ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 549 สลัดตัวหนี
เฉิงฉือยิ้มพลางพยักหน้า
โจวเสาจิ่นพูดตะกุกตะกักไปหมดแล้ว กล่าวว่า “องค์ฮ่องเต้…ทรงทั้งพระราชทานยา…ทั้ง
พระราชทานคนให้…นี่จะดีหรือเจ้าคะ…”
เฉิงฉือกอดนางอย่างปลอบโยน กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “เรื่องนี้ประเดี๋ยวข้าค่อยคุยกับ
เจ้าอีกที เจ้าอย่าแพร่งพรายออกไปเชียว”
ประเดี๋ยวเขายังต้องไปเฝ้าคนป่วยอีก
โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกอย่างเบื้อใบ้ พลางกล่าว “ข้าไม่บอกผู้ใดอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ…”
สุดท้ายแล้วก็ยังเด็ก จึงรับเรื่องตระหนกตกใจไม่ค่อยไหว
เฉิงฉือถอนหายใจยิ้มๆ กอดนางไว้ในอ้อมแขนหอมนางครั้งแล้วครั้งเล่า กล่าวคําพูด
ปลอบโยนนางอีกมากมาย เห็นนางมีสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว ถึงได้ไปหาเฉิงเซ่า
โจวเสาจิ่นยิ้มขื่นอย่างช่วยไม่ได้
ในเมื่อท่านอารองกล้าทํา เฉิงฉือเองก็บอกว่าไม่เป็นอะไร นางก็อย่าสนใจเรื่องพวกนี้เลย
ดีกว่า
ท่านอารองมิได้ป่วย สุดท้ายแล้วถือเป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่ง
ตอนไปต้มยานางจึงมิได้ตั้งอกตั้งใจเหมือนก่อนหน้านี้อีก คิดว่ายานี้หากมิใช่เททิ้งก็ถูก
ทําลายทิ้งอยู่ดี นางนั่งอยู่หน้าเตาคิดเรื่องในใจไปด้วยพลางโบกพัดไปด้วย
ท่านอารองคงมิได้ร่วมมือกับหมอหลวงของสํานักหมอหลวงหรอกกระมัง5089
แล้วเขาปิดบังจากหมอหลวงเหล่านั้นได้อย่างไรกันนะ
เหตุใดท่านอารองต้องแสร้งป่วยด้วย
เพราะกลัวว่ารู้เรื่องอื้อฉาวของราชวงศ์มากเกินไปจึงพยายามหลีกเลี่ยงความ
หวาดระแวงอย่างนั้นหรือ
แต่พระบรมราชโองการเขาก็เขียนแล้ว คดีความเขาก็ตรวจสอบแล้ว หลีกเลี่ยงความ
หวาดระแวงเวลานี้ ออกจะสายเกินไปแล้วกระมัง!
ยังมีฉางกูกูผู้นั้นอีก
เพียงเพราะองค์ฮ่องเต้ทรงเป็นห่วงท่านอารองถึงได้พระราชทานนางให้ท่านอารอง หรือ
เพราะท่านอารองมีความผิดปกติอะไรทําให้องค์ฮ่องเต้ทรงสงสัย จึงทรงจัดให้ฉางกูกูผู้นี้มาอยู่
ข้างกายท่านอารอง เป็นที่ทราบว่ามาดูแลแต่จริงๆ แล้วมาจับตาดูท่านอารองกันนะ?
คราวก่อนตอนที่นางกับเฉิงฉือคาดคะเนเรื่องในชาติก่อนกันนั้น นางก็สงสัยว่าเรื่องที่
ตระกูลเฉิงถูกกําจัดในชาติก่อนนั้นอาจเกี่ยวข้องกับท่านอารอง การมาถึงของฉางกูกู จะเป็นลาง
บอกเหตุว่าเรื่องราวได้เริ่มต้นขึ้นแล้วใช่หรือไม่กันนะ
น่าเสียดายที่ชาติก่อนนางไม่รู้ว่าตระกูลเฉิงถูกตรวจสอบและยึดทรัพย์อย่างไรบ้าง และ
ไม่รู้ว่าองค์ฮ่องเต้ได้พระราชทานกูกูให้ท่านอารองผู้หนึ่งหรือไม่…ช่างเป็นเรื่องน่าปวดศีรษะเสีย
จริงๆ!
