ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 548 อาการป่ วย
ฉางกูกูทําความเคารพโจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ กลับอย่างนอบน้อมและสุขุมสงบเสงี่ยม
ข้ารับใช้ส่วนพระองค์ที่ตามมาด้วยยื่นห่อผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีนํ้าเงินไพลินลายดอกไม้ให้
ห่อหนึ่ง
นี่คือทรัพย์สมบัติทั้งหมดของฉางกูกูหรือ!
โจวเสาจิ่นและชิวซื่อแลกเปลี่ยนสายตากันครั้งหนึ่ง ชิวซื่อกล่าว “ปกติเรื่องภายในบ้าน
ล้วนเป็นเจิงหมัวมัวผู้ที่เคยปรนนิบัติรับใช้ท่านอาสะใภ้รองเป็นคนดูแลจัดการทั้งหมด พวกข้าเอง
ก็เพิ่งมาถึง อีกทั้งท่านอารองก็ล้มป่ วย…ฉางกูกูตามพวกข้าไปนั่งที่โถงรับรองก่อนดีกว่า รอข้า
เรียกเจิงหมัวมัวมาสอบถามให้ชัดเจนก็จะได้จัดเตรียมสถานที่พักให้ท่าน”
ฉางกูกูจึงคํานับครั้งหนึ่ง พลางกล่าว “รบกวนฟูเหรินรองแล้ว”
ภรรยาของขุนนางยศขั้นสามขึ้นไปถึงจะมีคุณสมบัติใช้คําว่า ‘ฟูเหริน’ ได้ แม้นนอกเมือง
หลวงจะไม่พิถีพิถันเรื่องพวกนี้ แต่อยู่จิงเฉิง แผ่นกระดานจารึกตกลงมาหนึ่งแผ่นไม่แน่ว่าอาจมี
รองเจ้ากรมหรือเจ้ากรมผู้หนึ่งก็เป็นได้ จึงค่อนข้างพิถีพิถันกับเรื่องลําดับอะไรต่างๆ เป็นอย่างยิ่ง
เฉิงเว่ยเพิ่งจะออกไปรับราชการนอกเมืองได้ไม่นาน เป็นเช่นเดียวกับโจวเสาจิ่น ตําแหน่ง
ตราตั้งของชิวซื่อยังไม่มีประกาศลงมา
นางรีบกล่าว “กูกูเกรงใจเกินไปแล้ว บ้านเดิมของข้าแซ่ชิว หากกูกูไม่รังเกียจ เรียกข้าว่าฮู
หยินชิวก็พอแล้ว”
ฉางกูกูยินดีทําตามคําแนะนํา เอ่ยเสียงหนึ่งว่า “ฮูหยินชิว” ในนํ้าเสียงเจือความยินดีใน
แบบที่มีแต่คนที่เคยรับใช้อยู่ในวังหลวงมาก่อนเท่านั้นถึงจะเปล่งออกมาได้5080
ได้เป็นถึงนางข้าหลวงใหญ่ของตําหนักเฉียนชิง ยิ่งไปกว่านั้นอายุมากขนาดนี้แล้วยังไม่
ถูกปล่อยตัวออกไป ย่อมต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
ถึงแม้นางจะสุภาพ ทว่าโจวเสาจิ่นและชิวซื่อกลับไม่กล้าดูแคลน ชิวซื่อไปที่โถงรับรอง
เป็นเพื่อนฉางกูกู ส่วนโจวเสาจิ่นพาอาเป่ าและอาเหรินมุ่งหน้าเข้าไปในเรือนชั้นในพร้อมกับพวก
เฉิงเซียว
สถานที่พักของเฉิงเซ่าไม่ใหญ่โต ทว่าปลูกต้นไผ่หลากหลายชนิดเอาไว้ เมื่อมีลมพัดโชย
มา เกิดเสียงซ่า พัดพาสายลมเย็นมาสายหนึ่ง
ทุกคนต่างไม่มีกะจิตกะใจพูดคุยกัน เด็กน้อยทั้งสองคนยิ่งแล้วใหญ่จับมือของโจวเสาจิ่น
เอาไว้แน่น
คนที่มาต้อนรับพวกเขาตรงหน้าประตูคือบ่าวเด็กอายุแปดถึงเก้าขวบสองคนของเฉิงเซ่า
หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู เสียงพูดสุกใสรื่นหู โค้งคํานับพวกเขา พลางกล่าว “นายท่านผู้เฒ่ารองบอก
ว่า เพียงเพราะอายุมากเรี่ยวแรงไม่ค่อยดีแล้วเท่านั้น ให้ฮูหยินและกูไหน่ไนทุกท่านไม่ต้องเป็น
ห่วง ด้วยกลัวว่าจะแพร่เชื้อให้ฮูหยินและกูไหน่ไนทุกท่าน จึงไม่ต้องเข้าไปคารวะแล้ว ให้ข้าพา
คุณชายน้อยอาเป่าและคุณชายน้อยอาเหรินเข้าไปเยี่ยมสักครั้งก็พอขอรับ”
เดิมทีสตรีก็ต้องรักษาระยะอยู่แล้ว มาเยี่ยมก็เพียงคารวะอยู่หลังฉากกั้นเท่านั้น ในเมื่อ
เฉิงเซ่าสั่งการมาเช่นนี้ พวกนางย่อมไม่อาจละเมิดความประสงค์ของเฉิงเซ่าได้ จึงย่อเข่าทําความ
เคารพอยู่หน้าประตู แล้วก็พากันไปที่ห้องขนาบข้างที่อยู่ข้างๆ บ่าวเด็กพาอาเป่ ากับอาเหรินเข้า
ไปในห้องนอนของเฉิงเซ่า
ไม่นาน เฉิงฉือที่ไปส่งข้ารับใช้ส่วนพระองค์ก็เข้ามา5081
หลังจากเฉิงเซียวและคนอื่นๆ ก้าวออกมาทําความเคารพแล้ว โจวเสาจิ่นสองสามีภรรยา
จึงยืนคุยกันข้างๆ กอไผ่นางสนม 2921ในลานบ้าน “นี่องค์ฮ่องเต้ทรงหมายความว่าอย่างไร ท่านอา
รองกําลังป่วยอยู่ พระองค์พระราชทานกูกูที่เคยรับใช้อยู่ในวังหลวงมาให้ท่านอารองผู้หนึ่ง นี่มิใช่
การสร้างปัญหาให้ซอยซวงอวี๋เพิ่มหรอกหรือ ท่านทราบพื้นเพของฉางกูกูท่านนี้หรือไม่เจ้าคะ”
เฉิงฉือกลับไม่เห็นด้วย กล่าวขึ้นว่า “ไม่เป็นไร เดิมทีแล้วฉางกูกูท่านนี้เป็นนางกํานัลของ
องค์ฮ่องเต้ตั้งแต่ทรงยังไม่ครองราชย์ หลังจากองค์ฮ่องเต้เถลิงราชย์แล้ว นางก็ปรนนิบัติรับใช้เรื่อง
หมึกพู่กันอยู่ที่ตําหนักเฉียนชิงมาโดยตลอด เป็นคนรู้ความผู้หนึ่ง ครั้งนี้องค์ฮ่องเต้พระราชทาน
นางให้ท่านอารอง ข้าเองก็ประหลาดใจไม่น้อย ท่านอารองเดินหมากเป็นเพื่อนองค์ฮ่องเต้ที่
ตําหนักเฉียนชิงอยู่บ่อยๆ ความจริงก็รู้จักอยู่แล้ว พวกเราเพียงดูแลคนให้ดีก็พอ ส่วนเรื่องอื่น รอ
ท่านอารองหายป่วยแล้วค่อยว่ากันอีกที อย่างไรก็ต้องเข้าวังไปขอบพระทัยฝ่าบาท”
“เป็นคนรู้ความผู้หนึ่งก็ดีแล้ว” โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างยินดี “จะได้รู้ว่าเรื่องอะไรที่ทําได้และ
เรื่องอะไรที่ทําไม่ได้”
เฉิงฉือพยักหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “ต่อให้นางไม่รู้ความก็ไม่ต้องกังวล ตอนนี้พระราชทานให้
ท่านอารอง ก็ถือว่าเป็นคนของท่านอารองแล้ว ย่อมมีคนสอนนาง”
แต่หากทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขได้จะยิ่งดีมิใช่หรือ!
