ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 538 ญาติสนิท
โจวเสาจิ่นจึงพูดคุยกับหลี่ซื่อเรื่องจิปาถะในบ้านขึ้นมา พูดถึงเรื่องน่าขบขันของโย่วจิ่น
และจงจิ่น ดวงหน้าของหลี่ซื่อแย้มรอยยิ้มออกมา เห็นบิดาและหลี่ซื่อใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข
เช่นนี้ โจวเสาจิ่นเองก็ดีใจแทนพวกเขาด้วย
ไม่นาน โย่วจิ่นและจงจิ่นก็ตื่น
พวกแม่นมแต่งตัวให้ทั้งสองคนเรียบร้อยแล้วก็พาออกมาพบโจวเสาจิ่น
จงจิ่นไม่เคยเจอโจวเสาจิ่นมาก่อน แม้นโย่วจิ่นจะเคยพบโจวเสาจิ่นมาก่อน ทว่าเวลานั้น
ยังเล็ก จึงจําไม่ได้แล้ว
เด็กทั้งสองคนมองโจวเสาจิ่นอย่างสงสัยใคร่รู้ มีแม่นมของแต่ละคนพาไปโขกศีรษะให้
โจวเสาจิ่น
ของขวัญพบหน้าที่โจวเสาจิ่นมอบให้โจวจงจิ่นคือสร้อยคอทองคําห้อยจี้กุญแจอายุยืน
ของโจวโย่วจิ่นเป็นพู่อัญมณีลํ้าค่า นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เครื่องเขียนและอุปกรณ์เย็บปักถักร้อย
บรรจุเต็มหีบหนึ่งหีบ
เด็กทั้งสองคนกล่าวขอบคุณ ยืนข้างหลี่ซื่อซ้ายคนหนึ่งขวาคนหนึ่ง ดูเรียบร้อยเชื่อฟังยิ่ง
นัก ทว่าดวงตาคู่หนึ่งกลับเอาแต่มองมาที่อวิ้นเกอเอ๋อร์ไม่หยุด
โจวเสาจิ่นเห็นแล้วเม้มปากกลั้นยิ้ม ชี้ไปที่เด็กทั้งสองกล่าวกับอวิ้นเกอเอ๋อร์ว่า “นี่คือน้า
ชาย ส่วนนี่คือน้าหญิง” กล่าวกับเด็กทั้งสองอีกว่า “รอให้เขาโตอีกสักหน่อย ข้าจะให้เขาโขกศีรษะ
ให้พวกเจ้า”
โจวจงจิ่นซุกดวงหน้าแอบอยู่ในอ้อมกอดของหลี่ซื่ออย่างขัดเขิน โจวโย่วจิ่นกลับกล่าวขึ้น
ว่า “เช่นนั้นพวกเราก็ต้องให้ของขวัญพบหน้าด้วยใช่หรือไม่ คราวก่อนท่านลุงของข้ามาที่บ้านให้4992
ปลาเหลืองข้ามาตัวหนึ่ง ทุกคนต่างพูดกันว่าสวย ถึงเวลาให้เขาเป็นของขวัญพบหน้าได้หรือไม่
เจ้าคะ” ประโยคสุดท้ายกลับเงยหน้าขึ้นถามหลี่ซื่อ
หลี่ซื่อพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ลูบศีรษะของโจวโย่วจิ่นอย่างยิ้มแย้ม กล่าวชมนางติดๆ กัน
ว่า “เจ้าเป็นผู้อาวุโส ต่อไปอยู่กับอวิ้นเกอเอ๋อร์ต้องดูแลเขาให้ดี เข้าใจหรือไม่”
โจวโย่วจิ่นพยักหน้า ก้าวออกไปจับมืออวิ้นเกอเอ๋อร์ไว้ กล่าวว่า “แม่นมของข้าทําขนม
ดอกกุ้ยฮวาให้ข้า พวกเราไปกินขนมดอกกุ้ยฮวากันดีหรือไม่”
อวิ้นเกอเอ๋อร์หันร่างหนีไม่ยอมให้นางดึงมือตน
โจวโย่วจิ่นเสียใจเล็กน้อย
โจวเสาจิ่นกลับรู้สึกเอ็นดูยิ่ง กล่าวกับโจวโย่วจิ่นเสียงนุ่มว่า “ตอนนี้อวิ้นเกอเอ๋อร์ยังกิน
อะไรไม่ได้ รอให้เขาโตก็กินขนมดอกกุ้ยฮวาของเจ้าได้แล้ว” กล่าวจบ กล่าวกับหลี่ซื่อยิ้มๆ ว่า
“ตอนนั้นโยว่จิ่นไม่พูด ข้าและท่านพี่เป็นห่วงนางยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าตอนนี้นางไม่เพียงกล่าวได้
อย่างชัดถ้อยชัดคํา ยังเป็นตัวของตัวเองไม่ขลาดกลัว นี่ช่างตรงกับที่ว่าเด็กสาวเติบโตสิบแปดครั้ง
นั่นจริงๆ ยิ่งโตก็ยิ่งงดงาม!”