มีเสียงร้องตกใจของชุนหว่านดังขึ้นที่ข้างหูของนาง “ฮูหยิน นี่ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ”
โจวเสาจิ่นก้มหน้าลง ถึงได้ค้นพบว่ายาในหม้อต้มยาเดือดปุดปุดจนมีฟองผุดออกมา ยา
เอ่อล้นออกมาหมดแล้ว5090
ชุนหว่านรีบยกฝาหม้อต้มยาขึ้น กล่าวว่า “ฮูหยิน ยานี้ต้องต้มด้วยไฟอ่อนๆ โชคดีที่
ค้นพบเสียก่อน ยังเหลือนํ้าอยู่อีกสองในสามส่วน” นางกล่าว แล้วก็กล่าวขึ้นอีกอย่างลังเลว่า “ฮู
หยิน หรือว่าพวกเราต้มยาใหม่อีกชุดหนึ่งดีหรือไม่เจ้าคะ”
รู้ว่าเฉิงเซ่าจะไม่ดื่มยานี้ นางยังจะต้มอะไรอีก!
โจวเสาจิ่นคิดถึงความอลหม่านของทุกคนในวันนี้ อดรู้สึกกระดากใจไม่ได้
นางพึมพํากล่าวว่า “เปลี่ยนเป็นไฟอ่อนตอนนี้เสียก็ได้แล้ว ยาลดไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ยาน้อยไปหนึ่งชุดก็ต้องไปเติมอีกหนึ่งชุด วุ่นวายเกินไปแล้ว”
เช่นนี้จะเป็นการไม่ค่อยให้เกียรตินายท่านผู้เฒ่ารองหรือไม่
ชุนหว่านสับสนมึนงงเล็กน้อย เห็นโจวเสาจิ่นเริ่มเหม่ออีกครั้ง จึงไม่กล้าถามอะไรอีก ปิด
ฝาหม้อไว้ครึ่งหนึ่ง ค่อยๆ ต้มยาไป
หมิ่นเจียเดินเข้ามา
นางกล่าว “ท่านอาสะใภ้เล็ก ท่านไปพักผ่อนเถิด! ตรงนี้ให้ข้าดูแลก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “มีบ่าวรับใช้คอยดูแลอยู่ข้างๆ ข้าเองก็เพียงนั่งโบก
พัดอยู่ตรงนี้ก็เท่านั้น พวกเจ้ารับช่วงต่อตอนหลังเที่ยงคืน ตอนนี้อากาศค่อยๆ เย็นลงแล้ว ไม่นอน
ทั้งคืนคนจะเหน็ดเหนื่อยมากเกินไป เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด! อาการป่วยของท่านอารองนี้ก็ไม่รู้ว่า
จะหายดีเมื่อใด เกรงว่าคงมิใช่เรื่องภายในหนึ่งวันสองวัน หากตอนนี้เจ้าไม่พักผ่อนให้ดี ต่อไปจะ
ทําอย่างไร”
หมิ่นเจียมองดวงหน้านิ่งสงบไร้คลื่นใดๆ ของนางแล้ว สีหน้าดูซับซ้อนเล็กน้อย ผ่านไปครู่
หนึ่งถึงได้ขานรับ “อื้อ” เบาๆ เสียงหนึ่ง และกลับห้องไป5091
โจวเสาจิ่นโบกพัดพัดยาต่อ
หมิ่นเจียเองก็เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ต้องเชื่อฟังบิดามารดา แต่งงานตาม
คําของพ่อสื่อแม่สื่อ ซึ่งนางไม่ได้มีความผิดอะไร หากจะกล่าวว่าใครผิด คงได้แต่กล่าวว่าเป็น
โชคชะตาที่กลั่นแกล้งคนเท่านั้นแล้ว
นางทอดถอนใจอยู่ในใจ