โจวเสาจิ่นพึมพํากล่าวอยู่ในใจ
เฉิงฉือถามถึงอวิ้นเกอเอ๋อร์ขึ้นมา “เจ้ามาที่นี่ทิ้งเขาไว้ที่บ้านคนเดียว เขาร้องโวยวายหรือ
ร้องไห้หรือไม่”
1 ไผ่นางสนม ไผ่สายพันธุ์หนึ่ง ลําปล้องไผ่มีลายเป็นจุดๆ5082
“มีกวนเกอและจงเกอเอ๋อร์เล่นเป็นเพื่อนเขาเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นนึกถึงตอนที่ตนจะออก
จากบ้าน ไปหอมแก้มเล็กของบุตรชายเพื่อบอกลาเขา ทว่าเขากลับไม่สนใจตนเลยแม้แต่น้อย ตั้ง
หน้าตั้งตามองกวนเกอกับจงเกอเอ๋อร์อย่างเดียว มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นน้อยๆ กล่าวว่า “ตอนนี้ขอ
เพียงเขามีพวกพี่ชายมาเล่นด้วย ก็ไม่ต้องการข้าแล้ว”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “สองสามวันนี้เกรงว่าพวกเราสองคนคงต้องอยู่
ปรนนิบัติคนป่ วยที่นี่ ส่วนอวิ้นเกอเอ๋อร์นั้นเกรงว่าคงต้องรบกวนให้ป้าของเขาช่วยดูแลสักสอง
สามวันแล้ว”
“ตอนที่พวกข้าออกจากบ้านท่านพี่ก็บอกเอาไว้แล้วเช่นกัน” โจวเสาจิ่นกล่าว “หากว่า
ทางด้านนี้พวกเรายุ่งกันมาก นางจะช่วยดูแลอวิ้นเกอเอ๋อร์สักสองสามวัน”
เฉิงฉือพยักหน้า ฮูหยินผู้เฒ่ากัว เฉิงจิง และหยวนซื่อก็มาถึง
ทั้งสองคนออกไปต้อนรับ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและหยวนซื่อล้วนแต่งกายเต็มยศ มาลาประดับประดาไปด้วยอัญมณีทุก
แบบ สวมทับอยู่บนศีรษะอย่างหนักหน่วงมาทั้งวัน อีกทั้งต้องร้องไห้ไว้ทุกข์ ดวงหน้าจึงดูเหนื่อย
ล้าไปหมด
สีหน้าของเฉิงจิงยังดีอยู่ แต่ก็ไม่ได้เกลี้ยงเกลาเหมือนยามปกติ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยปากก็ถามถึงอวิ้นเกอเอ๋อร์ รู้ว่าโจวชูจิ่นดูแลเขาอยู่ที่บ้าน ถึงได้ถอน
หายใจยาวอย่างโล่งอกครั้งหนึ่ง
ส่วนเฉิงจิงถามเฉิงฉือด้วยสีหน้ากังวลว่า “เหตุใดจู่ๆ ท่านอารองถึงเป็นลมล้มลงไปได้ ไม่
เป็นอะไรจริงๆ หรือ”5083
บางครั้งเพื่อมิให้องค์ฮ่องเต้ทรงพระพิโรธแล้ว หมอหลวงของสํานักหมอหลวงก็อาจจะ
ปิดบังอาการป่วยตาม ‘สมควร’ ได้
เฉิงฉือกล่าว “ข้าได้จับชีพจรของท่านอารองแล้ว ไม่เป็นอะไรขอรับ”
คนทั้งกลุ่มเดินไปที่เรือนหลัก
เฉิงฉือเล่าเรื่องที่องค์ฮ่องเต้พระราชทานกูกูที่ปรนนิบัติรับใช้อยู่ในตําหนักเฉียนชิงผู้หนึ่ง
มาดูแลเฉิงเซ่าให้พวกเขาฟัง
ทั้งสามคนตะลึงปากอ้าตาค้าง
หยวนซื่อรีบกล่าวขึ้นว่า “คนอยู่ที่ใด” เห็นว่าไม่พบชิวซื่อ กล่าวอีกว่า “มีน้องสะใภ้รองอยู่
เป็นเพื่อนด้วยใช่หรือไม่”
โจวเสาจิ่นกล่าว “พี่สะใภ้รองนั่งเป็นเพื่อนอยู่ที่โถงรับรองเจ้าค่ะ”
