ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 526 หยอกล้อ
เฉิงเจิงมองอย่างประหลาดใจ รู้สึกว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์คล้ายกับกําลังมองนางอยู่ กล่าว
หยอกล้ออวิ้นเกอเอ๋อร์ยิ้มๆ ว่า “ข้าคือพี่สาวของเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ คราวหน้าตอนที่ข้ามาเยี่ยมเจ้า
อีก เจ้าจะยังจําข้าได้หรือไม่”
ขณะที่นางกล่าว อวิ้นเกอเอ๋อร์ก็เป่ านํ้าลายอีกครั้งหนึ่งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้น
หลับตาและนอนหลับไป
เฉิงเจิงอดไม่ได้หันไปกล่าวกับโจวเสาจิ่นเบาๆ ว่า “เจ้าดู เจ้าดู เขาหันมาเป่านํ้าลายให้ข้า
ครั้งหนึ่งแล้วก็นอนหลับไป!”
เฉิงเซิงล้อมวงเข้ามาอย่างประหลาดใจ กล่าวขึ้นว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์เป่ านํ้าลายเป็นแล้ว
หรือ รุ่ยเกอเอ๋อร์ของพวกข้าหลังจากครบรอบร้อยวันแล้วถึงจะเป่านํ้าลายเป็น!”
โจวเสาจิ่นรีบกล่าว “มีอะไรไม่ถูกต้องหรือไม่”
สีหน้านางดูกระวนกระวายเล็กน้อย
บางทีอาจเป็นเพราะเฝ้ารอคอยลูกคนนี้มากเกินไป แม้นอวิ้นเกอเอ๋อร์จะมีแม่นมของ
ตัวเอง ข้ารับใช้ที่อยู่ข้างกายก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนมีประสบการณ์และมีนิสัยสงบหนักแน่นกัน
ทั้งสิ้น แต่โจวเสาจิ่นยังคงชอบทําด้วยตัวเอง ลูกหิวนางก็ให้นมด้วยตัวเอง ลูกนอนหลับแล้วก็วาง
ให้นอนอยู่ข้างๆ นาง อากาศร้อนนางก็อาบนํ้าให้ลูกด้วยตัวเอง แม่นมและข้ารับใช้เหล่านั้นเพียง
ช่วยเป็นลูกมือให้นางเท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นครั้งแรกที่นางได้เป็นแม่คน เรื่องที่เด็กเกิดใหม่
ควรจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรบ้างนั้นหากแม่นมและข้ารับใช้ที่มีประสบการณ์เหล่านั้นไม่บอก
นางก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน4886
เฉิงเซิงกล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่มีอะไรที่ไม่ถูกต้องหรอก! เพียงรู้สึกว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์เฉลียวฉลาด
ยิ่ง เล็กขนาดนี้ก็รู้จักเล่นเองเป็นแล้ว”
“จริงหรือ” ได้ยินเฉิงเซิงกล่าวชมอวิ้นเกอเอ๋อร์ รอยยิ้มของโจวเสาจิ่นก็สว่างสุกใส
ที่ผ่านมานางรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างโง่เขลาและเฉิงฉือเฉลียวฉลาดมากมาโดยตลอด กลัว
ว่าลูกถือกําเนิดออกมาแล้วจะเหมือนนาง
