ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 555 ประกาศผลสอบ
ต้นเดือนสี่ ประกาศผลการสอบออกมา เฉิงสวี่ได้คะแนนลําดับที่ห้าอยู่ในกลุ่มผู้สอบผ่าน
ชั้นสอง คะแนนดีกว่าเฉิงฉือในปีนั้นเสียอีก
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วย่อมดีใจมากเป็นธรรมดา สั่งให้เจินจูไปเปิดหีบ หยิบแท่นฝน
หมึกอย่างดี แท่งหมึกสองสามแท่ง และกระดาษคุณภาพเยี่ยมสองเตา 2961มาเป็นของขวัญแสดง
ความยินดีให้เฉิงสวี่
โจวเสาจิ่นเห็นแล้วจึงเติมพู่กันจากหูโจวเข้าไปด้วยสองกล่อง ส่งไปให้พร้อมกัน
หยวนซื่อกลับคล้ายถูกราดด้วยนํ้าเย็นจัดในวันที่อากาศหนาวเย็นที่สุดจนเหน็บหนาวไป
ทั่วทั้งหัวใจก็ไม่ปาน สีหน้าซีดเผือด
ลําดับที่ห้าอยู่ในกลุ่มผู้สอบผ่านชั้นสอง!
เหตุใดถึงไม่พยายามอีกสักนิด สอบให้ได้ลําดับที่สูงขึ้นอีกสักหนึ่งลําดับ ก็จะได้เป็นฉวน
หลู 2972แล้ว หรือไม่ก็พยายามอีกสักหน่อย สอบให้ได้คะแนนเป็นสามลําดับแรก…
หยวนซื่อนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก หัวสมองว่างเปล่า
ทุกคนที่ปรนนิบัติอยู่ภายในห้องต่างหวาดกลัวจนตัวสั่น กลัวว่าอาจทําเสียงดังแม้เพียง
เล็กน้อยแต่ทําให้หยวนซื่อโมโห และกลายเป็นที่ระบายความโกรธได้
1 เตา ลักษณะนามบอกปริมาณกระดาษ หนึ่งเตาเท่ากับกระดาษหนึ่งร้อยแผ่น
2 ฉวนหลู คําเรียกคนที่สอบได้ลําดับที่หนึ่งในกลุ่มผู้สอบผ่านชั้นสอง (หรือก็คือผู้สอบได้คะแนนลําดับที่สี่นั่นเอง)5144
ยังคงเป็ นแม่นมของหยวนซื่อที่ก้าวออกมาอย่างสั่นกลัว กระซิบกล่าวว่า “ฮูหยิน
เจ้าหน้าที่แจ้งข่าวดีผู้นั้นยังรออยู่ด้านนอก ท่านคิดว่าควรจะตกรางวัลให้เขาเป็นเงินสิบเหลี่ยง
ตามระเบียบปฏิบัติที่เคยทํากันมาหรือไม่เจ้าคะ”
การแจ้งข่าวดีเช่นนี้มีแบบแผนให้ทําตามอยู่ ตกรางวัลให้คนละห้าเหลี่ยงก็ได้แล้ว ตระกูล
เฉิงนั้นใจกว้างเป็นพิเศษ ปกติล้วนให้รางวัลเป็นเงินสิบเหลี่ยง ทั้งดูไม่ขัดสนข้นแค้นและไม่หรูหรา
ฟุ่ มเฟื อยเกินไปด้วย
หยวนซื่อถึงได้รู้สึกว่าตัวเอง ‘มีชีวิต’ ขึ้นมาอีกครั้ง นํ้าตาไหลลงมาเป็นสาย
แม่นมของนางได้แต่หันไปส่งสายให้สาวใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ในห้อง เป็นสัญญาณบอกให้
พวกนางถอยออกไปเงียบๆ เอ่ยเกลี้ยกล่อมหยวนซื่อเสียงอบอุ่นว่า “ปีนี้คุณชายใหญ่เพิ่งจะยี่สิบ
สามปีเท่านั้น เกรงว่าน่าจะเป็นหนึ่งในจิ้นซื่อที่อายุน้อยที่สุดของการสอบในครั้งนี้แล้ว นี่เป็นเรื่อง
น่ายินดีที่ครอบครัวผู้อื่นไม่แม้แต่จะฝันถึงด้วยซํ้า วันนี้คุณชายใหญ่ช่วงชิงกลับมาให้ท่านได้อย่าง
สบายๆ ท่านยังมีอะไรให้ไม่พอใจอีกหรือ ท่านลองมองคนที่ได้เป็นจ้วงหยวน ปั๋งเหยี่ยน และทั่นฮ
วาในประวัติศาสตร์ มีสักกี่คนที่ได้เข้าสํานักราชเลขาธิการได้เป็นเจ้ากรมกัน? ชีวิตของคนเรานี้ยัง
อีกยาวไกล ต้องมองต่อไปเรื่อยๆ ท่านทราบได้อย่างไรว่าคุณชายใหญ่จะไม่ได้เป็นขุนนางใหญ่
