ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 534 ตอแย
เฉิงฉือจึงบีบจมูกนาง กล่าวว่า “อะไรที่เรียกว่าพ่อสามีเหมือนข้าหรือไม่ มิใช่ควรจะเป็น
ข้าเหมือนท่านพ่อของข้าหรือไม่หรอกหรือ”
โจวเสาจิ่นหัวเราะอย่างขัดเขิน
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ข้าและท่านพ่อข้าหน้าตาคล้ายกันเล็กน้อยอยู่แล้ว พวกข้า
สามพี่น้องเองก็บอกไม่ได้ว่าเหมือนท่านแม่ข้ามากกว่าหรือว่าเหมือนท่านพ่อข้ามากกว่า ที่พวก
เขาพูดกันว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์เหมือนท่านพ่อข้า นั่นคงหมายถึงอารมณ์ของเขาเหมือนท่านพ่อข้า
กระมัง ว่ากันว่าท่านพ่อข้าอารมณ์ร้อนยิ่งนัก คนในบ้านต่างกลัวเขาทั้งนั้น แต่บางทีอาจมีส่วน
เกี่ยวข้องกับท่านปู่ของข้า เวลานั้นท่านปู่ของข้าไม่ค่อยสนใจอะไรสักเท่าใด แต่ที่น่าแปลกก็คือใน
ความทรงจําของข้านั้นเขาเป็นคนอารมณ์ดีอยู่ตลอด ไม่ว่าข้าทําอะไรก็เพียงฮึดฮัดข่มขู่ข้าคํารบ
หนึ่งเท่านั้น บอกว่าจะตีข้าก็เพียงถือหวายหรือไม่ก็ไม้เรียวมาข่มขู่เท่านั้น”
โจวเสาจิ่นรู้ว่า เนื่องจากตอนที่ท่านปู่ ของเฉิงฉือเกิดนั้นได้รับความยากลําบาก สมองจึง
ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ต่อมาที่จวนหลักยืนหยัดขึ้นมาได้ ต้องชื่นชมเฉิงซวินที่รับผิดชอบดูแล
ครอบครัวมาได้อย่างดี
นางอดไม่ได้กอดแขนเฉิงฉือไว้ กล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราจะ
เหมือนพ่อสามีหรือไม่เจ้าคะ ที่เมื่อโตขึ้นไปแล้วเป็นคนที่ดูแลครอบครัวได้ผู้หนึ่ง”
บิดามารดามองบุตรของตัวเอง ไม่ว่ามองอย่างไรก็เห็นว่าดีไปหมด รู้สึกว่าเมื่อโตขึ้นไป
แล้วต่อให้เป็นการเข้ารับตําแหน่งในราชสํานักก็มิใช่เรื่องยากอะไร
เฉิงฉือหัวเราะฮ่า กอดโจวเสาจิ่นไว้อย่างรักใคร่4957
ไกลออกไปที่ประตูซีจื๋ออู๋เป่ าจางนอนพิงหัวเตียงฟังเสียงตีกลองบอกเวลายามสาม ไม่
รู้สึกง่วงเลยแม้แต่นิดเดียว
นางคิดไม่ถึงว่าเฉิงนั่วจะดื้อดึงขนาดนี้ ไม่ว่าใครมาเกลี้ยกล่อมเขา เขาก็พูดเพียงประโยค
เดียวว่า ข้าต้องการขับไล่ภรรยา
เพื่อเรื่องนี้แล้ว พ่อสามีถึงกับหยิบหวายมาเฆี่ยนเขาไปคํารบหนึ่ง แต่เขาก็ดี ตอบพ่อสามี
ไปประโยคหนึ่งว่า กฎของตระกูลเฉิงบอกว่า บุรุษอายุสี่สิบปีแล้วไม่มีบุตรถึงรับอนุได้ ท่านเองก็
เลี้ยงอนุข้างนอกไว้ผู้หนึ่งมิใช่หรือ ท่านเอาอะไรมาว่าข้า ทําให้พ่อสามีสะอึกอยู่ตรงนั้นพูดอะไรไม่
ออก
เรื่องนี้ช่างยุ่งยากวุ่นวายจริงๆ!