เที่ยงคืนเฉิงฉือถึงกลับมา
ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ไม่มีเฉิงฉืออยู่ด้วย โจวเสาจิ่นจึงนอนไม่หลับ
นางหาหนังสือมาเล่มหนึ่ง อ่านหนังสือไปด้วย พลางรอเขาไปด้วย
ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว นางเอาเสื้อมาคลุมแล้วออกไปต้อนรับ
เห็นโจวเสาจิ่นรอเขาอยู่ตลอด เฉิงฉือรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ปล่อยให้โจวเสาจิ่นปรนนิบัติเขา
ล้างหน้าล้างตาครั้งหนึ่ง ทั้งสองคนขึ้นเตียง ดับตะเกียง แล้วแอบกระซิบกระซาบคุยกันอยู่ในผ้า
ห่มเหมือนหลายวันที่ผ่านมา “ท่านอารองบอกข้าว่า องค์ฮ่องเต้ทรงสืบหาที่มาของธูปปลุกกําหนัด
ดอกนั้นอยู่ตลอด เนื่องจากท่านอารองต้องช่วยกรมพิธีการจัดการดูแลเรื่องพิธีฝังพระศพ ทว่า
หานติงแอบสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ อยู่ตลอด สองวันก่อนหานติงแอบมาหาท่านอารอง บอกว่าหาก
สืบเรื่องนี้ต่อไป จะต้องเกี่ยวโยงไปถึงองค์ชายห้าเป็นแน่แล้ว เขาตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง ขอร้องให้
ท่านอารองช่วยเสนอความคิดเห็นให้เขาสักข้อหนึ่ง ท่านอารองให้เขาสืบต่อไปให้ถึงต้นตอ ไม่ว่า
เผชิญกับเรื่องอะไรล้วนมีองค์ฮ่องเต้เป็นผู้ตัดสินให้อยู่ หานติงจากไปด้วยความซาบซึ้ง ทว่าท่าน
อารองกลับเป็นกังวลว่าสุดท้ายแล้วองค์ฮ่องเต้จะมอบหมายเรื่องนี้มาให้เขา จึงแสร้งว่าล้มป่ วย
ขึ้นมา…บางเรื่องรู้แล้วก็มิใช่เรื่องดีนัก!”5092
โจวเสาจิ่นฟังแล้วใจเต้นตึกๆ เอามือทาบหน้าอกไว้อย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวอย่างเป็นกังวล
ว่า “ฉางกูกูจะระแคะระคายจนมองออกหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่หรอก!” เฉิงฉือกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่ง กล่าวอีกว่า “หลังมื้อเย็นฉางกูกู
ก็ปรนนิบัติอยู่ในห้องของท่านอารอง เพียงท่านอารองขยับสีหน้านางก็รู้แล้วว่าท่านอารอง
ต้องการอะไร แม้แต่ท่านอารองยังประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าดูท่าทางนั้นแล้ว ไม่เหมือนคนที่
เพิ่งเคยพบท่านอารองมาเพียงไม่กี่ครั้งเลยแม้แต่นิดเดียว”
โจวเสาจิ่นพลันรู้สึกสนใจขึ้นมา กล่าวว่า “ท่านว่า ท่านอารองจะเก็บฉางกูกูเอาไว้หรือไม่
