ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 530 เสน่หารักใคร่
นํ้าอุ่นที่ร้อนกว่าอุณหภูมิผิวหนัง อบอวลไปด้วยกลิ่นหอม ยังมีมือที่อบอุ่นอ่อนนุ่มอยู่
ด้านหลัง…สบายจนทําให้เฉิงฉือหลับตาพริ้ม
ผิวหนังที่โผล่พ้นเสื้อผ้าล้วนถูกแผดเผาจนเป็นสีนํ้าผึ้ง ทว่าผิวและกล้ามเนื้อบนร่างกาย
กลับยังคงกระจ่างใสเป็นยองใย ขาวเนียนดุจหยกดังเก่า
โจวเสาจิ่นอดไม่ได้เลิกแขนเสื้อขึ้นใช้แขนของตัวเองเทียบกับสีผิวของเฉิงฉือ…คล้ายกับ
ว่าจะเข้มกว่าสีผิวของนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม
เฉิงฉือที่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติหรี่ตาขึ้น เก็บภาพความซุกซนของโจวเสาจิ่นเอาไว้
หัวใจของเขากระตุก นั่งตัวตรงขึ้นมาเกี่ยวลําคอของโจวเสาจิ่น
โจวเสาจิ่นตกใจ ซวนเซล้มเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเฉิงฉือ
เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่มไปด้วยนํ้าอย่างรวดเร็ว
“เสาจิ่น ขขอโทษ” เฉิงฉือมองสบดวงตาของนาง ในดวงตาฉายความรู้สึกผิด “ข้าคิดว่า
จะปิดงานได้อย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะยุ่งยากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ ตอนเจ้าคลอดลูกข้าก็
ไม่ได้อยู่ข้างๆ…”
“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นมองดวงหน้าหล่อเหลาของเขา หัวใจเต้นตึกๆ อย่าง
รุนแรง หัวสมองราวกับถูกรมด้วยควันร้อนจนฟุ้งซ่านไปแล้ว ไม่อาจไตร่ตรองอะไรได้ “ท่านแม่
ดูแลข้าอย่างดี ยังมีพี่สะใภ้รองอีก ตอนคลอดอวิ้นเกอเอ๋อร์ นางอยู่เป็นเพื่อนในห้องคลอดโดย
ตลอด ยังสอนข้าว่าควรให้นมลูกอย่างไรอีกด้วย…ยังมีพี่สาว ได้รับจดหมายแล้วก็เร่งมาหา
ในทันที…ฮูหยินกับท่านพ่อเองก็ให้คนนําอาหารเสริมอย่างโสมคน รังนกและเห็ดหิมะต่างๆ มาให้
…ยังบอกด้วยว่าตอนวันครบรอบร้อยวันของอวิ้นเกอเอ๋อร์จะพาน้องชายมาเยี่ยมข้าด้วย…”
4921
ยิ่งอยู่เสียงของนางก็ยิ่งเบาลง…ยิ่งอยู่ใบหน้าของเฉิงฉือก็ยิ่งใกล้นางเข้ามาเรื่อยๆ…ยิ่งอยู่
หัวใจของนางก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น…
สุดท้ายเฉิงฉือจุมพิตริมฝีปากแดงที่ทําให้เขาเฝ้าฝันถึงนั่น
ลื่นละมุนและนุ่มนวลราวกับไข่ตุ๋นเนื้อนิ่ม ทําให้เฉิงฉือหลับตาพริ้ม แล้วก็อดไม่ได้ที่จะ
กลืนกินนางอย่างดุดัน…
โจวเสาจิ่นรู้สึกว่าเรี่ยวแรงกายล้วนถูกเฉิงฉือสูบเอาไปหมดแล้ว จนกระทั่งหน้าอกถูกถัง
ไม้ทิ่มแทงจนรู้สึกเจ็บขึ้นมา นางถึงได้สติคืนกลับมา พยายามจะผลักเขาออก
เฉิงฉือยังคงอ้อยอิ่งอยู่อีกหลายอึดใจกว่าจะปล่อยนาง
โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างขัดเขินว่า “ถังไม้ ทิ่มแทงข้าแล้วเจ้าค่ะ…”
