ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 528 ศึกในครอบครัว
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาอู๋เป่าจางมิใช่คนที่นั่งรอความตายมาโดยตลอด
นางคิดหน้าคิดหลังแล้ว ตัดสินใจแยกทางเดินออกเป็นสองทาง
ทางแรกคือเขียนจดหมายไปให้คนที่เป็นมิตรกับนางมาโดยตลอดและยังเป็นแม่สื่อให้
นางด้วยอย่างสะใภ้ใหญ่สือเจิ้งซื่อของจวนรองสักฉบับหนึ่ง เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้นางฟัง ขอให้
นางช่วยตัดสินใจให้สักครั้งหนึ่ง พ่อสามีและบิดาไม่สนใจไยดีนาง คิดว่าการที่นางเข้าบ้านมาสี่ห้า
ปีแล้วยังไม่มีลูกสักคนนั้นก็ควรจะให้สามีเลี้ยงดูอนุอย่าง ‘ใจกว้าง’ แต่ตระกูลเฉิงมีกฎของบรรพ
บุรุษ อายุสี่สิบปีแล้วไม่มีบุตรถึงจะรับอนุได้ ถึงแม้จวนหลักและซอยจิ่วหรูจะแยกตระกูลกันแล้ว
แต่กฎของบรรพบุรุษนี้ก็ยังใช้อยู่ดังเดิม ถึงแม้นางมีความผิด ก็มิใช่ว่าพูดคุยกันไม่ได้ นอกจากนี้
สะใภ้สือกับนางเป็นสะใภ้ของตระกูลเฉิงเหมือนกัน นางเพียงต้องยืนกรานว่ามิใช่ว่าตนไม่ไปหา
หมอขอยามากิน เพียงแต่กําหนดของสวรรค์เป็นเช่นนี้ สะใภ้ใหญ่สือต้องเห็นใจสงสารนางและยืน
อยู่ข้างเดียวกับนางอย่างแน่นอน นางเพียงต้องการเวลาตั้งตัวสักหน่อย ต่อให้ต้องบีบจมูกอย่าง
รังเกียจนางก็ย่อมหาวิธีร่วมหอกับเฉิงนั่วและให้กําเนิดทายาทชายผู้หนึ่งออกมาได้แน่ ถึงเวลา
เฉิงนั่วอย่าได้คิดว่าจะควบคุมนางได้ ให้อนุผู้นั้นเสียใจที่ไม่เข้าตระกูลเฉิงมาเสียตั้งแต่ตอนนี้
จากนั้นก็ล่อลวงเฉิงนั่วมาอยู่ในกํามือ กล่าวไปกล่าวมา ล้วนเป็นนางที่ก่อนหน้านี้
ประมาทมากเกินไป คิดไม่ได้ว่าคลอดบุตรชายสักคนหนึ่งก่อนแล้วค่อยมีเรื่องกับเฉิงนั่ว ตอนนี้
เรื่องที่เฉิงนั่วเลี้ยงอนุไว้ข้างนอกเปิดเผยไปถึงจวนหลักแล้ว ด้วยนิสัยของจวนหลักแล้วไม่มีทาง
ยอมให้เฉิงนั่วรับอนุอย่างแน่นอน สตรีผู้นั้นเข้าตระกูลเฉิงไม่ได้ คงเป็นได้แค่อนุข้างนอกผู้หนึ่ง
เท่านั้น เหมือนกับอนุข้างนอกของพ่อสามี ต่อให้คลอดบุตรชายสี่คนบุตรหญิงสามคน ก็ยังเป็นอนุ
ข้างนอกเช่นเดิม ไม่อาจเข้าบ้านได้ ต่อให้สมมติว่าจวนหลักให้สตรีผู้นั้นเข้าบ้าน ผู้หนึ่งเป็นภรรยา4904
ผู้หนึ่งเป็นอนุ สตรีผู้นั้นจะได้ตกมาอยู่ในกํามือของนางพอดี อยากให้เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น…
อย่างไรเสียก็ไม่ต่างจากแผนการก่อนหน้านี้ของนางเท่าไรนัก
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นางเสนอว่าให้สตรีผู้นั้นเข้าบ้าน เฉิงนั่วไม่ตอบรับ คงกลัวว่า
นางมีตําแหน่งแล้วจะไม่เป็นผลดีต่อสตรีผู้นั้นกระมัง ไม่รู้ว่านี่เป็นความคิดของเฉิงนั่วหรือว่าเป็น