หลี่ซื่อได้ยินแล้วก็ดีใจเป็นอย่างมาก กล่าวยิ้มๆ ว่า “นี่ก็เป็นเพราะนายท่านสั่งสอนมาดี
นายท่านจ้างคนมาสองคน มาพูดคุยกับโย่วจิ่นทุกวัน โย่วจิ่นจึงค่อยๆ เริ่มพูดขึ้นมา”
ขณะที่ทั้งสองกําลังพูดคุยกันอยู่ มีสาวใช้เด็กวิ่งเข้ามา กล่าวว่า “สะใภ้ใหญ่เลี่ยวที่ซอ
ยอวี๋ซู่มาเจ้าค่ะ”
คาดว่าคงมาเยี่ยมหลี่ซื่อ
โจวเสาจิ่นรีบกล่าว “รีบเชิญเข้ามา!” ออกไปต้อนรับโจวชูจิ่นกับหลี่ซื่อ4993
ผู้ใดจะรู้ว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์กลับโอบคอของโจวเสาจิ่นไว้ไม่ปล่อย แม่นมจะมาอุ้มเขา เขาจึง
แผดเสียงร้องไห้ออกมา สั่นคลอนหัวใจคนจนเจ็บไปหมด
โจวเสาจิ่นได้แต่กล่าวกับหลี่ซื่อที่มองนางด้วยดวงหน้าอันเต็มไปด้วยแววขออภัยยิ้มๆ ว่า
“ไม่เป็นไร ข้าอุ้มเขาไว้ก็ได้แล้ว”
หลี่ซื่อเห็นอวิ้นเกอเอ๋อร์เศร้าเสียใจจริงๆ ก็รู้สึกปวดใจไม่น้อย จึงไม่บีบคั้นโจวเสาจิ่น
กล่าวเพียงว่าหากรู้สึกหนัก นางจะช่วยอุ้มอวิ้นเกอเออร์ด้วยก็แล้วกัน
โจวเสาจิ่นกล่าวขอบคุณยิ้มๆ
อวิ้นเกอเอ๋อร์เห็นว่าไม่มีใครมาอุ้มเขาแล้ว ไม่นานก็หยุดร้องไห้อย่างรวดเร็ว
โจวเสาจิ่นเห็นหางตาของเขามีนํ้าตาหยดใหญ่ประดับอยู่ หอมบุตรชายครั้งหนึ่งอย่างอด
ไม่ได้ กล่าวยิ้มๆ เสียงเบาประโยคหนึ่งว่า “เจ้าตัวแสบ”
อวิ้นเกอเอ๋อร์มองนางพร้อมกับยิ้มทะเล้น
โจวเสาจิ่นพ่ายแพ้แล้ว
โจวชูจิ่นไม่เพียงนําของขวัญมาเป็นจํานวนมาก ยังพากวนเกอที่อายุสามขวบแล้วมาด้วย
กวนเกอเอ๋อร์และโจวโย่วจิ่นเล่นด้วยกันอย่างรวดเร็ว เดินตามหลังโจวโย่วจิ่นเรียก “น้า
สาวเล็ก น้าสาวเล็ก” โจวจงจิ่นที่อยู่ในอ้อมแขนของแม่นมดีดดิ้นอย่างอดรนทนไม่ได้ไม่หยุด
โจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ มองแล้วต่างหัวเราะดังลั่นไม่หยุด
โจวชูจิ่นจึงเอ่ยถึงเลี่ยวเส้าถังขึ้นมา “…รอให้ผ่านพ้นเทศกาลไหว้พระจันทร์ไป ก็จะไม่ไป
