ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 537 ชิดใกล้
เฉิงฉือไม่ทําให้โจวเสาจิ่น ‘ผิดหวัง’ เลยแม้แต่นิดเดียว
เขาลูบผมของนางยิ้มๆ กล่าวเสียงเบาว่า “องค์ฮ่องเต้มิได้ทรงมีองค์รัชทายาทและองค์
ชายสี่เป็นพระโอรสแค่สองพระองค์เท่านั้นมิใช่หรือ”
โจวเสาจิ่นตกใจสะดุ้งตัวโหยง “ท่าน ท่านจะทําอะไรเจ้าคะ”
“ไม่ทําอะไร” เฉิงฉือกล่าวเรียบๆ “เมื่อก่อนไม่มีเจ้ากับอวิ้นเกอเอ๋อร์ ข้าเล่นกับเขาสัก
หน่อยก็ไม่มีอะไร แต่ตอนนี้ข้าแบกรับครอบครัวอยู่ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่อาจทําร้ายพวกเจ้าข้าย่อมไม่
อาจปล่อยให้มันเกิดขึ้นตามอําเภอใจได้ องค์รัชทายาทและพระราชนัดดาพระองค์โตล้วนทรง
ประชวรจนเสด็จสวรรคตทั้งสิ้น และหลังจากที่องค์ชายสี่เถลิงราชย์แล้วก็วางแผนกําจัดตระกูล
เฉิง แทนที่จะให้เป็นเช่นนั้น มิสู้สนับสนุนองค์ชายพระองค์อื่นขึ้นรับตําแหน่งดีกว่า เหตุใดต้อง
เปลืองเรี่ยวแรงมากมายขนาดนั้นไปรักษาอาการประชวรขององค์รัชทายาทและพระราชนัดดา
พระองค์โตด้วย…”
“นี่ นี่จะเป็นไปได้หรือเจ้าคะ” แม้นโจวเสาจิ่นจะรู้สึกถึงแผนการของเฉิงฉืออยู่รางๆ แต่ได้
ยินเฉิงฉือพูดกับหูตัวเองเช่นนี้ ในใจยังคงเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ “แต่องค์ชายสี่เป็นโอรส
สวรรค์ที่ถูกกําหนดมาโดยโชคชะตานะเจ้าคะ…”
“หากมีคํากล่าวว่า ‘ถูกกําหนดมาโดยโชคชะตา’ ประเภทนี้จริงๆ จะมีคํากล่าวว่า ‘ชนะ
เป็นจักรพรรดิพ่ายเป็นผู้รุกราน’ นั้นได้อย่างไร” เฉิงฉือไม่เห็นด้วย กล่าวว่า “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะ
ปกป้องเจ้าและลูกให้ปลอดภัยอย่างแน่นอน”
โจวเสาจิ่นกลับนึกถึงวันเวลาสิบปีที่ดูราบรื่นเงียบสงบทว่าทําให้คนหดหู่ประหนึ่งนํ้าตาย
นิ่งสนิทในชาติก่อนของตัวเองขึ้นมา นางอดไม่ได้ซุกศีรษะเข้ากับอ้อมอกของเฉิงฉือ ฟังเสียงหัว4983
ใจเต้นแรงทว่ามั่นคงนั่นของเฉิงฉือ กล่าวเสียงอ่อนโยนว่า “ท่านไปที่ไหน ข้าก็จะไปที่นั่นด้วย ต่อ
ให้ต้องตาย วิมานชั้นฟ้าหรือนํ้าพุเหลืองในนรก ข้าก็จะตามท่านไป ท่านเพียงเตรียมการให้อวิ้น
เกอเอ๋อร์ให้ดีก็พอ เขาอายุยังน้อย ต้องได้พบเห็นเรียนรู้ประสบการณ์ความงามของโลกใบนี้ก่อน
ถึงจะนับว่าได้เดินทางมาบนโลกใบนี้สักครั้งแล้ว…”