ความคิดของสตรีผู้นั้นกันแน่
อู๋เป่าจางคิดถึงตรงนี้ ก็บิดผ้าเช็ดหน้าแน่น
รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความคิดของแม่นางคังที่หกเป็นแน่
จากความเข้าใจของนางที่มีต่อเฉิงนั่วแล้ว เขาไม่ได้เฉลียวฉลาดอะไร
มีเพียงสตรีจากตระกูลพ่อค้าผู้นั้นเท่านั้นถึงจะคํานวณได้กระจ่างชัดเช่นนี้
ดูแล้วสตรีผู้นั้นก็มิใช่คนที่จัดการง่ายเลยทีเดียว
อู๋เป่าจางคิดๆ แล้วก็บังเกิดความฮึกเหิมพร้อมสู้รบขึ้นมา
นางไม่เชื่อว่าคนอย่างนางจะควบคุมสตรีจากครอบครัวพ่อค้าไม่ได้
อู๋เป่าจางตะโกนเรียกสาวใช้คนสนิทเข้ามา “ตักนํ้ามาช่วยล้างหน้าแต่งตัวให้ข้า”
นางตั้งใจจะไปหาเฉิงนั่วที่โรงนํ้าชา
สาวใช้รับคําแล้วออกไป
นางเปลี่ยนไปสวมชุดเพ่ยสีแดงเข้มโกเมนเหลือบทองเป็นพิเศษ ผัดหน้าด้วยแป้งบางๆ
แต้มปากด้วยชาด ส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าตัวเองงดงามพริ้งเพราแล้ว ถึงได้ขึ้นเกี้ยวไป
ผู้ใดจะรู้ว่าเฉิงนั่วไม่อยู่ที่โรงนํ้าชา4905
นางขมวดคิ้วมุ่นให้คนไปตามหาเขาที่บ้านของแม่นางคังที่หก
ป้ารับใช้ที่กลับมาเปียกโชกไปทั้งร่าง สีหน้าอับอาย กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “แม่นางคัง
ที่หกกล่าวว่า คุณชายไม่ได้อยู่ที่บ้านนาง…ยังบอกด้วยว่า สะใภ้ใหญ่จัดการคุณชายใหญ่ไม่ได้
แล้วเกี่ยวอะไรกับนางด้วย…สาดนํ้าใส่ตัวบ่าวทั้งร่างเลยเจ้าค่ะ…”
อู๋เป่าจางโกรธจนดวงหน้าแดงกํ่าไปหมด
ไม่เพียงเพราะความหยาบคายของแม่นางคังที่หกเท่านั้น ยังเพราะปากไม่มีหูรูดของป้า
รับใช้ผู้นั้นด้วย เอาถ้อยคําดูถูกดูแคลนนางที่ว่า ‘สะใภ้ใหญ่จัดการคุณชายใหญ่ไม่ได้แล้วเกี่ยว
อะไรกับนางด้วย’ พูดออกมาต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
นางโบกมือให้ป้ารับใช้ผู้นั้นออกไป
ป้ารับใช้ผู้นั้นกลับกล่าวอย่างระทมว่า “สะใภ้ใหญ่ แม่นางคังที่หกผู้นั้นไม่อยากได้หน้า
ขนาดนี้ ท่านยังจะกล่าวสุภาพอะไรกับนางอีก ถึงแม้ท่านจะกล่าวกับนาง เกรงว่านางอาจไม่รู้จัก
ตัวอักษรแม้แต่ตัวเดียว กลัวแต่ว่าจะฟังไม่เข้าใจด้วยซํ้า ข้าว่ามิสู้เรียกคนหามเกี้ยวสตรีเหล่านั้น
มาสักสองสามคน บุกไปตีที่บ้านของแม่นางคังที่หกสักครั้งหนึ่ง ให้นางขายหน้า ให้ตระกูลของ
พวกนางขายหน้า ท่านดูว่าตระกูลคังยังจะเก็บนางเอาไว้อีกหรือไม่ ถึงเวลานางไม่มีที่พึ่งแล้ว จะ
ไม่เข้าตระกูลเฉิงมาอย่างเชื่อฟัง ให้ท่านได้บีบได้คั้นตามใจชอบหรอกหรือเจ้าคะ…”
อู๋เป่าจางใจสะดุดใจ
สิ่งที่ป้ารับใช้ผู้นี้พูดมาไม่ต่างกับความคิดตนเลยแม้แต่นิดเดียว
หรือว่าความคิดของตนนั้นทุกคนต่างรู้กันหมดแล้ว?
