ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 542 มาเยือน
เฉิงจิงสวมชุดจื๋อตัวสีนํ้าเงินไพลินลายเมฆมงคล ชุดที่เฉิงสวี่สวมเป็นชุดจื๋อตัวผ้าไหม
หังโจวสีเขียวเข้มลายดอกสายนํ้าผึ้ง หยวนซื่อสวมชุดทงซิ่วเอ่าแขนกว้างคอป้ายสีแดงสดเหลือบ
ทอง ส่วนหมิ่นเจียสวมชุดเพ่ยจื่อสีดอกกุหลาบลายแจกัน เฉิงจิงภูมิฐานผ่าเผย เฉิงสวี่สงบเสงี่ยม
เรียบร้อย ผิวพรรณดียิ่ง หยวนซื่อดูเหนื่อยล้าซีดเซียว หมิ่นเจียดูหม่นหมองเงียบขรึม
เหมือนกับอัญมีณีที่ผ่านมรสุมคลุกฝุ่น ดูมืดหม่นไร้สีสัน
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ไม่เพียงโจวเสาจิ่นและเฉิงเซิงที่สังเกตเห็น แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็
สังเกตเห็นเช่นกัน
ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจ รอพวกเขาทําความเคารพเสร็จลุกขึ้นมาแล้วถามเฉิงจิงอย่างอดรนทน
ไม่ไหวเล็กน้อยว่า “ภรรยาและสะใภ้ของเจ้าเป็นอะไรหรือ”
เฉิงจิงยิ้มขื่น กล่าวว่า “หกวันก่อนน้องชายเวิ่นส่งภรรยาของนั่วเกอเอ๋อร์กลับจินหลิงแล้ว
ทว่าเมื่อวานซืนกลับให้คนส่งเทียบมาให้ บอกว่าเฉิงนั่วจะแต่งแม่นางคังที่หกผู้นั้นเข้าบ้าน
กําหนดการคือวันนี้ขอรับ…”
ขณะที่เขากล่าว หยวนซื่อหยิบเทียบมงคลใบหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ กล่าวว่า “บอกว่า
นี่สําหรับมอบให้ท่านและน้องสี่ น้องรองและพวกเจิงเจี่ยเอ๋อร์เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหลับตาลงด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ครู่ใหญ่ถึงได้กล่าวขึ้นว่า “เจ้าสี่และ
บุตรเขยเผิงนั่งดื่มชาอยู่ที่ห้องโถง เจ้าใหญ่และเจียซ่านเองก็ไปอยู่เป็นเพื่อนแขกเถิด!”
เฉิงสวี่จึงมองเฉิงจิงครั้งหนึ่ง
เฉิงจิงกลับไม่ว่อกแว่ก ขานรับคําอย่างนอบน้อมว่า “ขอรับ” แล้วถอยออกไป
เฉิงสวี่รีบสาวเท้าตามไป5027
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวกับหมิ่นเจียอย่างใจดีว่า “เจ้าเองก็ไม่ได้มาที่นี่ระยะหนึ่งแล้ว ข้าให้
อาสะใภ้เล็กของเจ้าทํานํ้าเกาลัดที่เจ้าชอบกินที่สุดเอาไว้ ไปกินกับอาเซิงสักหน่อยเถิดไป!”
