ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 552 สะใภ้คนใหม่
บุรุษที่โถงรับรองพูดคุยหัวข้อที่ตนสนใจ ส่วนสตรีที่เรือนปีกกลับเช่นไพ่นกกระจอกกัน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัว หยวนซื่อ ชิวซื่อและเฉิงเจิงนั่งด้วยกันหนึ่งโต๊ะ เฉิงเซียวนั่งอยู่ด้านหลัง หยวนซื่อ คอยมองเด็กๆ ที่กําลังเล่นกันอย่างสนุกสนานตรงลานบ้านบ่อยๆ ส่วนเฉิงเซิงนั่งอยู่ ด้านหลังฮูหยินผู้เฒ่ากัว ช่วยดูไพ่ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว
โจวเสาจิ่นทํานมซิ่งเหริน 2931ให้พวกนางอยู่ในห้องนํ้าชา เซี่ยซื่อที่แต่งเข้ามาใหม่คอยเป็น ลูกมือ เดินตามอยู่ด้านหลังโจวเสาจิ่นทุกฝีก้าว
“ครอบครัวของพวกเราไม่มีกฎเกณฑ์นี้” โจวเสาจิ่นกล่าวกับเซี่ยซื่อยิ้มๆ รอยยิ้มอบอุ่น อ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าไปดูแม่สามีของเจ้าเล่นไพ่เถิด มีข้าอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”
เซี่ยซื่อชื่นชอบโจวเสาจิ่นยิ่งนัก
เริ่มแรกตอนที่ตระกูลเฉิงไปวางของหมั้นเล็กนั้น โจวเสาจิ่นก็ไปปักปิ่นให้นาง นอกจากนี้ สายตาที่โจวเสาจิ่นมองคนทั้งให้ความใกล้ชิดสนิทสนมและเต็มไปด้วยความปรารถนาดี ทําให้คน ที่เพิ่งแต่งเข้าตระกูลเฉิงมาและยังไม่รู้อะไรเลยอย่างนาง ตามติดอยู่ข้างกายโจวเสาจิ่นไปเองโดย ไม่รู้ตัว
“ข้าเล่นไพ่ไม่เป็นเจ้าค่ะ” เซี่ยซื่อหน้าแดง พึมพํากล่าวอย่างกระดากอาย “ให้ข้าติดตาม เรียนวิธีการทํานมซิ่งเหรินกับท่านอาสะใภ้เถิดเจ้าค่ะ! ข้าเห็นท่านย่าและแม่สามีล้วนชอบดื่มมาก …ท่านป้าสะใภ้และกูไหน่ไนทั้งสามท่านก็ชอบดื่ม…”
1 นมซิ่งเหริน นมอัลมอนด์
5117
“มิใช่เรื่องยากอะไร” โจวเสาจิ่นสอนนางอย่างเอาใจใส่ “แช่เมล็ดซิ่งเหรินไว้หนึ่งคืน จากนั้นใช้เครื่องโม่โม่ให้ข้นเหลว ใช้ผ้าเนื้อละเอียดกรอง ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวจนแตกตัวเติมนํ้าตาล กรวดก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เพียงแต่ว่าผ้ากรองที่ข้าใช้ต้องเนื้อละเอียด กรองหลายๆ ครั้ง ไฟที่ ข้าใช้เคี่ยวนมซิ่งเหรินต้องเป็นไฟอ่อน ใช้ทัพพีคอยคนอยู่ข้างๆ ตลอดไม่หยุด พอนํ้าตาลกรวดที่ เติมลงไปละลายแล้วก็ยกหม้อขึ้นได้ อย่างไรก็ตามต้องจําไว้ว่าส่วนของฮูหยินผู้เฒ่าและป้าสะใภ้ ของเจ้านั้นไม่ต้องเติมนํ้าตาลก็ได้แล้ว”
เซี่ยซื่อกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ
