ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 554 ความคิดเห็น
เฉิงเซ่ากลับไม่อยากใกล้ชิดสนิทสนมกับตระกูลเผิงเฉิงป๋ อมากเกินไป บุญกุศลกับบัณฑิตมิใช่วิถีเดียวกัน
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับคิดอีกแบบหนึ่ง กล่าวว่า “เผิงเฉิงป๋ อผู้นี้ไม่เลยเลยทีเดียว พวก เขาให้เกียรติเจ้าเช่นนี้ ก็เพียงเพราะอยากให้เจ้าสอนหนังสือบุตรหลานของพวกเขาก็เท่านั้น มิได้ มีความคิดอื่น” กล่าวอีกว่า “สตรีผู้ใดบ้างไม่หวังอยากมีบ้านเดิม ข้าว่าเรื่องนี้เจ้าลองไปถามฉาง ซื่อดูก่อนดีกว่า ดูว่านางคิดเห็นอย่างไร” ตอนนี้ฉางกูกูกําลังจะแต่งเข้ามาแล้ว จะเรียกนางว่า “กูกู” อีกก็ดูไม่ค่อยดีนัก เฉิงเซ่าครุ่นคิด รู้สึกว่าที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวมามีเหตุผล เนื่องจากนี่เป็นเรื่องของฉางซื่อ สตรีธรรมดาทั่วไปหากคว้าการเกี่ยวดองเช่นนี้ได้ส่วนมากล้วนยินดีอยู่แล้ว ฉางซื่อฟังแล้วกลับถามเฉิงเซ่าว่า “เกรงว่านายท่านคงไม่ชอบกระมัง” เฉิงเซ่าเอ่ยอย่างกระดากว่า “เห็นชัดเพียงนั้นเชียวหรือ” ฉางซื่อเม้มปากกลั้นยิ้ม กล่าวว่า “ล้วนเขียนอยู่บนหน้าเลยเจ้าค่ะ!” เฉิงเซ่ากล่าว “ข้าเพียงไม่ชอบให้วุ่นวาย! มิได้มีเจตนาเป็นอื่น”
ฉางซื่อพยักหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้าทราบเจ้าค่ะ ที่ผ่านมานายท่านไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่อง พวกนี้ของราชสํานัก หากเป็นเพราะข้าแล้วทําให้องค์ฮ่องเต้ทรงไม่พอพระทัยคงไม่ดีแน่ เรื่องนี้ ท่านอย่าเป็นห่วงเลยเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะไปพบโจวซื่อ มิใช่ว่านางให้คนไปสืบหาคนจากบ้าน เดิมของข้าแล้วหรอกหรือ มิสู้ตอบคนของตระกูลเผิงเฉิงป๋ อไป บอกว่าหาคนเจอแล้ว จะมาเมือง หลวงในไม่ช้า นํ้าใจของตระกูลเผิงข้ารับรู้เอาไว้แล้ว พรุ่งนี้จะไปโขกศีรษะให้ฮูหยินเผิงเฉิง
5136
ขอบคุณในความเมตตา แม้นจะกล่าวว่าเกี่ยวดองกันไม่สําเร็จ แต่ก็ยังคงไปมาหาสู่กันดุจญาติพี่ น้องปกติได้ ขอให้ฮูหยินเผิงเฉิงอย่าได้รังเกียจข้า!”