เห็นชัดว่าต้องการไล่บุรุษและพวกรุ่นเด็กออกไป
หมิ่นเจียขานรับคําอย่างนอบน้อม ถอยออกไปกับเฉิงเซิง
โจวเสาจิ่นรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เห็นหมิ่นเจียและเฉิงเซิงถอยออกไปแล้ว รีบกล่าวว่า
“ท่านแม่ ข้าไปดูที่ศาลาริมนํ้าสักหน่อยนะเจ้าคะว่าเตรียมการไปถึงไหนแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้า
โจวเสาจิ่นรีบเดินออกไปอย่างรีบร้อน
แต่คนยังเดินไม่พ้นฉากกั้น ก็ได้ยินเสียง ปัง หนึ่งดังมาจากด้านหลัง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าว
เสียงดุดันว่า “เจ้าแต่งบุตรสะใภ้เสร็จก็สติเลอะเลือนไปแล้วใช่หรือไม่! อู๋ซื่อตายหรือถูกขับไล่ไป
แล้วอย่างนั้นหรือ แต่งบุตรสะใภ้ เฉิงเวิ่นไม่รู้จักความเหมาะสม ความถูกต้อง ความซื่อสัตย์และ
เกียรติ เจ้าเองก็ไม่รู้จักตามเขาไปด้วยอย่างนั้นหรือ เทียบเชิญเช่นนี้ เจ้าเห็นแล้วก็ควรจะไล่คน
ที่มาส่งเทียบเชิญออกจากบ้านไปถึงจะถูก นี่เจ้ายังจะรับเอาไว้ นอกจากรับเอาไว้แล้ว ยังเอามาที่
ประตูเฉาหยางอีก! เจ้าไม่ชอบที่ชีวิตในบ้านปรกติสุขเกินไป ต้องการสร้างปัญหาให้ทุกคน
ประณามใช่หรือไม่! ยังไม่รีบเอาเทียบนี้ไปเผาอีก!”
หยวนซื่อถูกด่าจนเหมือนกับสุนัขที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด
นางคิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะรุนแรงเช่นนี้ รีบหยิบเทียบจะไปเผาอย่าง
ร้อนรน
เฉินเซียงและคนอื่นๆ จะกล้าให้นางลงมือทําเองได้อย่างไร รีบรับไปจัดการให้5028
หยวนซื่อพึมพํากล่าวขอบคุณ ก้มศีรษะลงกล่าวขอโทษฮูหยินผู้เฒ่ากัว “ท่านแม่ เรื่องนี้
เป็นข้าที่เลอะเลือน ต่อไปข้าจะไม่ตัดสินใจเองแล้ว ต่อไปมีเรื่องอะไรจะมาถามท่านก่อนเจ้าค่ะ”
“เจ้ามีเรื่องแล้วมาถามข้าทําไม” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวแสยะยิ้มเย็น “เจ้าแต่งเข้ามาในบ้านของ
พวกข้าก็สามสิบกว่าปีแล้ว แล้วก็แต่งบุตรสะใภ้ใกล้จะได้เป็นย่าคนแล้ว แต่เจ้าดูเรื่องที่เจ้าทํา
พวกนี้ ต่อให้ข้าอยากไว้หน้าเจ้าเจ้าก็ต้องให้ข้ามีคําอธิบายหนึ่งด้วยกระมัง เรื่องเล็กน้อยพวกนี้
จนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังจะให้ข้าชี้แนะเจ้าอีก เจ้าจะให้ข้าทําอย่างไรดี”
หยวนซื่ออดไม่ได้กล่าวแย้งเสียงเบาว่า “ตระกูลอู๋ไม่เห็นด้วยให้ส่งอู๋ซื่อกลับไป อู๋ซื่อไม่มี
บุตรชาย อีกทั้งยังถูกส่งกลับไปอยู่เป็นเพื่อนฮูหยินใหญ่เวิ่นที่จินหลิง ต่อไปไหนเลยจะยังมีวันให้
โงหัวขึ้นมาได้ แต่แม่นางคังที่หกผู้นั้นไม่เหมือนกัน ได้ยินว่านางอายุสิบสี่ปีก็รับช่วงดูแลกิจการ
