ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 544 กะทันหัน
โจวเสาจิ่นตกใจอยู่ครึ่งค่อนคืน
เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร
ชาติก่อน องค์รัชทายาทเสด็จสวรรคตช่วงฤดูหนาวของรัชศกจื้อเต๋อปีที่ยี่สิบเจ็ด ตอนนี้
เพิ่งจะรัชศกจื้อเต๋อปีที่ยี่สิบสามเอง…องค์รัชทายาทเสด็จสวรรคตก่อนถึงสี่ปี
ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
โจวเสาจิ่นไปหาเฉิงฉืออย่างร้อนรน
เฉิงฉือกลับสังเกตเห็นว่าเฉิงเซ่าเป็นคนเขียนพระราชโองการ
ซึ่งก็หมายความว่า ที่เฉิงเซ่าถูกเรียกตัวให้เข้าวังไปนั้นอาจมิใช่ไปเพื่อเดินหมาก แต่ไป
เพื่อจัดการเรื่องการเสด็จสวรรคตขององค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทเสด็จสวรรคตตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว
แต่เหตุใดองค์รัชทายาทถึงไม่ประทับอยู่ที่วังบูรพา ไปประชวรอย่างกะทันหันอยู่ที่
ตําหนักฉือหนิงได้อย่างไร
นอกจากนี้พระราชนัดดาองค์โตก็ทรงประทับอยู่ด้วย
ผู้อื่นอาจไม่รู้ แต่ไทเฮาและพระราชนัดดาองค์โตล้วนทรงทราบดีว่าองค์รัชทายาททรง
ประชวรเป็นโรคทางหัวใจ แล้วเรื่องอะไรที่ทําให้องค์รัชทายาททรงประชวรกะทันหันได้?
เฉิงฉือออกมาก็ถามกู้ซวี่ที่มาหาเขาว่า “ที่วังบูรพามีความผิดปกติอะไรหรือไม่”5044
กู้ซวี่ยิ้มขื่น “วังบูรพายุ่งวุ่นวายยิ่งนัก ไหนเลยจะมีคําสั่งตามปกติได้! พระราชนัดดาองค์
โตยังประทับอยู่ในวังหลวง พระชายาองค์รัชทายาททรงกันแสงจนเป็นลมล้มพับไปแล้ว พระสนม
เหลียงตี้ขององค์รัชทายาทดูแลพระชายาอยู่ข้างๆ เดิมทีพระสนมเหลียงตี้ผู้นั้นเป็นนางกํานัลอยู่
ในวังหลวง ปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายองค์รัชทายาทมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ทั้งยังให้กําเนิด
พระธิดาองค์โตให้องค์รัชทายาท องค์รัชทายาทจึงแต่งตั้งให้เป็นเหลียงตี้ นอกเหนือไปจากนี้ องค์
รัชทายาทก็ไม่มีพระสนมคนอื่นๆ แล้ว พระนางขี้ขลาดอ่อนแอ ปกตินอกจากไปจุดธูปที่วัดแล้ว ก็
ไม่ออกจากตําหนักไปไหนเลยแม้แต่ก้าวเดียว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคาดหวังให้ออกหน้ามาจัดการ
สถานการณ์ทุกอย่าง แม้แต่เรื่องธรรมดาทั่วไปประจําวันเมื่อเรื่องกลับไปถึงนางนางก็พูดไม่รู้
ความแล้ว…”
“เช่นนั้นคงได้แต่ต้องรอท่านอารองกลับมาก่อนค่อยว่ากันอีกทีแล้ว” เฉิงฉือครุ่นคิด กล่าว
แนะนํากู้ซวี่ว่า “โชคดีที่องค์รัชทายาทไม่ได้สิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันที่วังบูรพา สิ่งเดียวที่เจ้าทํา