เฉิงฉือหัวเราะลั่น
ความสุขกระโจนเข้าใส่ดวงตาของเขาในชั่วพริบตา ฉายแสงเปล่งปลั่งอยู่บนใบหน้าของ
เขา
“เช่นนั้นก็อาบนํ้าเป็นเพื่อนข้าสักครั้ง” ขณะที่เขากล่าว ก็ลุกขึ้นดึงโจวเสาจิ่นเข้ามาในถัง
นํ้า
“ไม่ได้เจ้าค่ะไม่ได้!” โจวเสาจิ่นนึกถึงว่าตนยังสวมเสื้อผ้าอยู่
“มีอะไรที่ไม่ได้หรือ” เฉิงฉือกล่าวพร้อมกับย่นคิ้วขึ้น ดวงหน้าที่เดิมทีเคร่งขรึมสุขุมดูเจ้า
เล่ห์ขึ้นมาเล็กน้อย ทําให้ยิ่งอยู่ดวงหน้าของเขาก็ยิ่งสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ท่านน้าฉือช่างหล่อเหลาจริงๆ!
โจวเสาจิ่นมองเขาด้วยความหลงใหลอยู่หลายส่วน
4922
เฉิงฉือย่นคิ้วขึ้น สัตว์ร้ายตัวน้อยที่ซุกซ่อนอยู่ในใจราวกับต้องการจะกระโจนออกมา
เขาจัดการโยนชุดที่เปียกชื้นของโจวเสาจิ่นลงพื้นไปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว กระทั่งรู้สึก
เย็นเล็กน้อยบริเวณผิวที่ชื้นไปด้วยนํ้า นางถึงได้รู้สึกตัว
“ไม่ได้เจ้าค่ะไม่ได้!” โจวเสาจิ่นหน้าแดงกํ่า แขนทั้งสองข้างกอดลําตัวที่สวมเพียงเอี๊ยมสี
ม่วงปักดอกซิ่วฉิว289
1
สีชมพูดอกใหญ่ไว้
ประเดี๋ยวตอนที่สาวใช้มาเก็บกวาดของเห็นสภาพเช่นนี้แล้วจะคิดอย่างไร
ต่อไปนางจะพบหน้าผู้คนได้อย่างไร
แต่นางและเฉิงฉือกลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากแยกจากกันมานาน เฉิงฉืออยู่ที่ไคเฟิ ง
ลําบากขนาดนั้น หากนางปฏิเสธเขา จะทําให้เขาไม่พอใจหรือไม่
จะซ้ายหรือขวาโจวเสาจิ่นล้วนลําบากใจ เฉิงฉือโน้มตัวมาข้างหน้า แนบหน้าผากลงกับ
หน้าผากของนาง ถามนางเสียงแหบตํ่าว่า “เสาจิ่น ข้าอยู่ที่โน่นล้วนเฝ้าหวังให้ได้กลับมาเร็วสัก
หน่อยทุกคํ่าคืน เจ้าเคยคิดถึงข้าหรือไม่”
เสียงที่ตั้งใจกดให้ตํ่าลงนั้นอ่อนหวานกลมกล่อมทว่ากลับล่อลวงให้คนลุ่มหลงมึนเมา
โจวเสาจิ่นดื่มดํ่าลุ่มหลงอยู่ในนั้น กล่าวอย่างโง่งมว่า “คิดถึงเจ้าค่ะ คิดถึงท่านน้าฉือทุก
วัน” ขณะที่กล่าว นํ้าตาก็ไหลลงมาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง “คิดว่าท่านน้าฉือกําลังทําอะไรอยู่
คิดถึงข้าหรือไม่ การงานมีอุปสรรคหรือไม่ จะทํางานทั้งวันทั้งคืนหรือไม่…”
สายตาที่ลุ่มหลงนั่นราวกับสุราเก่าแก่ชั้นยอด ทําให้เฉิงฉือรู้สึกมึนเมาเล็กน้อยแม้ยังไม่ได้
ดื่มก็ตาม
1 ดอกซิ่วฉิว ดอกไฮเดรนเยีย
4923
“เด็กโง่!” เขากอดนางไว้ในอ้อมกอดแน่น กระโจนร่างเข้าสู่หุบเขาแห่งดอกไม้นั่น
“อื้อ!” ครวญเสียงตํ่า ถูกเฉิงฉือทําให้จุก ทว่าเจ็บจนทําให้โจวเสาจิ่นเบิกดวงตากว้าง
เฉิงฉือหัวเราะเสียงตํ่า ใช้ฝ่ ามือปิดตานาง กัดใบหูที่ทําให้นางตื่นตัวมากที่สุดพร้อมกับ
กระซิบเสียงเบาว่า “หลับตาเสีย!”
