ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 558 ประหลาดใจ
ตอนที่เฉิงลู่ถูกขับชื่อออกไปนั้นหมิ่นเจียยังไม่ได้แต่งเข้ามา กระทั่งนางแต่งเข้ามา ซอย
จิ่วหรูก็แยกตระกูลกันแล้ว บ่าวรับใช้ที่อยู่จิงเฉิงนี้หากมิใช่คนที่รับใช้กันมาหลายชั่วอายุคนก็เป็น
คนที่ซื้อเข้ามาใหม่ บ่าวที่รู้กฎระเบียบดีย่อมไม่พูดเลื่อนเปื้อน อีกทั้งยังรู้สึกว่าคนที่ถูกตระกูลเฉิง
ขับไล่ออกไปอย่างเฉิงลู่ก็ไม่มีอะไรควรค่าให้พูดถึงด้วยเช่นกัน ส่วนคนที่ซื้อเข้ามาใหม่ไม่รู้เรื่อง จึง
เป็นธรรมดาที่หมิ่นเจียจะไม่รู้เรื่องของเฉิงลู่ แต่ว่าในเมื่อชื่อผู้ส่งแซ่ “เฉิง” ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคน
ของตระกูลเฉิง มีชื่อแทนตัวแล้ว เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เป็นคนมียศตําแหน่งผู้หนึ่ง
หมิ่นเจียไม่ค่อยแน่ใจนักว่าคนที่มีนามว่าเฉิงเซียงชิงผู้นี้มาหาตนด้วยเรื่องอันใด เรื่องใน
บ้านของตระกูลเฉิงมีหยวนซื่อเป็นคนตัดสินใจ เรื่องนอกบ้านมีเฉิงสวี่เป็นคนตัดสินใจ ไม่ว่าเฉิง
เซียงชิงมาหานางเพื่ออะไรก็ตาม ดูเหมือนว่านางล้วนช่วยเหลืออะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นนาง
ไม่เคยเจอเฉิงเซียงชิงมาก่อน สําหรับนางแล้วก็ถือว่าเป็นบุรุษอื่น จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะพบ
หน้าหรือไม่พบหน้าแล้ว
นางส่งจดหมายให้สาวใช้เด็ก กล่าวว่า “ให้คุณชายใหญ่เป็นคนไปจัดการก็แล้วกัน”
สาวใช้เด็กรับคําแล้วออกไป แต่ไม่นานก็ย้อนกลับมา กล่าวด้วยอาการสั่นกลัวว่า
“คุณชายใหญ่ไม่อยู่ในห้อง เห็นบอกว่าถูกนายท่านลงโทษให้ไปคุกเข่าที่หอบรรพชนเจ้าค่ะ”
เฉิงสวี่กล่าววาจาเช่นนั้นออกมา เป็นใครก็ย่อมต้องไปคุกเข่าที่หอบรรพชน
ตอนฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับไปแม่สามีของนางพูดอะไรไม่ออกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ดีขึ้นหรือ
ยัง ตนที่เป็นบุตรสะใภ้นี้ควรจะไปปลอบโยนแม่สามีสักหน่อยหรือไม่ ด้วยนิสัยของแม่สามีของ
นางแล้ว เกรงว่าต่อให้ถูกตีจนฟันร่วงเลือดกบปากก็ไม่ยอมให้นางเห็นสภาพยํ่าแย่ของตัวเอง
หรอกกระมัง5172
หมิ่นเจียลังเล สุดท้ายยังคงเลือกไปหาหยวนซื่อ
หยวนซื่อโกรธจนต้องเอนกายนอนอยู่บนเตียง เฉิงจิงกําลังนั่งปลอบโยนนางอยู่ที่นั่น ได้
ยินว่าบุตรสะใภ้มาหา หยวนซื่อรีบหันไปส่ายหน้าให้เฉิงจิง
เฉิงจิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวว่า “ถ้าหากตอนแรกเจ้าสู่ขอสะใภ้จากครอบครัว
ที่ตํ่ากว่านี้สักหน่อย เวลานี้คงมีสะใภ้มาพูดคุยเป็นเพื่อนอยู่ข้างกายสักคนหนึ่งแล้ว!”