ของครอบครัวแล้ว ที่อาของนางปกป้องดูแลนางเพราะว่านางเก่งกาจมากเกินไป หากทุกคน
ทะเลาะกันอย่างเปิดเผยอาของนางมีแต่จะเสียเปรียบเท่านั้น…”
“ดังนั้นเจ้ากลัวว่าเมื่อแม่นางคังที่หกผู้นั้นคลอดบุตรชายแล้วจะมีอํานาจ? ดังนั้นเจ้าก็
เลยประจบคนสูงส่งเหยียบยํ่าคนตํ่าต้อยอย่างสตรีไร้สามัญสํานึกอย่างนั้นหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัว
กล่าวด้วยดวงตาโกรธเกรี้ยว “เจ้าเป็นฮูหยินของขุนนางใหญ่ ได้รับพระราชทานยศขั้นสาม ยัง
กลัวว่าจะทําให้สตรีแม่ค้าผู้หนึ่งขุ่นเคืองใจอีกอย่างนั้นหรือ! หากเจ้าคิดเช่นนี้ มิสู้เจ้าให้เจ้าใหญ่
ลาออกจากราชการไปทําการค้ากับตระกูลคังนั่นเสียดีกว่า ขุนนางใหญ่เป็นพ่อค้า นั่นต้องเป็น
การลงทุนเล็กน้อยที่ได้กําไรมหาศาลเป็นแน่แล้ว”
หยวนซื่ออับอายจนหน้าแดงกํ่า รีบกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น ข้าเพียงคิดว่าใน
หมู่ญาติพี่น้องยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งช่วยเหลือกันได้…”
“เพ้ย!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวหยันหยวนซื่อว่า “นั่นก็ต้องดูว่าเป็นการช่วยเหลืออย่างไร ชวี
หยวนผู้นั้นเป็นพ่อภรรยาของเกาเย่า! คนไม่มีหน้าไม่มีตาอย่างตระกูลคังนี้ พวกเขาจะช่วยอะไร5029
เจ้าได้ หากเจ้ายังแยกผิดถูก แยกหนักเบาไม่ออกเช่นนี้ ข้าว่าเจ้าก็อย่าเป็นนายหญิงของบ้านนี้
เลย จะได้ไม่สร้างปัญหาให้เจ้าใหญ่ ถือโอกาสให้ภรรยาของเจียซ่านมาดูแลงานในบ้านแต่เนิ่นๆ
เถอะ!”
“ท่านแม่!” หยวนซื่อหน้าซีด
ถ้าหมิ่นเจียมีลูกช่วงเวลานี้ นางส่งมอบอํานาจดูแลบ้านให้ยังพูดได้ว่าเพราะเป็นย่าแล้ว
ต้องการใช้เวลาบั้นปลายของชีวิตเล่นกับหลาน วันนี้หมิ่นเจียยังไม่มีวี่แววแม้แต่นิดเดียว กําลังอยู่
ในช่วงบํารุงร่างกายหาวิธีตั้งครรภ์อยู่ นางยกอํานาจดูแลบ้านให้หมิ่นเจียจะนับเป็นเรื่องอะไรไป
แล้ว
ไม่พูดถึงผู้อื่น กลัวแต่ว่าคนตระกูลหมิ่นจะชี้หลังนางต่อว่าว่านางรังแกบุตรสะใภ้ ที่
หมิ่นเจียไม่มีลูกเสียทีก็เป็นเพราะแม่สามีอย่างนางสร้างความลําบากให้!
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเองก็คร้านจะว่านางแล้ว กําลังจะให้นางถอยออกไปนั้น มีสาวใช้เด็ก
รายงานอยู่นอกผ้าม่าน บอกว่าชิวซื่อพาอาเป่ากับอาเหรินมาแล้ว
“รีบเชิญพวกเขาเข้ามา” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวบอกสาวใช้เด็กยิ้มๆ ทว่าหุบยิ้มกล่าวกับหยวน
ซื่อว่า “น้องสะใภ้และหลานชายของเจ้ากําลังจะมาแล้ว เจ้าออกไปต้อนรับเถอะ!”