เหมือนนายท่าน? เหตุใดท่านต้องปรารถนาให้คุณชายใหญ่ช่วงชิงสามลําดับแรกมาให้ได้ด้วยเจ้า
คะ”
“เจ้าจะรู้อะไร” หยวนซื่อถลึงตาใส่แม่นมอย่างดุดันครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ตระกูลหยวนและ
ตระกูลหมิ่นล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์เก่งกาจทั้งนั้น หากเจียซ่านสอบเอาตําแหน่งจ้วงหยวนกลับมา
ไม่ได้ คนของตระกูลหยวนและตระกูลหมิ่นจะเห็นเขาอยู่ในสายตาได้อย่างไร และจะส่งเสริมเจีย
ซ่านบนเส้นทางราชสํานักได้อย่างไร”5145
แม่นมของนางได้ยินแล้วอดไม่ได้ถอนหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ฮูหยิน ต่อให้
คุณชายใหญ่ดีกว่านี้ ก็แซ่เฉิง นอกเสียจากว่าตระกูลหยวนและตระกูลหมิ่นทั้งสองตระกูลล้วนไม่
มีคนเรียนหนังสือแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่ช่วยเหลือบุตรชายหลานชายของตัวเองแต่
มาช่วยคนเป็นบุตรเขยหรือหลานตาผู้หนึ่งได้อย่างไร”
คําพูดของแม่นมดั่งสายฟ้าที่ฟาดลงมาบนศีรษะของหยวนซื่อ นางกล่าวอย่างตื่น
ตระหนกว่า “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ หลานตาย่อมต้องสนิทชิดใกล้กว่าหลานชายมิใช่หรือ”
ไม่เสมอไปกระมัง
ลุงเสียชีวิตหลานชายยังต้องขึ้นไปเคารพหลุมศพ แต่ท่านตาเสียชีวิต มีเหตุผลให้หลาน
ตาไปถวายเครื่องบูชาที่ไหนกัน!
แม่นมไม่อาจพูดต่อไปมากกว่านี้ ลุกขึ้นพลางกล่าว “ฮูหยิน ข้าจะตักนํ้าร้อนเข้ามาสัก
อ่างหนึ่งปรนนิบัติท่านเช็ดหน้าเช็ดตา ประเดี๋ยวสะใภ้น้อยก็น่าจะเข้ามาแสดงความยินดีกับท่าน
แล้ว หากนางเห็นสภาพท่านเช่นนี้ แล้วแสดงสีหน้าไม่พอใจให้คุณชายใหญ่จะทําอย่างไร”
หมิ่นเจียมิใช่คนอ่อนโยนมาโดยตลอด
หยวนซื่อคิดถึงตรงนี้แล้วก็โมโหขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง
แม่นมเห็นนางไม่กล่าวอะไร รีบบอกให้สาวใช้ตักนํ้าเข้ามา จัดการให้พ่อบ้านไปตกเงิน
รางวัลให้เจ้าหน้าที่ที่มาแจ้งข่าวดี สุดท้ายก็จัดการเรื่องนี้ให้ผ่านพ้นไปได้อย่างละมุนละม่อม
เฉิงเจิงติดตามกู้ซวี่ไปไท่หยวนแล้ว แต่เฉิงสวี่ลงสนามสอบ นางจึงเป็นกังวลเรื่องผลสอบ
ของการสอบขุนนางช่วงวสันตฤดูนี้อยู่ตลอด เมื่อเฉิงสวี่สอบผ่านได้เป็นจิ้นซื่อแล้ว นางเองก็ยินดี
ตามไปด้วย ให้คนส่งของมาให้
แม้แต่โจวเจิ้นทางด้านโน้น ก็ส่งของขวัญมาแสดงความยินดีด้วย5146
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงบอกให้โจวเสาจิ่นจัดงานเลี้ยงสักสองสามโต๊ะ ถือโอกาสตอนวันหยุด
เชิญเฉิงจิงและคนอื่นๆ มากินข้าวด้วยกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว บุรุษห้าคนในบ้าน เป็นจิ้นซื่อไปแล้วสี่คน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมีความสุขยิ่ง ดื่มเพิ่มอีกหลายจอก กล่าวหยอกล้ออวิ้นเกอเอ๋อร์ว่า “ย่าก็
หวังให้เจ้านําตําแหน่งตราตั้งกลับมาให้ข้าสักตําแหน่งหนึ่งแล้ว!”