ที่สํานักฮั่นหลินแล้ว เขาต้องเตรียมตัวลงสนามสอบปีหน้า สองปีนี้ได้รับการดูแลจากใต้เท้าเฉิง
ข้าตั้งใจว่าประเดี๋ยวจะไปกล่าวขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่ากัวสักครั้ง และบอกกล่าวเรื่องนี้กับนางด้วย”4994
โจวเสาจิ่นพยักหน้าพลางขานตอบยิ้มๆ ว่า “เจ้าค่ะ” กล่าวว่า “ข้ายังมีหมึกดีๆ อยู่อีก
หลายแท่ง นายท่านสี่สะสมเอาไว้ ประเดี๋ยวจะไปหามาให้ท่าน ให้พี่เขยใช้ตอนลงสนามสอบ”
การสอบขุนนางให้ความสําคัญกับตัวอักษรเป็นอย่างมาก มีหมึกดี ตัวอักษรที่เขียน
ออกมาก็งดงามกว่าปกติ นอกจากนี้ยังเป็นของที่เฉิงฉือสะสมมาอีก
โจวชูจิ่นจึงไม่เกรงใจน้องสาว
ทั้งสามคนพูดคุยกันครู่หนึ่ง จากนั้นไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วยกัน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองห้องที่เต็มไปด้วยเด็กๆ ต่างคนต่างมีความงดงามของตัวเอง ดวงหน้า
จึงแต้มไปด้วยรอยยิ้มตาหยี รีบให้สาวใช้ไปหยิบขนมมาให้พวกโย่วจิ่นกิน รั้งให้หลี่ซื่อพักอยู่ที่
บ้านสักสองสามวัน อีกทั้งนัดแนะกันว่าอีกสองวันจะไปวัดต้าเซียงกั๋ว ไปไหว้พระและกินอาหารเจ
ที่วัดไป๋ อวิ๋นก้วน
ชั่วขณะนั้นภายในเรือนทิงเซียงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและหัวเราะ
เฉิงฉือยืนอยู่หน้าประตูของเรือนทิงเซียงได้ยินเสียงหัวเราะจากด้านใน ดวงหน้าปรากฏ
รอยยิ้มขึ้นมาบางๆ บอกบ่าวชายไม่ต้องรบกวนฮูหยินผู้เฒ่ากัว กลับไปที่ห้องหนังสือ
ไหวซานนํากระดาษหนึ่งกองใหญ่วางลงตรงหน้าเฉิงฉือเงียบๆ กล่าวว่า “องค์ชายรอง
ความสามารถน้อย องค์ชายสามความคิดจิตใจคับแคบ องค์ชายห้าขี้ขลาดตาขาว องค์ชายเจ็ด
กระทําสิ่งใดจริงจัง มาตรฐานสูงทว่าความสามารถตํ่า…สู้องค์ชายสี่ไม่ได้เลยขอรับ!”
เฉิงฉือร้อง “หึ” เสียงหนึ่ง กล่าวว่า “ข้ามิใช่องค์ฮ่องเต้ และนี่ก็มิใช่อาณาจักรของข้า!”