หยวนซื่อโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง รีบหมุนกายไปเลิกผ้าม่านขึ้น
โจวเสาจิ่น เฉิงเซิงและหมิ่นเจียล้วนมิได้ไปไหนไกล กําลังทักทายชิวซื่ออยู่ เห็นหยวนซื่อ
เดินออกมาต้อนรับยิ้มๆ ราวกับได้ปลดภาระอันหนักอึ้งออกไป จึงเดินห้อมล้อมหยวนซื่อและชิ
วซื่อเข้าไปในห้อง
แต่เรื่องนี้กลับยังไม่จบ5030
กระทั่งรับประทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับห้องไปพักกลางวัน เรียกเฉิงจิ
งไปอยู่เป็นเพื่อนนาง
ระหว่างทาง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวกับบุตรชายคนโตว่า “ปลูกฝังคุณธรรมให้ตัวเอง
ปกครองครอบครัว สร้างความสงบสุขแก่โลกหล้า ตอนนี้เจ้าได้เป็นขุนนางใหญ่แล้ว เรื่องในบ้านก็
ควรจะให้ความสนใจสักหน่อย อย่างเรื่องวันนี้ ถือเทียบของจวนห้ามาที่นี่ทําไม”
เฉิงจิงกล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า “ท่านแม่ ล้วนเป็นความผิดของข้า กลับไปแล้วข้าจะต่อว่า
นางดีๆ สักครั้ง”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวส่ายศีรษะ กล่าวว่า “ดูทีแล้วคงเป็นข้าที่ไม่ได้สั่งสอนเจ้าให้ดี ตอนมาถึง
เจ้ามีสีหน้าอิ่มเอิบสุขภาพดี ในขณะที่ภรรยาของเจ้ากลับดูเหนื่อยล้า เจ้าไม่คิดเลยหรือว่าช่วงนี้
ภรรยาของเจ้ายุ่งอยู่กับเรื่องอะไรบ้าง ถ้าหากเป็นเพราะเรื่องของจวนห้า เช่นนั้นเจ้ายิ่งไม่สมควร
แล้ว บางเรื่องภรรยาตัดสินใจไม่ได้ เจ้าก็ควรจะช่วยนางตัดสินใจถึงจะถูก บางเรื่องก็มิใช่ว่าใครๆ
ก็ทําเป็นตั้งแต่เกิด ไม่อาจให้กลายเป็นว่าเพราะนี่เป็นเรื่องของเรือนชั้นในเจ้าก็เลยไม่สนใจ ข้อนี้
เจ้าสู้น้องชายทั้งสองคนของเจ้าไม่ได้ เจ้าดูเจ้ารอง ชิวซื่อมีเรื่องอะไรก็ล้วนขอให้เขาช่วยตัดสินใจ
ให้ จริงอยู่ที่เช่นนี้มีข้อเสีย แต่บ้านของเขาสงบสุข สามีภรรยากลมเกลียว บุตรชายหญิงกตัญ�ู
ในเรื่องใหญ่ๆ ไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดได้ เจ้าสี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้ว ภรรยาของเขาเป็นสตรีที่เสีย
มารดาแต่เด็ก เทียบกับชิวซื่อไม่ได้ด้วยซํ้า แต่เจ้าดูตอนนี้ แม้นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ภายในบ้านจะยัง
มีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่เรื่องใหญ่ๆ กลับไม่เคยเกิดข้อผิดพลาดเลย คําพังเพยกล่าวได้ดี สอน
