ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 525 บุตรชาย
ความเจ็บปวดระลอกแล้วระลอกเล่าทําให้ความรู้สึกของโจวเสาจิ่นเปลี่ยนเป็นด้านชา
ขึ้นมาเล็กน้อย จวบจนตอนที่หมอตําแยใส่จุกไม้ชิ้นหนึ่งลงไปในปากของนางเพื่อให้นางออกแรง
เบ่งนั้น นางไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วตนออกแรงเบ่งไปมากขนาดไหน แต่ภายในห้องกลับมีเสียงโห่ร้อง
ยินดีดังขึ้นว่า “ออกมาแล้วๆ เป็นคุณชายน้อยผู้หนึ่งเจ้าค่ะ!”
โจวเสาจิ่นเพิ่งจะรู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาอีกครั้ง ถามยํ้าๆ
ว่า “เด็กปลอดภัยดีหรือไม่”
“ปลอดภัยดีเจ้าค่ะ!” หมอตําแยกล่าวยิ้มๆ จากนั้นมีเสียง เพียะ ดังขึ้นครั้งหนึ่ง ทารกน้อย
ร้องไห้ แง ออกมา
“ดูเด็กคนนี้ ร้องไห้ได้เสียงดังฟังชัดยิ่ง!” ชิวซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าอุ่นเช็ดหน้าผากให้โจวเสาจิ่น
ที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ บนใบหน้าปิดรอยยิ้มเอาไว้ไม่มิด “ต่อไปต้องเป็นเด็กอ้วนจํ้ามํ่าที่กินเก่ง
นอนเก่งผู้หนึ่งเป็นแน่”
นํ้าตาของโจวเสาจิ่นจึงไหลลงมาเป็นสาย
เป็นคนมาสองชาติภพ สุดท้ายนางก็คลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัย ได้เป็นแม่คนแล้ว
นางยกกายขึ้นครึ่งหนึ่ง ยื่นมือออกไปทางหมอตําแยยิ้มๆ “ให้ข้าดูสักหน่อย!”
หมอตําแยกล่าวยิ้มๆ ว่า “ฮูหยินรอสักครู่” จากนั้นอาบนํ้าให้ทารกด้วยความคล่องแคล่ว
ว่องไว
ฝานหลิวซื่อและคนอื่นๆ เองก็มิได้อยู่เฉย เริ่มช่วยเช็ดทําความสะอาดร่างกาย เปลี่ยน
อาภรณ์ และเกล้าผมให้โจวเสาจิ่น กระทั่งจัดการโจวเสาจิ่นเรียบร้อยแล้ว ถึงได้อุ้มทารกน้อยที่
อาบนํ้าจนสะอาดสะอ้านเรียบร้อยดีแล้วเข้ามา4877
เด็กน้อยตัวแดงกลม หลับตา ขนตางอนงาม จมูกเล็กโด่งตั้งตรง ริมฝีปากแดงอมชมพูอิ่ม
เต็ม เส้นผมดําเงา หน้าตางดงามยิ่งนัก
โจวเสาจิ่นรู้สึกว่าหัวใจของตนละลายหมดแล้ว
ชิวซื่อร้อง “ไอโหยว” พลางกล่าว “ทูนหัว! เหตุใดถึงได้มีหน้าตางดงามเพียงนี้! ต่อไปเมื่อ
โตขึ้นแล้วไม่รู้ว่าจะเป็นภัยต่อบุตรสาวบ้านใดบ้าง!”
โจวเสาจิ่นอดไม่ได้เม้มปากกลั้นหัวเราะ ลูบผมของบุตรชายเบาๆ คล้ายกับลูบสิ่งของมี
ค่าที่สุดบนโลกใบนี้ เบามือเบาเท้า กลั้นหายใจด้วยความจดจ่อตั้งใจ
ด้านนอกมีเสียงอึกทึกหนึ่งดังขึ้น
โจวเสาจิ่นและชิวซื่อมองไปตามเสียง เห็นเพียงผ้าม่านถูกเลิกขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเดินเข้า
มาอย่างรีบร้อน
“เด็กเล่า!” ดวงหน้าของนางยากที่จะปกปิดความยินดีเอาไว้ได้ กล่าวขึ้นว่า “รีบให้ข้าดู
สักหน่อยๆ!”