ความหมายก็คือ สิ่งที่เขาต้องการคือความตกตํ่าขององค์ชายสี่ ส่วนเรื่องที่ผู้ใดจะเป็น
ฮ่องเต้นั้น เกี่ยวอะไรกับเขาด้วย!4995
ไหวซานอยากจะกล่าวอะไรแต่ก็หยุดไป
เฉิงฉือจึงกล่าวว่า “ฮูหยินทราบเรื่องนี้แล้ว”
ไหวซานจําต้องถอยออกไปด้วยสีหน้าหดหู่
เฉิงฉือเริ่มอ่านข้อมูลที่เขาให้ฮั่วตงถิงไปตรวจสอบเกี่ยวองค์ชายทั้งหลายมา
ไหวซานเดินเข้ามาอีกครั้ง กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าแปลกๆ เล็กน้อยว่า “นายท่านสี่ ใต้
เท้าสือควนของตําหนักองค์ชายสี่อยากเชิญท่านไปกินข้าวที่บ้านของเขาเย็นวันพรุ่งนี้ขอรับ”
เฉิงฉือครุ่นคิด กล่าวขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ทั้งถอยให้เรื่องคนเล่านิทานและส่งของขวัญ
ครบรอบร้อยวันมาอวยพรอวิ้นเกอเอ๋อร์ เกรงว่าครั้งนี้คงเป็นการนําอาหารจานหลักขึ้นโต๊ะแล้ว
ไหวซาน เจ้าไปบอกคนที่มาส่งข่าวว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปอย่างแน่นอน”
ไหวซานโค้งตัวแล้วออกจากห้องหนังสือไป
เฉิงฉือนั่งอ่านเอกสารที่ฮั่วตงถิงส่งมาให้อยู่ในห้องหนังสือเพียงลําพัง เห็นท้องฟ้าค่อยๆ
มืดลงแล้ว ถึงได้เอาเอกสารไปเก็บไว้ในช่องลับด้านหลังตู้หนังสือ จากนั้นไปที่เรือนทิงเซียง
ได้ยินว่าเขามาหา ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและหลี่ซื่อล้วนดีใจเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่ภายในห้องไม่มี
คนอื่น นอกจากโจวชูจิ่นแล้ว หากมิใช่เด็กๆ ก็เป็นผู้อาวุโส โจวชูจิ่นไปอยู่ที่โต๊ะหนังสือฝั่งตะวันตก
เฉิงฉือเข้ามาคารวะมารดาและแม่ภรรยา มอบของขวัญให้น้องสาวภรรยาและน้องชายภรรยา
เป็นสร้อยลูกประคําหยกขาวสิบแปดเม็ดคนละหนึ่งเส้น หลังจากถามไถ่ถึงสุขภาพร่างกายของพ่อ
ภรรยาเสร็จแล้วก็ถอยออกไป
โจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ รับมื้อเย็นที่เรือนทิงเซียง
เฉิงฉือรับมื้อเย็นที่เรือนหลักเพียงลําพัง4996
โจวเสาจิ่นรู้สึกกังวลใจ
ประเดี๋ยวคิดว่าเฉิงฉือกินข้าวคนเดียวจะรู้สึกเหงาแล้วกินลวกๆ เพียงคําเดียวก็กินเสร็จ
แล้วหรือไม่ ประเดี๋ยวนึกถึงเฉิงฉือที่ทุกเย็นเมื่อกลับมาแล้วจะต้องอ่านหนังสือสักพักหนึ่ง ไม่รู้ว่า
ตอนชิงเฟิ งจุดกํายานหอมไม้หนานมู่นั้นจะเติมนํ้าลงไปในถาดกํายานสักหน่อยเพื่อดับกลิ่นควัน
หรือไม่ ประเดี๋ยวคิดว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเฉิงฉือ ทางด้านนายท่านผู้เฒ่าซ่งป่วยติดเตียงลุกไม่
ขึ้นแล้ว ฮูหยินซ่งอยากเลื่อนงานแต่งของซ่งมู่เข้ามา ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะมาปรึกษานาง ไม่รู้ว่าเฉิงฉือ
มีธุระหรือไม่ เมื่อฮูหยินซ่งมาแล้ว เขาจะรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่…ไม่ง่ายเลยกว่านางจะรอจนมื้อ