อู๋เป่าจางคิด พลางตะโกนเรียกสาวใช้มารินนํ้าให้นางจอกหนึ่ง
ดื่มนํ้าแล้ว นางรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้ว
นางส่งจดหมายด่วนกลับไปที่จินหลิง ตามหลักแล้วจดหมายของสะใภ้ใหญ่สือเจิ้งซื่อ
ทางด้านโน้นก็น่าจะมาถึงแล้ว หรือว่าทางด้านโน้นจะมีเรื่องอะไรทําให้ล่าช้า?
แม้ในความฝันอู๋เป่าจางก็คิดไม่ถึงว่าคนที่ดูแต่งตัวธรรมดาสามัญ หน้าตาเพียงนับได้ว่า
งดงามอย่างแม่นางคังที่หกผู้นั้นจะเป็นแม่ค้าที่รํ่ารวยผู้หนึ่ง
นางรู้สึกอยู่รางๆ ว่า ที่เฉิงนั่วยืนกรานจะขับไล่นางให้ได้นั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่นางคัง
ที่หกผู้นั้น
เมื่อก่อนเฉิงนั่วเป็นคนที่พึงพอใจแค่ในสิ่งที่ตัวเองทําได้และไร้ความทะเยอทะยานผู้หนึ่ง
อู๋เป่าจางครุ่นคิด ตัดสินใจไปคุยกับเฉิงนั่ว4958
เฉิงนั่วถูกเฆี่ยน หลังเต็มไปด้วยบาดแผล ทําได้เพียงนอนควํ่าอยู่บนเตียง
เห็นอู๋เป่าจางเข้ามา เขาไม่อยากแม้แต่จะปรายตามองด้วยซํ้า
อู๋เป่ าจางนั่งลงตรงหัวเตียง ก้มหน้าลง กล่าวเสียงเบาว่า “สามี เรื่องของแม่นางคังที่หก
เป็นข้าที่ทําไม่ถูก แต่ก็เพราะข้ากลัวว่าท่านจะถูกนางล่อลวงถึงได้ทําเช่นนั้น! ท่านยกโทษให้ข้า
สักครั้งหนึ่งเถิด ต่อไปพวกเราตั้งใจใช้ชีวิตด้วยกันดีๆ ให้กําเนิดบุตรชายหญิง และกตัญ�ูต่อบิดา
มารดา…”
เฉิงนั่วไม่อยากเจออู๋เป่าจาง
ตอนแต่งงานกันใหม่ๆ เขาชอบอู่เป่าจางมาก
หน้าตางดงาม อีกทั้งปฏิบัติต่อผู้คนอย่างอบอุ่นอ่อนโยน
แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพียงเปลือกนอก ในใจของนางดูถูกตน ยามเผลอสายตาเต็มไปด้วย
ความดูแคลน ไม่เหมือนแม่นางคังที่หก สายตาที่มองเขาใจดีและอบอุ่นอ่อนโยน เขามีเรื่องอะไรที่
ทําได้ไม่ดี นางมักจะบอกเขาอย่างเอาใจใส่ หากเขาปรับเปลี่ยนได้แล้ว นางก็จะดีใจแทนเขาอย่าง
จริงใจ…วันนั้นนางยังกล่าวด้วยความโกรธว่าจะเป็นอนุให้ตน นอกจากนี้ยังพูดต่อหน้า
ลูกพี่ลูกน้องชาย พี่สะใภ้รวมถึงหลงจู๊และเสมียนของตระกูลคังอีกด้วย…นางดีขนาดนั้น เขาจะให้
นางมารับความอัปยศเช่นนี้ได้อย่างไร!
เขานึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่เขาไปแบกนางออกมาจากคุกในวันนั้นขึ้นมา
ร่างกายสะอาดสะอ้านดูไม่ออกว่าได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว ทว่าแม้แต่เดินกลับขยับ
เขยื้อนไม่ได้ เห็นเขาแล้ว กว่าครู่ใหญ่แววตาที่ว่างเปล่านั้นถึงจดจําเขาได้…
เขาคิดๆ แล้วอยากจะฆ่าอู๋เป่าจางเสีย4959
วันนั้นอีกเพียงนิดเดียวเขาก็คว้าคอของอู๋เป่าจางได้แล้ว
เป็นแม่นางคังที่หกบอกว่าไม่คุ้มค่า
ไม่คุ้มค่าที่เขาจะสูญเสียชีวิตเพราะอู๋เป่าจาง
มีแต่แม่นางคังที่หกเท่านั้นที่ดีกับเขา
เห็นค่าเขา…
เขาไม่อาจปล่อยให้แม่นางคังที่หกได้รับความยากลําบากเพราะเขาไปอย่างเปล่า
ประโยชน์
จะต้องขับไล่อู๋เป่าจางให้ได้
มีเพียงการทําเช่นนี้เท่านั้น ถึงแก้แค้นแทนแม่นางคังที่หกได้
เฉิงนั่วเม้มปากแน่น พูดเพียงประโยคเดียวว่า “ข้าต้องการขับไล่ภรรยา”
เวลานี้ไม่เพียงอู๋เป่าจางเท่านั้นที่รู้สึกสิ้นหวัง แม้แต่เฉิงสวี่ที่ถูกเชิญให้มาโน้มน้าวเฉิงนั่วก็
ไม่รู้จะทําอย่างไรดีเช่นกัน
เขากล่าวกับเฉิงเวิ่นที่เชิญเขามาอย่างขออภัยและไร้ทางเลือกว่า “ไม่ว่าจะพูดอะไรเขาก็
ไม่ฟังทั้งนั้น จะพูดอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ พูดหนักเข้าก็ให้พวกเราถอดชื่อเขาออกเสีย เพราะ
อย่างไรเสียเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องขับไล่อู๋เป่าจางให้ได้”
เฉิงเวิ่นได้แต่ทอดถอนหายใจ กล่าวว่า “แม่นางคังที่หกผู้นั้นก็มิใช่ว่าไม่ดี แต่สถานะของ
ผู้อื่นก็อยู่ตรงนั้น ทั้งมิใช่คนยากจนข้นแค้น จะให้มาเป็นอนุของนั่วเกอเอ๋อร์ได้อย่างไร เส้นทางนี้
มาถึงทางตันแล้ว แต่ให้ขับไล่อู๋ซื่อไป ถึงเวลาพวกเราจะอธิบายกับใต้เท้าอู๋ว่าอย่างไร! นี่ช่างเป็น
เรื่องที่จะไม่มีผลลัพธ์ที่ดีทั้งสองทาง”4960
เฉิงสวี่ไม่กล่าวอะไร
ต่างคนต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเองทั้งสิ้น บางเรื่องมิใช่เรื่องที่เขาสอดมือเข้าไปยุ่งได้
แต่เขากลับเข้าใจความรู้สึกของเฉิงนั่ว
ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ หนึ่งวันช่างยาวนานประหนึ่งหนึ่งปีจริงๆ
เขากล่าว “ท่านให้คนไปเกลี้ยกล่อมอู๋ซื่อดูดีหรือไม่ ทางด้านของใต้เท้าอู๋ก็ต้องส่งคนไป
บอกกล่าวด้วยถึงจะดี เผื่อว่า…หลีกเลี่ยงการร่วมมือกัน”
เฉิงเวิ่นพยักหน้าไม่หยุด กล่าวขึ้นว่า “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง ช่วงนี้เขาทําข้าโกรธจนโกลาหล
ไปหมดแล้ว!”