เฉิงเซ่าฟังแล้วปากอ้าตาค้าง ครู่ใหญ่ถึงกล่าวขึ้นว่า “ข้าคิดว่าเจ้าอยู่ในวังหลวงมานาน จะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเข้าสังคมเหล่านี้เสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะฉลาดเพียงนี้…”
บนใบหน้าของฉางซื่อมีรอยแดงจางๆ กล่าวว่า “มีเรื่องอะไรที่ซับซ้อนไปกว่าเรื่องในวัง หลวงอีกเจ้าคะ นายท่านวางใจเถิด จะไม่ทําให้ฮูหยินเผิงเฉิงต้องขุ่นเคือง และไม่ทําให้ฮูหยินผู้ เฒ่ากัวต้องลําบากใจด้วยเรื่องนี้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
เฉิงเซ่าพยักหน้า มองฉางซื่อด้วยมุมมองใหม่
หลังจากที่โจวเสาจิ่นทราบความคิดเห็นของฉางซื่อแล้วตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง นางกล่าว ขึ้นว่า “เรื่องนี้ช่างโชคดีจริงๆ พวกเราหาบ้านเดิมของท่านพบแล้ว เพียงแต่ว่านายท่านผู้เฒ่าและ นายหญิงผู้เฒ่าจากไปตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อนแล้ว ท่านยังมีน้องชายผู้หนึ่ง สืบทอดกิจการของบิดา ตอนนี้เปิดร้านขายของชําร้านหนึ่ง ถึงแม้ร้านจะเล็ก ทว่ากิจการรุ่งเรือง มีบุตรชายสองคนบุตรสาว หนึ่งคน และมีหลานชายปู่ สองคน หลานชายตาหนึ่งคน หลานสาวตาอีกหนึ่งคน บอกว่าจะพา ภรรยาและลูกๆ มาส่งท่านออกเรือน มิใช่ว่าข้ามีบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ที่ซอยอวี๋เฉียนหรอกหรือ ปกติก็ว่างไม่มีคนอยู่ รอให้นายท่านตระกูลฉางมาถึงแล้ว เข้าไปพักที่นั่นได้เจ้าค่ะ”
ฉางซื่อเองก็จะได้ออกเรือนจากที่นั่นด้วยเช่นกัน
นางฟังแล้วกระบอกตารื้นชื้น สะอึกสะอื้นกล่าวว่า “ข้าไม่คิดว่าเขายังจําข้าได้อยู่ ตอนที่ ข้าเข้าวังเขาเพิ่งจะห้าหกขวบเท่านั้น…”
“เช่นนี้ก็เท่ากับได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งแล้ว!” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “ได้ยินว่าท่านอา รองกําหนดวันมงคลเป็นวันที่สองเดือนห้า ก็อีกไม่กี่วันแล้ว หากท่านคิดว่าการจัดเตรียมเช่นนี้ดี
5137
แล้ว สองวันนี้ก็เลือกวันดีสักวันหนึ่ง ข้าจะช่วยท่านย้ายไปพักอยู่ที่ซอยอวี๋เฉียนสักระยะหนึ่ง รอ ให้นายท่านตระกูลฉางมาถึงแล้ว ท่านก็จะได้อยู่พูดคุยกับเขาได้” ฉางซื่อพยักหน้าหงึก กล่าวขอบคุณมากซํ้าๆ ไม่หยุด ใบหน้าของโจวเสาจิ่นมีแววลังเลใจวาบผ่านเล็กน้อย ฉางซื่อรีบเอ่ยถาม “เป็นอะไรไปหรือ”
“เปล่าเจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นรีบกล่าว “ข้าแค่กําลังคิดถึงเรื่องที่ท่านกล่าวมาเมื่อครู่ ที่ตระกูล เผิงกระตือรือร้นเช่นนี้ ก็เพื่อให้ท่านอารองสอนหนังสือบุตรหลานของพวกเขา…หลายวันก่อนข้า ยังคุยกับเจิงเจี่ยเอ๋อร์และเซียวเจี่ยเอ๋อร์ว่า เมื่อก่อนตอนอยู่จินหลิงนั้น สํานักศึกษาของตระกูลเฉิง เลื่องชื่อไม่น้อย! กล่าวออกไปผู้ใดไม่ยกนิ้วโป้งกล่าวชมว่าดีบ้าง! ตอนนี้พวกข้าย้ายมาอยู่จิงเฉิง เด็กๆ ในบ้านก็เติบโตขึ้นทุกวันๆ จึงคิดว่าจะทําเหมือนกับบ้านเดิมที่จินหลิงได้หรือไม่ ก่อตั้งสํานัก ศึกษาตระกูลเฉิงในเมืองหลวงสักแห่งหนึ่ง เชิญบัณฑิตผู้มีความรู้มาสอนหนังสือ ให้บุตรหลาน ของตระกูลเฉิงได้รับการชี้แนะจากอาจารย์มีชื่อ ลูกๆ ของครอบครัวยากจนเหล่านั้นก็จะได้เรียนรู้ จักตัวอักษรบ้าง”