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในบ้าน หยวนซื่อที่ต้องการเกียรติยศหน้าตา อย่างไรก็ถือเป็นการเสีย
หน้าต่อหน้าบุตรสะใภ้ที่เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลหมิ่น เช่นนั้นก็จําต้องปิดเอาไว้ ถ้าปิดไม่มิด ก็ต้อง
ทําเป็นปิดหูขโมยระฆัง
หยวนซื่อกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “สะใภ้ไร้ค่าเช่นนั้น จะต้องการไปทําไม ครอบครัวของ
พวกเราจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นทุกวันหรืออย่างไร”
“คนครอบครัวเดียวกันใช้ชีวิตด้วยกัน ฟันบนยังมีเวลาที่ต้องกระทบกับฟันล่างมิใช่หรือ”
เฉิงจิงกล่าว “ข้าคิดว่าบางเรื่องเจ้าควรพูดกับหมิ่นซื่อให้ชัดเจนจะดีกว่า”
หยวนซื่อไม่เปล่งคําใด
ตอนนี้ความคิดของนางล้วนไม่อยู่ที่เรื่องนี้ นางเอาแต่คิดถึงคําพูดขอเฉิงสวี่ไม่หยุด
“ข้าทุ่มเทให้เขาทุกอย่าง เขามากล่าวโทษข้าเช่นนี้ได้อย่างไร” หยวนซื่อกล่าว หัวใจคล้าย
กับถูกทิ่มแทงด้วยมีดก็ไม่ปาน นํ้าตาก็ร่วงหล่นลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
เฉิงจิงขมวดคิ้ว พลางกล่าว “ต่อไปเรื่องของเจียซ่านเจ้าไม่ต้องยุ่งอีกต่อไปแล้ว เมื่อก่อน
มอบลูกให้เจ้าดูแล ก็เพราะคิดว่าข้าอยู่เมืองหลวงมีธุระมาก ไม่มีเวลาดูแลเขา เขาอยู่เมืองหลวง
แล้วจะไม่มีใครดูแล กลัวว่าเขาจะเลียนแบบหนุ่มเจ้าสําราญเหล่านั้นจนเสียคน ตอนนี้ในเมื่อทุก
คนมาอยู่ร่วมกันที่จิงเฉิงแล้ว เจ้าดูแลเรื่องภายในบ้านก็พอ…”5173
หยวนซื่ออ้าปากค้าง กว่าครู่ใหญ่ถึงกล่าวขึ้นว่า “ท่าน ท่านเองก็กําลังโทษข้าอย่างนั้น
หรือ”
ไม่อาจปล่อยให้บุตรชายเติบโตมากับภรรยาจริงๆ
เมื่อก่อนเฉิงจิงคิดว่าภรรยาของตัวเองเป็นบุตรหลานของขุนนางใหญ่ พวกเขาพี่น้องล้วน
เติบโตมากับมารดา ต่อให้ภรรยาจะเทียบไม่ได้กับมารดาแต่ก็มีภาษีดีกว่าภรรยาทั่วๆ ไป เมื่อก่อน
เห็นนางอบรมสั่งสอนเฉิงสวี่ก็กระทําอย่างเต็มที่จริงๆ เขาถึงได้ยกบุตรชายให้หยวนซื่อดูแล แต่คิด
ไม่ถึงว่าสุดท้ายจะยังคงเลี้ยงบุตรชายให้บิดเบี้ยวไปจนได้
บนโลกนี้ไม่มีสตรีคนใดเทียบได้กับมารดาของเขาแล้ว
เฉิงจิงคิดเช่นนี้ในใจ แต่ก็เผยออกมาให้เห็นทางสีหน้าหลายส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หยวนซื่อรู้สึกใจหนาวเหน็บ ร้องไห้พลางกล่าว “ท่านคิดเช่นนี้ได้อย่างไร หลายปีที่ผ่านมา