โจวเสาจิ่นอายหน้าแดง
นางกลัวเหลือเกินว่าจะเห็นสีหน้าที่แฝงรอยหยอกเย้าเอาไว้หลายส่วนของเขา
คล้ายกับว่ามองความปรารถนาในใจนางที่มีต่อเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งก็ไม่ปาน
แต่หลับตาไว้เช่นนี้ ความรู้สึกช่วงล่างของร่างกายกลับยิ่งเด่นชัดขึ้นมา
ขยายตัวบวมคับแน่น รู้สึกเจ็บเล็กน้อย…ทําให้นางนึกถึงลําโป่งพองนั่นยามเขานิ่งสงบ
หากเขากําลังดีใจมีความสุข เกรงว่าคงยิ่งทําให้คนตกใจมากขึ้นกระมัง
โจวเสาจิ่นหน้าร้อนผ่าว ร่างกายอ่อนปวกเปียกไปกว่าครึ่ง คล้ายกับแหนพืชลอยนํ้าที่
เกาะอยู่บนตัวเขาชั่วคราว เขาขึ้นลงก็ขึ้นลงตามเขา เขามีความสุขก็มีความสุขตามเขา เขาบ้า
คลั่งก็บ้าคลั่งตามเขา…กระทั่งนางทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว คว้าจับแขนหนาแข็งแรงของเขาไว้
พร้อมกับสะอื้นไห้ออกมาเบาๆ
“เสาจิ่น เสาจิ่น” นํ้าเสียงเป็นกังวลเล็กน้อยของเฉิงฉือดังขึ้นที่ข้างหูนาง
นางเงยหน้าขึ้นมาอย่างงงงวย ราวกับลูกแมวหลงทาง มองแล้วหัวใจของเขากระเพื่อม
เป็นระลอกคลื่น จึงกัดใบหูของนางอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวว่า “เด็กดี รู้สึกไม่สบายตัวใช่หรือไม่”
โจวเสาจิ่นพยักหน้า
4924
ของบวมเป่งในร่างถอยออกไป
แล้วนางก็ส่ายศีรษะอีก
ท่านน้าฉือไปไหนแล้ว…
นางยื่นแขนไปหาเฉิงฉือ ขานเรียกอย่างออดอ้อนว่า “ท่านน้าฉือ”
ดวงหน้าของเฉิงฉือดํามืดเล็กน้อย
แต่เมื่อเห็นโจวเสาจิ่นที่โผเข้ามากอดเขาแน่นประหนึ่งลูกนกหัดบินในป่านั่นแล้ว จากก้น
บึ้งในใจของเขาก็รู้สึกบ้าคลั่งและใจสั่นระรัวอย่างอธิบายไม่ได้ขึ้นมา
“เสาจิ่น” เขาเรียกนางเบาๆ สอดลึกเข้าไปในร่างของนาง “ข้าคือใคร”
โจวเสาจิ่นรู้สึกร่างคับแน่น กล่าวหายใจติดขัดอย่างมึนๆ งงๆ ว่า “นายท่านสี่…จื่อชวน…
ท่านน้าฉือ…”
“ท่านน้าฉือหรือ” ลมหายใจของเฉิงฉือสั้นแต่ก็หอบหนัก
“ท่านน้าฉือ…” โจวเสาจิ่นครางอย่างออดอ้อนอยู่ในภวังค์
คนที่ปกป้องนาง รักนาง และใส่ใจนางผู้นั้น…
อดีตที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เหล่านั้นค่อยๆ วาบผ่านเข้ามาในหัวสมองของเฉิงฉืออย่างเลือน
รางทีละอย่างๆ