ได้ในตอนนี้ก็คือ ‘อดทน’ เท่านั้นแล้ว ร้องไห้ไว้ทุกข์ให้องค์รัชทายาททั้งวันคืน พบผู้คนก็ครํ่าครวญ
อย่างเจ็บปวดกับการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาท ผู้ใดแสดงความจงรักภักดีออกมาได้มาก
ที่สุด ผู้นั้นก็จะอดทนจนผ่านพ้นพระพิโรธขององค์ฮ่องเต้ไปได้ ผู้นั้นก็จะอดทนผ่านพ้นความ
ยากลําบากและอดทนจนประสบความสําเร็จได้”
“ข้าเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน!” กู้ซวี่กล่าวอย่างไร้ทางเลือก “เพียงแต่ว่าการสิ้นพระชนม์
ขององค์รัชทายาทแปลกประหลาดมากเกินไป ทําให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านว่า ตํา
หนักฉือหนิงนี้เป็นสถานที่อะไรกัน ต่อให้มีอาการปวดศีรษะหรือตัวร้อน ตําหนักอื่นๆ อาจเชิญ
หมอหรือขอยาไม่ได้ แต่เรื่องของตําหนักฉือหนิงนั้นผู้ใดจะกล้ายึกยักล่าช้าแม้แต่นิดเดียว องค์รัช
ทายาทจะสิ้นพระชนม์ไปง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไร ผู้อื่นข้าเองก็ไม่กล้าไปพูดด้วย ไม่กล้าไป
สอบถาม ได้แต่ต้องขอร้องท่านอาฉือช่วยสอบถามจากท่านปู่รองให้ข้าสักครั้งหนึ่งแล้ว”
ก็ไม่โทษที่เขาจะสลดหดหู่ใจ5045
จักรพรรดิพระองค์ใหม่ก็ย่อมมีขุนนางชุดใหม่
เช่นเดียวกัน รัชทายาทหนึ่งพระองค์ก็มีขุนนางจานซื่อดูแลเรื่องภายในของรัชทายาทหนึ่ง
คน
อนาคตอันสดใสก่อนหน้านี้พลันเปลี่ยนเป็นมืดมัวอับแสง ไม่ทราบอนาคตแล้ว เพราะ
การสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันขององค์รัชทายาท
เฉิงฉือนึกถึงการให้เกียรติและความเคารพที่กู้ซวี่มีต่อตนก่อนหน้านี้ จึงกล่าวว่า “เจ้า
วางใจเถิด ข้าเองก็อยากรู้เช่นกันว่าตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” กล่าวถึงตรงนี้ เขาครุ่นคิดครู่
หนึ่ง กล่าวต่อว่า “เวลานี้ เจ้ามีเรื่องอะไรก็สอบถามพระราชนัดดาองค์โต จะด้วยหลักและเหตุผล
แล้วล้วนไม่ถือว่าผิด”
กู้ซวี่ฟังแล้วแววตาแข็งค้างเล็กน้อย กล่าวอย่างลังเลว่า “ท่านอาฉือหมายถึง องค์ฮ่องเต้
อาจจะทรงมีพระราชดําริแต่งตั้งพระราชนัดดาองค์โตเป็นรัชทายาทหรือ”
เฉิงฉือเองก็ไม่กล้ารับประกัน แต่โจวเสาจิ่นบอกว่า ชาติก่อนองค์ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งพระ
ราชนัดดาองค์โตเป็นรัชทายาท
ถึงแม้ตอนนี้สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก แต่ผู้ใดจะรับประกันได้ว่าองค์
ฮ่องเต้จะทรงไม่แต่งตั้งพระราชนัดดาองค์โตเป็นรัชทายาท?