ฉางซื่อประหลาดใจ เอ่ยถามว่า “พวกท่านต้องการก่อตั้งสํานักศึกษาหรือ”
“ยังมิได้ตัดสินใจแน่ชัด” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “นี่ก็มิใช่เรื่องง่าย ต้องหารือกับพวกผู้ อาวุโสก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกที อย่างไรก็ตาม หากก่อตั้งสํานักศึกษาขึ้นมาได้จริงๆ ก็จะรับบุตร หลานของญาติสนิทมิตรสหายมาเรียนด้วยได้”
เช่นนี้ ก็แก้ปัญหาเรื่องตระกูลเผิงเฉิงป๋ อได้แล้ว
ทุกครั้งที่บุตรหลานของตระกูลเผิงเฉิงป๋ ออยากสอบถามเรื่องบทเรียนกับเฉิงเซ่าจะได้ไม่ ต้องเอาแต่ส่งของชิ้นใหญ่บ้างเล็กบ้างไปที่ซอยซวงอวี๋ พอได้พบเฉิงเซ่าแล้วก็อึกๆ อักๆ พูดอะไร
5138
ไม่ออกสักประโยค ดูประหนึ่งแมวเจอะเสือก็ไม่ปาน จวนเผิงเฉิงป๋ อเองก็มักจะหาวิธีให้เฉิงเซ่า ช่วยชี้แนะบุตรหลานของพวกเขาอยู่เสมอ ฮูหยินเผิงเฉิงเองก็จะได้ไม่ต้องรับฉางซื่อเป็นบุตรสาวบุญธรรม และจุดมุ่งหมายของฮู หยินเผิงเฉิงก็บรรลุผลแล้ว จึงไม่เป็นการทําให้ฮูหยินเผิงเฉิงต้องขุ่นเคืองแล้ว ฉางซื่อปรนนิบัติรับใช้อยู่ในตําหนักเฉียนชิงมายาวนานขนาดนี้ได้ย่อมมิใช่คนธรรมดาคน หนึ่ง ได้ยินแล้วก็เข้าใจความหมายของโจวเสาจิ่นทันที กล่าวขึ้นว่า “ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ข้าพอจะ ช่วยเหลือได้บ้างหรือไม่” “สํานักศึกษายังขาดอาจารย์ดีๆ เจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าวด้วยดวงหน้ายิ้มแย้มตาหยี “หากท่านอารองช่วยแนะนําให้ได้สักสองสามคนก็ดียิ่งแล้ว” หากเป็นเรื่องนี้ เช่นนั้นคงได้แต่ต้องรอให้นางแต่งเข้ามาก่อนค่อยว่ากันอีกทีแล้ว ฉางซื่อยิ้มน้อยๆ ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แต่โจวเสาจิ่นกลับกระจ่างแจ้งแก่ใจดีว่า นี่เท่ากับว่าฉางซื่อรับปากนางแล้ว กระทั่งได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากัว นางจึงเล่าเรื่องนี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟัง ลําดับแรกฮูหยินผู้เฒ่ากัวประหลาดใจกับความคิดของโจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ จากนั้นพึง พอใจที่ฉางซื่อยอมละทิ้งโอกาสในการเกี่ยวดองกับฮูหยินเผิงเฉิงเพราะเห็นแก่เฉิงเซ่า ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะร่า สีหน้ามีความสุข กล่าวขึ้นว่า “เรื่องนี้ค่อยๆ ทําไปเถิด ถึงเวลาก็ สร้างโรงเรียนไว้ที่ประตูเฉาหยางนี่แหละ ต่อไปอวิ้นเกอเอ๋อร์เรียนหนังสือก็จะได้สะดวกเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ต้องลงแรงด้วย คลอดน้องชายน้องสาวให้อวิ้นเกอเอ๋อร์สักสองสามคนถึง จะดี ไม่อย่างนั้นสร้างโรงเรียนดีขนาดนี้มาคงเสียเปล่าแย่”