“นี่ใช้ได้อย่างไร” หยวนซื่อกล่าว “เนื่องจากเป็นคนที่องค์ฮ่องเต้พระราชทานลงมาให้…”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวตัดบทคําของนางว่า “ไปดูอารองของเจ้าก่อนค่อยว่ากัน อารองของ
เจ้าก็มิใช่เด็ก คนของเขา เขาย่อมจัดการเองได้”
หยวนซื่อรับคําอย่างนอบน้อม ทุกคนเข้าไปในเรือนหลัก
โจวเสาจิ่นและหยวนซื่อนั่งลงบนเตียงเตาตัวใหญ่ข้างหน้าต่างนอกห้องนอนเป็นเพื่อนฮู
หยินผู้เฒ่ากัว เฉิงฉือเข้าไปในห้องนอนเป็นเพื่อนเฉิงจิง
จากนั้นพวกโจวเสาจิ่นก็ได้ยินเสียงอาเป่ากับอาเหรินคารวะทักทายเฉิงจิงและเสียงของ
เฉิงจิงกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ท่านอารอง…ท่าน นี่ท่าน…”5084
หัวใจของโจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ ล้วนบีบแน่นขึ้นมา ได้ยินเฉิงเซ่ากล่าวเสียงเรียบว่า
“เพียงแค่เหนื่อยเล็กน้อยเท่านั้น อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร พรุ่งนี้ตอนเจ้าเข้าวังพาเจ้าสี่ไปด้วย ให้เขา
ขอบพระทัยองค์ฮ่องเต้แทนข้า”
เฉิงจิงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ถึงได้ขานรับเสียงเบาว่า “ขอรับ”
เฉิงเซ่าจึงกล่าวว่า “ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว พวกเจ้าไปจัดการธุระของพวกเจ้าเถิด! มาเยี่ยม
ข้าแล้วก็พอแล้ว ช่วงนี้หมอหลวงให้ข้าพักฟื้น” จากนั้นกล่าวถึงฉางกูกูขึ้นมาว่า “ในเมื่อองค์ฮ่องเต้
พระราชทานมาให้ ก็ให้นางมาปรนนิบัติดูแลข้าก็แล้วกัน ไม่อาจทําให้องค์ฮ่องเต้เสียนํ้าพระทัย
ได้”
เฉิงจิงขานรับเสียงหดหู่ว่า “ขอรับ” อาหลานสองสามคนพูดคุยเรื่องการจัดการที่ซอยซ
วงอวี๋อีกสองสามประโยค จากนั้นเฉิงฉือและเฉิงจิงก็พาอาเป่าและอาเหรินออกมา
โจวเสาจิ่นรีบจับมือของเด็กทั้งสองเอาไว้ กู้ซวี่มาถึงแล้ว จากนั้นเฉิงสวี่ หมิ่นเจีย
และเฉิงรั่งก็ตามมาถึง…
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและคนอื่นๆ จึงย้ายไปพักผ่อนที่เรือนปีกตะวันออก กล่าวกับเจิงหมัวมัว
ที่มาคารวะนางว่า “เกรงว่าสองวันนี้อาจจะมีคนมาเยี่ยมคนป่ วยอีก เจ้าไปถามฉางกูกูผู้นั้นสัก
หน่อย ดูว่าด้านซอยซวงอวี๋นี้ต้องจัดเตรียมโต๊ะอาหารหรือไม่ ให้ญาติสนิทมิตรสหายที่มาเยี่ยมคน
ป่วยรั้งอยู่รับประทานอาหารด้วยสักมื้อหนึ่ง”
เดิมทีเจิงหมัวมัวเป็นบ่าวที่ติดตามมาจากบ้านเดิมของภรรยาของเฉิงเซ่า ต่อมาแต่งงาน
กับคนติดตามของเฉิงเซ่า เป็นแม่บ้านดูแลเรือนชั้นใน หลังจากที่ภรรยาของเฉิงเซ่าจากไปแล้ว
ยังคงให้นางดูแลจัดการเรื่องในเรือนชั้นในดังเดิม