บางที ในใจของนางนั้นเขาเป็นท่านน้าฉือของนางอยู่ตลอด ไม่เกี่ยวกับสถานะ ไม่
เกี่ยวกับความรัก เป็นเพียงคนที่ทําให้นางใจสั่นระรัวได้ผู้นั้นเท่านั้น
4925
มุมปากของเฉิงฉือค่อยๆ แย้มรอยยิ้มหนึ่งออกมา รองด้วยผ้าผืนหนึ่ง ให้โจวเสาจิ่นที่ตัว
อ่อนปวกเปียกพาดกับถังไม้ เข้าไปในร่างของนางจากด้านหลัง
โจวเสาจิ่นสั่นระริกไปครั้งหนึ่ง ทําให้เฉิงฉือเกือบจะปลดปล่อยจนเสร็จ
เฉิงฉือตบสะโพกทรงลูกท้องอนงามขาวดุจหิมะของนางเบาๆ จุมพิตหัวไหล่นวลเนียน
กลมกลึงของนาง ท่องเที่ยวอยู่กลางดอกไม้นั่นอย่างดุดันไม่หักห้ามใจ
พอไม่มีอ้อมกอดที่อบอุ่น ไม่ได้กลิ่นลมหายใจที่คุ้นเคยแล้ว โจวเสาจิ่นรู้สึกหวาดกลัว
เล็กน้อย นางเรียก “ท่านน้าฉือ” อย่างร้อนรน
เฉิงฉือขานตอบที่ข้างหูนางเสียงหนึ่ง กล่าวพึมพําอยู่ข้างหูนางว่า “ข้าอยู่ตรงนี้ หลับตา
เสีย ข้าอยู่ในตัวเจ้า!”
นํ้าเสียงที่อบอุ่นของเขาปลอบโยนให้ความรู้สึกตื่นตระหนกของนางสงบลง
ยิ่งอยู่นางก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงตัวตนของเขา…ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง…ใจก็ค่อยๆ สงบลง
มา…ลุ่มหลงอยู่ในนั้น…
เฉิงฉือลูบไล้เส้นผมที่เปียกชื้นแล้วดูหนักเล็กน้อยนั้นอย่างรักใคร่
นางแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ช่วยดูแลมารดาให้เขาเพียงลําพัง ช่วยคลอดลูกให้เขาเพียงลําพัง และอดทนกับคํ่าคืน
ยาวนานอันไม่รู้จบเพียงลําพัง…ก็เหมือนกับศิลาใหญ่ที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าฝนตกลมพัด นางก็มักจะ
รอเขาอยู่ตรงนั้นเสมอ
เขาฝังตัวเข้าไปในร่างของนางลึกๆ ดมกลิ่นของนางอย่างไม่รู้จักพอ
เสาจิ่นอยู่กับเขา ไม่คิดเรื่องในอดีตอีกแล้ว
4926
พวกเขาจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
จะจับมือกันไป อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า…
“เสาจิ่น!” เขาเรียกชื่อนาง งับติ่งหูนางไว้ในปาก
โจวเสาจิ่นไม่รู้ว่าร่างกายอยู่ที่ไหนไปนานแล้ว
นางขานตอบเขาเสียงอืออา
เสียงเบาดุจแม่แมว ตะปบหัวใจเฉิงฉือให้รู้สึกจักจี้ลุ่มหลง
กระทั่งพวกเขาแต่งตัวเสร็จเดินไปที่ลานทิงเซียง ห้องครัวเทอาหารทิ้งไปสองครั้งแล้ว