5139
โจวเสาจิ่นหน้าแดงกํ่า พึมพํารับคําว่า “เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวดีใจมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง เรียกหยวนซื่อและชิวซื่อมาหารือเรื่องงานแต่ง ของเฉิงเซ่า “ปลายเดือนสามประกาศผลสอบ เดือนสี่สอบบัณฑิตซู่จี๋ซื่อ ปลายเดือนก็เป็นวัน ครบรอบปีของอวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเรา พอถึงเดือนห้าก็เป็นวันแต่งงานของปู่รองของเขา เขาเอง ก็จะได้ผ่อนคลาย ได้ดื่มสุรามงคลดีๆ สักจอกหนึ่งด้วย”
“นี่ยังไม่ประกาศผลสอบเลยเจ้าค่ะ” สีหน้าของหยวนซื่อกลับดูเคร่งเครียดเล็กน้อย กล่าว ว่า “ข้าเอาความเรียงที่เจียซ่านเขียนไปให้ลุงของเขาดู ลุงของเขาบอกว่ากลางๆ…เกรงว่าคงไม่ได้ ลําดับดีๆ เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวปรายตามองนางครั้งหนึ่งไม่กล่าวอะไร และเคลื่อนสายตาไปมองชิวซื่อ แทน กล่าวว่า “ด้านพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ายุ่งเรื่องของเจียซ่านอยู่ ก็ไม่รบกวนนางแล้วก็แล้วกัน อีก สองเดือนเป็นวันครบรอบปีของอวิ้นเกอเอ๋อร์ ถึงเวลาเจ้าต้องมาช่วยเสาจิ่นสักหน่อย”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ชิวซื่อขานรับคํายิ้มๆ
มีสาวใช้เด็กเข้ามารายงานว่า “คุณชายใหญ่เจิ้งและคุณชายใหญ่พานของซอยจิ่วหรูมา ขอพบเจ้าค่ะ!”
พวกเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เข้ามาสอบที่เมืองหลวงด้วยกัน พักอยู่ที่โรงเตี๊ยมที่มีสวน เล็กๆ แห่งหนึ่งไม่ไกลจากสนามสอบ ตอนเข้าเมืองหลวงมาใหม่ๆ ทั้งสองคนเคยมาโขกศีรษะให้ฮู หยินผู้เฒ่ากัว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอ้างเหตุผลว่าเฉิงฉือไม่อยู่บ้าน จึงไม่ได้พบทั้งสองคน ต่อมาเฉิงเจิ้ง และพานจ้าวไม่ได้มาหาอีก ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว พวกเขาจึงมาอีกครั้ง
หยวนซื่อขยําผ้าเช็ดหน้าเป็นก้อนกลม ฮูหยินผู้เฒ่ากัวขมวดคิ้วพลางกล่าว “พวกเขามาทําไม”
5140
สาวใช้เด็กตอบอย่างคล่องแคล่วว่า “คุณชายใหญ่ทั้งสองท่านบอกว่าก่อนหน้านี้ต้อง ทบทวนบทเรียน จึงไม่ได้มาโขกศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่า ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว จึงตั้งใจมาคารวะฮู หยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”
“บอกไปว่าข้าอายุมากแล้ว ไม่พบแขกมานานแล้ว เชิญพวกเขากลับไปเถอะ!” ฮูหยินผู้ เฒ่ากัวกล่าวเสียงเรียบ สั่งการหลี่ว์มามาว่า “หากพวกเขาไม่ไป ก็ไปเชิญเจียซ่านมา คนของจวน สามข้าไม่อยากพบหน้าแม้แต่คนเดียว!”