ข้าอยู่บ้านช่วยดูแลบ้านช่องให้ท่าน ดูแลแม่สามี เลี้ยงดูลูกๆ ระมัดระวังทุกอย่าง ไม่กล้าสะเพร่า
เลยแม้แต่นิดเดียว วันนี้ลูกเป็นเช่นนี้ ข้าเสียใจยิ่งกว่าผู้ใด ท่านไม่ปลอบโยนข้า กลับกล่าวโทษข้า
…”
เฉิงจิงไม่อยากพูดอะไรแล้วจริงๆ
หลายปีที่ผ่านมานี้ เป็นเพราะเขาระลึกเสมอว่าภรรยาลําบากไม่น้อย ถึงได้เคารพให้
เกียรตินางเช่นนี้ ถึงได้ไม่มีคนอุ่นเตียงเลยแม้แต่คนเดียวแม้จะเป็นขุนนางอยู่จิงเฉิงมานานหลาย
ปีขนาดนี้…
เขาลุกขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง กล่าวว่า “เจ้าพักผ่อนให้ดีเถอะ! ข้าไปดูท่านแม่สักหน่อย
และหารือเรื่องของเจียซ่านกับท่านอารองด้วย” กล่าวจบ ไม่รอให้หยวนซื่อกล่าวอะไรก็ตรงออก
จากห้องชั้นในไป5174
หยวนซื่อทั้งร้อนใจและกรุ่นโกรธ รู้สึกแน่นหน้าอก เหงื่อเย็นผุดออกมาเต็มหน้าผากล้มลง
ไปบนเตียง
ภายในห้องพลันโกลาหลขึ้นมา
ครั้นแม่นมของหยวนซื่อไล่ตามออกมา ก็ไม่เห็นเงาของเฉิงจิงแล้ว
ภายในห้องหนังสือของเรือนชั้นนอกที่บ้านของเฉินลี่ ณ ประตูฟู่ เฉิง เฉิงลู่กําลังฟังบ่าว
ชายเด็กกลับมารายงานด้วยจิตใจที่ไม่สงบนัก “…บอกว่านางเป็นสตรีในห้องหอผู้หนึ่ง ไม่อาจพบ
บุรุษจากข้างนอกได้ มีธุระอะไรให้ท่านไปหาคุณชายใหญ่ของพวกเขาขอรับ”
ด้านหนึ่งบ่าวชายกล่าวอย่างระมัดระวังไปด้วย อีกด้านหนึ่งก็สํารวจสีหน้าของเฉิงลู่ไป
ด้วย
สีหน้าของเฉิงลู่ยิ่งไม่น่าดูมากขึ้นแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเฉิงสวี่จะสอบผ่านจิ้นซื่อไปได้อย่างราบรื่นในคราวเดียว หลังจากนี้เขาจะสอบ
บัณฑิตซู่จี๋ซื่อและเป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ที่สํานักฮั่นหลินหรือไม่นะ
เขามองชุดหลานซานที่มีแต่คนเรียนหนังสือถึงจะสวมใส่ได้ที่อยู่บนร่างของตัวเอง สีหน้า
ยิ่งไม่น่าดูมากยิ่งขึ้น
ไม่ง่ายเลยกว่าเฉินลี่จะช่วยเอายศซิ่วไฉของตนกลับมาได้ เขาไม่ต้องเปลี่ยนชื่อแซ่เพื่อ
สอบใหม่อีกครั้ง แต่เพราะเช่นนี้ เวลาที่เขาเสียไปหลายปีนั้นก็เอากลับมาไม่ได้แล้ว เมื่อก่อนเขา
กับเฉิงสวี่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าตอนนี้ผู้หนึ่งอยู่บนฟ้าอีกผู้หนึ่งอยู่ใต้พิภพ
ที่เขามีวันนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นตระกูลเฉิงที่ทําลายมันไป!5175
มือของเฉิงลู่กําเป็นหมัดแน่น