นํ้าเสียงสงบและเป็นธรรมชาติของนางทําให้เฉิงฉือรู้สึกซาบซ่านและหอมหวาน
เขาจูบหน้าผากของโจวเสาจิ่น กล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ายังคิดจะใช้ชีวิตกับเจ้าไปจนแก่เฒ่านี่
นา! เจ้าห้ามพูดถ้อยคําอัปมงคลเหล่านี้”
โจวเสาจิ่นเงยหน้ามองเขา เม้มปากกลั้นยิ้ม
รอยยิ้มนั่นราวกับสายลมวสันต์เดือนสามล่อลวงให้คนลุ่มหลง
เฉิงฉือก้มศีรษะลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ แนบริมฝีปากเกี่ยวกระหวัดกับนางอย่างอ่อนหวาน
ลําแสงสลัวภายในห้องลอยละล่องไปด้วยความรู้สึกที่คลุมเครือ
โจวเสาจิ่นหลับตาลงอย่างขัดเขินเล็กน้อย มือเกี่ยวเอวของเฉิงฉือเอาไว้แน่น มอมเมาอยู่
ในความรักอันแสนอบอุ่นนุ่มนวลของเขา
กระทั่งชิงเฟิ งกล่าวเสียงเบามาจากนอกบานประตูว่า “นายท่านสี่ ใต้เท้าจางออกมา
ขอรับ”
เฉิงฉือถึงได้ผละจากริมฝีปากแดงนุ่มละมุนและหอมหวานประหนึ่งนํ้าผึ้งนั้นอย่างแสน
เสียดาย กล่าวเสียงแหบพร่าเล็กน้อยว่า “กลางคืนรอข้ากลับไป”
รสความรู้สึกที่เผยออกมาจากเสียงพูดทําให้โจวเสาจิ่นที่ช่วงนี้ไม่เคยได้ขาดฝนและหยด
นํ้าค้างเลยพลันเข้าใจความหมายของเขาขึ้นมา ใบหน้าแดงเรื่อขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ รู้สึก4984
ร้อนผะผ่าวทว่าในใจกลับคล้ายถูกนํ้าในฤดูใบไม้ผลิพรมจนชุ่มฉํ่า อ่อนยวบไร้ซึ่งเรี่ยวแรง รู้เพียง
ว่าตอบ “อื้ม” เสียงหนึ่งไปเบาๆ เท่านั้น
เฉิงฉือจึงลูบไล้ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นอย่างอดไม่อยู่
เมื่อก่อนเขารู้สึกว่าโจวเสาจิ่นนิสัยอ่อนแอและว่าง่ายเกินไป จะถูกคนหลอกได้ง่าย แต่
ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่านิสัยของโจวเสาจิ่นช่างดีจริงๆ ไม่ว่าอะไรก็ตามใจเขา อะไรก็แล้วแต่เขา เขา
อยากให้เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ทําให้เขาเห็นนางแล้วก็อยากจะกอดนางเอาไว้ กลัวว่านางมี
ตรงไหนที่ไม่พอใจแต่ไม่ยอมบอกตน ได้รับความลําบากแล้ว บางครั้งถึงกับยังคิดแทนคนผู้นั้น ใจ
อ่อนจนจะหยดออกมาเป็นนํ้าได้อยู่แล้ว
“วันนี้ที่บ้านมีแขกมากเกินไป” เขาหอมจอนหูของโจวเสาจิ่น “ข้าเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน
แต่แขกเหรื่อล้วนมาถึงแล้ว จะไล่ผู้อื่นกลับไปก็ไม่ดี รอตอนที่อวิ้นเกอเอ๋อร์ครบหนึ่งขวบปี พวกเรา
