต้เท้าเฉิงจะได้รับการเลื่อนขั้นเมื่อใดล้วนนํามาใช้ได้ ทั้งสิ้น…
…โอกาสดีขนาดนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าและเสาจิ่นต้องลองเกลี้ยกล่อมใต้เท้าเฉิงดูนะเจ้าคะ”
โจวเสาจิ่นและฮูหยินผู้เฒ่ากัวต่างมองหน้ากัน
ทั้งสองคนต่างไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน
ฮูหยินซ่งเองก็มองออกเช่นกัน
รู้ว่าทั้งสองคนยังต้องขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เลยไม่เร่งเร้า ยิ้มพร้อมกับเปลี่ยนหัวข้อ สนทนาไปที่เรื่องแต่งงานของซ่งมู่แทน “หมั้นหมายกับบุตรสาวคนโตของตระกูลหลี่จวนสี่แห่งหลู เจียง…ทางบ้านของท่านลุงของเขาขุ่นแค้นข้ายิ่งนักแล้ว ในคําพูดคําจาล้วนต่อว่าข้าว่าดูถูก เหยียดหยามที่ครอบครัวของพวกเขาตํ่าต้อย ก็เลยไม่ยอมให้บุตรสาวของพวกเขาแต่งเข้ามา…ต่อ ให้ข้ากระโดดลงไปในแม่นํ้าเหลืองก็ล้างมลทินไม่ได้แล้วจริงๆ…”
ทุกครอบครัวต่างมีคัมภีร์ที่ยากจะอ่านเป็นของตัวเองทั้งสิ้น
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและโจวเสาจิ่นปลอบโยนฮูหยินซ่ง หัวข้อสนทนาจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จน หาทิศเหนือไม่เจอแล้ว
4838
จวบจนส่งฮูหยินซ่งกลับไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงถามโจวเสาจิ่นขึ้นมาว่า “เรื่องนี้เจ้า คิดเห็นว่าอย่างไร แม้นจะพูดว่านี่เป็นโอกาสอันดีโอกาสหนึ่ง แต่เป็นครั้งแรกที่เจ้าจะให้กําเนิด บุตร…พวกเจ้าสองสามีภรรยาปรึกษากันก็แล้วกัน เรื่องราวบนโลกใบนี้ โชคดีก็อาจนํามาซึ่งโชค ร้าย โชคร้ายก็อาจนํามาซึ่งโชคดีได้ พวกเจ้าเองก็ไม่ต้องให้ความสําคัญมากนัก”
ได้ยินคําพูดนี้แล้วโจวเสาจิ่นกลับตัดสินใจว่าจะให้เฉิงฉือไป
นางตั้งครรภ์บุตรมิได้ป่วยไข้ไม่สบายเสียหน่อย
ต่อให้นางป่วยไข้ ซื่อหลางก็มิใช่หมอ รั้งอยู่ข้างกายนางแล้วอาการป่วยไข้ของนางจะหาย ได้หรืออย่างไร
ผู้อื่นทําได้นางก็ทําได้เช่นกัน
นางจะต้องดูแลครรภ์ได้เป็นอย่างดี ให้กําเนิดบุตรคนนี้ออกมาได้อย่างราบรื่น และจะ เป็นภรรยาที่ดีของซื่อหลางได้อย่างแน่นอน
โจวเสาจิ่นคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่าเต็มไปด้วยความกล้าหาญ
หลังจากที่เฉิงฉือได้ฟังการตัดสินใจของนางแล้วก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง กอดนาง เอาไว้ในอ้อมอกเบาๆ ลูบหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยของนางพลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าไปแล้วเจ้า จะนอนหลับได้หรือ”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงกํ่า
นางจะพูดได้อย่างไรว่าตนอยากจะออดอ้อนกับเขา ยามตนเห็นเขาก็อยากจะแนบชิดกับ เขา
4839
“ท่านเพียงต้องบอกข้ามา หากท่านไปไคเฟิ งแล้วจะมีส่วนที่ไม่เป็นผลดีต่อท่านหรือไม่” นางกล่าวด้วยความกระดากอาย “หากไม่มี เช่นนั้นท่านก็ไปเถิด ข้าดูแลตัวเองได้ แล้วก็ดูแลลูก ของพวกเราและดูแลท่านแม่เป็นอย่างดีได้ด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ”
แน่นอนว่าการไปย่อมไม่มีผลเสีย
แต่อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าเรื่องราวก็มิได้ราบรื่นอย่างเช่นที่ซ่งจิ่งหรานกล่าวมา
เฉิงฉือนึกถึงนายท่านผู้เฒ่าซ่งที่วิ่งมาหาเขา ณ ที่ทําการหยาเหมินทุกวันขึ้นมา กล่าว ยิ้มๆ ว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดขุนนางใหญ่ซ่งถึงพยายามผลักดันเรื่องนี้มากขนาดนี้”
โจวเสาจิ่นครุ่นคิด กล่าวขึ้นว่า “คงเพื่อทําให้ความปรารถนาของนายท่านผู้เฒ่าซ่งเป็น จริงกระมัง แต่ข้าคิดว่า ในเมื่อเรื่องพวกนี้ล้วนไม่มีผลกระทบอะไรต่อท่าน เหตุใดท่านต้องสนใจ ด้วยว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร ได้ขุดลอกแม่นํ้าเหลือง ประชาชนทั้งสองฝั่ งก็น่าจะได้ประโยชน์ พวกเราทําเรื่องที่ตัวพวกเราเองสมควรกระทําก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
เฉิงฉือประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะฮ่าขึ้นมา
ไม่ว่าผู้อื่นจะว่าอย่างไร ทําสิ่งที่ตัวข้าเองรู้สึกว่าควรกระทํา และทํามันให้ดี…ที่เขาชอบ โจวเสาจิ่นก็อาจเป็นเพราะความโง่เขลาเล็กน้อยนี้ของนางกระมัง?
เฉิงฉือประคองดวงหน้าของนางเอาไว้แล้วหอมนางฟอดหนึ่ง จ้องมองนางด้วยดวงหน้าที่ เจือด้วยรอยยิ้ม กล่าวเสียงอบอุ่นว่า “ได้! ข้าจะเชื่อฟังภรรยา ภรรยาบอกให้ข้าไปขุดลอกแม่นํ้า ข้าก็จะไป ภรรยาบอกให้ข้าไม่ต้องไป ข้าก็จะไม่ไป!”
“กล่าวเหลวไหล!” โจวเสาจิ่นงึมงํากล่าว ทั้งๆ ที่รู้ว่านี่เป็นคําพูดที่เขาพูดเพื่อล่อหลอกตน เล่น ทว่าในใจกลับรู้สึกเริงร่ายินดีอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวขึ้นว่า “ข้าจะไปบอกท่านแม่ ให้ท่านแม่ได้ ดีใจมีความสุขด้วย!”
4840
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเราไปบอกท่านแม่พร้อมกันก็แล้วกัน!”
ถึงแม้มารดาจะใจกว้าง แต่หากให้นางรู้ว่าเสาจิ่นยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องหน้าที่การงานของ เขา เกรงว่าในใจอาจมีความรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อยได้ เขาไม่อยากให้โจวเสาจิ่นเป็นโล่กําบังให้ เขา และก็ไม่อยากให้นางได้รับความทุกข์ใจเช่นนั้นด้วย