บ่าวชายเด็กตกใจกลัวจนขาทั้งสองข้างอ่อนยวบ
โชคดีที่มีเสียงของบ่าวชายเด็กที่เฝ้าเวรยามอยู่ดังเข้ามาจากหน้าประตู “ท่านบุตรเขย
พ่อบ้านของตําหนักองค์ชายสี่มาขอรับ บอกว่าใกล้ถึงวันสรงนํ้าพระพุทธเจ้าแล้ว ข้าราชบริพาร
ถวายธูปเทียนให้องค์ชายสี่จํานวนหนึ่ง องค์ชายสี่ทรงเห็นว่าคุณภาพพอใช้ได้ จึงทรงรับสั่งให้
พ่อบ้านที่ตําหนักส่งมาให้เล็กน้อย แต่นายท่านไม่อยู่บ้าน ท่านดู นี่คือรายการของขวัญขอรับ”
ตําหนักองค์ชายสี่?
องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์แล้ว องค์ชายรอง องค์ชายห้าและองค์ชายเจ็ดบ้างก็ไม่มีแล้ว
บ้างก็ถูกปลดแล้ว ผู้ที่มีพระปรีชาสามารถที่สุดในราชวงศ์ก็คือองค์ชายสี่แล้ว
องค์ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งหวงไท่ซุนแล้ว เมื่อองค์ฮ่องเต้เสด็จสวรรคต ตําแหน่งชินอ๋องคงหนี
ไม่พ้นองค์ชายสี่
“ปกติต้าไหน่ไนทําอย่างไร พวกเจ้าทําตามนั้นก็ได้แล้ว” เฉิงลู่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ครั้ง
หนึ่งถึงกล่าวถ้อยคํานี้ออกมาด้วยนํ้าเสียงสงบได้
แต่งเข้าบ้านภรรยา จึงไม่มีคุณสมบัติไปจัดการเรื่องพวกนี้
ผู้ใดจะรู้ว่าบ่าวชายเด็กผู้นั้นจะย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว กล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ต้า
ไหน่ไนกล่าวว่า เรื่องข้างนอก ให้ท่านบุตรเขยตัดสินใจได้เลยขอรับ”
ลมหายใจของเฉิงลู่สงบขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “เช่นนั้นก็พาคนเข้ามาเถอะ!”
บ่าวชายเด็กไปเชิญคนเข้ามา5176
พ่อบ้านของตําหนักองค์ชายสี่ทําความเคารพอย่างนอบน้อม พูดคุยอย่างเกรงใจไปคํารบ
ใหญ่ หยิบรายการของขวัญยื่นส่งให้เฉิงลู่
เฉิงลู่ไม่ได้ดูละเอียดนัก จากนั้นส่งรายการของขวัญให้พ่อบ้านของที่บ้าน กล่าวชัดเจนว่า
ประเดี๋ยวเฉินลี่กลับมาแล้วจะมอบให้เขาด้วยตัวเอง
พ่อบ้านกล่าวขอบคุณแล้วจากไป
เฉิงลู่ถึงได้เปิดรายการของขวัญปรายตามองครั้งหนึ่ง
แค่ปรายตามอง ก็ทําให้เขาตะลึงงันไปเล็กน้อย
ในใบรายการของขวัญที่ส่งมามีอําพันทะเลอยู่ด้วยครึ่งจิน
นั่นเป็นของที่มีแต่ราชวงศ์เท่านั้นถึงจะใช้ได้ มีราคายิ่งกว่าทองคําเสียอีก
เขาครุ่นคิด ถือรายการของขวัญไปหาเฉินซื่อ “พวกเราต้องส่งของขวัญกลับไปตอบแทน
หรือไม่”
“ต้องเจ้าค่ะ!” เฉิงซื่ออยากตั้งครรภ์บุตรสักคน แต่ก็เงียบเชียบไร้สัญญาณมาโดยตลอด