หลี่ว์มามาขานรับ “เจ้าค่ะ” อย่างนอบน้อม ถอยออกไปพร้อมกับสาวใช้เด็ก
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเงียบไปกว่าครู่ใหญ่ ถอนหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง
หยวนซื่อมีสีหน้าสงบขึ้นมาก
ส่วนโจวเสาจิ่นกับชิวซื่อไม่กล้าพูดอะไร ทว่านางกลับสงสัยใคร่รู้เรื่องงานแต่งของเฉิงเจิ้ง เล็กน้อย
ชาติก่อนเฉิงเจิ้งค่อนข้างมีความคิดที่หวังผลกําไร จึงครองตัวโสดมาโดยตลอด รอจน ตัวเองสอบจวี่เหรินได้แล้ว ถึงได้พูดคุยเรื่องแต่งงาน สุดท้ายแต่งงานกับบุตรสาวของหวังเจี่ยนรอง เจ้ากรมขุนนาง ได้ภรรยาที่ตระกูลมีอํานาจมากมาผู้หนึ่ง
ถ้าหากตระกูลเฉิงไม่ถูกตรวจสอบและยึดทรัพย์ เขาก็คงเป็นผู้ชนะไปตลอดชีวิตแล้ว
ตอนนี้เฉิงเจิ้งมียศตําแหน่งเป็นจวี่เหรินแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะแต่งงานแล้วหรือยัง
ตกกลางคืนตอนที่พูดคุยเรื่องส่วนตัวกับเฉิงฉืออยู่ในผ้าห่มนั้น โจวเสาจิ่นจึงถามเขาว่า “เฉิงเจิ้งแต่งงานหรือยังเจ้าคะ”
5141
“ไม่รู้เหมือนกัน” เฉิงฉือกําลังถือหนังสืออ่านอย่างออกรส ตอบคําถามอย่างใจไม่อยู่กับ เนื้อกับตัวเล็กน้อย
โจวเสาจิ่นเอียงศีรษะไปมองหน้าปกหนังสือ กลับเป็นกระดาษสีฟ้าแผ่นหนึ่ง ไม่มีอะไร เลยสักอย่าง
เฉิงฉือกล่าว “หยางโซ่วซานเป็นคนเขียน คหบดีผู้หนึ่งของซานตงออกเงินตีพิมพ์ให้เขา เขียนเกี่ยวกับอุทกวิทยาของเฮ่อปี้ ได้ยินว่าเขาเตรียมจะใช้เวลายี่สิบปีออกเดินทางให้ทั่วทั้งเก้า แคว้น ต้องการวาดภาพว่าด้วยเรื่องของอุทกวิทยาสักเล่มหนึ่ง”
“คิดไม่ถึงว่าเขายังมีความมุ่งมาดปรารถนาเช่นนี้อยู่!” โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วประหลาดใจ เป็นอย่างมาก จิตใจสับสนว้าวุ่นเล็กน้อย
ถ้าหากเขาไม่ไปข้องเกี่ยวกับชวีหยวน ผลลัพธ์จะเปลี่ยนแปลงไปจากนี้หรือไม่
แต่อย่างไรก็ตาม ชวีหยวนเป็นผู้บัญชาการของเขา คาดว่าก็ยากที่เขาจะสลัดชวีหยวน ออกไปได้
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “เขาให้คนส่งหนังสือเล่มนี้มาให้ท่านหรือเจ้าคะ”
