ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 535 คิดคด
อู๋เป่ าจางไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาอย่างไร รู้เพียงว่าพอนางเข้าประตูมาก็หน้ามืดล้มลงไป
แล้ว กระทั่งตอนที่นางฟื้นขึ้นมาก็เป็นเวลาจุดโคมไฟแล้ว สาวใช้ใหญ่คนสนิทของนางกําลังยก
ถ้วยยามองนางด้วยดวงหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ เห็นนางลืมตาก็ร้องขึ้นมาอย่างดีใจว่า
“สะใภ้ใหญ่ฟื้นแล้ว สะใภ้ใหญ่ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ”
คนที่พุ่งเข้ามาในห้องของนางอย่างดีใจคือแม่นมและสาวใช้ใหญ่อีกคนหนึ่งของนาง ทั้ง
สองคนยืนนํ้าตาไหลอยู่ตรงหัวเตียง “สะใภ้ใหญ่ ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว ท่านหมอบอกว่าท่านต้อง
ลมหนาว จึงสลบไปสองวันสองคืน หากว่าท่านยังไม่ฟื้น พวกข้าคงต้องไปขอร้องฮูหยินหยวนที่
ซอยซิ่งหลินแล้วเจ้าค่ะ!”
ต้องลมหนาวหรือ!
อู๋เป่าจางพยายามลุกขึ้นนั่ง
แม่นมและสาวใช้ของนางรีบหยิบหมอนใบหนึ่งมาวางรองไว้ข้างหลังนาง
อู๋เป่าจางกล่าว “คุณชายใหญ่เล่า”
สาวใช้และแม่นมแลกเปลี่ยนสายตากันครั้งหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “บาดแผลของคุณชายใหญ่
ยังไม่หายดี กําลังนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงเจ้าค่ะ รู้ว่าท่านต้องลมหนาว ให้บ่าวชายประคองมา
เยี่ยมท่านแล้ว แต่ท่านหมอไม่ให้คุณชายใหญ่ลงจากเตียง บอกว่ากลัวบาดแผลจะกําเริบขึ้นมา
อีก ดังนั้นสองวันนี้คุณชายใหญ่จึงไม่ได้มาเยี่ยมท่านเจ้าค่ะ”
โกหก!
เฉิงนั่วเกลียดนางจะตาย จะมาเยี่ยมนางได้อย่างไร4966
แต่เฉิงนั่วผู้นี้เป็นคนใจอ่อนเป็นที่สุด บางทีอาจจะมาเยี่ยมนางจริงๆ ก็เป็นได้
อู๋เป่ าจางมีความหวังรางๆ ขึ้นมาความหวังหนึ่ง กล่าวกับแม่นมว่า “ปรนนิบัติข้าสวม
เสื้อผ้า ข้าจะไปเยี่ยมคุณชายใหญ่สักหน่อย!”
สีหน้าของแม่นมจึงร้อนรนเล็กน้อย รีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านพักผ่อนสักหน่อยก่อนเถิด รอให้
กินยาเสร็จ ร่างกายดีขึ้นแล้วค่อยไปเยี่ยมคุณชายใหญ่ก็ยังไม่สาย…”
อู๋เป่าจางรู้สึกสงสัย ผลักแม่นมออก สั่งการสาวใช้ว่า “เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้า!”