ดวงหน้าของอวิ้นเกอเอ๋อร์แต้มไปด้วยนํ้าตาเม็ดใหญ่ สะอึกไปด้วย กินนมของแม่นมอ
ย่างไม่ชอบใจไปด้วย
โจวเสาจิ่นที่ถูกเฉิงฉือลากเข้ามาไหนเลยจะกล้ามองฮูหยินผู้เฒ่ากัว อยากให้มีรอย
แผ่นดินแยกสักรอยหนึ่งให้นางมุดลงไปเหลือเกิน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฝืนสะกดกั้นรอยยิ้มเอาไว้ ชี้ไปที่โต๊ะบนเตียงเตา “นั่งลงมากินข้าวเถอะ!”
เฉิงฉือนั่งลงอย่างสงบสบายๆ เป็นธรรมชาติ
โจวเสาจิ่นกลับเหมือนกับนั่งอยู่บนเบาะเข็ม
อวิ้นเกอเอ๋อร์ยิ่งแล้วใหญ่คล้ายกับแม่ลูกมีหัวใจผูกกันอยู่ก็ไม่ปาน คายหัวนมของแม่น
มออกร้องไห้เสียงดังออกมา
4927
โจวเสาจิ่นรีบไปรับอวิ้นเกอเอ๋อร์ กล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวและเฉิงฉือเสียงเบาหึ่งประหนึ่ง
เสียงเสียงยุงว่า “ข้าไปให้นมอวิ้นเกอเอ๋อร์ก่อนนะเจ้าคะ!” จากนั้นดูคล้ายกับวิ่งหนีออกไปด้าน
นอก
ทว่าภายในห้องกลับมีเสียงเรียบๆ ของฮูหยินผู้เฒ่ากัวดังออกมาว่า “โชคดีที่อาหารส่วน
ของหลานชายข้ายังอยู่”
หมายความว่าอย่างไร?
ครู่ใหญ่โจวเสาจิ่นถึงได้เข้าใจ
อับอายจนรีบลอดศีรษะเข้าไปในห้องขนาบข้างที่อยู่ข้างๆ
เฉิงฉือกลับสบายๆ คล้ายกับกําลังคุยว่าอากาศวันนี้เป็นอย่างไรบ้างอยู่ก็ไม่ปาน สั่งให้
พวกสาวใช้ตั้งโต๊ะอาหาร
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะฮ่าดังลั่นออกมา
โจวเสาจิ่นร้อนระอุไปทั้งร่าง
“พวกเจ้ารักใคร่กัน ข้าก็วางใจแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติเล็กน้อย
“อายุเท่าข้านี้ หวังเพียงให้บ้านสงบสุข บุตรหลานปรองดอง สะใภ้กตัญ�ูเท่านั้นแล้ว…พวกเจ้า
เป็นเช่นนี้ ช่างดียิ่งๆ บ้านเรือนจะสงบสุขได้ เงื่อนไขแรกคือสามีภรรยารักใคร่กัน…”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างหลักแหลมและจริงใจ
อาการหน้าแดงของโจวเสาจิ่นจางหายไปเล็กน้อย
เฉิงฉือกล่าว “พรุ่งนี้เช้าข้าต้องเข้าวังไปพบองค์ฮ่องเต้กับใต้เท้าจาง ประเดี๋ยวต้องไปจวน
ของใต้เท้าซ่งสักครั้งหนึ่ง ให้เสาจิ่นเตรียมยาบํารุงให้ข้าสักหน่อย ช่วงนี้นายท่านผู้ซ่งเฝ้าอยู่ข้าง
4928