เย็นเสร็จสิ้นลง อุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์กลับไปที่เรือน
เฉิงฉือสวมชุดผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดซงเจียงสีขาวพระจันทร์ กําลังพิงหัวเตียงอ่านหนังสือ
อยู่
ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขาเงยหน้าขึ้นมา ดวงหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงเรืองรองของ
ตะเกียงไฟยิ่งดูอบอุ่น อ่อนโยนและงดงามมากขึ้น
โจวเสาจิ่นมองแล้วนิ่งงันไปเล็กน้อย
เฉิงฉือหัวเราะคิกออกมาเสียงหนึ่ง วางหนังสือลงยื่นมือไปอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์เข้ามาในอ้อม
แขน กล่าวยิ้มๆ ว่า “วันนี้อวิ้นเกอเอ๋อร์เป็นเด็กดีหรือไม่”
ตั้งแต่ลืมตาบุตรชายก็ไม่มีเวลาได้หยุดพักเลย ทั้งๆ ที่เพิ่งจะผ่านพ้นสามเดือนไป เขาก็
นอนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทุกวันต้องให้คนอุ้มเขาเดินไปทั่วทุกที่
โจวเสาจิ่นส่งลูกให้เฉิงฉือแล้ว จับมือเล็กของบุตรชายไว้กล่าวยิ้มๆ ว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ของ
พวกเราช่างกตัญ�ูจริงๆ รู้ว่าวันนี้มีคนจากข้างนอกมาหา จึงไม่ร้องไม่โวยวาย เชื่อฟังยิ่งนัก”4997
“จริงหรือ” เฉิงฉือยิ้มพลางวางบุตรชายลงบนเตียง นั่งลงข้างเตียงโน้มกายไปหยอก
ล้อเล่นกับเขา
ช่วงนี้สิ่งที่อวิ้นเกอเอ๋อร์ชื่นชอบที่สุดคือคว้าจับนิ้วมือที่ผู้อื่นยื่นส่งมาข้างๆ มือเขาเอาไว้ไม่
ปล่อย หรือไม่ก็จับของอะไรก็ตามที่มาอยู่ข้างๆ มือเขาเอาไว้ไม่ปล่อย
เฉิงฉือจึงตั้งใจยื่นนิ้วมือไปข้างๆ มือเขา รอจนตอนที่เขาไปคว้าก็ดึงนิ้วกลับมาอย่าง
รวดเร็ว เป็นเช่นนี้ซํ้าๆ อยู่หลายต่อหลายครั้ง อวิ้นเกอเอ๋อร์จึงรู้สึกทนไม่ค่อยได้แล้ว
โจวเสาจิ่นสงสารบุตรชายที่ถูกเฉิงฉือกดดันกลั่นแกล้งเช่นนี้ รีบห้ามปรามเฉิงฉือ “ก็แค่
เล่นเป็นเพื่อนลูกเท่านั้น ยอมให้เขาสักหน่อยเถิด…”
เสียงพูดของนางยังไม่ทันจบลง เห็นเพียงว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปคว้านิ้วของเฉิงฉืออีกครั้งแต่
คว้าไม่ถึง มุมปากเม้มแน่นราบเรียบเล็กน้อย หันไปถีบหน้าเฉิงฉือเสียงดัง ปั๊ก ไปหนึ่งฝ่าเท้า
เฉิงฉือตกใจ ถูกอวิ้นเกอเอ๋อร์ถืบเข้าอย่างจังไปหนึ่งครั้ง
สองสามีภรรยาต่างเบื้อใบ้
อวิ้นเกอเอ๋อร์ที่ถีบคนเสร็จแล้วกลับร้องไห้ขึ้นมาอย่างมาเจ็บปวด
โจวเสาจิ่นรีบอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ขึ้นมา ปลอบบุตรชายไปด้วยพลางถามสามีไปด้วยว่า “เจ็บ
หรือไม่ บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ”
เฉิงฉือลูบใบหน้า หัวเราะฮ่าออกมาดังลั่น
ตลอดชีวิตเขายังไม่มีผู้ใดกล้าถีบหน้าเขา ตอนนี้กลับปล่อยให้บุตรชายถีบเสียแล้ว
เฉิงฉือกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “คิดไม่ถึงว่ามือเท้าของเจ้าตัวเล็กจะดีขนาดนี้ รอให้โต
อีกหน่อยจะให้เรียนฝึกยุทธ์กับข้าก็แล้วกัน”4998
“เช่นนั้นพรรคเจ็ดดาราจะทําอย่างไรเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นรีบถามอย่างร้อนใจ
นางไม่อยากให้บุตรชายของตัวเองไปเป็นหัวหน้าพรรคเจ็ดดาราอะไรนั่น ทําธุรกิจมืด
เสี่ยงอันตรายโดยไม่คํานึงถึงชีวิต
เฉิงฉือยิ้มพลางหอมแก้มอมชมพูของโจวเสาจิ่น กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “เจ้าวางใจเถิด
เพียงอยากให้เขามีร่างกายแข็งแรงเท่านั้น”
โจวเสาจิ่นวางใจลงมาได้
สองสามีภรรยาประเดี๋ยวก็ถือกระพรวนไว้ ประเดี๋ยวก็ปรบมือ กว่าครู่ใหญ่ถึงจะหลอก
ล่ออวิ้นเกอเอ๋อร์สําเร็จ ให้แม่นมอุ้มไปล้างหน้าบ้วนปาก
เฉิงฉือทอดถอนใจกล่าวราวกับได้ปลดภาระอันหนักอึ้งออกไปกล่าวว่า “การหลอกล่อ
เด็กนี้มิใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”
โจวเสาจิ่นขําไม่หยุด
บ่าวชายวิ่งเหนื่อยหอบเข้ามากล่าวรายงานว่า “นายท่านสี่ นายท่านใหญ่เวิ่นที่ประตู
เฉาหยางให้บ่าวชายมาที่นี่ บอกว่าไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้ท่านไปหาสักครั้งหนึ่ง คุณชายใหญ่นั่ว
กลับมาแล้ว สะใภ้ใหญ่นั่วและคุณชายใหญ่นั่วทะเลาะกัน สะใภ้ใหญ่นั่วต้องการแขวนคอฆ่าตัว
ตาย ตอนนี้ช่วยคนลงมาได้แล้ว นายท่านใหญ่เวิ่นต้องการส่งสะใภ้ใหญ่นั่วกลับจินหลิง อยากให้
ท่านไปเป็นพยานให้สักคนหนึ่ง คนตระกูลอู๋จะได้ไม่คิดว่าตระกูลเฉิงรังแกสะใภ้ใหญ่นั่ว ยัง
อยากจะขอยืมคนคุ้มกันแข็งแรงมีฝีมือสักสองสามคนจากท่านคุ้มกันสะใภ้ใหญ่นั่วลงใต้ด้วย
ขอรับ”
เฉิงฉือมิใช่ทั้งผู้นําตระกูลและพี่ชายคนโตของเฉิงเวิ่น เหตุใดต้องไปยุ่งเรื่องพวกนี้ด้วย!
โจวเสาจิ่นกอดแขนของเฉิงฉือเอาไว้แน่น4999
เฉิงฉือครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวกับบ่าวชายผู้นั้นว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว เนื่องจากช่วยชีวิตสะใภ้
ใหญ่นั่วได้แล้ว ให้นายท่านเวิ่นส่งคนไปเฝ้านางไว้ก็พอ มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีก็แล้ว
กัน!”
บ่าวชายวิ่งออกไปแจ้งข่าวอย่างรวดเร็วดุจควันสายหนึ่ง
เฉิงฉือจึงถามโจวเสาจิ่นยิ้มๆ ว่า “ไม่อยากให้ข้าไปหรือ”
“อื้อ!” โจวเสาจิ่นพยักหน้า พิงอยู่ในอ้อมแขนของเฉิงฉือ กล่าวเสียงเบาว่า “เรื่องประเภท
นี้เป็นเรื่องที่ต่างคนต่างก็มีเหตุและผลเป็นของตัวเอง ข้าไม่ชอบอู๋เป่าจาง แต่การที่นายท่านเวิ่น
อยากให้แม่นางคังที่หกเป็นภรรยาที่ทัดเทียมกัน ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจนัก ทั้งสองฝ่ายล้วนไร้เหตุผล
ข้าไม่อยากให้ท่านไปยุ่งเรื่องของพวกเขาเจ้าค่ะ”