นางได้รับแต่งตั้งเป็นฮูหยินขั้นหนึ่งบนแล้ว ต่อให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ได้เป็นขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่ง
อีก ก็ไม่อาจแต่งตั้งนางให้สูงไปกว่านี้แล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเช่นนี้ก็เพียงเพราะคาดหวังในตัวอวิ้น
เกอเอ๋อร์ หวังว่าการสอบขุนนางของเขาจะราบรื่นก็เท่านั้น
ทุกคนพากันหัวเราะฮ่า
อวิ้นเกอเอ๋อร์ไม่รู้ว่าทุกคนกําลังหัวเราะอะไรกันอยู่ แต่ก็ยิ้มกว้างตามไปด้วย เผยให้เห็น
ฟันขาวซี่เล็ก น่ารักน่าชังยิ่งนัก
ชิวซื่อจึงหยอกล้อเขาอย่างอดไม่อยู่ว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ อีกไม่กี่วันก็ถึงพิธีหยิบของเสี่ยง
ทายของเจ้าแล้ว เจ้าคิดหรือยังว่าอยากหยิบอะไรดี อยากให้ป้ารองวางปิ่นปักผมทองคําบนโต๊ะ
ให้สักชิ้นหนึ่งหรือไม่”
ระยะนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดอวิ้นเกอเอ๋อร์ถึงชื่นชอบเครื่องประดับทองคํานัก ปิ่นปักผม
ทองคําที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวประดับก็ดี ตุ้มหูระย้าของโจวเสาจิ่นก็ดี ต่างหูทองบนใบหูของพวกสาวใช้
ก็ดี ขอเพียงเขาพบเห็น ก็จะยื่นมือเล็กออกไปดึง มีครั้งหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเปิดหีบมาตรวจนับ
ข้าวของ เจอกวางทําจากทองคําแท้ขนาดใหญ่เท่าฝ่ ามือตัวหนึ่ง เขากอดไว้ในมือไม่ยอมปล่อย
สุดท้ายฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่รู้จะทําอย่างไร จําต้องให้เขาอุ้มกวางทองคําตัวนั้นกลับไปวางไว้ข้างๆ5147
หมอน ยํ้ากําชับกับข้ารับใช้ข้างกายเขาว่า อย่าให้อวิ้นเกอเอ๋อร์กัดอะไรแม้แต่คําเดียวหรือว่าก็
กลืนหูและกีบของกวางลงท้องเป็นอันขาด
ทองคําแท้นั้นอ่อน กัดให้ขาดได้ค่อนข้างง่าย
ข้ารับใช้ภายในห้องอวิ้นเกอเอ๋อร์ตกใจกลัวจนต้องผลัดเปลี่ยนเวรกันมาเฝ้าอยู่หน้าเตียง
ของอวิ้นเกอเอ๋อร์ ไม่กล้างีบแม้แต่ครั้งเดียว
นี่จึงกลายมาเป็นเรื่องขบขันของทุกคน
โจวเสาจิ่นเองก็หัวเราะไปด้วย
นางชื่นชอบบรรยากาศที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มยินดีเช่นนี้
“ต้องวางเจ้าค่ะ แล้วก็ต้องวางกวางทองคําตัวนั้นบนโต๊ะด้วย” นางกล่าวยิ้มๆ “ถึงเวลา
เขาต้องไปอุ้มกวางทองตัวนั้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าอุ้มกวางทองคําตัวนี้แล้วจะ
หมายความว่าอะไร”
“คนกล่าวคําชมเหล่านั้นล้วนเป็นคนฉลาด” ชิวซื่อกล่าวยิ้มๆ “ต่อให้วันนั้นอวิ้นเกอเอ๋อร์
ของพวกเจ้าหยิบหัวหอมหัวหนึ่ง คาดว่าคนผู้นั้นก็ยังคงกล่าวถึงอวิ้นเกอเอ๋อร์ในด้านที่ว่าเฉลียว