ชิวซื่ออุ้มเด็กน้อยขึ้นมาวางลงในอ้อมแขนของฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างระมัดระวัง
“เด็กคนนี้ช่างมีหน้าตางดงามจริงๆ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มจนตาหยีไปหมด “เหมือนเจ้าสี่
ตอนเป็นเด็กไม่มีผิด!”
“จริงหรือเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นเงยหน้าขึ้นมองลูกน้อย
ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าลูกเหมือนผู้ใด แต่ถ้าเหมือนเฉิงฉือ จะต้องหล่อเหลาอย่างแน่นอน
“เหมือนเจ้าสี่ราวกับออกมาจากพิมพ์เดียวกัน” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวอย่างมั่นใจยิ่ง “ไม่
เชื่อเจ้าดู รอให้ผ่านไปสักระยะเมื่อองคาพยพทั้งห้าของเขาเปิดออกแล้วเจ้าก็จะรู้เอง”4878
โจวเสาจิ่นยิ้มน้อยๆ
สาวใช้ยกข้าวหมากเข้ามา
ชิวซื่อป้อนให้นางดื่มด้วยตัวเอง
นางจะรบกวนชิวซื่อได้อย่างไร!
โจวเสาจิ่นพยายามลุกขึ้น
ชิวซื่อรีบประคองนาง กล่าวขึ้นว่า “มีอะไรหรือ ว่ากันตามสถานะ ข้าเป็นพี่สะใภ้รองของ
เจ้า ว่ากันตามอายุ เจ้าอายุน้อยกว่าอาเซิงเสียอีก ข้าดูแลเจ้าก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วพยักหน้าน้อยๆ กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “เจ้าไม่จําเป็นต้อง
เกรงใจพี่สะใภ้รองของเจ้าขนาดนี้ ขอเพียงเจ้าจดจําความดีของพี่สะใภ้รองของเจ้าเอาไว้ให้ดี
ต่อไปยามเห็นพวกอาเซิงมีปัญหาอะไร ก็ช่วยเหลืออย่างใจกว้างก็พอ”
โจวเสาจิ่นจําเอาไว้ในใจ
สายตาของฮูหยินผู้เฒ่ากัวเคลื่อนไปตกอยู่บนใบหน้าของเด็กน้อยอย่างยิ้มแย้มอีกครั้ง
ถามหลี่ว์มามาว่า “ให้คนนําจดหมายไปส่งให้เจ้าสี่หรือยัง”
ต้องรอให้ถึงปลายเดือนหกเฉิงฉือถึงจะส่งมอบงานเสร็จและกลับเมืองหลวงได้ โจวเสาจิ่
นคลอดบุตร เขาไม่อาจเร่งกลับมาได้
หลี่ว์มามารีบกล่าวยิ้มๆ ว่า “พอคุณชายน้อยเกิดก็ให้คนส่งจดหมายด่วนไปที่ไคเฟิ งแล้ว
เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ4879
หลี่ว์มามายังรีบแจ้งข่าวดีไปให้ซอยซิ่งหลิน ซอยซวงอวี๋ ซอยอวี๋ซู่ของโจวชูจิ่น ตระกูลกู้
บ้านสามีของเฉิงเจิง ตระกูลหยวนบ้านสามีของเฉิงเซียว ตระกูลเผิงบ้านสามีของเฉิงเซิงและญาติ