เฉิงเจิงยิ้มร่าพลางลูบเส้นผมดํานุ่มของเด็กน้อย กล่าวยิ้มๆ ว่า “ถูกต้อง! เจ้าไม่เห็น
สายตาที่เขามองข้าเมื่อครู่นั่น คล้ายกับกําลังจดจําคนอยู่ก็ไม่ปาน”
โจวเสาจิ่นเม้มปากหัวเราะ
ปี้อวี้เชิญทุกคนไปนั่งที่งานเลี้ยง
เฉิงเซิงจึงอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปที่ห้องโถง
เฉิงเจิงเดินเคียงไหล่ไปกับโจวเสาจิ่น ถามนางเสียงอบอุ่นว่าร่างกายพักฟื้นเป็นอย่างไร
บ้าง มีตรงไหนไม่สบายบ้างหรือไม่ แล้วก็ปลอบโยนนางอีกว่า “ไม่ง่ายเลยกว่าท่านอาฉือจะได้
แต่งงาน แล้วก็ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีอวิ้นเกอเอ๋อร์ ย่อมต้องรู้สึกกังวลใจเป็นแน่! เมื่อไรก็ตามที่มี
หนทางกลับมาได้ ย่อมต้องเร่งกลับมาอย่างแน่นอน อาสะใภ้ไม่ต้องเป็นห่วง”
โจวเสาจิ่นนึกถึงความอลหม่านตอนที่ตนเพิ่งคลอดอวิ้นเกอเอ๋อร์ขึ้นมา กล่าวยิ้มๆ ว่า
“โชคดีที่อาสี่ฉือของเจ้าไม่กลับมา ไม่อย่างนั้นหากได้เห็นสภาพเช่นนั้นของข้า เกรงว่าคงได้
หัวเราะเยาะมือเท้าที่เงอะงะของข้าเป็นแน่แล้ว!”
เฉิงเจิงหัวเราะน้อยๆ4887
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปจากมือของเฉิงเซิงเรียบร้อยแล้ว กล่าวกับฮูหยินเผิงแม่
สามีของเฉิงเซิงยิ้มๆ ว่า “ท่านดู หน้าตาดูมีชีวิตชีวาฉลาดเฉลียวมากใช่หรือไม่”
ฮูหยินเผิงเป็นสตรีอายุสี่สิบกว่าปี ผิวขาวอ้วนท้วน แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนใจดีมากผู้หนึ่ง
นางได้ยินแล้วก็พยักหน้าไม่หยุด “เด็กคนนี้แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนของตระกูลเฉิง ท่านดู
คิ้วนี้ คล้ายกับท่านปู่ของเขาเป็นอย่างยิ่งใช่หรือไม่”
“จริงหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองสํารวจอวิ้นเกอเอ๋อร์อย่างสงสัย
ฮูหยินเผิงของฝ่ ายกองทัพและอาชาท่านนั้นได้ยินแล้วก็มองสํารวจอวิ้นเกอเอ๋อร์อย่าง
ละเอียดขึ้นมาด้วย กล่าวว่า “พอท่านกล่าวเช่นนี้ ข้าดูแล้วมีความคล้ายอยู่หลายส่วนจริงๆ ด้วย”
“จริงหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้สึกอารมณ์ซับซ้อนยุ่งเหยิง
ก่อนที่เฉิงฉือจะถูกกําหนดให้เป็นคนสืบทอดพรรคเจ็ดดารานั้น พวกเขาสองสามีภรรยา
ล้วนรักใคร่ปรองดองกันมาโดยตลอด กล่าวได้ว่า รักใคร่กลมเกลียวกันมากกว่าสามีภรรยา
จํานวนมาก แต่นับตั้งแต่ที่สามีตัดสินใจให้บุตรชายคนเล็กแลกเปลี่ยนกับอนาคตของบุตรชายคน
โตทั้งสองคนเป็นต้นมา แม้นางจะเข้าใจ ทว่าก็ไม่อาจก้าวข้ามหลุมที่อยู่ในใจหลุมนั้นไปได้มาโดย