สีหน้านางพลันเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองขึ้นมาเล็กน้อย4906
ป้ารับใช้ผู้นั้นมองแล้วลุกขึ้นกล่าวอําลา
อู๋เป่าจางกลับใจกระตุก
ตอนที่พวกเขามาจิงเฉิงนั้นเดิมทีเพียงมาเพื่อร่วมงานแต่งของเฉิงฉือและท่องเที่ยวสัก
รอบหนึ่งแล้วก็กลับไป ไม่คาดคิดว่าจะรั้งอยู่ทําการค้าที่จิงเฉิง นอกจากสาวใช้คนสนิทและบ่าว
ชายสองสามคนแล้ว ก็มิได้พาคนมาด้วยมากมายนัก ต่อมาเฉิงเวิ่นตัดสินใจรั้งอยู่ที่จิงเฉิง
นอกจากเรียกคนใกล้ชิดมาช่วยงานสองคนแล้ว ก็ไม่ได้พาคนมากมายเข้าเมืองหลวงมาด้วย ข้า
รับใช้ปัจจุบันในบ้านล้วนเป็นคนที่จ้างมาใหม่หรือไม่ก็ซื้อมาใหม่ทั้งสิ้น ป้ารับใช้ผู้นี้ก็เป็นหนึ่งใน
นั้นด้วย
ที่ผ่านมาอู๋เป่ าจางไม่ค่อยให้ค่าคนเหล่านี้นัก ความเข้าใจที่มีต่อพวกเขาจึงไม่ได้ลึกซึ้ง
เท่าไร
วันนี้เห็นป้ารับใช้ผู้นี้กระทําการเช่นนี้ นางอดไม่ได้ได้ความคิดหนึ่งขึ้นมา เรียกป้ารับใช้ผู้
นั้นกลับมา ให้สาวใช้ส่งชาจอกหนึ่งให้นาง ยกเก้าอี้ตัวเล็กมาให้ป้ารับใช้ผู้นั้นนั่ง
ป้ารับผู้นั้นทั้งประหม่าและหวาดกลัว
อู๋เป่าจางเองก็ไม่พูดอะไรมากความกับป้ารับใช้ผู้นั้น กล่าวว่า “ข้าดูแล้วเจ้าเองก็เป็นคนมี
ความคิดผู้หนึ่ง ไม่รู้ว่าเรื่องของข้าเรื่องนี้ เจ้าว่าควรจะจัดการอย่างไรดีหรือ”
ป้ารับใช้ที่มักจะเออออผู้นั้นไม่กล้าพูดเล็กน้อย
อู๋เป่าจางจึงตกรางวัลให้ป้าผู้นั้นเป็นก้อนเงินสองก้อน
ดวงตาทั้งสองข้างของป้าผู้นั้นลุกวาว ไม่สนใจอะไรอีก กล่าวว่า “เดิมทีข้าเองก็เป็นแม่นม
ของตระกูลใหญ่มาก่อน เพียงแต่ว่าต่อมาถูกดึงเข้าไปเกี่ยวพันกับปัญหา ถึงได้ถูกไล่ออกมา
รับจ้างเล็กๆ น้อยๆ เลี้ยงชีพตัวเอง หากสะใภ้ใหญ่เชื่อถือข้า ตามความเห็นของข้าแล้ว ตระกูล4907
ท่านเป็นขุนนาง ครอบครัวพวกเขาเป็นประชาชนคนทั่วไป มิสู้เอาของอะไรบางอย่างไปไว้ในบ้าน
ของแม่นางคังที่หกผู้นั้น ถึงเวลาไปฟ้องร้องทางการ ให้ทางการไปค้นหา ไม่ว่าจะหาเจอหรือไม่