เฉิงฉือกล่าวเป็นนัยว่า “อะไรก็เกิดขึ้นได้ เก็บมือเพิ่มข้างหนึ่ง ก็เท่ากับมีทางเดินเพิ่มอีก
ทางหนึ่ง”
กู้ซวี่จมจ่อมอยู่ในห้วงความคิด
ชิงเฟิงเข้ามารายงานว่าโจวเสาจิ่นมาหา5046
กู้ซวี่จึงลุกขึ้นกล่าวอําลา
เฉิงฉือส่งเขาจนถึงหน้าประตูลานถึงได้ย้อนกลับมา
โจวเสาจิ่นมาถึงแล้ว กําลังนั่งดูภาพวาดหยาดพิรุณตกต้องบนใบกล้วยที่เขาเพิ่งวาดเสร็จ
เมื่อครู่อยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือตัวใหญ่
“ซื่อหลางอารมณ์ไม่สงบหรือ” นางชี้ไปที่หยดนํ้าฝนที่กําลังจะตกแหล่ไม่ตกแหล่อยู่บนใบ
กล้วยพลางกล่าว “หยดนํ้าฝนนี้ลงฝีแปรงอย่างลังเล ดูหนาและหนักเล็กน้อย”
เฉิงฉือโอบไหล่ของโจวเสาจิ่นยิ้มๆ สายตามองตามไปที่หยดนํ้าฝนที่ตกลงบนใบกล้วยที่
นางพูดถึงหยดนั้น กล่าวว่า “ทําให้เจ้ามองออกแล้วหรือ!”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าเบาๆ กล่าวเสียงนุ่มว่า “ซื่อหลาง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเรื่องราว
ในชาตินี้กับเรื่องที่ข้าเคยรู้เมื่อก่อนถึงไม่เหมือนกัน…”
“นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า” นํ้าเสียงของเฉิงฉือยิ่งเบาและนุ่ม กระซิบกล่าวที่ข้างหูนางว่า
“ชาติก่อนพวกเราไม่รู้อะไรสักอย่าง จึงไม่ได้ทําอะไรเลย ชาตินี้พวกเราไม่เพียงใช้ประโยชน์จาก
พรรคเจ็ดดาราเริ่มติดต่อกับองค์ชายหลายพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่าเท่านั้น และเพราะการเปิดเผย
ความสามารถอันโดดเด่นของข้ายังทําให้องค์ชายสี่สนใจ คราวก่อนสือควนเชิญข้าไปกินข้าว เอ่ย
ถึงการจัดการเรื่องต่างๆ ขององค์ชายสี่หลายต่อหลายครั้ง และเรื่องขององค์ชายเจ็ดก็ให้องค์ชาย
พระองค์อื่นรู้แล้ว ความจริงแล้วไม่ใช่ทุกคนที่ยินดีกับการให้องค์รัชทายาทเป็นผู้สืบทอดราช
บัลลังก์ คนที่คิดต่างก็มีเป็นจํานวนมาก…
…เดิมทีข้าคิดว่าอาการประชวรขององค์รัชทายาทมีเพียงองค์ฮ่องเต้ พระราชนัดดาองค์
โตและคนใกล้ชิดที่สุดเท่านั้นที่รู้เรื่อง ต่อมาค้นพบว่าท่านอารองเองก็ทราบเรื่องด้วย…5047
…เนื่องจากแม้แต่ท่านอารองยังทราบเรื่อง จึงไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่ว่าผู้อื่นก็อาจ
ทราบเรื่องออกไป…
…บนเศียรขององค์รัชทายาทเทียบเท่ากับมีดาบเล่มหนึ่งแขวนอยู่ กระทําสิ่งใดต้อง
เฉลียวฉลาด วิธีการโดยมากนําเขาสู่ความตายได้…
…ข้าคิดว่า บางทีอาจเป็นเพราะชาตินี้กับชาติก่อนไม่เหมือนกัน ดังนั้นองค์รัชทายาทถึง
ได้เสด็จสวรรคตไปก่อนที่ควรจะเป็น…
…เรื่องนี้รอท่านอารองกลับมาพวกเราก็จะได้รู้แล้ว…
…เจ้าเองก็ไม่ต้องร้อนใจ! กู้ซวี่เองก็อยากให้ข้าสอบถามเรื่องขององค์รัชทายาทจากท่าน
อารองให้เขาด้วยเช่นกัน…”
โจวเสาจิ่นหมุนกายกอดเฉิงฉือเอาไว้แน่น พิงอยู่ในอ้อมกอดเขา หลับตาฟังเสียงหัวใจ
ของเขาเต้น
นี่เป็นเรื่องที่เพิ่งค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้เอง
เพียงได้ฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นอยู่ในอ้อมกอดของเฉิงฉือเช่นนี้ ไม่นานหัวใจที่