ค่อยคิดกันใหม่ดีๆ เชิญเพียงคนในครอบครัวมาก็พอแล้ว เจ้าจะได้ไม่เหน็ดเหนื่อยจนไม่มีแม้แต่
เวลาว่างได้กินข้าวดีๆ สักมื้อหนึ่ง วันนี้อดทนไปก่อน กลางคืนกลับไปข้าจะแช่เท้าให้เจ้า”
จะให้ซื่อหลางแช่เท้าให้นางได้อย่างไร
โจวเสาจิ่นยิ่งหน้าแดงมากขึ้น และความเอาอกเอาใจที่แผ่ซ่านออกมาจากถ้อยคําของ
เฉิงฉือก็คล้ายกับนํ้าทะเลสาบกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นอยู่ในใจของนางขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงชั่วพริบตานางก็ไม่อยากจากเฉิงฉือไป กอดเอวเขาไว้ไม่อยากปล่อย
เฉิงฉือสัมผัสได้ถึงความอาลัยอาวรณ์ของนาง มุมปากยกยิ้มขึ้นสูง จึงปล่อยให้นางกอด
ตัวเองไว้อย่างที่ใจนางปรารถนา
ชิงเฟิ งรอนานแล้วไม่เห็นเฉิงฉือออกมา รู้สึกร้อนใจขึ้นมา กล่าวเสียงเบาจากนอกบาน
ประตูอีกครั้งหนึ่งว่า “นายท่านสี่ ใต้เท้าจางกําลังตามหาท่านอยู่ขอรับ!”4985
โจวเสาจิ่นรู้สึกกระดากอาย รีบปล่อยเฉิงฉือออก กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “ข้ากลับไป
ก่อน ท่านอย่าดื่มสุรามากนะเจ้าคะ สุราทําลายสุขภาพยิ่ง”
เฉิงฉือปล่อยมือทันทีได้ที่ไหนกัน ระหว่างที่กําลังลังเลนั้นก้มศีรษะเห็นริมฝีปากแดงปลั่ง
ของนาง โน้มตัวลงไปจุมพิตอย่างอดใจไม่ได้ กล่าวยิ้มๆ เสียงเบาว่า “ข้าไม่ดื่มสุรามากแล้ว เจ้ามี
รางวัลอะไรมอบให้ข้าเล่า”
“เอ๋!” โจวเสาจิ่นเบิกตากว้าง
เฉิงฉือกล่าวขึ้นอีกครั้งหนึ่งว่า “เจ้าให้ข้าดื่มสุราให้น้อยลงสักหน่อยข้าก็จะดื่มให้น้อยลง
สักหน่อย คงไม่อาจไม่ให้รางวัลอะไรข้าเลยหรอกกระมัง ไม่อย่างนั้นคราวหน้าข้าจะจดจําคํา
เตือนของเจ้าได้อย่างไร!”
ซื่อหลางกําลังออดอ้อนนางอยู่!
เมื่อรับรู้ได้ถึงข้อนี้ โจวเสาจิ่นเบื้อใบ้ไปทั้งร่าง หัวใจกลับรู้สึกอ่อนยวบ ซาบซ่านเล็กน้อย
ทั้งยังภูมิใจเล็กน้อย และยังรู้สึกดีใจเล็กน้อยด้วย
นางอดกล่าวไม่ได้ว่า “เช่นนั้นท่านว่าควรทําอย่างไรดีเจ้าคะ” เด็กน้อยที่ไม่เคยเกี้ยวพาน
ใครมาก่อนจึงขบคิดจริงจังอย่างหนัก “ข้าปักพัดใหม่ให้ท่านสักเล่มหรือไม่ก็เย็บชุดให้ท่านสักชุดดี
หรือไม่เจ้าคะ”
“ของพวกนี้มีคนที่โรงเย็บปักทําให้อยู่แล้วมิใช่หรือ” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “ของรางวัลเช่นนี้ไม่
จริงใจเลย!”
ก็จริง!
