ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 539 ส่งตัวกลับ
เฉิงฉือจึงถูจมูกโจวเสาจิ่นเบาๆ กล่าวยิ้มๆ ว่า “เชื่อฟังเจ้า พวกเราไม่ไป”
โจวเสาจิ่นยิ้มตาหยี กล่าวอย่างออดอ้อนว่า “ไม่ควรไปตั้งแต่แรกอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
เฉิงฉือกอดโจวเสาจิ่น อดทอดถอนใจอยู่ในใจไม่ได้
ในที่สุดสาวน้อยของเขาก็รู้จักกล่าวคําว่า “ไม่” กับเขาแล้ว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น สองสามีภรรยาพาอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัว คิดไม่ถึงว่าฮู
หยินผู้เฒ่ากัวจะมีคนอยู่ในห้องด้วย
เจินจูกระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “เป็นหมัวมัวแม่บ้านที่ฮูหยินหยวนส่งมาเจ้าค่ะ บอกว่า
สะใภ้ใหญ่นั่วที่ประตูซีจื๋อทางด้านโน้นแขวนคอตัวเองแต่ไม่สําเร็จ แม้ตอนนี้จะช่วยลงมาได้แล้ว
แต่อารมณ์ร้ายยิ่ง ร้องไห้โวยวายกว่าครึ่งค่อนคืน รบกวนไปถึงนายท่านใหญ่และคุณชายใหญ่
ต่างไปเกลี้ยกล่อมนายท่านใหญ่เวิ่นอยู่ที่ประตูซีจื๋อทางโน้น นายท่านใหญ่ยังให้บ่าวข้างกายเร่ง
กลับไปหยิบชุดที่ซอยซิ่งหลินล้างหน้าล้างตาอย่างรีบร้อนครั้งหนึ่งแล้วก็ไปที่ท้องพระโรงเลยเจ้า
ค่ะ”
เฉิงฉือขมวดคิ้วมุ่น กล่าวกับโจวเสาจิ่นยิ้มๆ ว่า “ไม่แปลกที่ผู้อื่นล้วนกล่าวกันว่าภรรยาดี
คือความสงบสุขครึ่งหนึ่ง”
ถึงกับกล่าวเรื่องพวกนี้ต่อหน้าข้ารับใช้ในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่ากัว
โจวเสาจิ่นหน้าแดงซ่าน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าในใจเต็มไปด้วยความหอมหวาน
ด้านเฉินเซียงกลับรีบไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่ากัว5001
ไม่นาน หมัวมัวแม่บ้านของซอยซิ่งหลินก็ออกมาจากภายในห้อง ย่อเข่าทําความเคารพ
และทักทายโจวเสาจิ่นกับเฉิงฉือ จากนั้นได้เฉินเซียงพาถอยออกไป
เจินจูเลิกผ้าม่านขึ้น
โจวเสาจิ่นอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์เดินตามหลังเฉิงฉือเข้าไปในห้อง
เนื่องจากเพิ่งตื่นนอน หน้าต่างภายในห้องล้วนเปิดออกให้อากาศไหลเวียน อากาศเย็น
เล็กน้อยให้ความรู้สึกสะอาดและสดชื่น ทําให้คนสูดเข้าไปแล้วสดชื่นมีชีวิตชีวา
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับรีบสั่งการเจินจูว่า “รีบปิดหน้าต่างเสีย อวิ้นเกอเอ๋อร์มาแล้ว ระวังจะ
ทําให้เขาหนาวจนแข็งได้” แล้วก็หันไปยื่นมือให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ “เด็กดี มาหาย่ามา”
อวิ้นเกอเอ๋อร์ยิ้มกว้าง ทําเอาฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวใจละลายไปหมด รีบสั่งการเจินจูและคน
อื่นๆ ว่า “ไป รีบไปหยิบขนมเกาลัดที่นายท่านใหญ่เอามาให้เมื่อหลายวันก่อนนั้นเข้ามา”
เป็นของที่องค์ฮ่องเต้ประทานให้ตอนที่เฉิงจิงไปปฏิบัติหน้าที่ในวังหลวง รู้ว่าดีสําหรับคน
มีอายุ จึงให้คนส่งมาให้เป็นพิเศษ