สนิทมิตรสหายต่างๆ ด้วย
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม โจวชูจิ่นก็อุ้มกวนเกอ และเฉิงเซิงอุ้มรุ่ยเกอเอ๋อร์มาหาตามลําดับ
ไม่นานเฉิงเจิงและเฉิงเซียวก็พาลูกๆ มาหาตามกันติดๆ
อาเหรินยิ่งแล้วใหญ่วิ่งไปมาอยู่ภายในห้องกับกวนเกอเอ๋อร์
ภายในห้องพลันครึกครื้นขึ้นมา
โจวเสาจิ่นที่อยู่หลังฉากกั้นจินตนาการถึงสีหน้าของทุกคนได้ แม้นจะเสียงดังไปบ้าง แต่ก็
ทําให้นางรู้สึกอบอุ่นยิ่ง
นางหอมแก้มอมชมพูของบุตรชายเบาๆ หลับไปด้วยหัวใจที่อิ่มเอม
ชีวิตหลังจากนั้นวุ่นวายเล็กน้อย
ให้นมเป็นครั้งแรก อุ้มลูกเป็นครั้งแรก กล่อมลูกนอนเป็นครั้งแรก…แม้นจะกล่าวว่ามีบ่าว
รับใช้คอยช่วยเหลืออยู่ข้างกาย แต่สุดท้ายในใจก็ยังคงเป็นกังวล ไม่อาจสะบัดมือไม่สนใจได้
ไม่ง่ายเลยกว่าจะจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางได้ จดหมายของเฉิงฉือก็มาถึงแล้ว
เช่นกัน
เขาตั้งชื่อให้ลูกหนึ่งตัวอักษรว่า ‘อวิ้น’ ทว่ามิได้บอกว่าเขาจะได้กลับมาเมื่อไร
โจวเสาจิ่นลอบเป็นกังวลใจ4880
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับพยักหน้าหงึก กล่าวขึ้นว่า “ชื่อนี้ตั้งได้ดียิ่ง ศิลาที่ซุกซ่อนหยกไว้
ขุนเขาย่อมเปล่งประกาย ตอนนี้ตระกูลเฉิงของพวกเราก็กําลังซุกซ่อนความสามารถรอวันฉาย
แสงเฉกเช่นเดียวกันแล้ว”
โจวเสาจิ่นเองก็รู้สึกว่าชื่อนี้ตั้งได้ดีมากเช่นกัน
นี่เป็นลูกคนแรกของนางกับเฉิงฉือ และยังเป็นบุตรชายคนโต หากเป็นคนดีมีจิตใจ
กว้างขวาง ดูแลปกป้องน้องชายน้องสาวได้ก็ยิ่งดีแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงหารือกับนางเรื่องงานวันครบรอบเดือน “…มิสู้เชิญคนในบ้านมา
สนุกสนานกัน รอให้ถึงตอนครบรอบร้อยวันของเด็กน้อยค่อยจัดงานเลี้ยงให้ญาติสนิทมิตรสหาย
ของครอบครัว ถึงเวลานั้นเจ้าสี่เองก็น่าจะส่งมอบงานเรียบร้อยแล้ว”
โจวเสาจิ่นพยักหน้ายิ้มๆ กล่าวขึ้นว่า “ข้าแล้วแต่ท่านแม่เจ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มร่า ดีใจมีความสุขยิ่ง
ตอนนี้บุตรชายคนเล็กมีทายาทสืบสกุลแล้ว เมื่อนางไปพบบรรพบุรุษของตระกูลเฉิง ณ