ฉลาดมีพรสวรรค์อยู่ดี”
ทุกคนจึงหัวเราะออกมาอีกระลอกหนึ่ง
ชิวซื่อถอดกําไลทองคําจากข้อมือออกมาให้อวิ้นเกอเอ๋อร์เล่น “เจ้าดูสินี่คืออะไร”
เฉิงรั่งที่นั่งเงียบๆ อยู่หลังมารดาก้มหน้าลง
เฉิงสวี่สอบได้จิ้นซื่อแล้ว ทุกคนพลันปฏิบัติกับเหมือนเป็นผู้ใหญ่อย่างกะทันหัน ท่านลุง
ใหญ่ที่เมื่อก่อนมักจะจุกจิกกับเฉิงสวี่นั้น สายตาที่มองเฉิงสวี่ตอนนี้ไม่เพียงเจือเอาไว้ด้วยแววชื่น5148
ชมหลายส่วนเท่านั้น ยังให้สาวใช้รินสุราให้เฉิงสวี่ก่อนอีกด้วย แต่เขานั้น อายุน้อยกว่าเฉิงสวี่เพียง
ไม่กี่ปี อีกทั้งยังแต่งงานแล้ว หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วกลับถูกฮูหยินผู้เฒ่ากัว
เรียกมาอยู่ใกล้ๆ มานั่งอยู่กับบรรดาสตรีของที่บ้าน…ยังคงมองเขาเสมือนเป็นเด็กก็ไม่ปาน
เขารู้สึกสลดหดหู่ใจเล็กน้อย
ทว่าก็กล่าวโทษผู้อาวุโสในบ้านไม่ได้
หากเขาเรียนเก่งเหมือนพี่ชายสวี่ ช่วงชิงเอาตําแหน่งจิ้นซื่อกลับมาให้ที่บ้านสักตําแหน่ง
หนึ่งได้ เขาก็อาจจะได้นั่งพูดคุยอยู่ที่โต๊ะด้านนอกเช่นกันกระมัง
เฉิงรั่งยิ่งก้มหน้าลงตํ่ามากยิ่งขึ้น
มีคนดึงแขนเสื้อของเขาเบาๆ
เขาเงยหน้าขึ้นมา
เห็นดวงตาสุกใสดุจดวงดารายามรุ่งอรุณของภรรยา
“พี่ชายใหญ่ต้องขยันอ่านหนังสืออย่างหนักทุกวัน ไม่มีแม้แต่เวลาจะอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้
ใหญ่” ภรรยากระซิบที่ข้างหูเขาเบาๆ “วันท่าชิง 2983เมื่อหลายวันก่อนก็ไม่ได้ออกไป พวกอาเป่าและ
อาเหรินต่างชื่นชมว่าวที่ท่านทําให้ข้า รอให้มีเวลาว่าง ท่านก็ทําให้พวกอาเป่าด้วยสักสองสามอัน
ดีหรือไม่ อีกสองสามวันพวกเราออกไปเล่นว่าวกัน”
หัวใจของเฉิงรั่งราวกับมีความอบอุ่นไหลผ่าน
มุมปากของเขาค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นมา ขานรับเสียงเบาว่า “ได้”
3 วันท่าชิง (踏青) การออกไปท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งใกล้กับเทศกาลเชงเม้ง5149
เซี่ยซื่อเม้มปากยิ้ม หยิบถ้วยกระเบื้องสีขาวน่ารักที่บรรจุถั่วแดงต้มไว้บนถาดในมือยื่นส่ง
ให้เฉิงเซิงที่อยู่ไม่ไกล
เฉิงเซิงยิ้มน้อยๆ สายตาที่มองเซี่ยซื่อเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ยังเจือแววพึงพอใจเอาไว้
ด้วยหลายส่วน
ถึงแม้น้องสะใภ้ของนางจะไม่ได้มีหน้าตาและพื้นเพที่โดดเด่นเหมือนหมิ่นซื่อ ทว่าเป็นคน
อบอุ่นอ่อนโยน กําลังพอเหมาะพอดีกับน้องชาย
ทองพันชั่งก็ยากจะหาซื้อความพอดีได้
มารดาช่างหาภรรยามาให้น้องชายได้ดีจริงๆ
นางหลอกล่อรุ่ยเกอเอ๋อร์กินถั่วแดงต้ม “น้าสะใภ้ทํามาให้พวกเราด้วยตัวเองเลย!”