โจวเสาจิ่นรีบกล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ อวิ้นเกอเอ๋อร์ยังกินของพวกนี้ไม่ได้เจ้าค่ะ!” ขณะที่
กล่าว ก็อุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์เข้าไปให้
“ดูความจําข้าสิ!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มพลางรับอวิ้นเกอเอ๋อร์มาอุ้มไว้ กล่าวกับเจินจูว่า
“เช่นนั้นก็ไปเทนมแพะมาให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกข้าสักถ้วย”
อวิ้นเกอเอ๋อร์นั้นแม้แต่นมของแม่นมยังไม่ยอมกิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนมแพะเลย
โจวเสาจิ่นไม่กล้าห้ามปรามฮูหยินผู้เฒ่ากัวอีก หันไปมองเฉิงฉือ5002
เฉิงฉือมีท่าทางสงบ กล่าวขึ้นว่า “ท่านแม่ อวิ้นเกอเอ๋อร์เพิ่งกินนมมา ท่านนึกขึ้นได้ก็จะ
ป้อนนมให้เขาเช่นนี้ ประเดี๋ยวเขาก็ไม่กินนมอีก ท่านป้อนนํ้าเปล่าให้เขาสักหน่อยก่อนดีกว่า วันนี้
ตื่นเช้ามาจนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ดื่มนํ้าสักหยดเลย เด็กคนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไม่ยอมดื่มนํ้า
ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา กล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่า “นั่นเป็น
เพราะพวกเจ้าป้อนไม่เป็นต่างหาก!” จากนั้นตะโกนบอกให้เจินจูรินนํ้า
เจินจูและคนอื่นๆ ไหนเลยจะกล้าชักช้า รีบยกนํ้าอุ่นเข้ามา
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรองผ้าเช็ดหน้าเนื้อบางละเอียดให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ด้วยตัวเอง ใช้ช้อนเงินทรง
ใบแปะก๊วยป้อนนํ้าให้อวิ้นเกอเอ๋อร์
อวิ้นเกอเอ๋อร์ชิมไปครึ่งคํา ถุยนํ้าที่เหลืออยู่ออกมา
ฮูหยินผู้เฒ่าใช้ตุ๊กตาผ้าลายเสือหลอกล่อให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ดื่มนํ้า แล้วก็ใช้ใบแปะก๊วยเงิน
บนช้อนหยอกล้ออวิ้นเกอเอ๋อร์เล่น แต่ไม่ว่าทําอย่างไร อวิ้นเกอเอ๋อร์ก็ไม่ยอมดื่มนํ้า ต่อให้บังเอิญ
ป้อนเข้าไปได้หนึ่งคํา เขาก็ถุยออกมาทันที
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเช็ดนํ้าลายให้เขา หัวเราะร่าพลางกล่าวกับเฉิงฉือว่า “เจ้าว่าเหตุใดเขาถึง
เฉลียวฉลาดขนาดนี้ รู้ว่านี่คือนํ้าเปล่า ไม่มีรสชาติ จึงไม่ชอบดื่ม!”
เฉิงฉือไม่กล่าวอะไร เห็นว่าเวลาไม่เช้าแล้ว จึงลุกขึ้นไปที่ว่าการ
โจวเสาจิ่นไปส่งเฉิงฉือที่ประตู
เฉิงฉือกระซิบกล่าวกับนางว่า “ไม่อาจให้ท่านแม่เลี้ยงลูก คิดถึงเมื่อก่อน หากพวกข้ากล้า
ถุยของที่กินเข้าปากไปแล้วออกมา ก็รอถูกฟาดด้วยไม้เรียวได้เลย! เจ้าดูที่ท่านแม่ทํากับอวิ้นเกอ
เอ๋อร์ อะไรก็ดีไปหมด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะเลี้ยงจนกลายเป็นคนเสเพลไม่เอาไหนเป็น5003
แน่ เรื่องลูก เป็นเจ้าดูแลให้มาก พยายามเลี้ยงด้วยตัวเองให้มากที่สุดดีกว่า รอเขาอายุสามขวบ
แล้ว ข้าจะมาสอนเขาเอง”
ให้เขาเลี้ยงด้วยตัวเอง