สาวใช้มองแม่นม ไม่กล้าขยับ
อู๋เป่ าจางโมโห “ในสายตาของพวกเจ้ายังมีข้าผู้นี้เป็นสะใภ้ใหญ่อยู่หรือไม่ หรือว่าอยาก
ถูกไล่ออกไปให้หมด”
แม่นมได้ยินแล้วก็ร้องไห้ออกมา กล่าวว่า “สะใภ้ใหญ่ คุณชายใหญ่ไม่อยู่ในห้องเจ้าค่ะ
วันที่สองหลังจากที่ท่านเป็นลมไปคุณชายใหญ่ก็ลงจากเตียงได้แล้ว พอลงจากเตียงได้ก็ออกจาก
บ้านไป จนถึงวันนี้ก็ยังไม่กลับมา บ่าวรับใช้ข้างกายก็ไม่รู้ว่าไปไหน นายท่านใหญ่เป็นกังวลใจยิ่ง
นัก ให้คนไปตามหา ได้ยินคนที่กลับมากล่าวว่า คุณชายใหญ่ไปตามหาแม่นางคังที่หกผู้นั้น
ปรากฏว่าคนและร้านค้าของตระกูลคังล้วนถ่ายโอนให้ผู้อื่นไปแล้ว แม่นางคังที่หกกลับไปที่ฮุย
เซี่ยน คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่ก็ไล่ตามไปด้วย บอกว่าต้องการอธิบายให้แม่นางคังที่หกผู้นั้น
ฟังสักครั้งหนึ่ง ว่าจะ จะขับไล่ภรรยา…” กล่าวจบ แม่นมผู้นั้นก็ร้องไห้โฮเสียงดังออกมา “สะใภ้
ใหญ่ นี่จะทําอย่างไรดีเจ้าคะ หากท่านถูกขับไล่ ต่อให้นายท่านรักท่าน แต่ยังมีฮูหยินอยู่นะเจ้าคะ
สองวันนี้ท่านสลบไปยังไม่ฟื้น จึงไม่รู้ว่าทางจินหลิงส่งจดหมายมาให้ บอกว่าหมั้นหมายบุตรสาว
คนรองของลุงตระกูลอิ่นให้คุณชายใหญ่อู๋เจ้าค่ะ…”
อู๋เป่าจางได้ยินแล้วโกรธจนเกือบจะหายใจไม่ออก4967
มารดาผู้ให้กําเนิดของนางแซ่อิ่น ลุงตระกูลอิ่นผู้นี้ก็คือพี่ชายของมารดาผู้ให้กําเนิดนาง
เป็นอันธพาลมีชื่อของเหมยโจว ต่อมาเมื่อบิดาของนางเป็นขุนนางแล้ว เอาชื่อของบิดานางไปข่ม
เหงชาวบ้านหลายต่อหลายครั้ง บิดาของนางไม่มีทางเลือก หาคนมาตีลุงผู้นี้อย่างรุนแรงไปครั้ง
หนึ่ง ลุงผู้นี้ของนางถึงได้นับว่าปฏิบัติตัวดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ บิดาของนางก็ยังต้อง
เอาเงินออกมาช่วยเหลือลุงผู้นี้เป็นประจําทุกปี บุตรสาวที่คนเช่นนี้เลี้ยงดูออกมาจะมีอะไรดีกัน
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบุตรสาวคนรองอีก นี่มิใช่ว่าต้องการทําลายอนาคตของพี่ชายนางหรอกหรือ
แต่คนที่ทําเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ นอกจากแม่เลี้ยงคนดีของนางผู้นั้นแล้วยังจะมีผู้ใดได้อีก
อู๋เป่าจางฝืนยกกายขึ้นพลางถามว่า “นี่เป็นความคิดของฮูหยินใช่หรือไม่”
แม่นมเช็ดนํ้าตาพลางพยักหน้า กล่าวว่า “ฮูหยินบอกว่า ลุงตระกูลอิ่นเอาแต่มาขอเงิน
เช่นนี้ ให้เงินไป ลุงตระกูลอิ่นก็หวังพึ่งพาเงินนี้ดํารงชีวิต ไม่ยอมไปทํางาน แต่หากไม่ให้ ผู้อื่นก็จะ
หาว่านายท่านไม่สนใจภรรยาคนแรก จะเสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนี้คุณหนูรองก็กําลังจะแต่ง
เข้าตระกูลเซินแล้ว ที่เจียงหนานตระกูลเซินก็นับได้ว่าเป็นตระกูลที่โดดเด่น ไม่อาจให้คุณหนูรอง
แต่งไปแล้วทําให้ผู้อื่นขบขันได้ ให้ดีที่สุดคือแต่งหญิงสาวของตระกูลอิ่นเข้ามาคนหนึ่ง ต่อไปมี
เรื่องอะไร ให้หญิงสาวของตระกูลอิ่นออกหน้าไปช่วยไกล่เกลี่ย หากไม่ได้การอีก ให้หญิงสาว