อู๋ซิ่วยังต้องพึ่งพาตระกูลเฉิงเพื่อเดินขึ้นไป ต้องไม่ยอมให้บุตรสาวถูกส่งตัวกลับไปเป็นแน่
อู๋ซื่อไม่มีการสนับสนุนจากบ้านเดิมแล้ว จะมิใช่ว่าเขาพูดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นแล้วหรอกหรือ อู๋
ซื่อผู้นี้แต่งเข้าบ้านมานานหลายปีขนาดนี้ยังไม่อาจคลอดบุตรชายหญิงให้ตระกูลเฉิงได้ ยังไม่หา
หมอถามหายาบํารุงอีก ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกดดันให้อู๋ซื่อหาวิธีให้กําเนิดบุตรชายให้นั่วเกอ
เอ๋อร์สักคนให้ได้ถึงจะใช้ได้
อู๋เป่ าจางที่ได้ยินว่าพ่อสามีเชิญเฉิงสวี่มาโน้มน้าวเฉิงนั่วรับถาดจากมือของสาวใช้มา
กําลังเตรียมจะเข้าไปยกนํ้าชาให้ ได้ยินเช่นนั้นแล้วดวงหน้าดํามืดประหนึ่งก้นหม้อขึ้นมาอย่าง
ห้ามไม่อยู่ นางยัดถาดกลับเข้ามือของสาวใช้ หมุนกายเดินเข้าไปในห้องข้างที่ตนพักอยู่ด้วยความ
โมโห
พ่อสามีของนางพึ่งพาไม่ได้มาโดยตลอด ตัวเองเลี้ยงอนุไว้ข้างนอก อีกทั้งแม่นางคังที่หก
ผู้นั้นก็รับปากว่านางจะให้เงินแปดร้อยเหลี่ยงแก่พ่อสามีเป็นเงินเลี้ยงดูทุกปี…หลายปีมานี้พ่อสามี
ขาดแคลนเงินทองยิ่งนัก!4961
จะทําอย่างไรดี
บิดาของนางไม่มีทางสนใจนาง ขอเพียงจดหมายของตระกูลเฉิงไปถึง นางจะไม่ถูก
ตระกูลเฉิงเค้นให้กลมบีบให้แบนแล้วหรอกหรือ
อู๋เป่าจางกัดฟัน สั่งการสาวใช้คนสนิทเสียงเบาว่า “เจ้าไปหาคุณชายใหญ่ลู่ บอกไปว่าข้า
ต้องการพบเขา หากเขาหลบเลี่ยงข้า ข้าจะไปหาเฉินเหนียงจื่อโดยตรง อย่างไรเสียตอนนี้ตระกูล
เฉิงคิดจะขับไล่ข้าอยู่แล้ว ข้าเองก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวแล้ว!”
สาวใช้เองก็กําลังเป็นกังวลเรื่องอนาคตของตัวเองอยู่ ได้ยินแล้วก็รีบขานรับคําและไปที่
ประตูฟู่ เฉิงทันที
เฉิงลู่ฟังแล้วกลับมิได้ผลักไส นัดเจอกันที่วัดต้าเซียงกั๋วในวันพรุ่งนี้ทันที
อู๋เป่าจางโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง รู้สึกว่าในยามคับขันยังคงเป็นเฉิงลู่ที่พึ่งพาได้บ้าง
รุ่งเช้านางก็ไปที่วัดต้าเซียงกั๋ว
ทั้งสองคนพบกันที่ภูเขาหลังวัด
เฉิงลู่สีหน้าอบอุ่น กล่าวขึ้นว่า “เจ้าปล่อยให้ชีวิตดําเนินจนกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร”
ประโยคเดียวก็ทําให้อู๋เป่าจางนํ้าตาไหลเป็นสายฝน
เฉิงลู่ครุ่นคิด สุดท้ายยังคงล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งยื่นส่งให้อู๋เป่าจาง
อู๋เป่ าจางรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่มุมตา ในใจสงบขึ้นมาก กล่าวกับเฉิงลู่ว่า “เฉิงนั่วคนขี้
ขลาดตาขาวผู้นั้น หากมิใช่เพราะมีที่พึ่งแล้ว ย่อมไม่กล้าทํากับข้าเช่นนี้อย่างแน่นอน ตอนนี้เจ้า