เจ้าคะ”
“นั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “ไม่ว่าท่านอารองจะคิดอย่างไร เขาแก่ตัว
มาแล้วมีคนอยู่เป็นเพื่อนสักคนหนึ่งข้าก็คิดว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยอาเป่ากับอาเหรินก็มีคนดูแล
แล้ว”
โจวเสาจิ่นหัวเราะเบาๆ ซุกตัวเข้ากับอ้อมกอดของเฉิงฉือ มือเท้าเกี่ยวรัดเขาเอาไว้แน่น
กล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกปลอดภัยมั่นคงว่า “เช่นนั้นพวกเราก็รีบนอนกันเถิด! พรุ่งนี้ต้องมีคนมา
เยี่ยมท่านอารองจํานวนมากเป็นแน่ พรุ่งนี้ท่านต้องเข้าวังไปขอบพระทัยองค์ฮ่องเต้แทนท่านอา
รองหรือไม่ แล้วยานั่นท่านอารองจัดการอย่างไรหรือเจ้าคะ”
เฉิงฉือขยับปรับท่วงท่า ตระกองกอดโจวเสาจิ่นไว้ในอ้อมกอด กล่าวขึ้นว่า “ท่านอารอง
อยากส่งเสริมข้า ดังนั้นเวลานี้จึงจงใจให้ข้าเข้าวังไปกล่าวขอบพระทัยองค์ฮ่องเต้แทนเขาเป็น
พิเศษ ท่านอารองได้สั่งการมาแล้ว ข้าไม่ไปคงไม่ดี ส่วนยานั่น” เขากดเสียงลงตํ่าพลางงับใบหู
ของโจวเสาจิ่น “เจ้าเห็นแจกันเคลือบสีจิ่งไท่หลานเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองเผิงจู่ความสูงเท่าคน
ที่ตั้งอยู่ข้างฉากกั้นในห้องของท่านอารองชิ้นนั้นหรือไม่ ยาอยู่ในนั้น!”5093
ไอร้อนที่เขาพ่นออกมาทําให้โจวเสาจิ่นรู้สึกจักจี้ที่ใบหูไปหมด ยักไหล่พลางกล่าวยิ้มๆ ว่า
“นี่เป็นความคิดของผู้ใดกันเจ้าคะ แจกันเคลือบสีชิ้นนั้นสูงขนาดนั้น อยากเทยาออกมาทิ้งล้วนไม่
ง่ายเลย เหตุใดไม่หาแจกันเล็กๆ สักชิ้นหนึ่ง จะได้แอบไปเททิ้งเงียบๆ ได้!”
เฉิงฉือถูจมูกของตัวเอง ไม่ได้ยอมรับว่าตนเป็นผู้ส่งเสริมความคิดนั้น แต่กล่าวว่า “เรื่องนี้
ให้จบแค่นี้ก็แล้วกัน อย่าพูดถึงอีกเลย มากคนมากความ ผู้ใดจะรู้ว่าจะมีคนได้ยินหรือไม่ นี่ถือเป็น
โทษของการหลอกลวงเบื้องสูงเชียวนะ!”
โจวเสาจิ่นไว้อาลัยให้ตัวเองอีกครั้งไปครู่หนึ่ง
นับตั้งแต่นางแต่งงานกับเฉิงฉือเป็นต้นมา นางก็ได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เห็นที่ได้ยินมา
ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นไม่ค่อยให้ความสําคัญกับฮ่องเต้ องค์ชายและคนอื่นๆ สักเท่าไรแล้ว
ไม่รู้ว่าบิดาทราบแล้วจะตกใจหรือไม่!