กระสับกระส่ายของนางก็สงบลงได้อย่างรวดเร็ว
เฉิงฉือปล่อยให้นางออดอ้อนตน กล่าวปลอบนางเสียงนุ่มว่า “ไม่เป็นไรๆ ต่อให้เจ้าไม่มี
ความทรงจําของชาติก่อน พวกเราก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปอยู่ดีมิใช่หรือ”
โจวเสาจิ่นขาน “อืม” เสียงหนึ่งอย่างหดหู่ รู้สึกว่าต่อให้นางรู้เรื่องของชาติก่อน ก็ดูเหมือน
จะช่วยอะไรเฉิงฉือไม่ได้เลย
นางอยากจะช่วยเหลือเฉิงฉือ!5048
เฉิงฉือสัมผัสได้สภาพจิตใจที่ไม่ค่อยดีนักของนาง จึงอุ้มนางพร้อมกับโยกเบาๆ คล้ายกับ
อุ้มเด็กน้อยผู้หนึ่ง กล่าวยิ้มๆ ว่า “วางใจเถิด ทุกเรื่องล้วนมีข้าอยู่ ไม่อย่างนั้นจะแต่งงานไปทําไม
อยู่คนเดียวยังจะเรียบง่ายและสงบสุขกว่าเสียอีก”
ถ้าแต่งงานกับเฉิงฉือแล้วมีลูกน่ารักน่าชังอย่างอวิ้นเกอเอ๋อร์ผู้หนึ่งนางก็อยากออกเรือน
…
เมื่อความคิดวาบผ่าน โจวเสาจิ่นอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้
ตั้งแต่เมื่อไรกันที่อวิ้นเกอเอ๋อร์มีนํ้าหนักในใจของนางมากกว่าเฉิงฉือไปแล้ว!
ผ่านไปสองวัน จู่ๆ วังหลวงก็มีพระราชกฤษฎีกาออกมา บอกว่าองค์ชายรองและองค์ชาย
เจ็ดร่วมมือกัน ติดต่อกับขุนนางภายนอก สมคบคิดกระทําความผิด พระราชทานสุราพิษให้
กระทําอัตวินิบาตกรรม ส่วนบุตรธิดาชายาอนุให้ถอดยศเป็นสามัญชนเนรเทศไปอยู่ที่กองทัพซีห
นิง
เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาออกมาแล้ว ราชสํานักโกลาหลวุ่นวายกันไปหมด
คิดไม่ถึงว่าองค์ชายรองที่ยามปกติมักจะไม่ถูกกับองค์ชายเจ็ดนั้นจะร่วมมือกับองค์ชาย
เจ็ดได้
ฮูหยินซ่งกลับมาปรับทุกข์กับโจวเสาจิ่นด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า “ไม่อนุญาตให้มีพิธี
แต่งงานสามเดือน เหตุใดงานแต่งของเจ้าใหญ่ของพวกข้าถึงได้ยากเย็นถึงเพียงนี้ แรกเริ่มก็มีนาย
ท่านผู้เฒ่าที่ป่ วยลุกไม่ขึ้น ต่อมาก็ตรงกับพิธีไว้ทุกข์ทั้งแผ่นดิน เจ้าว่า หลังจากพิธีไว้ทุกข์ไปแล้ว
จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงข้าแล้ว แม้แต่พ่อสามีของข้าก็ยื้อลมหายใจเอาไว้ บอก
ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องได้เห็นเจ้าใหญ่แต่งงานก่อนถึงจะจากไปพบกับแม่สามีที่ป่ วยจากไปก่อน
แล้วอย่างสบายใจได้”5049
โจวเสาจิ่นเองก็รู้สึกว่าซ่งมู่โชคไม่ค่อยดีเท่าไรนัก นางได้แต่ปลอบโยนฮูหยินซ่งว่า “เรื่องดี
มักจะมีอุปสรรคมาก ไม่แน่ว่าองค์พระโพธิสัตว์อาจจะรู้ว่าต่อไปชีวิตของคุณชายใหญ่ซ่งจะมีแต่
ความราบรื่น ฉะนั้นถึงได้ทําให้งานแต่งของเขาไม่ราบรื่นก็เป็นได้เจ้าค่ะ”
“ขอให้เป็นเช่นนั้น!” ฮูหยินซ่งฟังแล้วสภาพจิตใจดีขึ้นมาก กล่าวว่า “ได้ยินว่าท่านอารอง
ของพวกเจ้ายังอยู่ที่วังหลวง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
นี่ฮูหยินซ่งคงได้รับคําสั่งของใต้เท้าซ่งมาสืบความเรื่องอาการประชวรอย่างกะทันหันของ
องค์รัชทายาทจากนางกระมัง