“เปล่า” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “คหบดีที่ตอบรับช่วยตีพิมพ์ให้เขาเป็นคนส่งไปให้พี่รองหนึ่ง เล่ม พี่รองรู้ว่าข้าสนใจเรื่องพวกนี้ อีกทั้งยังเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหยางโซ่วซานมาก่อน ตอนส่งจดหมายมาแจ้งสารทุกข์สุกดิบกับท่านแม่จึงให้คนนํามาให้ข้า” เขากล่าวพร้อมกับปิด หนังสือ ถามยิ้มๆ ว่า “เหตุใดจู่ๆ เจ้าถึงถามเรื่องงานแต่งของเฉิงเจิ้งขึ้นมาเล่า”
โจวเสาจิ่นเล่าความรู้สึกนึกคิดของตัวเองให้เฉิงฉือฟัง กล่าวว่า “…เพราะฉะนั้นจึงอยากรู้ เจ้าค่ะ”
เฉิงฉือร้อง “อ้อ” เสียงหนึ่งโดยไม่กล่าวอะไรอีก ทั้งสองคนดับตะเกียงพักผ่อน
5142
วันต่อมาเมื่อเฉิงฉือกลับมาจากที่ว่าการ โจวเสาจิ่นปรนนิบัติเขาผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ จู่ๆ เขาก็กล่าวขึ้นว่า “เฉิงเจิ้งยังไม่ได้แต่งงาน แต่ดูเหมือนเขาจะถูกใจบุตรสาวของหวังเจี่ยนรอง เจ้ากรมขุนนาง อยากให้พี่ใหญ่ช่วยออกหน้าเป็นพ่อสื่อให้ แต่ถูกพี่สะใภ้ใหญ่ปฏิเสธไปแล้ว”
โจวเสาจิ่นประหลาดใจ ถามขึ้นว่า “เหตุใดเขาถึงคิดอยากจะสู่ขอบุตรสาวของรอง เจ้ากรมหวังได้เจ้าคะ”
ชาติก่อนเฉิงเจิ้งก็แต่งงานกับบุตรสาวของหวังเจี่ยน
แต่เวลานั้นเขาเรียนหนังสืออยู่ที่ซอยซิ่งหลิน มีเฉิงจิงช่วยออกหน้าให้ อีกทั้งเขายังเป็นจวี่ เหรินหนุ่มอนาคตไกล ก็นับได้ว่าสถานะทัดเทียมกัน
แต่ชาตินี้บิดาของเขาเป็นเพียงคนธรรมดาผู้หนึ่ง แม้นจะกล่าวว่าเป็นจวี่เหรินหนุ่ม อนาคตไกล แต่สถานะครอบครัวก็ต่างกันมากเกินไป
“ดูเหมือนเขาจะสืบดูจากญาติที่เกี่ยวดองกันของตระกูลพวกเรามารอบหนึ่ง” เฉิงฉือกล่า วอย่างไม่ใส่ใจนัก “ตระกูลหวังนั่นเป็นญาติเกี่ยวดองกับตระกูลหง หลังจากที่เขาสอบผ่านจวี่เห รินแล้วก็เชิญฮูหยินใหญ่หงไปทาบทามให้ ผลปรากฏว่าถูกตระกูลหวังปฏิเสธไปอย่างสุภาพ และ ไม่รู้ว่าไปได้ยินผู้ใดพูดมา บอกว่าพี่ใหญ่มีความสัมพันธ์อันดีกับหวังเจี่ยน จึงอยากขอให้พี่ใหญ่ ช่วยออกหน้าให้”
ชาติก่อน งานแต่งของเขาก็ได้ฮูหยินใหญ่หงเป็นคนเกริ่นออกมาก่อนเช่นกัน ชาตินี้กลับถูกปฏิเสธเสียแล้ว เป็นเพราะตอนนี้ซอยจิ่วหรูแยกตระกูลกันแล้วอย่างนั้นหรือ ชาตินี้ช่างเปลี่ยนแปลงไปมากมายจริงๆ!