ต่อมาตระกูลเฉิงก็เต็มไปด้วยผู้มาเยี่ยมเยียนตามคาดจริงๆ
จวบจนเฉิงเซ่าดีขึ้น ก็ถึงเดือนสองของปีถัดมาแล้ว
ตอนเทศกาลโคมไฟองค์ชายห้าเสด็จเข้าวังไปร่วมฉลองอวยพร หลังจากเสวยพระกระยา
หารเที่ยงที่ตําหนักฉือหนิงและเสด็จกลับไปแล้วก็เริ่มเสาะท้อง แล้วก็สิ้นพระชนม์ไปในเวลาเพียง
สองวัน
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ฮ่องเต้ทรงสูญเสียองค์ชายไปถึงสี่พระองค์
องค์ไทเฮารับเรื่องนี้ไม่ไหวจนประชวร5094
ฮูหยินเผิงเฉิงร้อนใจยิ่งนัก บางครั้งยามสามกลางดึกก็ให้คนมาขอให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว
แนะนําท่านหมอมีชื่อของเจียงหนานให้ บางครั้งก็มาถามฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่าเวลาเผายันตร์ใช้ธูป
สามดอกหรือว่าใช้ธูปห้าดอก…ทําเอาพวกโจวเสาจิ่นเองก็รู้สึกร้อนใจตามไปด้วย
นายท่านผู้เฒ่าของตระกูลซ่งยังคงป่วยอยู่ ทว่ายังคงไม่ทิ้งลมหายใจ
ตระกูลซ่งกําหนดวันแต่งงานของซ่งมู่เป็นวันที่สิบเดือนสอง
ส่วนชิวซื่อให้คนไปที่ตระกูลเซี่ย อยากเลื่อนงานแต่งเข้ามา
ตระกูลเซี่ยเองก็เป็นกังวลเช่นกันว่าจะพานพบกับการไว้ทุกข์ทั้งแผ่นดินอีกครั้งหรือไม่ก็
อาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ทั้งสองครอบครัวหารือกันไม่ให้งานซ้อนทับกับวันงานแต่งของตระกูล
ซ่ง จึงกําหนดให้งานแต่งของเฉิงรั่งและเซี่ยซื่อเป็นวันที่สิบสี่เดือนสอง
เลี่ยวเส้าถังเป็นเช่นเดียวกับชาติก่อน สอบผ่านการสอบขุนนางระดับภูมิภาคได้อย่าง
ราบรื่น เดือนสามจะเข้าร่วมการสอบขุนนางระดับประเทศที่จัดขึ้นที่จิงเฉิง
คนที่เข้าร่วมการสอบขุนนางระดับประเทศด้วยยังมีเฉิงสวี่ เฉิงสือ เฉิงเจิ้งและพานจ้าว
โจวเสาจิ่นคิดไม่ถึงว่าเฉิงเจิ้งก็สอบผ่านการสอบขุนนางระดับภูมิภาคด้วย
ดูทีหลังจากที่ซอยจิ่วหรูแยกตระกูลกันแล้ว จวนสามก็มีแผนการของตัวเองแล้วเช่นกัน
ชิวซื่อจึงถามโจวเสาจิ่นอย่างตัดสินใจไม่ค่อยได้ว่า “สองวันก่อนเฉิงเจิ้งตั้งใจมาเยี่ยมข้า
เป็นพิเศษ ข้าเพียงต้อนรับเขาด้วยอาหารเที่ยงมื้อหนึ่งเท่านั้น เจ้าว่าข้าควรให้คนนําของกินของใช้
ส่งไปให้ยังโรงเตี๊ยมที่เขาพักอยู่สักหน่อยหรือไม่…”
ครั้นเฉิงเจิ้งสอบผ่านได้รับการเสนอชื่อ ก็จะได้เป็นจิ้นซื่อแล้ว5095
เฉิงรั่งเรียนไม่เก่ง เรื่องนี้ทําให้ชิวซื่อค่อนข้างเทิดทูนบุตรหลานของตระกูลที่มี
ความสามารถ
นางทราบว่าจวนหลักและจวนรองมีความขัดแย้งกัน แต่ปีนั้นระหว่างจวนหลัก จวนรอง
และจวนสามเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ นั้นนางคงไม่รู้ แต่ถ้ารู้ก็คงไม่อยากไปมาหาสู่กับจวนสาม