นางขานรับคําอย่างนอบน้อมและระมัดระวัง แล้วถอยออกไป5085
โจวเสาจิ่นรีบกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “ท่านแม่ พรุ่งนี้ท่านยังต้องเข้าวังไปร้องไห้ไว้
ทุกข์อีก เรื่องทางนี้มอบหมายให้ข้ากับพี่สะใภ้รอง ท่านกลับไปพักผ่อนเร็วสักหน่อยจะดีกว่า
กลางคืนยังต้องให้ท่านช่วยดูแลอวิ้นเกอเอ๋อร์อีกนะเจ้าคะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวให้คนไปหยิบเทียบยาที่หมอหลวงเขียนมาให้ดู พบว่าเป็นยาบํารุงเลือด
ลมและช่วยให้จิตใจสงบพวกนั้นจริงๆ ถึงได้วางใจลงมาได้
เจิงหมัวมัวกลับย้อนกลับมาในเวลานี้ กล่าวขึ้นว่า “ฉางกูกูผู้นั้นบอกว่า องค์ฮ่องเต้ทรงให้
นางมาดูแลเรื่องชีวิตประจําวันของนายท่านผู้เฒ่ารอง เรื่องภายในบ้านมีท่านและฮูหยินหลายๆ
ท่านช่วยตัดสินใจให้ได้เจ้าค่ะ” ขณะที่นางกล่าว ก็กดเสียงลงตํ่า กล่าวว่า “ฉางกูกูรู้ว่าท่านมา
บอกว่าอยากมาคารวะท่านเจ้าค่ะ ท่านคิดว่า…”
“เช่นนั้นก็พบกันสักหน่อยก็แล้วกัน” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวอย่างสดชื่นแจ่มใส “ตอนนี้นาง
ก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลเฉิงแล้ว เรื่องของวันข้างหน้าก็ค่อยคุยกันวันข้างหน้า ทว่าตอนนี้เป็น
พระราชโองการให้ดูแลนายท่านผู้เฒ่ารอง พวกเราคนของตระกูลเฉิงล้วนต้องรู้สึกซาบซึ้งในนํ้า
พระทัย”
ทุกคนต่างขานรับอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “เจ้าค่ะ”
เจิงหมัวมัวเชิญฉางกูกูเข้ามา
หลังจากที่ทุกคนทําความเคารพกันแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็สนทนาพาทีกับฉางกูกูอีกครึ่ง
ค่อนวัน เมื่อเห็นว่าเวลาไม่เช้าแล้ว จึงให้คนจัดโต๊ะอาหาร รับประทานอาหารเย็นที่ซอยซวงอวี๋
เสร็จแล้วถึงได้กลับไป
เฉิงฉือ โจวเสาจิ่น ชิวซื่อ เฉิงสวี่ เฉิงรั่งและอาเป่าอาเหรินรั้งอยู่ที่นี่5086
เฉิงฉือพาเฉิงสวี่และเฉิงรั่งไปรับรองญาติสนิทมิตรสหายที่มาเยี่ยมคนป่วย โจวเสาจิ่นพา
ข้ารับใช้ในบ้านไปเป็นลูกมือช่วยฉางกูกู ปรนนิบัติเฉิงเซ่ากินยากินข้าวและอาบนํ้า อาเป่ ากับอา
เหรินยังเด็กเกินไป กลัวว่าจะทําให้พวกเขาตกใจ ชิวซื่อจึงรั้งอยู่ดูแลพวกเขา ถ้าหากมีสตรีจาก
ตระกูลที่คบหากันมาอย่างยาวนานมาเยี่ยม ชิวซื่อเองก็จะได้ออกหน้ามาต้อนรับทักทาย
หมิ่นเจียที่ตามหลังหยวนซื่ออย่างเงียบๆ มาโดยตลอดเห็นเช่นนั้นก็รีบกล่าวกับฮูหยินผู้
เฒ่ากัวเสียงดังว่า “ท่านย่า ข้าเองก็รั้งอยู่ดูแลคนป่วยด้วยดีหรือไม่ ท่านแม่ต้องเข้าวังไปร้องไห้ไว้