ดินแดนเบื้องล่างก็มีคําอธิบายหนึ่งให้พวกเขาแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปจัดเตรียมงานครบรอบเดือนของอวิ้นเกอเอ๋อร์ โจวเสาจิ่นจึงเล่นกับ
บุตรชายที่ยังไม่ครบเดือน
น่าเสียดายที่เวลาส่วนใหญ่อวิ้นเกอเอ๋อร์ล้วนเอาแต่นอนหลับ หรี่ลืมตาขึ้นมาเป็นครั้ง
คราวแล้วก็หลับไปอีก
โจวเสาจิ่นมองเป็นร้อยครั้งก็ไม่มีเบื่อหน่าย ประเดี๋ยวก็หอมแก้มเล็กๆ ของเขา ประเดี๋ยว
ก็ลูบมือน้อยๆ ของเขา เล่นกับเขาอยู่ฝ่ ายเดียว ความนึกคิดทั้งหมดอยู่ที่บุตรชาย เรื่องงาน
ครบรอบเดือนอะไรนั้น นางมิได้สนใจเลย4881
กระทั่งถึงวันครบรอบเดือนวันนั้น นางเชิญเพียงญาติของครอบครัวมารับประทานอาหาร
ด้วยกัน และเชิญอาจารย์หญิงท่านหนึ่งเข้ามาขับขานหนังสือเท่านั้น
ด้วยเรื่องนี้เฉิงจิงยังขอลางานครึ่งวันด้วย ให้หยวนซื่อพาอวิ้นเกอมาให้เขาดู
แม่นมของอวิ้นเกอเอ๋อร์แซ่เย่ เป็นคนที่โจวชูจิ่นช่วยหามาให้ เป็นญาติผู้น้องของแม่นม
ของกวนเกอเอ๋อร์ อายุไม่มากนัก ผิวขาวร่างกายสมบูรณ์ นิสัยอ่อนโยน โจวเสาจิ่นพอใจเป็นอย่าง
มาก
นางใช้ผ้าฝ้ายบางเบาห่อตัวเด็กน้อยอย่างระมัดระวังพาไปให้เฉิงจิงดู
เฉิงจิงรักใคร่หวงแหนยิ่งนัก อยากจะอุ้มเด็กน้อยสักหน่อย แต่ก็กลัวว่าจะทําให้เจ้าตัว
กลมนุ่มนิ่มนี้บาดเจ็บ กล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มๆ ว่า “เด็กคนนี้ช่างมีหน้าตางดงามจริงๆ เหมือน
น้องสี่ตอนเป็นเด็กไม่มีผิด!”
“เหมือนมากจริงๆ!” เฉิงเซ่ากล่าวยิ้มๆ ลูบมือเล็กของเด็กน้อยเบาๆ
เฉิงเวิ่นเองก็เบียดเข้ามาด้วย กล่าวขึ้นว่า “ข้าดูบ้างๆ!”
เย่ซื่อยกแขนขึ้นสูง เอาเด็กน้อยให้เฉิงเวิ่นดู
เฉิงเวิ่นยิ้มร่าพร้อมกับยัดจี้แม่กุญแจอายุยืนฝังอัญมณีลํ้าค่าให้อวิ้นเกอเอ๋อร์
เฉิงจิงมองสํารวจเฉิงเวิ่นอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับกล่าวยิ้มๆ ว่า “นี่เจ้าคงตั้งใจจะมอบ
เป็นเครื่องรางให้หลานเก็บไว้ก้นหีบกระมัง”
แม้แต่ครอบครัวรํ่ารวยชนชั้นสูง ก็ไม่อาจให้บุตรหลานสวมใส่สิ่งของระยิบระยับแพรว
พราว อย่างแรกเพราะไร้รสนิยม และสองเพราะกลัวว่าจะดึงดูดสายตาคนที่มีเจตนาร้าย เพื่อแม่
กุญแจอายุยืนชิ้นหนึ่งแล้วจะลักพาตัวเด็กไปขายได้4882
เฉิงเวิ่นหัวเราะร่า กล่าวขึ้นว่า “ของขวัญเล็กน้อยนํ้าใจยิ่งใหญ่ๆ!”