โจวเสาจิ่นยื่นทัพพีที่ใช้คนนมซิ่งเหรินส่งให้เซี่ยซื่อ ให้นางคนตามแบบที่ตนสอน “คนใน บ้านล้วนชอบดื่มนมซิ่งเหรินร้อน ดังนั้นพวกเราจึงดื่มกันในช่วงที่อากาศยังมีความหนาวเย็นอยู่ รอให้ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่งเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ใบชาใหม่เข้าสู่ท้องตลาด ก็เริ่มดื่มชาเขียวกันแล้ว เมื่ออากาศร้อนขึ้นอีกสักหน่อย ก็จะต้มนํ้าชาใบหม่อนดับร้อนเป็นครั้ง คราว ตอนฤดูใบไม้ร่วงจะดื่มนํ้าสาลี่สกัด นํ้าสาลี่สกัดที่ตระกูลของพวกเราทํามานั้นรสชาติ บริสุทธิ์ยิ่ง รอให้ถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้วข้าค่อยสอนเจ้าทํา”
เซี่ยซื่อพยักหน้าหงึก
ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายจะได้นับญาติกันเรียบร้อยแล้ว แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกันอย่าง เป็นทางการ
โจวเสาจิ่นจึงถามนางยิ้มๆ ว่า “ยามว่างเจ้าอยู่บ้านทําอะไรบ้างหรือ”
เซี่ยซื่อกล่าวเสียงเบาว่า “ทํางานเย็บปักเจ้าค่ะ” ขณะที่นางกล่าว เสียงพูดหยุดลงครู่หนึ่ง กล่าวอีกว่า “แล้วก็เรียนเขียนอ่านกับพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าด้วยเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นเข้าใจ
5118
ตระกูลเซี่ยมีฐานะธรรมดา ไม่อาจจ้างบ่าวไพร่จํานวนมากได้ เสื้อผ้าอาภรณ์ของใต้ เท้าเซี่ยและคุณชายเซี่ยอาจจะไปซื้อจากร้านตัดเย็บเสื้อผ้าข้างนอกได้ แต่สตรีในห้องหออย่าง คุณหนูเซี่ยวนี้คงได้แต่ต้องตัดเย็บด้วยตัวเองแล้ว หนึ่งปีมีสี่ฤดู เสื้อผ้ารองเท้าถุงเท้าและอื่นๆ มิใช่ จํานวนน้อยๆ นอกจากทําให้ตัวเองแล้ว ก็ต้องแสดงความกตัญ�ูต่อพี่สาวน้องสาว ท่านย่า มารดา บิดาและพี่ชายน้องชายเป็นครั้งคราวด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไหนเลยจะมีเวลาเที่ยวเล่น ได้ ที่บอกเรียนหนังสือ เกรงว่าก็อาจจะรู้จักเพียงไม่กี่ตัวให้พอดูแลงานในบ้านได้ก็เท่านั้น
โจวเสาจิ่นจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “ปกติยามว่างข้าก็ทํางานเย็บปักอยู่ที่บ้าน หากเจ้าไม่รังเกียจ วันไหนเอาแบบลายเย็บปักที่เจ้าใช้เป็นประจํามาให้ข้าดูบ้าง ดูแล้วนี่ก็ใกล้จะเดือนสองของฤดู ใบไม้ผลิแล้ว ถึงเวลาต้องทําชุดสําหรับฤดูใบไม้ร่วงแล้วเช่นกัน”
เซี่ยซื่อได้ยินแล้วรู้สึกโล่งใจ ดวงหน้าเผยรอยยิ้มออกมา “ได้เลยเจ้าค่ะๆ! ท่านแม่ดีต่อข้า มาก นอกจากคารวะเช้าเย็นแล้ว ก็ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรอีก ตอนอยู่ที่บ้านทุกๆ บ่ายข้าจะอ่านพระ ธรรมให้ท่านย่าฟังหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ไม่ต้องอ่านพระธรรมแล้ว ข้ากลับรู้สึกไม่ค่อยชินสักเท่าไร เวลาส่วนใหญ่จึงว่างไม่มีอะไรทํา หากท่านอาสะใภ้มีงานเย็บปักอะไรให้ข้าทํา ก็ให้สาวใช้ไปบอก ข้าสักคําก็ได้แล้วเจ้าค่ะ” กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้านางพลันแดงเรื่อขึ้น เสียงพูดก็เบาลงหลายส่วน กล่าวว่า “ท่านอาสะใภ้ ข้าทําชุดสําหรับฤดูใบไม้ร่วงให้อวิ้นเกอเอ๋อร์สักสองสามชุดได้หรือไม่ จะ ว่าไปแล้วข้ายังไม่เคยทําอะไรให้เขาเลย”
นางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
โจวเสาจิ่นเองก็เคยเป็นสะใภ้คนใหม่มาก่อนเช่นกัน แน่นอนว่าย่อมเข้าใจความรู้สึก ของเซี่ยซื่อ นางรีบกล่าวขึ้นอย่างดีใจว่า “นี่ช่างดียิ่ง ทําให้เจ้าต้องลําบากแล้ว เขาเป็นเด็ก โตเร็ว ยิ่งนัก ชุดสําหรับฤดูใบไม้ร่วงนั้นยังไม่รีบ เพียงแต่ว่าใกล้ถึงฤดูร้อนแล้ว ข้าอยากทําเอี๊ยมชั้นใน สําหรับสวมใส่ในฤดูร้อนให้อวิ้นเกอเอ๋อร์สักสองสามตัว เวลานอนจะได้ไม่เย็นบริเวณท้อง หาก
5119
เจ้ามีเวลา ก็ช่วยทําเอี๊ยมให้อวิ้นเกอเอ๋อร์สักสองสามตัวก็แล้วกัน ยังมีอาเป่ากับอาเหรินด้วย ไม่รู้ ต้องใช้หรือไม่”
เซี่ยซื่อเห็นโจวเสาจิ่นกล่าวชี้แนะตนอีกครั้ง ก็ยิ่งรู้สึกดีกับโจวเสาจิ่นมากขึ้น รู้สึกว่าการที่ ตนคอยช่วยเหลืออยู่ข้างกายโจวเสาจิ่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
นางเรียนรู้อย่างรวดเร็ว รีบกล่าวขึ้นว่า “ประเดี๋ยวข้าจะถามกูไหน่ไนทั้งหลายด้วย ดูว่า อยากให้ทําเอี๊ยมชั้นในให้พวกหนิงเกอเอ๋อร์ด้วยหรือไม่!”
โจวเสาจิ่นพยักหน้ายิ้มๆ
เด็กคนนี้เป็นคนเฉลียวฉลาดและไม่ขาดความซื่อตรงเรียบง่าย พี่สะใภ้รองได้สะใภ้ดีมาผู้ หนึ่งแล้ว
โจวเสาจิ่นตักนมซิ่งเหรินที่ต้มเสร็จแล้วใส่ในถ้วยกระเบื้องเคลือบสีสันสดใสขนาดเล็ก
นมซิ่งเหรินสีเหลืองอ่อนบรรจุอยู่ในถ้วยสีแดงสด สีสันเด่นชัด ทําให้คนเห็นแล้วรู้สึกเจริญ อาหาร
เซี่ยซื่อนึกถึงภาพวาดสตรีออกท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิที่แขวนอยู่ในเรือนปีกที่นางเห็น ตอนเพิ่งเข้าบ้านมาใหม่ๆ ภาพนั้น ลอบจดจําไว้ในใจ
ดูแล้วตระกูลเฉิงจะเป็นอย่างที่บิดากล่าวเอาไว้จริงๆ มั่งคั่งมีการศึกษา ไม่เพียงเสื้อผ้า อาหารที่พิถีพิถัน แม้แต่เครื่องเรือนของตกแต่งก็เข้ากับฤดูกาล ประณีตและวิจิตรบรรจงเป็นอย่าง ยิ่ง
ไม่แปลกที่ท่านย่าจะเป็นห่วงว่าเมื่อนางแต่งเข้ามาแล้วจะไม่คุ้นชิน
5120
โชคดีที่ท่านอาสะใภ้เล็กเป็นคนใจดีเข้าหาง่ายผู้หนึ่ง แม่สามีก็ดีกับนางเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่พี่สาวสามีที่ดูหยิ่งทะนงเล็กน้อย ก็ปฏิบัติกับนางอย่างเป็นกันเอง…ล้วนเป็นคนได้รับการ อบรมมีการศึกษาดีทั้งสิ้น นางซื่อตรงจริงใจ ย่อมมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอน!