โจวเสาจิ่นกล่าว “ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ อีกไม่กี่วันฮูหยินของบ้านข้าก็จะกลับบ้านแล้ว หลาย
วันนี้ข้าจึงยุ่งอยู่กับการออกไปซื้อของกับฮูหยินของบ้านข้าเอากลับไปฝากญาติสนิทมิตรสหาย จึง
ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้จริงๆ เจ้าค่ะ”
ฮูหยินซ่งถอนหายใจ
ส่วนโจวเสาจิ่นลอบดีใจกับตัวเองที่คําสั่งแต่งตั้งเป็นฮูหยินขั้นสี่บนของตัวเองยังไม่
ออกมา ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้นางก็ต้องเข้าวังไปร้องไห้ไว้ทุกข์ด้วยแล้ว
แต่เฉิงฉือไม่ได้โชคดีเหมือนนาง
คนรับผิดชอบงานเย็บปักในบ้านเร่งตัดชุดให้เขาทั้งวันทั้งคืน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นห่วงเฉิงเซ่า เรียกเฉิงจิงมาหา ให้เขาหาวิธีติดต่อกับเฉิงเซ่า กระทั่งเฉิง
จิงจากไปแล้ว ก็ถามเฉิงฉือว่า “จะเกิดเรื่องกับอารองของเจ้าหรือไม่”
“เขาจะมีเรื่องอะไรได้ขอรับ” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “ช่วงนี้ทั้งสํานักฮั่นหลิน และกรมพิธีการ
ต่างยุ่งด้วยเรื่องพิธีฝังพระศพขององค์รัชทายาทจนจะเสียสติกันอยู่แล้ว ท่านอารองคุ้นเคยกับ5050
ระเบียบปฏิบัติ ทั้งยังพูดจาต่อหน้าองค์ฮ่องเต้ได้ เป็นช่วงเวลาที่ต้องช่วยกันแบ่งเบาภาระหน้าที่
ในวังพอดี หากเวลานี้ท่านอารองไม่ยุ่ง นั่นถึงจะทําให้คนต้องเป็นห่วงขอรับ!”
แม้นปากจะกล่าวเช่นนี้ เมื่อเขานึกถึงคําพูดของโจวเสาจิ่น ยังคงอยู่รู้สึกเป็นกังวลใจอยู่ดี
ถึงแม้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วจะพยักหน้าน้อยๆ ทว่ากล่าวสะอื้นขึ้นมาอย่างสลดหดหู่
ว่า “ข้าเอาแต่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยอยู่ตลอด องค์อ่องเต้ทรงสูญเสียพระโอรสสามพระองค์และ
พระราชนัดดาอีกเจ็ดถึงแปดพระองค์ในชั่วพริบตาเดียว หนึ่งในนั้นยังเป็นองค์รัชทายาทผู้ทรงเป็น
ความหวังอันสูงสุดมาโดยตลอด นี่แม้แต่ครอบครัวคนธรรมดาทั่วไปยังรับไม่ได้เลย นับประสา
อะไรกับราชวงศ์ของแผ่นดิน…”
โจวเสาจิ่นมองบรรยากาศที่ไม่ได้การนี้แล้ว รีบส่งสัญญาณให้เจินจูไปอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์
เข้ามา
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นหลานชายแล้วถึงเบิกบานขึ้นมาได้ เปลี่ยนหัวข้อสนทนา และหยอก
ล้อเล่นกับอวิ้นเกอเอ๋อร์
เฉิงฉือมองแล้วหันไปส่งสายตาซาบซึ้งใจให้โจวเสาจิ่น
ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นจึงขึ้นสีแดงเรื่อขึ้นมา สายตาตกอยู่บนร่างของเฉิงฉือเก็บกลับมา
ไม่ได้เล็กน้อย
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์เอาไว้กล่าวกับบุตรชายและบุตรสะใภ้ว่า “หากพวกเจ้ามี
เรื่องคุยก็กลับไปคุยกันที่ห้องเถิด ข้ามีอวิ้นเกอเอ๋อร์ อวิ้นเกอเอ๋อร์มีย่าก็พอแล้ว เจ้ามองข้า ข้า
มองเจ้าอยู่ตรงนี้ ผู้อื่นจะคิดว่าหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้ามา และหาว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกข้าไม่
รู้ความ ใช่หรือไม่ อวิ้นเกอเอ๋อร์!”