โจวเสาจิ่นมองเฉิงฉือด้วยดวงใจมีแต่เขาอยู่เต็มไปหมด กล่าวว่า “เช่นนั้น เช่นนั้นท่านว่า
ควรทําอย่างไรดีเจ้าคะ”4986
เฉิงฉือครุ่นคิด กล่าวหน้าขรึมว่า “เช่นนั้นรอข้ากลับไปตอนกลางคืนแล้ว ข้าอยากทํา
อย่างไรก็ทําอย่างนั้น…”
โจวเสาจิ่นรู้สึกโล่งไปเปลาะหนึ่ง
เดิมทีไม่ว่าเรื่องอะไรนางก็ตามใจเฉิงฉือทุกอย่าง เป็นธรรมดาว่าเขาบอกให้ทําอย่างไรก็
ทําอย่างนั้นอยู่แล้ว
“ได้เจ้าค่ะ!” นางขานตอบด้วยความดีใจ
ดวงตาของเฉิงฉือมีแววตาเจ้าเล่ห์สายหนึ่งวาบผ่าน กอดโจวเสาจิ่นอีกครั้งหนึ่ง แล้วรีบ
ก้าวออกจากเรือนปีกไป
โจวเสาจิ่นกลับคล้ายตกอยู่ในภวังค์
นางพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ
เหตุใดดวงตาของซื่อหลางถึงมีแววตาเจ้าเล่ห์วาบผ่านด้วย
โจวเสาจิ่นเค้นสมองขบคิดอยู่นานก็คิดหาสาเหตุไม่ได้
กระทั่งเฉิงฉือกลับมาตอนกลางคืน หลังจากอาบนํ้าเสร็จทั้งสองร่วมรักกันใต้ผ้าห่มนก
ยวนยาง ตอนที่เฉิงฉือนั่งพิงหัวเตียงจับเอวของโจวเสาจิ่นเอาไว้ต้องการให้นางควบขี่อยู่บน
ร่างกายของตนนั้น โจวเสาจิ่นถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงกล่าวเช่นนั้น
นางหน้าร้อนผ่าวจนนํ้าตารินไหลลงมา มือดันอยู่บนหน้าอกของเฉิงฉือพลางส่ายหน้าไม่
หยุด “ข้าทําไม่ได้…ข้าทําไม่เป็น…เจ็บ…”
เฉิงฉือกลับหลอกล่อนางอย่างใจเย็น “เจ้ารับปากข้าแล้ว…ข้าบอกเจ้า…ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ
จริงๆ…เจ้าลองดูสักหน่อยก็จะรู้เอง…”4987
แต่นี่ก็ออกจะแปลกประหลาดมากเกินไปแล้ว
โจวเสาจิ่นบังเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นรางๆ
หากทําตามนี้ เกรงว่าพวกเขาก็ห่างจากคนตัณหาจัดทําอะไรกลางวันแสกๆ ไม่ไกลสัก
เท่าไรแล้ว
เรื่องราวเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร
นางรู้สึกร้อนรน
เฉิงฉือเอาแต่หลอกล่อนางอย่างใจเย็นไม่หยุด
สิ่งที่โจวเสาจิ่นกลัวที่สุดคือการที่เฉิงฉือหลอกล่อนางเช่นนี้
ขอเพียงเขาหลอกล่อนางเช่นนี้ โดยมากไม่ว่าเรื่องแปลกประหลาดอะไรนางก็ตอบตกลง
ทุกอย่าง
โจวเสาจิ่นจึงหลับตาลง ปล่อยตามเขาไป…ผลปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นตะวันขึ้นสายโด่งแล้ว
นางถึงได้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงร้องไห้โวยวายของอวิ้นเกอเอ๋อร์
รู้สึกได้ถึงหน้าอกที่ว่างเปล่า นางไม่มีแม้แต่หน้าจะไปพบบุตรชาย ไม่ง่ายเลยกว่าจะล้าง
หน้าแต่งตัวสะอาดสะอ้านแล้วออกไป อวิ้นเกอเอ๋อร์พุ่งตัวเข้ามาหานางด้วยนํ้าตานองหน้า
โจวเสาจิ่นกอดบุตรชายไว้อย่างรู้สึกผิด