โจวเสาจิ่นกล่าว “เรื่องนี้ลองไปถามความเห็นของพี่สะใภ้ใหญ่ดูดีกว่า! เนื่องจากนางเป็น
สะใภ้เอกของตระกูล”
ตอนที่เกิดเรื่องกับเฉิงสวี่ในปีนั้น เบื้องหลังก็มีจวนสามชักใยอยู่ด้วย หยวนซื่อคงไม่ยอม
ให้คบหากับจวนสาม
โจวเสาจิ่นสนใจเพียงเลี่ยวเส้าถังเท่านั้น
ถึงแม้จะมีบทเรียนของชาติก่อน ชาตินี้โจวชูจิ่นยืนมั่นคงอยู่ในตระกูลเลี่ยวได้อย่าง
รวดเร็ว รักใคร่กลมเกลียวกับเลี่ยวเส้าถังดังเช่นชาติก่อน แต่ตระกูลเลี่ยวก็เรื่องเยอะเกินไปจริงๆ
กล่าวคือ โจวชูจิ่นให้กําเนิดกวนเกอได้แล้ว ตระกูลเลี่ยวก็ยังมีคนจะให้เลี่ยวเส้าถังรับอนุภรรยา
เหตุเพราะสองปีนี้โจวชูจิ่นไม่มีบุตรให้ตระกูลเลี่ยวเพิ่ม ทําเอาโจวชูจิ่นและเลี่ยวเส้าถังโกรธจน
แทบจะทนไม่ไหว
ถ้าหากเลี่ยวเส้าถังสอบจิ้นซื่อได้ ก็จะได้พูดจามีนํ้าหนักในตระกูลเลี่ยว และจะได้
รับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวเองได้แล้ว
ชีวิตของโจวชูจิ่นก็จะได้สบายขึ้นอีกมากโข
โจวเสาจิ่นไปจุดธูปที่วัดต้าเซียงกั๋วและวัดไป๋ อวิ๋นก้วนให้เลี่ยวเส้าถัง ขอยันตร์ และวาด
แบบลายวานรบนหลังอาชาภาพหนึ่งส่งไปที่ซอยอวี๋ซู่ ให้พี่สาวใช้ตัดชุดให้พี่เขยสวมใส่ในวันลง
สนามสอบ5096
จากนั้นก็เร่งไปช่วยฮูหยินซ่งจัดเตรียมงานแต่งของซ่งมู่ที่ตระกูลซ่ง และช่วยชิวซื่อ
จัดเตรียมงานแต่งของเฉิงรั่ง ระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน นางก็ผ่ายผอมลงไปมาก
เฉิงฉือปวดใจเป็นอย่างยิ่ง กลับมาตอนกลางคืนจึงช่วยนวดให้นาง ต่อว่านางว่า “ก็แค่
เครื่องประดับเงินทองและแป้งชาดสําหรับส่งไปเร่งเจ้าสาว มอบหมายให้หมัวมัวที่รับผิดชอบเอา
ไปจัดการก็ได้แล้ว เจ้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรด้วย ยังวิ่งไปเลือกแบบเองถึงที่ร้านเครื่องเงินอีก…”
โจวเสาจิ่นยิ้มร่า พลางกล่าว “ก็ข้ารู้สึกว่ามันน่าสนุกนี่นา! เมื่อก่อนข้าอิจฉาที่ผู้อื่นเดินไป
ถึงไหนล้วนมีคนคอยห้อมล้อมเป็นกลุ่ม ฮูหยินซ่งเป็นคนดียิ่ง ข้าไปช่วยก็ได้เรียนรู้อะไรจากฮูหยิ
นซ่งมาไม่น้อย รอให้มีใครแต่งงานอีก ข้าก็จัดการเรื่องพิธีแต่งคนเดียวได้แล้ว”
เป็นเพราะชาติก่อนโดดเดี่ยวมากเกินไปกระมัง
เฉิงฉือพลันรู้สึกปวดแปลบใจ
ถ้าหากมิใช่เพราะเห็นว่านางยังดูมีชีวิตชีวาดีอยู่ เขาก็คงไม่ให้นางไปแล้ว
เขาโน้มตัวลงไปหอมหัวไหล่เกลี้ยงเกลาของนาง กล่าวว่า “อย่าให้ตัวเองเหนื่อยก็พอ!”
“อืมมม!” โจวเสาจิ่นพยักหน้า ส่งเสียงครางอย่างสบายตัว
เฉิงฉือหลุดยิ้ม กล่าวว่า “สบายเพียงนั้นเชียวหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะๆๆ” โจวเสาจิ่นกล่าวยํ้าๆ “ท่านสอนวิธีนวดนี้ให้ข้าด้วย ประเดี๋ยวข้าจะนวดให้
ท่าน”