ทุกข์ ไม่อาจโยนเรื่องทั้งหมดให้ท่านอาสะใภ้ทั้งสองท่านได้ ข้าเองก็รั้งอยู่ช่วยด้วยดีหรือไม่เจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองเฉิงสวี่ครั้งหนึ่ง จึงตอบตกลง “เช่นนั้นเจ้าก็รั้งอยู่ด้วยก็แล้วกัน”
หมิ่นเจียย่อเข่าทําความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากัว หยวนหมิงและเผิงเจ่าที่เร่งตามมาทีหลัง
ไปส่งฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับจวน
โจวเสาจิ่นปรนนิบัติเฉิงฉือผลัดเปลี่ยนอาภรณ์
เฉิงฉือเห็นท่าทางตอนยกมือของนางดูต้องใช้แรงมาก จึงกระซิบถามที่ข้างหูของนางว่า
“เป็นเพราะรู้สึกคัดเต้านมมากใช่หรือไม่”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงไม่ตอบคําถาม กล่าวขึ้นว่า “ประเดี๋ยวข้าจะให้ฝานมามาเข้ามาช่วย
ประคบร้อนให้ข้าก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”
เฉิงฉือจึงดึงมือนางกดให้นางนั่งลงบนเก้าอี้มีเท้าแขนข้างๆ กล่าวว่า “ข้าสวมเสื้อผ้าเอง
เจ้าพักเถอะอย่าขยับ”
เขาชอบความรู้สึกที่มีโจวเสาจิ่นรายล้อมอยู่รอบตัวเขา
แต่โจวเสาจิ่นไม่สบาย เขาจะทําใจใช้งานนางได้อย่างไร5087
โจวเสาจิ่นกล่าวเสียงเบาอย่างขัดเขินว่า “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว”
เฉิงฉือสวมเสื้อผ้าไปด้วย กล่าวไปด้วยว่า “หรือว่าให้อวิ้นเกอเอ๋อร์หย่านมไปเลยดี
หรือไม่! มิใช่ว่าเขามีแม่นมอยู่หรอกหรือ”
โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างลังเลว่า “ให้เขากินต่อไปอีกสักระยะหนึ่งดีกว่ากระมัง เขาชอบกิน
ของข้า”
เฉิงฉือครุ่นคิด กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าช่วยประคบให้เจ้าเอง!”
“ไม่ ไม่ต้องเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นจะกล้าให้เขาทําเรื่องเช่นนี้ให้ได้อย่างไร นางอายจนไม่กล้า
เงยหน้าขึ้น พึมพํากล่าวว่า “ข้าทําเองก็ได้แล้วเจ้าค่ะ…”
ทว่าเฉิงฉือกลับไม่ฟังที่นางพูด ตักนํ้าร้อนเข้ามาช่วยนาง
นางรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก ทว่าก็รู้สึกหอมหวานอย่างห้ามไม่อยู่
เฉิงฉือมีความปรารถนาที่ไม่รู้จักพอ
โจวเสาจิ่นคิดได้ว่าเฉิงเซ่ายังป่ วยอยู่จึงกระวนกระวาย คว้าจับมือของเขาเอาไว้กล่าว
วิงวอนเขาว่า “รอท่านอารองหายป่วยแล้ว ข้าจะตามใจท่านทุกอย่างเจ้าค่ะ!”
“เด็กโง่!” เฉิงฉือแนบตัวกับโจวเสาจิ่นหัวเราะเบาๆ “หากท่านอารองป่วยจริงๆ ข้ายังจะมี
กะจิตกะใจเช่นนี้ได้อย่างไร!”
โจวเสาจิ่นมองเฉิงฉืออย่างตะลึงพรึงเพริด “ท่านอารอง ท่านอารองแสร้งป่วยหรือเจ้าคะ”