เป็นบุตรเขยของใต้เท้าเฉินแล้ว ข้ารู้ว่าที่จิงเฉิงนี้ไม่ว่าบนหรือล่างไม่มีผู้ใดไม่เห็นแก่หน้าของใต้
เท้าเฉินสักสองสามส่วน ในที่ทําการของทางการยิ่งไม่ต้องพูดถึง เจ้าหาวิธีช่วยจ้างวานกลุ่ม4962
อันธพาลให้ข้าได้หรือไม่” นางกล่าวด้วยสีหน้าดุร้าย “ให้พวกเขาจัดการแม่นางคังที่หกผู้นั้นให้ถึง
ตายเสีย…”
เฉิงลู่ตกตะลึง จากนั้นหัวเราะฮ่าเสียงดังลั่นขึ้นมา หัวเราะจนตัวงอ จนกล่าวอะไรออกมา
ไม่ได้
อู๋เป่าจางไม่เข้าใจ
เฉิงลู่หัวเราะจนตัวสั่นพลางชี้นางไปด้วย “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใด ให้ข้าช่วยฆ่าคนให้เจ้า
เจ้าควรค่าแล้วหรือ” เขากล่าว เสียงหัวเราะค่อยๆ หยุดลง นัยน์ตาเผยแววเยาะหยันออกมา “ก็แค่
คนบ้านนอกที่ปีนขึ้นมาจากหุบเขาห่างไกล กลิ่นควันและเขม่าดําบนเนื้อตัวยังล้างไม่สะอาดเลย
ก็คิดจะชี้นิ้วสั่งข้าแล้ว ไม่ส่องกระจกดูบ้างว่าเจ้าเป็นตัวอะไร…”
อู๋เป่าจางเบื้อใบ้ไปแล้ว
แม้แต่ในความฝันนางก็ไม่คาดคิดว่า ในใจของเฉิงลู่นั้น นางจะเป็นเช่นนั้น…
“เจ้า เจ้า…” อู๋เป่ าจางมองเฉิงลู่ด้วยดวงหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง ปลายนิ้วสั่น
ระริกไม่หยุด “เหตุใดเจ้าต้องทํากับข้าเช่นนี้ด้วย”
“ทํากับเจ้าเช่นไรหรือ” เฉิงลู่กล่าวเย้ย “กล่าวถ้อยคําคล้อยตามคําพูดของเจ้าให้เจ้าดีใจ?
หรือว่าเพื่อถามเจ้าเกี่ยวกับเรื่องของเสาจิ่นก็เลยซื้อผ้าเช็ดหน้าสองสามผืนและดอกไม้ผ้าสอง
สามดอกจากพ่อค้าหาบเร่หน้าประตูมอบให้เจ้า…เจ้าคิดว่านี่คืออะไร”
อู๋เป่าจางอ้าปากค้าง
เฉิงลู่กลับกล่าวขึ้นว่า “เจ้านับเป็นตัวอะไร ยังคิดจะเปรียบเทียบกับเสาจิ่นอีก! จุดไหนที่
เจ้าเทียบกับนางได้ ต่อให้นางร้ายกับข้าเพียงใด แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยคิดใช้ประโยชน์จากข้ามา
ก่อน ตอนที่ยังดีกับข้านั่นก็ดีจริงๆ…เจ้าก็แค่ของเล่นที่เอาไว้เล่นเป็นงานอดิเรกยามไม่มีอะไรทําก็4963
เท่านั้น…เจ้าเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกันมิใช่หรือ ไม่อย่างนั้นจะหมั้นหมายกับเฉิงนั่วไปด้วย
ขณะเดียวกันก็ยังส่งสายตาให้ข้าไปด้วยได้อย่างไร เจ้ามีคุณสมบัติอะไรมาถามข้า…”
โจวเสาจิ่นเป็นหญิงสารเลว แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น อู๋เป่ าจางยิ่งตํ่าช้าไร้ยางอาย แม้แต่คน
ยกรองเท้าให้นางก็ยังไม่คู่ควรเลย…
“เฉิงลู่ เจ้ามันคนสารเลว” หัวสมองของอู๋เป่าจางมีเสียงดังหึ่งๆ ไม่หยุด แยกเขี้ยวง้างกรง
เล็บพุ่งเข้าไปหาเฉิงลู่
ถึงกับกล้าพูดว่าตนไม่คู่ควรแม้แต่จะยกรองเท้าให้โจวเสาจิ่น!