ตลอด มักจะรู้สึกว่าเป็นตนและสามีที่ทําร้ายบุตรชายคนเล็ก นางถึงกับเริ่มลงโทษตัวเอง อยู่ให้
ห่างจากเรื่องมีความสุขน่ายินดีทุกอย่าง ที่เรือนหานปี้ซานมองไม่เห็นดอกไม้แม้แต่ดอกเดียว…
ความรู้สึกที่มีต่อสามีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาหลายสิบปีจึงซับซ้อนยุ่งเหยิงขึ้นมา
อวิ้นเกอเอ๋อร์เหมือนปู่ของเขาจริงๆ หรือ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอดมองสํารวจอย่างละเอียดถี่ถ้วนไม่ได้4888
เด็กอายุยังไม่เกินเดือน ผิวที่เคยเหี่ยวย่นเล็กน้อยก่อนหน้านี้ไม่เพียงอิ่มเอิบขึ้นมาเท่านั้น
ยังเป็นประกายแวววาวประหนึ่งหยกชั้นดีขึ้นมาด้วย ดวงหน้าก็เริ่มเปิดออก สดใสยิ่งนักแล้ว แต่
ให้บอกว่าเหมือนผู้ใดนั้น ก็ยังดูไม่ออกจริงๆ
ถึงจะเป็นเช่นนี้ ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวอดไม่ได้ยกแขนขึ้นสูง แนบกับใบหน้าเล็กของเด็ก
น้อย
อู๋เป่าจางที่ยืนอยู่ข้างๆ แสยะยิ้มเย็น
ทารกล้วนหน้าตาเหมือนกันหมด ไหนเลยจะมองออกว่าเหมือนผู้ใดกัน
คนพวกนั้นเพื่อประจบประแจงฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้วคําพูดที่ขัดต่อมโนสํานึกอะไรก็ล้วนพูด
ออกมาได้ทุกอย่างจริงๆ!
แต่หลังจากที่ส่งแขกเหรื่อกลับไปแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ยังคงมองสํารวจอวิ้นเกอเอ๋อร์
อย่างละเอียดอยู่ใต้ตะเกียงอย่างอดไม่อยู่
โจวเสาจิ่นไปล้างหน้าบ้วนปากกลับมา เห็นลูกนอนหลับอยู่ข้างๆ หมอนหนุนของนางไป
แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับนั่งอยู่บนเตียงเตาตัวใหญ่ข้างหน้าต่างในห้องชั้นในหมุนลูกประคําไม้
กฤษณาสิบแปดเม็ดในมือ
“ท่านแม่” นางถือจอกชาเดินเข้าไปหา “นี่ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ คิดถึงนายท่านสี่หรือ
ประเดี๋ยวข้าคิดว่าจะเขียนจดหมายให้นายท่านสี่สักฉบับหนึ่ง ท่านมีอะไรจะฝากฝังหรือไม่”
โจวเสาจิ่นนั่งข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่ากัว ใช้ไม้คนงามทุบไหล่ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะ กล่าวว่า “นี่เจ้าเพิ่งออกจากการอยู่เดือน ข้ามีเจินจูปรนนิบัติอยู่
พวกเรามานั่งคุยกันเถิด”4889
โจวเสาจิ่นวางไม้คนงามลงอย่างเชื่อฟัง ย้ายไปนั่งตรงข้ามกับฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตะโกนเรียกเจินจูครั้งหนึ่ง
เจินจูถือกล่องหนึ่งเดินเข้ามา