โจวเสาจิ่นรู้สึกว่าเฉิงฉือทําเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปเล็กน้อย
บุตรชายคนเล็กหลานชายคนโตล้วนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฮูหยินผู้เฒ่า ตอนนี้ลูกยัง
เล็ก ตามใจสักหน่อยก็ไม่เป็นไร ขอเพียงไม่ลืมกฎระเบียบก็พอแล้ว
แต่เฉิงฉือสั่งการลงมาแล้ว ต่อไปนางจะเล่นเป็นเพื่อนลูกให้มากก็แล้วกัน
โจวเสาจิ่นขานรับคํา “เจ้าค่ะ” อย่างเชื่อฟัง มองเฉิงฉือขึ้นเกี้ยวแล้วถึงได้กลับไปที่เรือนทิง
เซียง
ภายในเรือน ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยังคงป้อนนํ้าให้อวิ้นเกอเอ๋อร์อย่างใจเย็น อวิ้นเกอเอ๋อร์กลับ
เริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา ปัดชามที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถืออยู่ในมือควํ่า นํ้าหกลงบนเตียงเตา
โจวเสาจิ่นตกใจเป็นการใหญ่ ร้องขึ้นเสียงหนึ่งว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์” ด้วยใบหน้าเคร่ง
อวิ้นเกอเอ๋อร์คล้ายกับรู้ว่าตนทําให้มารดาโกรธแล้ว ปากน้อยๆ เบะออก ร้องไห้แงออกมา
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรีบกล่าว “เด็กยังไม่รู้เรื่อง ทําชามควํ่ามีอะไรให้ต้องตื่นตระหนกกัน เจ้าทํา
ให้ลูกตกใจเช่นนี้คุ้มค่าแล้วหรือ” จากนั้นหมุนกายไปตบอวิ้นเกอเอ๋อร์เบาๆ พลางปลอบเขาเสียง
อบอุ่นว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราเป็นบุรุษผู้กล้า ไม่ร้องนะไม่ร้อง ย่าจะซื้อขนมให้เจ้ากิน”
กล่าวจบ คงนึกได้ว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ยังกินขนมไม่ได้ จึงกล่าวอีกว่า “รอให้อวิ้นเกอเอ๋อร์โตขึ้นแล้ว
ย่าจะซื้อของอร่อยๆ มาให้เจ้ากินเยอะๆ”
แม้นอวิ้นเกอเอ๋อร์ยังเล็ก แต่ก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ของพวกผู้ใหญ่5004
รู้ว่าเวลานี้โจวเสาจิ่นกําลังโกรธ เขาจึงพาดตัวร้องไห้เสียงดังอยู่บนหัวไหล่ของฮูหยินผู้
เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวสงสารเหลือเกิน เอ่ยปลอบเขา “เด็กดีๆ” กว่าครู่ใหญ่ จึงกล่าวว่า “ไม่
อยากดื่มนํ้าก็ไม่ต้องดื่ม อวิ้นเกอเอ๋อร์ของข้าอยากดื่มตอนไหนค่อยดื่ม”
โจวเสาจิ่นมองแล้ว พลันรู้สึกว่าคําพูดของเฉิงฉือก็มิใช่ว่าไร้เหตุผล
กระทั่งหลอกล่ออวิ้นเกอเอ๋อร์เสร็จ ทั้งร่างของฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็เต็มไปด้วยเหงื่อ อวิ้นเกอ
เอ๋อร์จึงเตะเท้าเล็กๆ ไปมาต้องการออกไปข้างนอก โจวเสาจิ่นจึงสวมหมวกให้บุตรชายแล้วส่งให้
แม่นม ตัวเองปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่ากัวผลัดเปลี่ยนอาภรณ์
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอดทอดถอนหายใจไม่ได้ “แก่แล้วๆ! นึกถึงเจ้าสี่ตอนนั้น ข้าอุ้มทั้งวันก็ไม่
รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่นิดเดียว คงต้องยอมรับว่าแก่แล้วจริงๆ!”