เฉิงลู่เป็นบุรุษ ด้วยร่างที่สูงและพละกําลังที่มากของตน ไม่เพียงหลบการโจมตีของอู๋เป่ า
จางได้อย่างง่ายดายเท่านั้น แต่หมุนมือใช้แรงบิดไหล่ของอู๋เป่ าจางไปไว้ด้านหลังของนาง ผลัก
นางไปข้างหน้าสองสามก้าว แสยะยิ้มเย็นพลางโน้มตัวไปกล่าวที่ข้างหูนางว่า “เจ้าคิดว่าข้าเป็น
เฉิงนั่วหรือ หากเจ้าลงไม้ลงมือกับข้าอีก ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะไปส่งเจ้างสักครั้งหนึ่ง เล่าเรื่องที่เจ้า
ให้ยืมเงินให้เฉิงนั่วฟัง ให้เฉิงนั่วได้ขับไล่เจ้าไปอย่างสมเหตุสมผลและชอบธรรม…”
อู๋เป่าจางกรีดร้องออกมา “เช่นนั้นเจ้ามาทําไม”
“มาดูว่าเจ้าเป็นบ้าอะไรกันแน่อย่างไร!” เฉิงลู่กล่าวยิ้มๆ นํ้าเสียงอบอุ่นราวกับสายลม
วสันต์ ทว่าทําให้อู๋เป่ าจางสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว เสี่ยงดิ้นรนขัดขืนขึ้นมา จากนั้นหางตา
เหลือบไปเห็นว่าตนกําลังยืนอยู่ตรงหน้าทางลาดชันแห่งหนึ่ง เพียงเฉิงลู่ผลักนางไปข้างหน้าหนึ่ง
ครั้ง นางก็ตกลงไปในหุบเขาแล้ว
“เจ้าจะทําอะไร” อู๋เป่ าจางกรีดร้องเสียงดุดันอย่างเสียการควบคุม “ฆ่าข้าแล้ว เจ้าก็ต้อง
ชดใช้ด้วยชีวิตเหมือนกัน ไม่ง่ายเลยกว่าที่เจ้าจะได้เป็นบุตรเขยของใต้เท้าเฉินอย่างตอนนี้ อีกไม่4964
นานก็จะได้ยศตําแหน่งกลับมา ลบล้างความอัปยศอดสูได้แล้ว ฆ่าข้าแล้ว เจ้าก็จะไม่มีอะไรเหลือ
อีก เจ้าอย่าได้ทําเรื่องโง่เขลาเชียว…”
“ฮ่าๆๆ…” เฉิงลู่แหงนหน้าขึ้นหัวเราะ ถ้าเป็นโจวเสาจิ่น คงจะตัวสั่นระริกกอดตนไว้ขอ
ความเมตตาแล้วกระมัง จะหมือนอู๋เป่ าจางเช่นนี้ได้อย่างไร ความตายอยู่ตรงหน้าแล้วยังจะ
ต่อรองกับตนอีก
น่าเสียดาย เขายังต้องเก็บอู๋เป่ าจางไว้เพื่อฉีกหน้าคนของตระกูลเฉิงอยู่ ไม่อาจให้นาง
ตายไปเช่นนี้ได้
“เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่เอาชีวิตเจ้าหรอก!” เฉิงลู่ดึงอู๋เป่ าจางกลับมา กล่าวเสียงเรียบว่า
“ข้าเพียงอยากบอกเจ้า ต่อไปเจ้าอย่าได้ไปหาข้าอีก ข้าเห็นเจ้าแล้วก็คล้ายกับเห็นด้วงมูลสัตว์
ช่างน่าขยะแขยงยิ่งนัก…”
ขณะที่เขากล่าว ก็ผลักอู่เป่าจางล้มลงไปบนพื้น แล้วเดินจากไปทันทีโดยไม่เหลียวหลัง