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวดันกล่องนั้นไปตรงหน้าโจวเสาจิ่น กล่าวเสียงอบอุ่นว่า “เสาจิ่น นี่คือโฉนด
ที่ดินไร่ชาที่อันซีและโฉนดที่ดินบ้านสวนที่จิงโจว เป็นทรัพย์สินที่ซื้อมาแรกเริ่มที่สุดหลังจากที่ข้า
และพ่อสามีของเจ้าแต่งงานกัน ข้าได้พูดกับท่านอารองของเจ้าเอาไว้แล้ว พรุ่งนี้เขาจะเข้ามาเอา
ทรัพย์สินเหล่านี้ไปจดเป็นชื่อของอวิ้นเกอเอ๋อร์…ถือเป็นค่านํ้าหมึกพู่กันที่ข้ามอบให้อวิ้นเกอเอ๋อร์”
“นี่จะได้อย่างไรเจ้าคะ!” โจวเสาจิ่นลุกขึ้นมาอย่างตะลึงงัน รีบกล่าว “นี่เป็นเงินส่วนตัว
ของท่าน หากท่านต้องการเก็บไว้ให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ มิสู้รอให้อวิ้นเกอเอ๋อร์โตอีกสักหน่อย…”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะขึ้นมา กล่าวว่า “ให้เจ้ารับเจ้าก็รับเอาไว้ ก็มิใช่ของมีค่าอะไร ข้าม
อบให้อวิ้นเกอเอ๋อร์”
โจวเสาจิ่นไม่ต้องการ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวว่า “ผู้ใหญ่ให้ของไม่อาจปฏิเสธได้ เจ้า
กลายเป็นคนดื้อรั้นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”
โจวเสาจิ่นรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ไม่กล้าเสนอแนะอะไรอีก คิดว่ารอให้
เฉิงฉือกลับมาแล้ว จะต้องคุยกับเขาสักหน่อย ให้เขามอบเงินแสดงความกตัญ�ูให้ฮูหยินผู้เฒ่า
ทําเป็นเงินส่วนมากสักหน่อย
นางถือกล่องเอาไว้ กล่าวขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างจริงใจ กล่าวว่า “ต่อไปยามอวิ้น
เกอเอ๋อร์อ่านเขียนหนังสือย่อมจะคิดถึงว่านี่ล้วนเป็นความคาดหวังที่ท่านย่ามีต่อเขาเจ้าค่ะ”4890
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้า พึงพอใจกับคําพูดของนางเป็นอย่างมาก
ทั้งสองคนพูดคุยกันครู่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวลุกขึ้นกล่าวขอตัวลา
โจวเสาจิ่นไปส่งฮูหยินผู้เฒ่าจนถึงลานทิงเซียงถึงกลับมา จากนั้นเปิดกล่องออกอย่าง
สงสัยใคร่รู้
ภายในกล่องมีโฉนดที่ดินเพียงสองแผ่นจริงๆ แต่ไร่ชาที่อันซีเขียนเอาไว้ว่าทิศตะวันออก
สิ้นสุดที่เจี้ยนโต้ว ทิศเหนือติดกับหย่งชุน ทิศตะวันตกติดกับฝูเถียน…รวมแล้วมีทั้งหมดหนึ่งพัน
สามร้อยสามสิบห้าหมู่ บ้านสวนที่จิงโจวยิ่งผืนใหญ่กว่า มีสามพันสองร้อยสิบเอ็ดหมู่
โจวเสาจิ่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง
รู้สึกราวกับถือเผือกร้อนลวกมือเอาไว้หัวหนึ่ง
เวลานี้ นางอยากให้เฉิงฉือรีบกลับมาเร็วๆ!