อวิ้นเกอเอ๋อร์ซบโจวเสาจิ่นร้องไห้อย่างหนักหน่วง
โจวเสาจิ่นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด อุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวก่อน
จากนั้นนั่งเกี้ยวไปที่เรือนรับรองฝั่งถนนตะวันตก4988
หลี่ซื่อพาโจวโย่วจิ่นอายุสี่ขวบและโจวจงจิ่นที่อายุเพียงสิบเดือนเร่งเดินทางมาถึงเช้าเมื่อ
วาน หลังจากสนุกสนานกันทั้งวันแล้ว สามแม่ลูกจึงนอนหลับสนิท ตอนที่โจวเสาจิ่นไปถึงก็ยังไม่
ตื่น
หลี่มามาเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายหลี่ซื่อ ได้ยินว่าโจวเสาจิ่นมาก็รีบออกมาต้อนรับ
จี๋เสียงประคองโจวเสาจิ่นลงจากเกี้ยว อวิ้นเกอเอ๋อร์กลับซบมารดาไว้ไม่ยอมลงมา
โจวเสาจิ่นสงสารที่เมื่อครู่เขาร้องไห้อย่างหนัก จึงตามใจเขาอุ้มเขาลงมาจากเกี้ยว
บนดวงหน้าของอวิ้นเกอเอ๋อร์ถึงได้มีรอยยิ้มสายหนึ่ง
หลี่มามามองอวิ้นเกอเอ๋อร์ที่หน้าตาน่ารักน่าชังนั้นแล้วรู้สึกเอ็นดูยิ่งนัก ก้าวออกไป
คารวะโจวเสาจิ่น มองอวิ้นเกอเอ๋อร์พลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “นี่คือคุณชายใหญ่กระมัง หน้าตางดงาม
จริงๆ! ต่อไปต้องเป็นบุรุษรูปงามผู้หนึ่งเป็นแน่!” กล่าวพร้อมกับยื่นมือไปหาเขา “คุณชายใหญ่อ
วิ้น ข้าคือมามาของท่านยายของท่าน ให้มามาอุ้มสักหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ”
อวิ้นเกอเอ๋อร์เพิ่งจะครบหนึ่งร้อยวัน ควรจะเป็นช่วงวัยที่ยังไม่เข้าใจอะไร ทว่าเขาเสมือน
กับฟังเข้าใจก็ไม่ปาน หันกายหนีไปซุกอยู่ในอ้อมอกของมารดาไม่แม้แต่จะมองหลี่มามาเลยสัก
ครั้ง
หลี่มามาไม่อยากจะเชื่อ กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “กูไหน่ไนรอง ท่าทางของคุณชายใหญ่อ
วิ้นนี้ หรือว่าจะเริ่มจดจําคนได้แล้ว?”
โจวเสาจิ่นเองก็ไม่แน่ใจ กล่าวยิ้มๆ ว่า “เกรงว่าเป็นเพราะคุ้นเคยกับกลิ่นบนร่างของข้า
อีกทั้งยังเอาแต่ใจ ไม่ยอมให้ผู้ใดอุ้ม!”4989
“แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ คุณชายใหญ่อวิ้นก็เฉลียวฉลาดเกินไปแล้ว!” หลี่มามากล่าว “ข้าเคย
เห็นเด็กเล็กมาไม่รู้ตั้งเท่าไร แต่เด็กที่เพิ่งครบรอบร้อยวันก็รู้ว่าใครเป็นใครแล้วเหมือนอวิ้นเกอ
เอ๋อร์นี้ กลับเป็นครั้งแรกที่เคยเห็นมาก่อน”
“จริงหรือ” ผู้อื่นชมว่าบุตรชายของนางและซื่อหลางฉลาด โจวเสาจิ่นยิ้มไม่หุบ
หลี่ซื่อที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็เอ่ยถามเสียงดังว่า “ผู้ใดอยู่ข้างนอกหรือ”
“กูไหน่ไนรองเจ้าค่ะ!” หลี่มามาขานตอบ รีบเลิกผ้าผ่านขึ้นเชิญโจวเสาจิ่นสองแม่ลูกเข้า