รุ่ยเกอเอ๋อร์กินไปหนึ่งคําก็วิ่งหนีแล้ว
อาเป่ากับอาเหรินดึงดูดเขามากกว่าถั่วแดงต้ม
เฉิงเซิงยิ้มพลางกินถั่วแดงต้มไปด้วยทีละคําๆ รู้สึกว่ารสชาติดียิ่ง
โจวเสาจิ่นเริ่มจัดการตกแต่งเครื่องเรือนภายในบ้าน เตรียมทําพิธีหยิบของเสี่ยงทายให้อ
วิ้นเกอเอ๋อร์
น้องชายของฉางซื่อพาบุตรชายสองคนและหลานชายคนโตเดินทางไกลมาถึงจิงเฉิงแล้ว
เฉิงฉือไปรับคนเข้าเมืองที่ประตูเฉาหยางด้วยตัวเอง จัดการให้พักอยู่ที่ซอยอวี๋เฉียน แล้ว
ก็ให้ซางมามาไปให้การรับรองคนตระกูลฉางด้วยตัวเอง
เนื่องด้วยความต่างระหว่างบุรุษสตรี โจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ จึงไม่สะดวกไปเยี่ยม ล้วน
ให้คนไปคารวะนายท่านผู้เฒ่าตระกูลฉางแทน5150
เนื่องด้วยสถานะตามรุ่นอาวุโสถึงได้เรียกขานนายท่านผู้เฒ่าตระกูลเฉิงเช่นนี้ ทั้งที่ความ
จริงแล้วปีนี้เขาอายุไม่เกินสามสิบแปดปีด้วยซํ้า บุตรชายทั้งสองคนผู้หนึ่งอายุยี่สิบสามปี อีกผู้
หนึ่งอายุยี่สิบปี หลานชายคนโตอายุไม่เกินสี่ขวบ มีแม่นมอุ้มเอาไว้เป็นตัวแทนของคนตระกูลฉาง
มาคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัว
โจวเสาจิ่นเห็นคุณชายน้อยตระกูลฉางร่างเล็กงดงามผิวขาวเนียนละเอียด ดูไปแล้วมี
ความคล้ายคลึงฉางซื่ออยู่เจ็ดถึงแปดส่วน ก็ชื่นชอบเอ็นดูเป็ นอย่างยิ่ง นอกจากเสื้อผ้า
เครื่องประดับแล้ว ยังมอบกังหันไม้ไผ่หนึ่งชิ้นและว่าวกระดาษสีนํ้าตาลอีกหนึ่งชิ้นให้คุณชายน้อย
ตระกูลฉางด้วย
คุณชายน้อยตระกูลฉางชอบเป็นอย่างมาก ไม่นานก็ดีดเท้าอยากลงมาที่พื้น
แม่นมจะกล้าให้เขาวิ่งซนได้อย่างไร รีบกล่าวขึ้นว่า “ฮูหยินของพวกข้าสุขภาพร่างกายไม่
ค่อยแข็งแรงนัก จึงทนเหนื่อยล้ากับการนั่งรถม้าไม่ไหว นายท่านรองยังไม่แต่งงาน ก่อนออก
เดินทางกลับตรวจพบว่าสะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว จําต้องให้บ่าวพาคุณชายน้อยเข้า
เมืองหลวงแทน หากเสียมารยาทตรงที่ใด ขอฮูหยินผู้เฒ่าอย่าได้ถือโทษเจ้าค่ะ”
“เช่นนี้ก็ดีมากแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มพลางพูดคุยกับป้ารับใช้ผู้นั้นสองสามประโยค ป้า
รับใช้ผู้นั้นเห็นคุณชายน้อยตระกูลฉางอยากไปเล่นกับอาเป่ าและคนอื่นๆ อย่างทนต่อไปไม่ไหว
แล้ว กลัวว่าจะเกิดโกลาหลอะไรขึ้น พูดไม่กี่ประโยคแล้วก็อุ้มคุณชายน้อยตระกูลฉางออกจาก
เรือนไป
ทําไมฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะไม่รู้ว่าแม่นมกําลังเป็นกังวลอะไรอยู่