ชื่อเสียงของแม่นางคังที่หกผู้นั้นก็นับว่าจบสิ้นแล้ว…หากนางไปขอความช่วยเหลือจากคุณชาย
ใหญ่ ท่านเคยแจ้งแถลงไขต่อหน้าพวกผู้ใหญ่แล้ว ก็ใช้โอกาสนี้หามแม่นางคังที่หกผู้นั้นกลับบ้าน
มาก็ได้แล้ว แต่หากนางไม่ไปขอความช่วยเหลือจากคุณชายใหญ่ ก็ใช้โอกาสนี้แจ้งทางการ จับ
นางเข้าตารางไปเสีย หากคุณชายใหญ่มีใจช่วยนาง พวกผู้ใหญ่ย่อมไม่อาจละเลยหน้าตาของ
ท่านไปช่วยเหลือแม่นางคังที่หกผู้นั้นเป็นแน่ ถึงเวลาคุณชายใหญ่จะไม่มาขอร้องท่านหรอกหรือ
ถึงเวลาจะมิใช่ว่าท่านว่าอย่างไรก็ทําอย่างนั้นแล้วหรอกหรือ”
ความคิดนี้ดียิ่ง!
อู๋เป่าจางลอบไตร่ตรองคนเดียวเงียบๆ แต่ก็รู้ว่าป้ารับใช้ผู้นี้เป็นคนชั่วช้าผู้หนึ่ง เก็บเอาไว้
ก็เป็นรากแห่งหายนะ ต้องหาวิธีไล่ป้ารับใช้ผู้นี้ออกไปถึงจะถูก
นางตกรางวัลให้ป้ารับใช้ผู้นี้เป็นก้อนเงินสองก้อนอีกครั้ง กล่าวว่า “เรื่องนี้ข้ายังมิได้
ตัดสินใจแน่ชัด มามาลําบากแล้ว ให้ข้าไปคิดดูก่อน”
ป้ารับใช้ผู้นั้นหัวเราะฮ่า กล่าวว่า “สตรีและบุรุษนี้เหมือนกัน เข้าห้องหอเสร็จก็โยนแม่สื่อ
ออกไปให้พ้นกําแพงแล้ว”
อู๋เป่าจางมองท่าทางหยาบคายนั่นของนางโดยไม่กล่าวอะไร
อาจเพราะเห็นมามากแล้ว ป้าผู้นั้นก็ไม่กล่าวอะไรเช่นกัน ปล่อยให้สาวใช้เดินนําออกไป
อู๋เป่าจางจึงให้ห้องครัวจัดอาหารและเครื่องดื่มมานั่งรอเฉิงนั่วอยู่ในบ้าน
ถึงเวลาจุดโคมไฟแล้วเฉิงนั่วถึงกลับมา สีหน้าดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย
เห็นอู๋เป่าจางนั่งรอตนอยู่ในห้องโถง เขาอดตกตะลึงไม่ได้4908
อู๋เป่าจางยิ้มพลางเดินเข้าไปตะโกนเรียกให้สาวใช้เด็กตักนํ้ามาให้เฉิงนั่ว ปรนนิบัติเฉิงนั่ว
เปลี่ยนอาภรณ์ด้วยตัวเอง
เฉิงนั่วตกใจเป็นอย่างมาก จับสาบเสื้อปิดไว้พลางกล่าว “มีเรื่องอะไรเจ้าพูดมาตามตรงก็
พอ ข้าจะทําเอง!”
ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่เสแสร้งไม่เป็นเลยจริงๆ!