ตระกูลอิ่นไปจัดการตระกูลอิ่น หญิงสาวของตระกูลอิ่นผู้นั้นแต่งเข้ามาแล้ว คงไม่อาจคิดถึงแต่
บ้านเดิมโดยไม่สนใจบ้านสามีหรอกกระมัง…
…นายท่านใหญ่จึงตอบตกลง…
…กําหนดวันแต่งงานเป็นเดือนสิบของปีนี้เจ้าค่ะ”
นั่นก็หมายความว่า นางคัดค้านไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
อู๋เป่าจางจึงเอนกายนอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง4968
ตระกูลเฉิงกลับไม่มีใครมาเยี่ยมนางเลยสักคน
ในหัวของอู๋เป่ าจางสับสนมึนงง ประเดี๋ยวเป็นภาพของเฉิงลู่ตอนปักดอกไม้ผ้าบนศีรษะ
ให้นางพร้อมกับมองนางด้วยสายตาพึงพอใจและมีความสุข ประเดี๋ยวเป็นภาพที่เฉิงลู่ถือ ‘คัมภีร์
ขุนเขาและมหาสมุทร’ เล่านิทานให้ฟังด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ประเดี๋ยวเป็นภาพที่เฉิงลู่ผลักนางล้มลง
บนพื้น ชี้หน้านางและด่านางว่าเป็นหญิงแพศยา นางเงยหน้าขึ้นกลับเห็นโจวเสาจิ่นกําลังยืนอยู่
หลังเฉิงลู่อย่างยิ้มแย้ม…ภาพเหตุการณ์ไร้สาระเหล่านั้นหมุนวนเวียนอยู่ในหัวสมองของนางราว
กับโคมม้าวิ่ง ทําให้นางแยกไม่ค่อยออกว่าอะไรคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นจริงและอะไรคือสิ่งที่นางคิดไป
เอง คนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสะลึมสะลือรู้สึกตัวขึ้นมา
รอจนกระทั่งนางฟื้นตัวเต็มที่ ก็เป็นต้นเดือนแปด ต้องเริ่มส่งของขวัญเทศกาลแล้ว
แม่นมมาขอให้ช่วยชี้แนะ นางกลับเกียจคร้านดึงอารมณ์ขึ้นมาไม่ได้ เพียงถามแม่นมด้วย
เสียงแหบแห้งว่า “ช่วงนี้นายท่านเป็นคนดูแลบ้านมิใช่หรือ เจ้าไปถามนายท่านเถิด”
รอยยิ้มของแม่นมดูฝืนเป็นอย่างยิ่ง กล่าวว่า “เดิมทีเรื่องภายในบ้านก็ควรเป็นสะใภ้ใหญ่
เป็นคนดูแล เพียงแต่ว่าช่วงก่อนท่านไม่สบาย บางอย่างจึงมอบให้นายท่านดูแล วันนี้ท่านฟื้นแล้ว
เรื่องในบ้านหลังนี้ย่อมต้องให้ท่านเป็นคนตัดสินใจแล้ว…” ขณะที่กล่าว ก็กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า
“วันที่แปดเดือนแปดเป็นวันครบรอบร้อยวันของคุณชายใหญ่อวิ้นของนายท่านสี่ที่ประตูเฉาหยาง
ท่านไม่ได้ออกไปไหนมาระยะหนึ่งแล้ว ต้องการเตรียมตัวไปเดินเล่นที่โน่นสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ”
ชี้ช่องให้นางว่ามีเรื่องทุกข์ใจอะไรก็ใช้โอกาสนี้ไปคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ของตระกูลเฉิง
ตอนนี้ยิ่งอยู่เฉิงเวิ่นก็ยิ่งพึ่งพาตระกูลเฉิงจวนหลัก ถ้าบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลเฉิงจวน
หลักเอ่ยปาก เฉิงเวิ่นไม่กล้าไม่รับฟังอย่างแน่นอน4969
ในหัวสมองของอู๋เป่ าจางมีเสียงคําพูดของเฉิงลู่ดังขึ้นอีกว่า แม้แต่ยกรองเท้าให้โจวเสา
จิ่นเจ้าก็ไม่คู่ควร
นางพลันกัดฟันกรอดด้วยความเคียดแค้น มือกําหมัดแน่น
ให้นางไปประจบประแจงฮูหยินผู้เฒ่ากัว ไปเห็นหน้าโจวเสาจิ่น…ไม่มีทาง!