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะออกมา กําลังจะพูดคุยกับโจวเสาจิ่น ก็มีสาวใช้เด็กมารายงาน
บอกว่าแม่นมของหยวนซื่อมาหา5151
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เชิญแม่นมของหยวนซื่อเข้ามา
แม่นมเข้ามาโขกศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว มองภายในห้องไปครั้งหนึ่ง
โจวเสาจิ่นลุกขึ้นหมายจะเดินออกไป
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับรั้งนางไว้ กล่าวว่า “เจ้าเป็นคนดูแลเรื่องในบ้านหลังนี้ เจ้าเองก็ควรจะ
ฟังด้วย”
แม่นมของหยวนซื่ออดไม่ได้มองโจวเสาจิ่นครั้งหนึ่ง เห็นภายในห้องไม่มีผู้อื่นแล้ว ถึงได้
กล่าวขึ้นว่า “ฮูหยินและคุณชายใหญ่ทะเลาะกันเจ้าค่ะ ฮูหยินถือกฎระเบียบของตระกูลไว้จะตี
คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่เองก็ไม่หลบเลี่ยงปล่อยให้ฮูหยินตี…” กล่าวถึงตรงนี้ นํ้าตาของนาง
เกือบจะไหลออกมาแล้ว
หัวคิ้วของฮูหยินผู้เฒ่ากัวผูกเป็นปมเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “ฮูหยินของพวกเจ้าทําอะไรอีก
แล้วหรือ”
แม่นมอดรู้สึกละอายไม่ได้
ในสายตาของแม่สามีหยวนซื่อเป็นได้ถึงขนาดนี้
แม่นมรู้สึกปวดใจแทนฮูหยินหยวนอย่างช่วยไม่ได้
นางกล่าวเสียงเบาว่า “แต่ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องของฮูหยินเจ้าค่ะ เป็นคุณชายใหญ่ กล่าว
อะไรทํานองว่าจะไม่สอบบัณฑิตซู่จี๋ซื่อ รอให้เสร็จสิ้นพิธีครบรอบขวบปีของคุณชายใหญ่อวิ้นแล้ว
จะขอไปรับราชการต่างเมือง…ฮูหยินของพวกข้าโกรธจนพูดอะไรไม่ออกแล้วเจ้าค่ะ…”
ไม่เข้าร่วมการคัดเลือกเป็นบัณฑิตซู่จี๋ซื่อ ก็หมายความว่าจะละทิ้งตําแหน่งในหกกรม ละ
ทิ้งการเป็นขุนนางในสํานักฮั่นหลิน5152
ที่ผ่านมาราชสํานักมีระเบียบปฏิบัติที่ว่า ‘ไม่ได้เข้าสํานักฮั่นหลินไม่อาจเข้าสู่สํานักราช
เลขาธิการได้’ ก็เท่ากับว่าเขาละทิ้งโอกาสจะได้เป็นราชบัณฑิตหลวงในอนาคต
ฮูหยินหยวนไม่โกรธจนแทบสิ้นลมถึงจะแปลก
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรีบเอ่ยถามว่า “ตอนนี้กี่ยามแล้ว”
“ยามอู่สือ 2994สามเค่อเจ้าค่ะ” เจินจูกล่าว
ยามเซินสือ 3005เฉิงจิงถึงจะเลิกงานจากที่ว่าการ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวลุกขึ้นมา กล่าวว่า “รีบช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าจะไปซอยซิ่งหลินสักครั้ง
หนึ่ง”
4 ยามอู่สือ ช่วงระหว่าง 11-13 นาฬิกาโดยประมาณ
5 ยามเซินสือ ช่วงระหว่าง 15-17 นาฬิกาโดยประมาณ