เซี่ยซื่อลอบตัดสินใจเงียบๆ สูดลมหายใจเข้าครั้งหนึ่ง ยกถาดลายดอกไห่ถังสีทองที่วาง ถ้วยบรรจุนมซิ่งเหรินสีแดงสดเอาไว้ตามโจวเสาจิ่นไปที่เรือนปีก
เฉิงเซิงรีบลุกขึ้นมาช่วยเซี่ยซื่อยกนมซิ่งเหริน
โจวเสาจิ่นจึงเรียกพวกเด็กๆ ที่เล่นอยู่ในสวนดอกไม้มาดื่มนมซิ่งเหริน
พวกเด็กๆ วิ่งเข้ามาประหนึ่งฝูงผึ้ง แล้วก็เงียบเสียงลงอย่างกะทันหัน ทําความเคารพ บรรดาผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม
ทุกคนต่างหัวเราะฮ่า
ข้ารับใช้รีบตักนํ้าอุ่นเข้ามาให้พวกเขาล้างมือ มีแม่นมของแต่ละคนปรนนิบัติดื่มนมซิ่งเห ริน
โจวเสาจิ่นเองก็ถือช้อนป้อนอวิ้นเกอเอ๋อร์ด้วยเช่นกัน
อวิ้นเกอเอ๋อร์ดื่มไปครึ่งคําก็คายออกมา ไม่ยอมดื่ม
โจวเสาจิ่นหลอกล่อไปครึ่งค่อนวันเขาก็ไม่ดื่ม ยังใช้ฟันหน้ากัดช้อนเอาไว้แน่น ไม่ให้โจว เสาจิ่นป้อนเขา
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองแล้วหัวเราะไม่หยุด ยื่นถ้วยเปล่าที่ดื่มหมดแล้วส่งให้เจินจู เช็ดปาก พลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราฉลาด เขาไม่ชอบ เจ้าก็อย่าบีบบังคับเขาเลย”
หยวนซื่อได้ยินแล้วนัยน์ตามีแววไม่เห็นด้วยสายหนึ่งวาบผ่านอย่างรวดเร็ว
5121
เด็กบ้านใดไม่เป็นเช่นนี้บ้าง แต่ในสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว อวิ้นเกอเอ๋อร์ผู้นี้เฉลียว ฉลาดกว่าเด็กบ้านอื่น…หัวใจดวงนี้ช่างลําเอียงจริงๆ!
โจวเสาจิ่นจําต้องยอมแพ้ ให้ชุนหว่านไปรินนํ้าอุ่นเข้ามาป้อนอวิ้นเกอเอ๋อร์ อวิ้นเกอเอ๋อร์ดื่มไปไม่กี่คําก็ไม่ดื่มแล้ว พวกเด็กๆ ต่างก็นั่งไม่นิ่งแล้วเช่นกัน เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ต่างอยากออกไปเล่นแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะอย่างรักใคร่เอ็นดู กล่าวว่า “ไปเล่นกันเถิดไปๆ! แต่ห้ามวิ่งพล่าน ไปทั่ว ระวังอย่าวิ่งชนกัน” พวกเด็กๆ วิ่งออกไปอย่างร่าเริง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและคนอื่นๆ เริ่มเล่นไพ่กันอีกครั้ง เฉิงเจิงอยากสละที่ให้โจวเสาจิ่นเล่น
โจวเสาจิ่นโบกมือเป็นพัลวัน พลางกล่าว “เจ้าไม่อาจชนะแล้วก็วิ่งหนีไป ต่อให้ข้าตกลง ท่านย่าของเจ้าก็ไม่ยอมตกลงด้วยหรอก!”