แต่ถ้าไม่ไป…หมากกระดานนี้จะทําลายได้อย่างไร
อู๋เป่าจางที่ได้สติแจ่มชัดแล้ว ก็เริ่มเผชิญหน้ากับสถานการณ์ยากลําบากของตัวเองอย่าง
รวดเร็ว
“คุณชายใหญ่ยังไม่กลับมาอีกหรือ” นางถามแม่นม “ช่วงนี้นายท่านกําลังทําอะไรอยู่”
แม่นมมองอย่างขลาดกลัวพลางส่ายศีรษะ กล่าวเสียงเบาว่า “คุณชายใหญ่ยังไม่กลับมา
ช่วงนี้นายท่านยุ่งอยู่ที่ร้านตลอดเลยเจ้าค่ะ” นางกล่าว ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวอีกว่า “แต่ว่า ช่วงนี้
พี่น้องของทางโน้นมาหา ได้ยินว่านําเงินมาให้นายท่านหกร้อยเหลี่ยง เป็นผลเก็บเกี่ยวจากที่ดิน
ของทางโน้น ยังกล่าวอีกว่า ทางโน้นให้เขามาปรึกษานายท่าน บอกว่าอยากจะขายที่นาชั้นดีสอง
ผืนของทางโน้น เงินที่ขายได้จะเอามาให้นายท่านช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของทางนี้…”
ทางโน้นที่ว่าก็คืออนุของเฉิงเวิ่น
อู๋เป่าจางฟังแล้วแสยะยิ้มเย็น “หกร้อยเหลี่ยง นี่นางกําลังหลอกผู้ใดอยู่หรือ ร้านค้าที่นาย
ท่านมอบให้นางหลายร้านนั่นทํารายได้ถึงสองสามพันเหลี่ยงด้วยซํ้า…”
แม่นมกล่าวอย่างไม่มีทางเลือกว่า “แต่ก็หลอกนายท่านได้ถึงจะถูก ท่านดูฮูหยิน นั่นช่าง
ขี้เหนียวยิ่งนัก เดือนที่แล้วยังส่งจดหมายมาบอกให้นายท่านส่งเงินไปให้นางสองพันเหลี่ยง บอก
ว่าหลานชายที่บ้านเดิมกําลังจะแต่งงาน อย่างไรก็ต้องมอบของขวัญใหญ่ชิ้นหนึ่ง ท่านลองดูพี่
น้องของทางโน้น กินข้าวยังนั่งโต๊ะเดียวกันกับบ่าวรับใช้เลย…”4970
“พอแล้วๆ” อู๋เป่ าจางฟังเรื่องนี้แล้วก็ปวดศีรษะ กล่าวว่า “ต่อไปเจ้าพูดเรื่องพวกนี้กับข้า
ให้น้อยลงหน่อย”
แม่นมไม่กล้ากล่าวคําใดแล้ว
นางเองก็รู้สึกว่าการยุ่งเรื่องของนายท่านไม่ถูกต้อง แต่นี่มิใช่ว่าเมื่อก่อนอู๋เป่ าจางสั่งให้
นางจับตาดูไว้หรอกหรือ
อู๋เป่าจางรู้สึกว่าตนเป็นลมหลับไปยังจะดีเสียกว่า
นางถอนหายใจครั้งหนึ่ง สั่งการแม่นมว่า “เตรียมเสื้อผ้าเครื่องประดับให้ข้าด้วยก็แล้ว
กัน! วันที่แปดวันนั้นจะไปร่วมดื่มสุราที่ประตูเฉาหยาง”
แม่นมไปจัดเตรียมด้วยความดีใจ
อู๋เป่ าจางให้คนไปคารวะพ่อสามี เนื่องจากนางฟื้นแล้ว อย่างไรก็ควรจะไปกล่าวทักทาย
พ่อสามีสักหน่อย เพียงแต่ว่าเฉิงนั่วไม่อยู่บ้าน ระหว่างพ่อสามีและลูกสะใภ้ก็ต้องรักษาระยะห่าง
สักหน่อย จึงให้คนไปแทน
คนที่กลับมากลับไม่ได้พบพ่อสามี กล่าวรายงานนางว่า “นายท่านและพี่น้องของทางโน้น
กําลังคุยกันอยู่ ได้ยินว่าท่านฟื้นแล้ว จึงหยิบโสมคนให้ห้องครัวตุ๋นนํ้าแกงไก่ให้ท่าน บอกว่าให้พัก
ฟื้นร่างกายให้ดี วันที่แปดไปร่วมอวยพรคุณชายใหญ่อวิ้นที่ประตูเฉาหยางเจ้าค่ะ”
อู๋เป่าจางพยักหน้าด้วยจิตใจเลื่อนลอย
ภายในห้องหนังสือ หัวคิ้วของเฉิงเวิ่นกลับผูกเป็นปมแน่นจนหนีบยุงให้ตายได้
เขาเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องไปด้วย กล่าวไปด้วยว่า “นี่เป็นความคิดของเจ้าหรือว่าเป็น
ความคิดของพี่สาวเจ้า”4971
ภายในห้องยังมีบุรุษอีกผู้หนึ่งอยู่ด้วย อายุประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกปี องคาพยพทั้งห้าดู