บุตรในห้อง สอนภรรยาข้างหมอน เจ้าต้องคิดให้ดีถึงจะถูก อย่าให้เรื่องหลังบ้านเป็นตัวถ่วง
อนาคตของเจ้า”
เฉิงจิงพึมพํากล่าว “ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเองก็ไม่รู้ว่าเขาฟังเข้าหูบ้างหรือไม่ ถอนหายใจลึกๆ ครั้งหนึ่ง5031
สวนดอกไม้ด้านหลังกลับครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง
พวกเด็กๆ พายเรืออยู่ในทะเลสาบ เฉิงเซิงคนร่าเริงอยู่ไม่สุขดึงหมิ่นเจียขึ้นเรือไปด้วย ทั้ง
สองคนเงอะๆ งะๆ เรือหมุนอยู่ริมตลิ่งกว่าครึ่งค่อนวันก็ยังพายออกไปไม่ได้ ทําให้โจวเสาจิ่น เฉิง
เจิงและเฉิงเซียวที่ดูจากเฉลียงทางเดินริมฝั่งหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง เฉิงเจิงยิ่งแล้วใหญ่กล่าว
อย่างไม่เกรงใจว่า “ยังบอกว่าพวกข้าน่าเบื่อ เพียงเพราะนานๆ ทีพวกข้าถึงจะได้มีเวลาว่างเช่นนี้
จึงอยากนั่งคุยกันระหว่างพี่น้องก็เท่านั้น” ขณะที่กล่าว นางก็เรียกเฉิงเซียวและโจวเสาจิ่น “พวก
เราก็ไปพายเรือกันเถอะ”
อวิ้นเกอเอ๋อร์ยังเล็ก หลี่ซื่อจึงพาไปนอนกลางวันพร้อมกับจงจิ่นแล้ว โย่วจิ่นกลับเต็มไป
ด้วยพลัง เล่นกับอาเป่ าและกู้จงจนไม่ยอมจากไป แม่นมนั่งอยู่ในเรือลําเดียวกับอาเป่ าและอีก
หลายคนเป็นเพื่อนนาง
พอเห็นเฉิงเซิงลงจากฝั่งไปขึ้นเรือ ยืนอยู่ข้างเรือตะโกนเรียกโจวเสาจิ่นว่า “พี่รองเจ้าคะพี่
รอง ท่านก็มาพายเรือด้วยกัน พายเรือสนุกมากๆ เลยเจ้าค่ะ!”
แม่นมยิ้มพร้อมกับจับมือนางไว้ กลัวว่านางจะวิ่งวุ่นไปทั่ว
โจวเสาจิ่นเองก็ไม่ค่อยได้มีเวลาเช่นนี้เหมือนกัน นางหันไปมองเฉิงฉือที่นั่งอยู่ในศาลา
ข้างๆ ศาลาริมนํ้า
ภายในศาลาปูพรมเอาไว้ เฉิงฉือ เฉิงเซ่า กู้ซวี่ หยวนหมิง เผิงเจ่า เฉิงสวี่และเฉิงรั่งนั่งล้อม
วงอยู่ข้างโต๊ะในศาลาคุยไปด้วยดื่มชาไปด้วย เฉิงรั่งเด็กสุด จึงช่วยรินชาให้ทุกคนโดยไม่ต้องให้
บอก แม้นจะเห็นสีหน้าของพวกเขาไม่ชัด แต่ท่าทางของทุกคนล้วนดูผ่อนคลาย บรรยากาศดูไม่
เลวนัก5032
โจวเสาจิ่นวางใจลงมาได้ รับคํายิ้มๆ ว่า “ได้” กล่าวว่า “ข้าพายเรือไม่ค่อยเป็น อาเจิงต้อง
ช่วยสอนข้าด้วย”
เฉิงเจิงพยักหน้ายิ้มๆ
เฉิงเซียวกลับกล่าวขึ้นว่า “เหตุใดอาสะใภ้ไม่ขอให้ข้าสอนเล่า”
โจวเสาจิ่นตะลึงงัน
เฉิงเซียวกล่าวยิ้มๆ ว่า “ในบรรดาพี่น้อง ข้าพายเรือเก่งที่สุด ยังว่ายนํ้าเป็นด้วย”
“จริงหรือ” โจวเสาจิ่นเบิกดวงตากว้าง “เจ้าว่ายนํ้าเป็นได้อย่างไร”