วันนี้นางเป็นเจ้าบ้าน ต้องทําให้แขกรู้สึกสบายราวกับอยู่บ้านถึงจะถูก ตนจะวิ่งหนีไปเล่น ได้อย่างไร!
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวลอบพยักหน้า นึกถึงว่าเฉิงเจิงไปไท่หยวนแล้วไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไร จึงกล่าวยิ้มๆ คล้อยตามคําของโจวเสาจิ่นว่า “อาสะใภ้ของเจ้าพูดถูก กูไหน่ไนกลับมาบ้านถือเป็น แขกคนสําคัญ นานๆ ทีเจ้าถึงจะได้กลับมาสักครั้งหนึ่ง อยู่เล่นไพ่เป็นเพื่อนพวกข้าดีๆ เถิด ไม่ต้อง หันซ้ายหันขวา ทําให้ข้าจะเอาทุนคืนก็ไม่ได้ ข้าแพ้เสียเงินไปเกือบจะยี่สิบเหลี่ยงแล้ว!”
ทุกคนหัวเราะขึ้นมาอีกคํารบหนึ่ง
5122
โจวเสาจิ่นจึงพบว่าปี้เถาสาวใช้ของตัวเองกําลังมองเข้ามาจากหน้าประตู
นางช่วยรินชาให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเงียบๆ ดูไพ่อีกครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้เดินออกไป กระซิบ ถามปี้เถาที่ยืนอยู่ใต้เฉลียงทางเดินว่า “มีอะไรหรือ”
ปี้เถากล่าวเสียงเบาว่า “นายท่านเวิ่นที่ประตูซีจื๋อ จู่ๆ ก็พาคุณชายสามคนมาเยี่ยมเยียน นายท่านสี่ บอกว่าเป็นบุตรชายของตัวเองเจ้าค่ะ…”
รับอนุข้างนอกผู้นั้นมาแล้ว บุตรชายที่คลอดอยู่ข้างนอกนั่นก็ต้องการจะพาไต่ขึ้นไปอีก ระดับด้วยหรือ
โจวเสาจิ่นขมวดคิ้วมุ่น ถามขึ้นว่า “นายท่านสี่ว่าอย่างไรบ้าง”
“นายท่านสี่ไปพบนายท่านใหญ่เวิ่นแล้วเจ้าค่ะ เดิมทีคิดเพียงว่าดื่มชาสักจอกแล้วส่งคน กลับไปเสีย ผลปรากฏว่านายท่านใหญ่เวิ่นกล่าวว่าทั้งที่นายท่านสี่เลี้ยงรับรองนายท่านใหญ่และ คนอื่นๆ อยู่ที่บ้าน เหตุใดถึงไม่บอกเขาให้ทราบบ้าง ยังให้คนยกกล่องของขวัญเข้ามา ต้องการ เข้ามาคารวะเยี่ยมเยียนนายท่านใหญ่ที่เรือนชั้นใน” ปี้เถากล่าว “นายท่านสี่ปฏิเสธไปอย่างสุภาพ ทว่านายท่านใหญ่เวิ่นกลับไม่ยอม อย่างไรก็ต้องการพบนายท่านใหญ่ให้ได้ นายท่านสี่จึงเรียก นายท่านใหญ่ไป ส่วนตัวเองหนีไปเสีย ตอนนี้นายท่านใหญ่เวิ่นเกาะเกี่ยวรบเร้านายท่านใหญ่ บอกว่าต้องการพาลูกทั้งสามคนเข้ามาคารวะฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านใหญ่ไม่รู้จะทําอย่างไร ให้ข้า มาบอกท่านสักคําหนึ่ง แต่นายท่านสี่บอกว่า ไม่ต้องสนใจพวกเขาเจ้าค่ะ…”
“เช่นนั้นก็อย่าสนใจ” ในเมื่อเฉิงฉือพูดแล้ว นางย่อมจะทําตามที่เฉิงฉือบอก
ปี้เถากังวลใจ “แต่นายท่านใหญ่เวิ่น…”