อู๋เป่ าจางมองแล้วก็ร้อง “หึ” อยู่ในใจเสียงหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “เมื่อก่อนข้าก็เคยปรนนิบัติ
ท่านเปลี่ยนอาภรณ์มาก่อนมิใช่หรือ เหตุใดเวลานี้กลับไม่คุ้นชินขึ้นมาเสียเล่า”
แม้แต่ตอนที่พวกเขาแต่งงานกันใหม่ๆ นางก็แค่ช่วยเปลี่ยนอาภรณ์ให้คล้ายเป็นการไล่
ตนออกไปเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น…ผู้ใดจะดูท่าทางเสแสร้งแกล้งทํานั่นของนางไม่ออกกัน
หลังจากที่เฉิงนั่วต่อว่าอยู่ในใจไปเล็กน้อยแล้ว ก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าคุ้นชินกับการทําทุก
อย่างด้วยตัวเองแล้ว ข้าทําเองดีกว่า”
ยืนกรานจะเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตัวเอง
อู๋เป่าจางยิ่งเดือดดาลมากขึ้น
เขากลัวอะไร
พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน
ต่อให้พวกเขานัวเนียกันกลางวันแสกๆ ขอเพียงเฉิงเวิ่นไม่สนใจ ผู้ใดยังจะกล้าว่าอะไรให้
มากสักประโยคกัน
เห็นได้ชัดว่าเฉิงนั่วมิได้คิดเช่นนี้ เขาวิ่งเข้าไปในห้องอาบนํ้าอย่างรวดเร็วดุจควัน ยังลง
ดาลประตูเสียงดัง ปัง อีกด้วย ตอนกลางคืนยิ่งแล้วใหญ่อ้างว่ามีธุระไปนอนที่ร้านค้าแทน4909
อู๋เป่าจางจึงให้คนจับตาดูเฉิงนั่วไว้
บางครั้งเฉิงนั่วนอนในร้าน บางครากลับไม่รู้ว่าไปไหน
นางจําต้องวิ่งไปร้องไห้ที่จวนหลักอีกครั้งหนึ่ง
หยวนซื่อปลอบโยนนางว่า “ให้ท่านลุงใหญ่ของเจ้าไปคุยแล้ว ท่านลุงใหญ่ของเจ้าบอกว่า
สองวันนี้เขามีธุระนิดหน่อยพอดี รอถึงวันหยุดนี้แล้วจะเชิญพ่อสามีของเจ้ามาที่นี่”
อู๋เป่าจางกลับไปอย่างผิดหวัง
ค้นพบว่าเสื้อผ้าและของใช้ของเฉิงนั่วหายไปเป็นจํานวนมาก
นางโกรธจนตะโกนเรียกพ่อบ้านของที่บ้านมาสอบถามในทันที
พ่อบ้านผู้นั้นกล่าวอย่างลําบากใจว่า “คุณชายใหญ่บอกว่าหลายวันก่อนได้คุยกับกลุ่ม
พ่อค้าที่มาจากตะวันตกไว้เรียบร้อยแล้ว จะไปกับขบวนม้าขนสินค้า อีกสองสามเดือนถึงจะ
กลับมาขอรับ”
รอเขากลับมา ก็สายเกินกว่าจะทําอะไรแล้ว
เห็นได้ชัดว่าหยวนซื่อไม่อยากยุ่ง
อู๋เป่ าจางกัดฟันกรอด กลับห้องไปก็เรียกป้ารับใช้ผู้นั้นมาคุยด้วย หยิบปิ่นปักผมทองคํา
ลายนกเฟิ่ งออกมาจากสินเดิมของตนสองชิ้น กําไลทองคํามันวาวหนึ่งคู่ และจี้หยกเหอเถียนแห่ง
ความสุขชิ้นหนึ่งยื่นส่งให้ป้าผู้นั้น “เรื่องนี้คงต้องขอให้มามาออกหน้าให้แล้ว เรื่องสําเร็จแล้วจะ
ตอบแทนให้ต่างหากอย่างงาม”4910
ป้ารับใช้ผู้นั้นรับคําด้วยความยินดี ไม่รู้ว่าใช้วิธีการอะไร เอาเครื่องประดับเหล่านั้นยัดใส่
เข้าไปในหีบสมบัติของแม่นางคังที่หก แล้วก็ไปแจ้งทางการ ยุยงให้คนเอาของกลับมา พาคนของ