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “เป็นอวิ้นเกอเอ๋อร์ที่ซนเกินไป ไหนเลยจะเหมือนเด็กอายุรุ่นราว
คราวเดียวกับเขา ก็เลยไม่ชอบอยู่ในบ้าน”
“เป็นเพราะเขาฉลาดอย่างไร!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหาข้ออ้างให้หลานชาย ปล่อยให้สาวใช้
ประคองขึ้นไปบนเตียงเตาข้างหน้าต่าง รับชาที่โจวเสาจิ่นยกมาให้ขึ้นจิบสองคํา กล่าวขึ้นว่า
“ด้านของพี่ชายเวิ่นของพวกเจ้าทางโน้นเกิดเรื่องขึ้น พวกเจ้าคงรู้แล้วกระมัง”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นเล่าเรื่องที่เมื่อคืนเฉิงเวิ่นให้คนมาหาเฉิงฉือให้ฮูหยินผู้
เฒ่ากัวฟัง แต่กลัวฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะคิดว่านางยุยงมิใช่เฉิงฉือช่วยเหลือพี่น้อง จึงไม่ได้เล่าเรื่องที่
ตนขัดขวางไม่ให้เฉิงฉือไปให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟัง5005
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วพยักหน้า กล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าไม่ไปก็ถูกต้องแล้ว แม้อู๋ซื่อผู้นั้น
จะมีความผิด แต่การกระทําของหลานเวิ่นก็ไม่ถูกต้อง พวกเราไม่อาจส่งเสริมผู้กระทําเรื่องไม่
ถูกต้องได้ ภรรยาตําแหน่งทัดเทียมกันอะไรกัน ให้คนได้หัวเราะจนฟังร่วงแล้ว”
โจวเสาจิ่นโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ขานรับยิ้มๆ ว่า “เจ้าค่ะ”
มีสาวใช้เข้ามารายงานว่า “ฮูหยินใหญ่มาเจ้าค่ะ”
คาดว่าคงมาด้วยเรื่องของครอบครัวเฉิงเวิ่น
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวบอกให้เชิญเข้ามาเสียงหนึ่ง สาวใช้เด็กพาหยวนซื่อเดินเข้ามา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนพักผ่อนดีๆ หรือเป็นเพราะความจริงแล้วยังไม่ได้นอน
กันแน่ สีหน้าของหยวนซื่อดูซีดเซียวและเหนื่อยล้า
หลังจากก้าวออกมาทําความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว โจวเสาจิ่นให้สาวใช้เด็กยกเก้าอี้
มาให้หยวนซื่อ ถามนางอย่างสุภาพว่ารับมื้อเช้ามาหรือยัง ในครัวยังตุ๋นไก่กระดูกดําไว้อีกครึ่งตัว
ต้องการให้ทําบะหมี่นํ้าไก่กระดูกดําให้นางหรือไม่
อาจเป็นเพราะหยวนซื่อเหนื่อยจริงๆ ถึงกับกล่าวกับโจวเสาจิ่นอย่างสุภาพประโยคหนึ่ง
ว่า “เช่นนั้นก็รบกวนน้องสะใภ้แล้ว”
โจวเสาจิ่นสั่งการลงไป
ตอนกลับมาถึงห้องรับแขกก็ได้ยินหยวนซื่อกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “…นายท่านใหญ่
เวิ่นตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ข้าเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่เป็นผล ตอนจากมาบ่าวชายของเขาและป้า
รับใช้สองสามคนกําลังช่วยกันเก็บของลงหีบสัมภาระให้ภรรยาของหลานนั่ว บอกว่าเช้าตรู่วัน
พรุ่งนี้จะส่งภรรยาของหลานนั่วกลับไปดูแลฮูหยินใหญ่เวิ่นที่จินหลิงเจ้าค่ะ!”5006
“เหลวไหล!” ดวงหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ากัวพลันเคร่งขึ้นมา กล่าวเสียงเคร่งว่า “นี่เขาเป็น
พ่อสามีประสาอะไร ถึงกับให้บ่าวชายและป้ารับใช้ไปยุ่งกับข้าวของของบุตรสะใภ้ ข่าวแพร่
ออกไปเขายังอยากจะเป็นคนอยู่หรือไม่!”
“ข้าเองก็กล่าวเช่นนี้” หยวนซื่อกล่าวอย่างไร้ทางเลือก “แต่เขาต้องฟังด้วยถึงจะใช้การได้
ตอนนี้เขาตั้งหน้าตั้งตาจะส่งภรรยาของหลานนั่วกลับไป เพื่อจัดแจงที่ให้คนข้างนอกผู้นั้นท่าเดียว