ดังนั้นรอจนเฉิงเซ่ามาถึงในวันรุ่งขึ้น เป็นครั้งแรกที่นางพูดกับเฉิงเซ่าก่อน “ข้ารู้ว่าท่านแม่
รักใคร่อวิ้นเกอเอ๋อร์ แต่ถ้าหากพวกพี่ใหญ่รู้เรื่องเข้า ในใจย่อมรู้สึกไม่ยินดีเป็นแน่ ข้าไม่อยากให้
ทุกคนไม่สบายใจด้วยเรื่องเงินทองพวกนี้เจ้าค่ะ…”
เฉิงเซ่ากล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่เป็นไร เพราะพี่สะใภ้ใหญ่มีความสุข รอให้เจียซ่านและรั่งเกอ
เอ๋อร์มีเหลนให้พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ก็มีความสุขและมีของมอบให้พวกเขาเฉกเช่นเดียวกัน
ในเมื่อพี่สะใภ้ใหญ่ให้เจ้ารับไว้ เจ้าก็รับเอาไว้ก็พอ เจ้ายังคิดได้ พี่สะใภ้ใหญ่จะคิดไม่ถึงเชียวหรือ”
โจวเสาจิ่นคิดๆ แล้วก็ถูก หินก้อนใหญ่ในใจจึงวางลงมาได้4891
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอาโฉนดที่ดินมอบให้เฉิงเซ่า ให้เขานําที่ดินทั้งสองที่ไปจดเป็นชื่อของอวิ้น
เกอเอ๋อร์กับที่ว่าการ ทว่าเก็บโฉนดที่ดินไว้ที่โจวเสาจิ่น ให้โจวเสาจิ่นเป็นคนดูแล “ลูกยังเล็กนัก
ต่อไปรายได้จากที่ดินทั้งสองที่ก็ให้เจ้าเป็นคนเก็บแทนลูก”
โจวเสาจิ่นขานรับคําซํ้าๆ
ทั้งสองคนไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากัวเพื่อรายงานเรื่องนี้ พูดคุยกันครู่หนึ่ง หลังจากที่เฉิงเซ่าอยู่
รับประทานมื้อเที่ยงที่ประตูเฉาหยางแล้วจะไปบ้านของชิวซื่อ เพื่อจัดการธุระเรื่องนี้ให้ฮูหยินผู้
เฒ่ากัวแล้ว เฉิงเซ่าจึงขอลางาน เนื่องจากช่วงบ่ายไม่มีธุระอะไรแล้ว เขาตั้งใจจะไปเยี่ยมอาเป่า
และอาเหรินสักหน่อย
ตอนนี้เรื่องที่ทําให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมีความสุขที่สุดในทุกๆ วันก็คือการพูดคุยกับอวิ้นเกอ
เอ๋อร์ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง นอกจากนี้นึกสิ่งใดได้ก็พูดคุยสิ่งนั้น แม้แต่เรื่องที่เฉิงฉือฉี่รดที่
นอนตอนเป็นเด็กก็พูดออกมาหมดทุกอย่าง อีกทั้งเนื่องจากอวิ้นเกอเอ๋อร์ยังไม่ครบหนึ่งร้อยวัน ฮู
หยินผู้เฒ่ากัวจึงไม่กล้าพาเขาออกไปข้างนอก แม้นจะอยากไปเยี่ยมอาเป่าและอาเหรินสักหน่อย
แต่ยิ่งวางใจไม่ลงเรื่องอวิ้นเกอเอ๋อร์ จึงให้โจวเสาจิ่นไปจัดเตรียมผลไม้มาสักเล็กน้อยให้เฉิงเซ่า
เอาไว้ด้วย
โจวเสาจิ่นสั่งการลงไปยิ้มๆ
ไม่นานชุนหว่านก็ถือตะกร้าไม้ไผ่ที่บรรจุผลไม้ไว้จนเต็มเดินเข้ามา
เฉิงเซ่ากล่าวขอบคุณเสร็จแล้ว ปล่อยให้ฉินจื่อจี๋เดินไปส่งจนถึงหน้าประตู
โจวชูจิ่นพากวนเกอเอ๋อร์มาเยี่ยมโจวเสาจิ่นและอวิ้นเกอเอ๋อร์
ภายในห้องจึงครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง
กวนเกอเอ๋อร์ถือกลองป๋ องแป๋ งหยอกล้อเล่นกับอวิ้นเกอเอ๋อร์4892
เสียงดังขึ้นมาจากทิศทางใด อวิ้นเกอเอ๋อร์ก็หันไปมองทิศทางนั้น ทําเอาผ้าผืนเล็กที่ปูไว้
ใต้คอเพื่อกันเหงื่อให้เขาขยับเขยื้อนไปหมด
โจวเสาจิ่นหัวเราะพร้อมกับไปจัดผ้าผืนเล็กให้เขา ผู้ใดจะรู้ว่านางเพิ่งจะยื่นมือออกไป
อวิ้นเกอเอ๋อร์ก็คว้าจับมือของนางเอาไว้ จับนิ้วของโจวเสาจิ่นเอาไว้แน่น
“ท่านแม่” โจวเสาจิ่นทั้งประหลาดใจและดีใจ กล่าวว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์จับมือของข้าเอาไว้
แรงเยอะเหลือเกินเจ้าค่ะ!”