ที่ว่าการไปตรวจสอบเทียบกับรายการสินเดิมของอู๋เป่าจาง ทําให้แม่นางคังที่หกผู้นั้นถูกจับ
เวลานี้ทําให้แตนแตกรังจริงๆ แล้ว
เฉิงนั่วรีบออกหน้าไปปิดคดีให้ กลับมาก็ทุบตีอู๋เป่าจาง
สาวใช้คนสนิทสองคนของอู๋เป่าจางปกป้องนายอย่างจงรักภักดี กอดเอวของเฉิงนั่วเอาไว้
อู๋เป่าจางถึงได้หนีออกมาได้ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร นางก็บากหน้าที่เขียวชํ้าไปที่ซอยซิ่งหลิน
เฉิงเวิ่นเพิ่งกลับมาจากทงโจว ทําการค้าไม่ใหญ่ไม่เล็กสําเร็จไปหนึ่งชิ้น กําลังดีใจอยู่ใน
ใจก็ถูกเฉิงจิงเรียกไปหา
ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนกําลังดื่มสุราพูดคุยกันอยู่ พ่อบ้านของร้านขายใบชาก็กระหืด
กระหอบเข้ามาโดยการนําของบ่าวชายของตระกูลเฉิง กล่าวขึ้นว่า “นายท่านใหญ่ นายท่านห้า
แย่แล้วขอรับ คุณชายใหญ่และสะใภ้ใหญ่ตบตีกัน แม่นางคังที่หกผู้นั้นถูกจับเข้าคุกหลวง คุณชาย
ใหญ่ของพวกเราไปช่วยออกมาขอรับ”
เฉิงจิงและเฉิงเวิ่นต่างตะลึงงันไปหมด ให้พ่อบ้านผู้นั้นหายใจครู่หนึ่ง ค่อยๆ พูด ถึงได้รู้ว่า
เกิดเรื่องอะไรขึ้น
เพียงแต่ว่ายังไม่ทันที่พวกเขาทั้งสองคนจะได้ตอบสนองอะไร ก็มีสาวใช้เด็กก้าวเข้ามา
อย่างรวดเร็ว กล่าวรายงานว่า “สะใภ้ใหญ่นั่วมาหา ฮูหยินเชิญนายท่านกลับไปพูดคุยที่เรือน
ชั้นในเจ้าค่ะ”
เวลานี้เฉิงเวิ่นรู้สึกอิดหนาระอาใจเล็กน้อย4911
เจ้าว่าสามีภรรยานี้จะทะเลาะก็ทะเลาะกันไป จะหึงหวงก็หึงหวงกันไปก็พอแล้ว นี่สร้าง
เรื่องวุ่นวายมาถึงจวนหลักของลุงใหญ่ที่เป็นถึงขุนนางใหญ่ในราชสํานักหมายความว่าอย่างไรกัน
แน่
เขาวางจอกเหล้าลงลุกตามขึ้นมาด้วย กล่าวว่า “ก็มิใช่คนอื่นไกล ข้าไปดูด้วยก็แล้วกัน”
เดิมทีที่เฉิงจิงเรียกเฉิงเวิ่นมาก็เพราะอยากเตือนเฉิงเวิ่นว่าไม่ต้องสร้างเรื่องวุ่นวาย ส่วน
เรื่องจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรนั้น เขาไม่คิดจะสอดมือเข้าไปยุ่ง ในเมื่อเฉิงเวิ่นอยากไปดูด้วย เรื่องนี้
ก็มอบหมายให้เขาเป็นคนจัดการก็แล้วกัน จะว่าอย่างไรเขาก็เป็นแค่ลุงคนหนึ่งเท่านั้น บิดาของ
เฉิงนั่วอยู่ด้วย จะถึงคราวให้เขาต้องไปชี้มือชี้ไม้จัดการได้อย่างไร จะได้ใช้โอกาสนี้คุยกับเฉิงเวิ่น
ให้ชัดเจนด้วยพอดี หลีกเลี่ยงไม่ให้เรื่องเล็กน้อยอย่างขนไก่เปลือกกระเทียมวุ่นวายออกไปเช่นนี้
เมืองหลวงไม่เหมือนที่อื่น ทุกคนต่างได้ยินถึงหกถนนมองเห็นกว่าแปดด้านกันทั้งนั้น ให้ตระกูล
ที่มาจากเจียงหนานอื่นๆ รู้เข้าคงเป็นเหตุให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะแน่
ทั้งสองคนไปที่เรือนชั้นในพร้อมกัน