เห็นเขาเป็นเช่นนี้ ข้าจึงประกาศกร้าวไปว่า หากเขาเป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเรื่องภายใน
บ้านของพวกเขาข้าจะไม่ยุ่งอีก ให้พวกเขาจัดการกันเอาเอง เขาได้ยินข้าพูดเช่นนี้ก็ดูมีความคิด
จะเปลี่ยนใจเล็กน้อย ข้าเป็นห่วงว่าถ้าเขายืนกรานทําอย่างที่ตัวเองต้องการขึ้นมาทุกคนจะ
ทะเลาะกัน จึงแสร้งทําเป็นโมโหแล้วมาหาท่านที่นี่” กล่าวจบ นางลูบหน้าอกพลางกล่าว “ก็มิใช่
แสร้งทําเสียทีเดียว พวกเขาทําให้ข้าโมโหจนจวนจะระเบิดออกมาแล้วจริงๆ”
เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวเองก็ไม่ชอบวิธีการของเฉิงเวิ่นเป็นอย่างมาก กล่าวกับหยวน
ซื่อว่า “เรื่องนี้เจ้าอย่าสนใจอีกเลย เขาอยากทําเรื่องบ้าๆ อย่างไรก็ให้ทําไป เพียงแต่ต้องจําเอาไว้
แม้นเขาจะแซ่เฉิง แต่พวกเรากับซอยจิ่วหรูแยกตระกูลกันแล้ว หากเขาไม่เห็นแก่หน้าของตระกูล
เฉิงของพวกเรา ข้าเองก็ย่อมไม่เห็นแก่หน้าของเขาด้วยเช่นกัน”
หยวนซื่อได้ยินแล้วสีหน้าดูมีชีวิตชีวาขึ้น
ตกเย็น เฉิงเซ่ามาหา สอบถามว่าตกลงเรื่องราวของครอบครัวเฉิงเวิ่นเป็นมาอย่างไรกัน
แน่ “…วันนี้ตอนข้าเลิกงานบังเอิญพบกับผู้พิพากษาของที่ว่าการเขตซุ่นเทียนพอดี เหตุใดเขาถึง
บอกข้าว่าเฉิงเวิ่นต้องการสู่ขอภรรยาตําแหน่งทัดเทียมกันให้นั่วเกอเอ๋อร์ ยังไปยื่นเอกสารลง
ลายมือชื่อที่ที่ว่าการ และต้องการเชิญผู้พิพากษาของที่ว่าการเขตซุ่นเทียนไปดื่มสุราด้วย”
ก่อนหน้านี้ตอนที่ทุกคนได้ยินเฉิงเวิ่นพูดขึ้นมายังคิดว่าเขาเพียงครํ่าครวญเพราะไม่พอใจ
เท่านั้น ไม่มีใครคิดว่าเขาจะทําเช่นนี้จริงๆ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงการไปพูดกับเฉิงเซ่าเลย5007
ตอนนี้เฉิงเซ่ามาหาถึงบ้าน รู้ว่าปิดบังเรื่องราวต่อไปไม่ได้แล้ว จําต้องเล่าเรื่องราวที่ผ่าน
มาให้เฉิงเซ่าฟัง
ในสายตาของโจวเสาจิ่นนั้นเฉิงเซ่าเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยนและใจกว้างผู้หนึ่ง คิดไม่ถึงว่า
เฉิงเซ่าจะโมโหรุนแรงขนาดนี้
นางอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปหลบอยู่ในห้องของตัวเอง
ไม่นานเฉิงฉือก็กลับมา
รู้ว่าเฉิงเซ่ากําลังอยู่ที่เรือนทิงเซียง ทั้งยังกําลังโมโหอยู่ เฉิงฉือยิ้มขื่นกล่าวกับโจวเสาจิ่น
ว่า “ท่านอารองของข้าผู้นี้ นิสัยเถรตรงเกินไป ทนมองเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ไม่ได้เป็นที่สุด…”
โจวเสาจิ่นฟังแล้วหัวใจกระตุก กดเสียงลงตํ่ากล่าวว่า “ซื่อหลาง ท่านว่า ที่ท่านอารองถูก
สังหารนั้น จะเกี่ยวกับนิสัยของเขาหรือไม่เจ้าคะ อย่างเช่น องค์ชายสี่ปลงพระชนม์องค์ฮ่องเต้…”
เฉิงฉือหัวเราะลั่น กอดนางไว้ในอ้อมแขนลูบผมนางเบาๆ กล่าวว่า “คนธรรมดา จะให้
กําเนิดคนเฉลียวฉลาดเช่นนั้นมาได้อย่างไร!”
โจวเสาจิ่นมองเฉิงฉืออย่างไม่เข้าใจ ทําให้เฉิงฉือหัวเราะดังลั่นออกมาอีกครั้ง
เขากอดนางไว้กระซิบที่ข้างหูนางว่า “คําพูดเหล่านี้พูดกับข้าก็พอ อย่าได้พูดออกไปข้าง
นอก สังหารพี่ชายก็ดีหรือปิตุฆาตก็ดี สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องของอนาคต พูดเร็วเกินไป ผู้อื่นมีแต่
จะคิดว่าเจ้าเป็นบ้า พูดช้าเกินไป หายนะก็มาอยู่หลังกําแพงบ้าน ประเทศชาติวิกฤต ทําให้รู้สึก
ผิดได้”
โจวเสาจิ่นพยักหน้า
ทั้งสองคนไปเรือนทิงเซียงที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพักอาศัยอยู่5008
จากที่ไกลๆ พวกเขาเห็นเฉิงเซ่ากําลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ในสวน