“ให้ข้าดูหน่อย ให้ข้าดูหน่อย!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและโจวชูจิ่นต่างล้อมวงเข้ามา
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอวิ้นเกอเอ๋อร์กลับร้องไห้ขึ้นมา
โจวเสาจิ่นรีบอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ขึ้นมากล่าวปลอบหลอกล่อเสียงเบา
อวิ้นเกอเอ๋อร์กลับร้องไห้ไม่หยุด ยิ่งไปกว่านั้นเสียงร้องที่ดังกระจ่างใสนั่น คล้ายกับจะทํา
ให้หลังคาเปิดออกได้ ทุกคนหลอกล่ออย่างไรก็ไม่ดีขึ้น แม่นมกล่าวว่าเป็นเพราะหิวหรือเปล่า ฝาน
หลิวซื่อกล่าวว่าเป็นเพราะฉี่แล้วหรือเปล่า โจวชูจิ่นกล่าวว่าเป็นเพราะเสียงกลองป๋ องแป๋ งดัง
เกินไปหรือเปล่า จากนั้นก็ใช้นิ้วแตะที่ปากของอวิ้นเกอเอ๋อร์ แล้วก็เปิดผ้าออกตรวจดูผ้าอ้อมของอ
วิ้นเกอเอ๋อร์…เพียงพริบตาเดียววันเวลาก็เคลื่อนมาถึงเดือนเจ็ด
โจวเสาจิ่นได้รับจดหมายจากเฉิงฉือ บอกว่าเขาจะได้กลับมาในวันที่ห้าเดือนเจ็ด
ประตูเฉาหยางพลันคึกคักขึ้นมาในทันใด
ปัดกวาดฝุ่น ตัดหญ้า ตกแต่งเครื่องเรือน…ฝีเท้าของทุกคนต่างรีบร้อนอย่างยิ่ง
แต่ช่วงเวลาที่กําลังยุ่งกันอยู่นี้ อู๋เป่าจางก็ร้องไห้มาหาที่บ้านอย่างกะทันหัน4893
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองอวิ้นเกอเอ๋อร์ที่หลับสนิทแล้วหัวคิ้วขมวดเป็นปมมุ่นไม่หยุด กล่าว
กับโจวเสาจิ่นว่า “ระวังนางจะส่งเสียงดังจนลูกตื่น เจ้าไปถามสักหน่อยว่านางมีเรื่องอะไร หาก
นางไม่พูด ก็เรียกพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ามาหรือไม่ก็ให้คนส่งนางไปที่ซอยซิ่งหลิน”
โจวเสาจิ่นคิดว่าอู๋เป่าจางเห็นตนแล้วจะต้องขุ่นเคืองอย่างแน่นอน
นางเองก็ไม่อยากเจออู๋เป่าจางเหมือนกัน
แต่นี่เป็นบ้านของนาง นางไม่อาจกลํ้ากลืนฝืนทนการลบหลู่เกียรติได้
โจวเสาจิ่นมีข้ารับใช้ห้อมล้อมเดินไปที่โถงรับรอง
อู๋เป่ าจางร้องไห้อย่างเจ็บปวด แต่ตอนที่นางเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นโจวเสาจิ่นนั้น
ใบหน้าที่ร้องไห้จนบวมแดงนั้นยังคงเผยแววประหลาดใจออกมาให้เห็น
โจวเสาจิ่นไม่คิดจะอ้อมค้อมกับนาง กล่าวแถลงคําสั่งของฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปตามตรง “…
รู้สึกไม่สะดวกที่จะคุยกับข้าก็ไปคุยกับฮูหยินหยวนก็แล้วกัน!”