ไป
หลี่ซื่อตื่นแล้ว เกล้าผมเป็นมวยหนึ่งกําลังนั่งดื่มนํ้าผึ้งชงอยู่บนเตียง
โจวเสาจิ่นเข้าประตูมานางก็ออกมาต้อนรับ ด้านหนึ่งกล่าวกับโจวเสาจิ่นยิ้มๆ ว่า “เหตุใด
มากันเช้าขนาดนี้” อีกด้านหนึ่งก็ยื่นมือไปอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์
อวิ้นเกอเอ๋อร์ก็ทําเหมือนเมื่อครู่อีกครั้ง หันกายหนีไปซุกอยู่ในอ้อมอกของโจวเสาจิ่น
หลี่มามาจึงหัวเราะพร้อมกับเล่าเหตุการณ์เมื่อครู่ให้ฟังรอบหนึ่ง
หลี่ซื่อทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ กล่าวว่า “คิดไม่ถึงว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกข้าจะเฉลียว
ฉลาดขนาดนี้ ต่อไปต้องได้เป็นจ้วงหยวนอย่างแน่นอน”
โจวเสาจิ่นหัวเราะร่า
ทั้งสองคนนั่งอยู่บนเตียงเตาตัวใหญ่ข้างหน้าต่างซ้ายคนหนึ่งขวาคนหนึ่ง
ปกติเวลานี้อวิ้นเกอเอ๋อร์มักจะร้องโวยวายต้องการเดินไปเดินมาแล้ว ทว่าเวลานี้กลับพิง
อยู่ในอ้อมกอดโจวเสาจิ่นอย่างเชื่อฟังพร้อมกับเล่นนิ้วมือของตัวเองไปด้วย4990
โจวเสาจิ่นจึงพูดคุยกับหลี่ซื่อ “ท่านพ่อสุขภาพร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง ท่านเดินทางมา
ราบรื่นดีหรือไม่ เหตุใดท่านถึงเพิ่งเร่งมาถึงเมื่อวานตอนเช้าเล่า ข้าคิดว่าท่านจะไม่มาแล้วเสียอีก
โย่วจิ่นและจงจิ่นเล่า ยังนอนหลับอยู่หรือ”
“นายท่านสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีมาโดยตลอด” หลี่ซื่อกล่าว รอยยิ้มเปลี่ยนเป็นขมขื่น
ขึ้นเล็กน้อย “เรื่องนี้ต้องโทษข้า นายท่านให้ข้ามาถึงก่อนสักสองสามวัน ข้าก็กลัวว่าข้างกายนาย
ท่านไม่มีคนคอยดูแลสักคน จึงล่าช้าไปสองสามวัน ผู้ใดจะรู้ว่าเพลารถม้ากลับเสียกลางทาง ไม่
ง่ายเลยกว่าจะซ่อมเสร็จ เกือบจะถูกคนส่งจดหมายของสํานักส่งข่าวเหล่านั้นชนเข้าแล้ว จงจิ่นตก
ใจกลัวจนร้องไห้งอแงเสียงดัง ปลอบอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น ข้ากลัวว่าเด็กๆ จะเจอกับอะไรไม่ดีเข้า ก็
เลยหาวัดเซนฉาน 2911หนึ่งพักกันก่อน หาหมอมาดูอาการให้จงจิ่นผู้หนึ่ง จ่ายยาลดความวิตกกังวล
ให้สองสามเทียบ นี่หากไม่รีบมาก็คงจะช้าไปแล้ว!”
โจวเสาจิ่นรีบกล่าว “แล้วจงจิ่นดีขึ้นหรือยัง จงจิ่นไม่สบายถือเป็นเรื่องใหญ่ ท่านควรจะ
พักระหว่างทางสักสองสามวันก่อน!”
โจวจงจิ่นเป็นบุตรชายคนเดียวของบิดา
หลี่ซื่อรีบกล่าวยิ้มๆ ว่า “หายดีแล้วๆ! หายดีนานแล้ว! ไม่อย่างนั้นเมื่อวานคงยังไม่อาจ
เร่งเดินทางมาตั้งแต่เช้าตรู่”
เมื่อวานยุ่งมากเกินไป โจวเสาจิ่นเองก็ไม่ทันได้พูดคุยกับหลี่ซื่อดีๆ