สามัญ สวมเสื้อผ้าธรรมดา ทว่ามีท่วงท่าที่สุขุมมั่นคง ทําให้คนมองแล้วรู้สึกว่าทําอะไรพึ่งพาได้
และวางใจ
“เป็นความคิดของข้าขอรับ” บุรุษกล่าว “พี่สาวติดตามท่านมิได้รู้สึกว่าลําบากอะไร แต่
เด็กๆ โตแล้ว อีกไม่กี่ปีก็ต้องเรียนหนังสือลงสนามสอบ อยู่อย่างไม่ชัดเจนเช่นนี้ ต่อไปจะทํา
อย่างไร พี่สาวอยากไปอยู่เมืองหังโจว ขอร้องท่านช่วยหาเส้นสายหนึ่งพาเด็กๆ ไปจดทะเบียนสํา
มโนครัวที่เมืองหังโจว ต่อไปนางและลูกๆ จะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหังโจว ที่นั่นก็เป็นบ้านเดิมของพวก
ข้า ข้าเข้าเมืองหลวงมา เห็นสถานการณ์ของที่บ้านเป็นเช่นนี้ จึงคิดว่าท่านมิสู้ช่วยสู่ขอแม่นางคัง
ที่หกผู้นั้นให้คุณชายใหญ่จะดีกว่า…
…ท่านเป็นบุตรหลานของตระกูลขุนนาง บางเรื่องอาจไม่รู้ ที่ฮุยเซี่ยนส่วนมากล้วนเป็นคน
ทําการค้า คนจํานวนมากทําการค้าอยู่ข้างนอกเป็นสิบกว่าหรือยี่สิบกว่าปีล้วนไม่ได้กลับบ้าน
ย่อมไม่อาจปล่อยให้ข้างกายไม่มีคนปรนนิบัติแม้แต่คนเดียว บุตรที่เกิดออกมาล้วนเป็นบุตรของ
อนุทั้งสิ้นกระมัง จึงแต่งภรรยาสักคน ณ ท้องถิ่นนั้นๆ โตทั้งสองฝั่ง…”
เรื่องประเภทนี้เฉิงเวิ่นเองก็เคยได้ยินมาก่อน
ยังเคยดูถูกคนเช่นนี้มาก่อนด้วย
แต่ตอนนี้…เขาอดหัวใจกระตุกไม่ได้
ถ้าเฉิงนั่วตามแม่นางคังที่หกผู้นั้นไปที่ฮุยเซี่ยน เช่นนั้นเขาก็จะส่งอู๋ซื่อกลับจินหลิงไปดูแล
แม่สามีได้ ส่วนอนุที่เลี้ยงไว้ข้างนอกก็พาลูกๆ มาอยู่กับเขาที่เมืองหลวงได้ แม้นจะบอกว่าแม่นาง
คังที่หกผู้นั้นมาจากครอบครัวพ่อค้า แต่จะดีร้ายประวัติขาวสะอาด อู๋ซื่อก็ไม่มีลูก ถึงเวลาเมื่อ
คลอดบุตรชายแล้วกลับไปบันทึกชื่อที่จินหลิง ไม่มีบุตรของภรรยาเอก ทุกคนก็จะเหมือนกัน
ทั้งหมด ก็จะไม่มีความต่างระหว่างบุตรของอนุแล้ว4972
ยิ่งคิดเฉิงเวิ่นก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดนี้ดี ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นไปได้
เขาตะโกนเรียกพ่อบ้านเข้ามาอย่างลิงโลดเล็กน้อย ให้เขาเตรียมของขวัญใหญ่สักชิ้น
ส่งไปที่ประตูเฉาหยาง “…อวยพรวันครบรอบร้อยวันของอวิ้นเกอเอ๋อร์”
เรื่องที่เกี่ยวพันถึงทายาทนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าหากทําให้จวนหลักพยักหน้าเห็นด้วยได้
เรื่องนี้ก็จะปลอดภัยอย่างแน่นอนแล้ว
เนื่องจากบิดาของอู๋ซื่อผู้นั้นเป็นขุนนางยศขั้นสี่ล่าง ผู้ใดจะรู้ว่าวันใดจะได้เลื่อนตําแหน่ง
เป็นผู้ว่าการมณฑลยศขั้นสามบนหรือไม่ ถึงเวลานั้นอู๋เป่ าจางพึ่งพาบ้านเดิมไม่ยอมรับลูกที่แม่
นางคังที่หกคลอดออกมาถือเป็นเรื่องหนึ่ง แต่หากบอกว่าแม่นางคังที่หกเป็นอนุของครอบครัว
พวกเขา อนุไม่อาจมีสมบัติส่วนตัวได้ ยึดทรัพย์สินของแม่นางคังที่หกไปไว้ในมือไม่เหลือให้
หลานชายของเขาเลยแม้แต่แดงเดียวแต่เอาไปช่วยเหลือบ้านเดิมของนางแทนล่ะก็ยุ่งยากเป็น
แน่!
เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องวางแผนให้ดี ไม่ให้อู๋ซื่อผู้นั้นมีโอกาสพลิกตัวได้