“ที่แท้นี่คือ ‘ของขวัญเล็กน้อยนํ้าใจยิ่งใหญ่’ หรือ” เฉิงจิงกล่าว พลางชี้ไปที่แม่กุญแจอายุ
ยืนฝังเม็ดทับทิมขนาดใหญ่เท่าไข่นกพิราบชิ้นนั้น “คราวหน้ายามข้าได้หลานเพิ่ม เจ้าเองก็ไม่
จําเป็นต้องมอบของมีค่ามากเกินไปให้หลานตัวน้อยของพวกข้า ให้ตามชิ้นนี้ก็พอแล้ว”
ทุกคนล้วนพากันหัวเราะขึ้นมา
เย่ซื่อจึงถือโอกาสอุ้มเด็กน้อยกลับห้องไป
เฉิงจิงจึงถามเฉิงเวิ่นว่า “เหตุใดถึงไม่เห็นนั่วเกอเอ๋อร์ ปีนี้เขาก็อายุยี่สิบเอ็ดปีแล้วกระมัง”
เฉิงเวิ่นได้ยินแล้วสีหน้าดูไม่สบายใจเล็กน้อย
เขารู้เรื่องที่บุตรชายและบุตรสะใภ้เข้ากันไม่ค่อยได้ แต่เขาที่เป็นพ่อสามีผู้หนึ่ง คงไม่อาจ
ไปยุ่งเรื่องภายในเรือนของบุตรสะใภ้หรอกกระมัง
หรือว่า ให้บุตรชายและบุตรสะใภ้กลับจินหลิงไปดีหรือไม่
เมื่อความคิดวาบผ่าน เขาก็รีบปัดความคิดนี้ทิ้งไปในทันที
ตัวฮูหยินใหญ่เวิ่นเองก็เป็นคนที่ฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อผู้หนึ่งอยู่แล้ว ให้นางไปเกลี้ยกล่อม
บุตรชายและบุตรสะใภ้ ไม่เกลี้ยกล่อมจนบุตรชายและบุตรสะใภ้หย่ากันก็นับว่าดีแล้ว!
เวลานี้ ยิ่งอยู่เฉิงเวิ่นก็ยิ่งคิดถึงความดีของอนุที่อยู่ข้างนอกผู้นั้นขึ้นมา
เขาส่งบุตรชายและบุตรสะใภ้กลับจินหลิงแล้วรับอนุข้างนอกผู้นั้นมาที่นี่ได้นี่นา!
ยิ่งคิดเฉิงเวิ่นก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ พลันใจลอยขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวขึ้นว่า “อาฉือของเขา
ได้บุตรชาย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องมาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องล่าช้าสักหน่อย สองเดือนก่อนเขา
รู้จักพ่อค้าที่ทําการค้ากับแดนตะวันตกโดยเฉพาะสองสามคน เอาใบชาจากร้านของพวกข้าไป4883
หลายพันเหลี่ยง ครั้งนี้คนมาอีกครั้งหนึ่ง นั่วเกอเอ๋อร์กําลังพาคนสองสามคนเหล่านั้นไปดูใบชา
เมื่อคนไปแล้วจะเร่งมาที่นี่ขอรับ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉิงจิงได้ยินเรื่องนี้ กล่าวยิ้มๆ ว่า “ดูแล้วกิจการร้านใบชาของพวกเจ้าไม่
เลวเลยทีเดียว!”
“พอไปได้ขอรับๆ” เฉิงเวิ่นกล่าว ทว่าสีหน้ากลับเผยความภาคภูมิใจออกมาให้เห็นหลาย
ส่วน กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ก็ไม่เท่าไร โชคดีที่ข้ารีบตัดสินใจซื้อโรงนํ้าชาข้างๆ ได้อย่างรวดเร็ว นั่ว
เกอเอ๋อร์เองก็มีความสามารถ ทําการค้าได้ทั้งสองอย่าง แม้นจะยังมิได้ทุนคืน แต่ก็ได้ค่าใช้จ่าย
ของสองปีนี้แล้ว เด็กคนนี้ ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะเดินตามรอยอาฉือของเขาก็เป็นได้!”