เขื่อนกั้นนํ้าตลอด แต่เนื่องจากเป็นคนมีอายุแล้ว ตอนเดินทางกลับมาคล้ายกับจะรับไม่ค่อยไหว
เล็กน้อย ประเดี๋ยวข้าจะไปเยี่ยมนายท่านผู้เฒ่าด้วยพอดี”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเองก็เป็นคนมีอายุแล้ว จึงเข้าใจความรู้สึกของร่างกายเป็นที่สุด ได้ยินแล้ว
รีบกล่าวว่า “เป็นหนักหรือไม่ เชิญท่านหมอไปดูอาการหรือยัง”
“แม้จะเชิญหมอแล้ว แต่ก็เป็นเพียงหมอตามหมู่บ้านเท่านั้น” เฉิงฉือกล่าวอย่างเป็นกังวล
ใจเล็กน้อย “เกรงว่าต้องเชิญหมอหลวงไปดูสักหน่อยถึงจะดี”
“เช่นนั้นเจ้ารีบไปเถิด” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวเร่ง “ที่ข้ายังมีสมุนไพรเทียนหมาชั้นดีอยู่
เล็กน้อย ถึงเวลาเจ้าเอาไปด้วยก็แล้วกัน”
โจวเสาจิ่นเองก็ไม่กลัวอายแล้ว หลังจากให้นมอวิ้นเกอเอ๋อร์เสร็จ ก็ช่วยเตรียมยาบํารุงให้
เฉิงฉือนําไปให้นายท่านผู้เฒ่าซ่ง
เฉิงฉือจับมือของนางไว้พลางกล่าว “เจ้าดู ท่านแม่เห็นพวกเราเป็นเช่นนี้จึงดีใจเป็นอย่าง
มากมิใช่หรือ ข้ามิได้พูดผิดใช่หรือไม่!”
โจวเสาจิ่นจึงใช้โอกาสนี้คาดโทษเขาครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “อย่างไรก็ตามหากท่านทําเช่นนี้
อีก ข้า…ข้า…ข้าจะแยกห้องนอนกับท่าน”
เฉิงฉือมองนางที่ข่มขู่ตนอย่างไม่จริงจังนั่นแล้ว ก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ กอด
นางเอาไว้จุมพิตกันอีกกว่าครึ่งค่อนวัน
ข้ารับใช้ข้างๆ ล้วนก้มหน้าลงพร้อมถอยออกไปทุกคน
เฉิงฉือกดกําปั้นทั้งสองของโจวเสาจิ่นเอาไว้
ทั้งสองคนเล่นอึกทึกครึกโครมกันครู่ใหญ่ถึงได้สงบลง
4929
โจวเสาจิ่นกล่าวขึ้นอย่างลังเลว่า “อยากให้ข้าตามท่านไปหานายท่านผู้เฒ่าซ่งด้วย
หรือไม่เจ้าคะ”
จะว่าไปแล้ว ขุนนางใหญ่ซ่งช่วยเหลือพวกเขาไว้ไม่น้อย
“เจ้าเหนื่อยหรือไม่” เฉิงฉือรู้ว่าโจวเสาจิ่นชอบทําพวกงานเย็บปักและคัดพระธรรมอยู่ใน
บ้าน จึงไม่ได้คิดจะให้นางออกหน้าไปเข้าสังคมข้างนอก กล่าวว่า “หากรู้สึกเหนื่อยก็นอนอยู่บ้าน
เป็ นเพื่อนอวิ้นเกอเอ๋อร์สักงีบเถอะ ขุนนางใหญ่ซ่งและครอบครัวของพวกเราก็นับว่ามี
ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ข้าไปคนเดียวก็ได้!”