“ตอนเด็กเรียนว่ายนํ้ากับป้ารับใช้” เฉิงเซียวกล่าวยิ้มๆ “ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่อง อยากจะ
เรียนให้ได้ ท่านย่าจึงให้คนมาสอนข้า”
เฉิงเจิงกล่าวเสริมอยู่ด้านข้างยิ้มๆ ว่า “เจ้าเห็นนางสงบเสงี่ยม ทว่าใจกล้ายิ่งนัก ตอนนั้น
พวกข้าล้วนไม่กล้าลงนํ้า นางกลับส่งเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง”
เฉิงเซียวเม้มปากหัวเราะ เดินนําไปขึ้นเรือ จากนั้นยืนอยู่ตรงหางเรือประคองเฉิงเจิง
และโจวเสาจิ่นขึ้นเรือ
เรือโคลงเคลง โจวเสาจิ่นนั่งลงอย่างระมัดระวัง
เฉิงเซียวหันไปกล่าวกับเฉิงเซิงยิ้มๆ ว่า “อาเซิง มิสู้พวกเรามาแข่งพายเรือกันดีกว่า ผู้ใด
ไปถึงเจดีย์ขาวก่อนผู้นั้นชนะ ว่าอย่างไร”
“ไม่ได้ๆ” เฉิงเซิงกล่าวยิ้มๆ “พวกท่านทางนั้นมีตั้งสามคน พวกข้าทางนี้มีแค่สองคน
เท่านั้น ไม่ยุติธรรมเจ้าค่ะ”5033
หยวนซื่อและชิวซื่อได้ยินแล้วลุกขึ้นมาอย่างร้อนใจ กล่าวติดๆ กันว่า “ไม่อนุญาตให้
แข่งขันกัน พายเรือเล่นก็พอแล้ว”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ!” เฉิงเจิงกล่าวยิ้มๆ “ท่านยังจะกลัวว่าพวกนางจะตกลงไปในนํ้าอีกหรือ
ต่อให้ตกลงไปในนํ้าจริง ก็ให้พวกนางได้ลิ้มรสชาตินั่นเสียบ้าง” ขณะที่กล่าว ก็หัวเราะอย่างสดใส
ออกมา
“เจ้าเด็กคนนี้เหตุใดถึงดื้อขนาดนี้!” หยวนซื่อไร้ทางเลือกเล็กน้อย
ชิวซื่อกลับหัวเราะออกมา กล่าวกับหยวนซื่อว่า “ตอนพวกเราเป็นวัยรุ่นก็เหมือนพวกนาง
มิใช่หรือ ล้วนเป็นแม่คนกันแล้ว พวกเราอย่าสนใจพวกนางเลยดีกว่า ให้พวกนางได้เล่นสนุกกัน
นานๆ ทีพวกนางพี่น้องจะได้อยู่ด้วยกันสักที”
เด็กสาวเมื่อแต่งงานแล้วก็มีกฎระเบียบมากมาย
หยวนซื่อเองก็เคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาเช่นกัน
นางจึงไม่กล่าวอะไรอีก
หมิ่นเจียที่รู้สึกอยู่ตลอดว่าไม่มีหน้ามาประตูเฉาหยางนับตั้งแต่ที่รู้เรื่องของเฉิงสวี่และโจว
เสาจิ่นเป็นต้นมานั้น เห็นภาพเช่นนี้แล้วก็หัวเราะขึ้นมาด้วย
ชั่วขณะนั้นบรรยากาศตรงทะเลสาบช่างดียิ่ง
โจวเสาจิ่นลุกขึ้นมาในฉับพลัน มองไปที่เฉลียงทางเดินริมฝั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เฉิงเจิงและคนอื่นๆ ประหลาดใจเล็กน้อย มองตามสายตาของนางไปอย่างอดไม่ได้
เห็นเพียงชิงเฟิ งบ่าวข้างกายของเฉิงฉือพาอู๋เซียนเซิงผู้ช่วยของเฉิงเซ่าวิ่งเหยาะๆ ไปยัง
ศาลาที่เฉิงฉือและคนอื่นๆ นั่งอยู่ไปตลอดทาง