ทุกคนต่างพูดอะไรไม่ออก
ชิวซื่อรีบหันไปส่งสายตาให้บุตรชาย
เฉิงรั่งลังเลอยู่หลายอึดใจ ถึงได้ก้าวออกมากล่าวขึ้นว่า “ท่านลุงใหญ่ ท่านลุงเวิ่น งาน
เลี้ยงใกล้จะเริ่มแล้ว ข้าจะนําพวกท่านไปยังเรือนปีกที่จัดงานเลี้ยงขอรับ!”
ถึงได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นอย่างอื่นไปได้
ชิวซื่อจึงหันไปยกนิ้วโป้งให้เฉิงรั่งครั้งหนึ่ง
เฉิงรั่งหัวเราะอย่างขัดเขิน เดินตามเข้าไปในเรือนปีก
เฉิงเจิงเองก็สังเกตเห็นว่าเฉิงนั่วไม่มา ถามอู๋เป่าจางว่า “นั่วเกอเอ๋อร์งานยุ่งมากหรือ”
อู๋เป่ าจางกล่าวยิ้มๆ ว่า “พอดีว่าสองวันนี้ได้รับการค้าใหญ่ชิ้นหนึ่ง หากการค้านี้สําเร็จ
จะกินอยู่ได้หนึ่งถึงสองปี เขาจําต้องรอส่งลูกค้าเหล่านั้นไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีเจ้าค่ะ”4884
ความจริงแล้ว ตอนที่นางได้ยินว่าเฉิงนั่วไม่อาจมาได้นั้น ก็ปิดประตูหัวเราะอยู่ในห้องเป็น
เวลานาน
บุตรชายของโจวเสาจิ่นครบรอบเดือน เฉิงนั่วที่เป็นญาติผู้พี่คนหนึ่ง ทั้งๆ ที่อยู่จิงเฉิงแต่
กลับไม่มาร่วมงาน
ก็ถือได้ว่าเป็นการตบหน้าโจวเสาจิ่นครั้งหนึ่งแล้ว
ดังนั้นนางไม่เพียงไม่ห้ามปรามเฉิงนั่วออกจากบ้าน ยังให้เฉิงนั่วให้ความสําคัญกับ
การค้า ด้านของโจวเสาจิ่นทางนี้นางจะอธิบายให้เอง…
เฉิงเซียวกลับไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ลอบกล่าวกับเฉิงเจิงพี่สาวว่า “คิดไม่ถึงว่าท่านอาห้า
จะทําการค้าจนไม่รู้จักญาติพี่น้องแล้ว กระทั่งว่านั่วเกอเอ๋อร์ไม่มาร่วมงานครบรอบเดือนของอวิ้น
เกอเอ๋อร์ก็ไม่มีแววละอายเลยแม้แต่นิดเดียว”
เฉิงเจิงกล่าวเสียงเรียบว่า “แต่จะดีร้ายท่านอาเวิ่นก็เลี้ยงดูตัวเองได้!”
นี่ก็ใช่
เฉิงเซียวคร้านจะสนใจเรื่องของเฉิงเวิ่นอีก กล่าวกับเฉิงเจิงยิ้มๆ ว่า “ข้าจะไปดูอาสะใภ้
เล็กสักหน่อย ท่านจะไปด้วยกันหรือไม่”
“ไปด้วยกันเถิด!” เฉิงเจิงกล่าวยิ้มๆ ไปที่ห้องชั้นในพร้อมน้องสาว
อวิ้นเกอเอ๋อร์กินอิ่มแล้วกําลังนอนเป่านํ้าลายเล่นอยู่ในอ้อมแขนของโจวเสาจิ่น
“เด็กคนนี้ ช่างซุกซนเสียจริงๆ!” เฉิงเจิงกล่าวยิ้มๆ อุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขน
อวิ้นเกอเอ๋อร์หยุดเป่านํ้าลายในทันใด เบิกดวงตากระจ่างใสทั้งคู่จ้องมองเฉิงเจิง ไม่ขยับ
เขยื้อนกว่าครู่ใหญ่