“มีนายท่านใหญ่รับมือจัดการอยู่” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “หากไม่ได้การจริงๆ มิใช่ว่ายังมี นายท่านสี่อยู่หรอกหรือ”
5123
ปี้เถาราวกับได้ยกภาระอันหนักอึ้งออกไป ยิ้มพร้อมกับออกจากลานบ้านไป
โจวเสาจิ่นยังคงกลัวจริงๆ ว่าเฉิงเวิ่นจะโหวกเหวกโวยวายขึ้นมา นางครุ่นคิด สุดท้าย เลือกบอกฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก กล่าวว่า “เขายังมีหน้ามาอีกหรือ! พวกเจ้าฟังข้าให้ดี ต่อไปหากบังเอิญพบเขาก็ให้เลี่ยงไปเดินทางอื่นเสีย จะได้ไม่เสื่อมเสียเกียรติ!” คําพูดประโยค สุดท้ายนั้น กลับเป็นการพูดกับหยวนซื่อและคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้อง
โจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ ต่างหน้าแดงพลางขานรับ “เจ้าค่ะ”
นับว่าเฉิงจิงยังไม่เลอะเลือน สุดท้ายก็มิได้ให้เฉิงเวิ่นพาบุตรชายที่เกิดจากอนุทั้งสามคน ของเขาเข้ามาคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัว
กลับเป็นเฉิงสวี่หลังจากกลับมาจากประตูเฉาหยางแล้วก็เริ่มปิดประตูขังตัวเองอ่าน หนังสือ ระหว่างนั้นนอกจากไปหาเผิงเสียงสองสามครั้งแล้ว ก็ไม่ได้ไปที่ไหนอีก กระทั่งวันที่เก้า เดือนสาม ฟ้ายังไม่ทันสางทุกเรือนที่ซอยซิ่งหลินก็ทยอยกันจุดโคมไฟจนสว่างไสวขึ้นมา
เฉิงจิงและเฉิงสวี่ล้วนเปลี่ยนไปสวมชุดบุฝ้ายผ้าไหมหังโจวสีนํ้าเงินไพลินใหม่เอี่ยมอ่อง ทั้งชุด เพียงแต่ว่าของเฉิงจิงปักลวดลายค้างคาวห้าตัวสีม่วง ส่วนของเฉิงสวี่ไร้ลวดลาย เพียงปัก ลายวานรขี่อยู่บนหลังอาชาตรงมุมเสื้อตัวหนึ่งเท่านั้น เพื่อเป็นลางดีให้ประสบความสําเร็จ สอบ ผ่านได้รับการแต่งตั้ง
สองพ่อลูกไปเคารพบรรพบุรุษ เฉิงจิงไปส่งเฉิงสวี่ที่สนามสอบด้วยตัวเอง
หนึ่งวันหนึ่งสนามสอบ ต้องสอบสามสนาม ระหว่างครึ่งทางยังต้องพักอีกสองวัน แม้แต่ ห้องนํ้าล้วนอยู่ในสนามสอบ
5124
เก้าวันต่อมา การสอบทําให้บรรดาผู้เข้าสอบล้วนดูเหี่ยวเฉาประหนึ่งมะเขือม่วงถูก กระหนํ่าด้วยอากาศอันหนาวเหน็บ
เฉิงจิงไปรับเฉิงสวี่ด้วยตัวเอง ระหว่างทางจึงถามขึ้นมาอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ว่า “สอบ เป็นอย่างไรบ้าง ท่องความเรียงที่เจ้าเขียนให้ข้าฟังสักหน่อย”
เฉิงสวี่จําต้องท่องความเรียงที่ตนเขียนออกมา
เฉิงจิงฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจนัก ขณะนั้นจึงสั่งการให้คนขับรถม้าเลี้ยวไปยังซอยซวงอวี๋ ที่เฉิงเซ่าพักอาศัยอยู่แทน