อวิ้นเกอเอ๋อร์จึงส่งยิ้มทะเล้นให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว5051
โจวเสาจิ่นหน้าร้อนผ่าวจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
เฉิงฉือกลับจับมือโจวเสาจิ่นไว้จะจากไปโดยไม่มีปฏิกิริยาเขินอายหน้าแดงใดๆ “เช่นนั้น
พวกข้ากลับเรือนก่อน ประเดี๋ยวค่อยมาคารวะท่านแม่ใหม่อีกครั้ง”
โจวเสาจิ่นไม่กล้าขัดขืน กระทั่งออกจากเรือนทิงเซียงแล้วถึงได้กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า
“ท่านรีบปล่อยข้าเลย ไม่อย่างนั้นท่านแม่ก็จะต้องล้อพวกเราอีกเป็นแน่”
“พวกเราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามหลักสามหนังสือหกพิธีการแล้ว จะกลัวอะไร” เฉิงฉื
อกล่าวยิ้มๆ คิดถึงว่านางเป็นคนหน้าบาง จึงปล่อยนางเสีย กล่าวว่า “หากพวกเราไม่พูดคุยกัน ไม่
สนใจเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ท่านแม่ถึงจะต้องเป็นกังวล!”
โจวเสาจิ่นหลุดหัวเราะ กล่าวว่า “เมื่อไรท่านก็มีเหตุผลมาแย้งอยู่ตลอด”
เฉิงฉือลูบไล้ดวงหน้าของโจวเสาจิ่นยิ้มๆ
ไหวซานสาวเท้าก้าวยาวๆ เข้ามา กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “ใต้กลองหินของซอยซวงอวี๋
ทางด้านโน้นมีอิฐวางกองอยู่สามก้อนขอรับ”
สีหน้าของเฉิงฉือเคร่งขึ้นเล็กน้อย ไล่ไหวซานออกไป กระซิบกล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “นี่
เป็นสัญญาณลับที่ข้ากับท่านอารองตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ หากว่าท่านอารองมีอะไรที่ไม่
สะดวกไม่อาจมาพบพวกข้าได้ จะวางอิฐสามก้อนไว้ใต้กลองหินหน้าประตู ข้าจะแอบไปดูสัก
หน่อย”
โจวเสาจิ่นกล่าว “เช่นนั้นท่านต้องระวังตัวสักหน่อย ข้าเองก็เหมือนอย่างที่ท่านแม่กล่าว
เอาแต่รู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเลยเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว” เฉิงฉือมองนางอย่างอบอุ่นอ่อนโยน กระซิบกล่าวว่า “ข้าจะคิดถึงเจ้าและลูก
ไม่ทําอะไรเหลวไหลอย่างแน่นอน”5052
โจวเสาจิ่นยิ่งหน้าแดงมากขึ้น เม้มปากกลั้นยิ้มพลางพยักหน้า
แต่หลังจากที่เฉิงฉือไปแล้ว นางกลับนั่งยืนก็ไม่สงบอยู่ในบ้าน ประเดี๋ยวก็ดูนาฬิกาจาก
แดนตะวันตก ประเดี๋ยวก็ดูนาฬิกาทราย ไม่มีกะจิตกะใจจะไปอาบนํ้าจริงๆ