เชิญหมอหลวงมาตรวจร่างกายแล้ว วันๆ เอาแต่สนใจเทียบยาสองสามเทียบนั่น ได้ยินเช่นนั้น
กล่าวเรียบๆ ว่า “กฎของท่านพ่อคือ ไม่ว่าผู้อื่นจะส่งอะไรมาให้พวกเรา บ้างก็ปฏิเสธ บ้างส่ง
ของขวัญกลับไปตอบแทนเป็นมูลค่าครึ่งหนึ่ง”
เฉิงลู่กล่าวอย่างลังเลว่า “แต่ของขวัญที่ตําหนักองค์ชายสี่ส่งมามีมูลค่าไม่น่าจะตํ่าว่าสี่
พันเหลี่ยง…ไม่ค่อยดีกระมัง”
เฉินซื่อกล่าวยิ้มๆ ว่า “มิใช่แค่องค์ชายสี่ที่ส่งของขวัญมาให้พวกเรา! นอกจากองค์รัช
ทายาทแล้ว พวกเรายังไม่เคยส่งของขวัญกลับไปตอบแทนเต็มจํานวนมาก่อน!”5177
องค์รัชทายาทหรือ
เป็นครั้งแรกที่เฉิงลู่ได้สัมผัสถึงความเก่งกาจของพวกขันทีใหญ่อย่างใกล้ชิดขนาดนี้
เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
เฉินซื่อเข้าใจว่าเป็นเพราะตนไปขัดคําพูดของเขาทําให้เขาเสียความมั่นใจรับไม่ค่อยได้
จึงรีบกล่าวยิ้มๆ ว่า “อย่างไรก็ตามเรื่องส่งของขวัญตอบแทนก็มิใช่เรื่องด่วน รอท่านพ่อตัดสินใจ
เรื่องของขวัญตอบแทนก่อนก็ยังไม่สาย อย่างไรเสียเรื่องข้างนอกพวกนี้พวกเราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ
อยู่แล้ว”
เฉิงลู่พยักหน้า
กระทั่งเฉินลี่กลับมา จึงนํารายการของขวัญไปส่งให้เฉินลี่
ผู้ใดจะรู้ว่าเฉินลี่กลับมองอย่างไม่ยี่หระครั้งหนึ่ง สั่งการพ่อบ้านว่า “ส่งของขวัญมูลค่า
สองพันเหลี่ยงกลับไปตอบแทนก็แล้วกัน”
เฉิงลู่อยากจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป
เฉินลี่โปรดปรานบุตรเขยผู้นี้ยิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นบุตรหลานของตระกูลเฉิงที่ซอย
จิ่วหรู
เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามยิ้มๆ ว่า “บุตรเขยรู้สึกว่ามีตรงไหนที่ไม่เหมาะสมใช่หรือไม่”
เฉิงลู่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “ไม่ปิดบังท่านพ่อตา ข้าคิดว่าเวลานี้พวกเราควรจะเป็น
มิตรกับองค์ชายสี่ถึงจะถูกขอรับ!”
ไม่เสียแรงที่เป็นบุตรหลานของตระกูลบัณฑิตชั้นสูง ถึงแม้จะถูกขับออกมาแล้ว ก็ยังมี
วิสัยทัศน์เช่นนี้อยู่5178
เฉินลี่เอ่ยอย่างใจดีว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เฉิงลู่กดเสียงลงตํ่า กล่าวว่า “ท่านพ่อตาถวายการรับใช้องค์ฮ่องเต้มาตลอดชีวิต หาก
องค์ฮ่องเต้เสด็จสวรรคต ย่อมมีการเตรียมการให้ท่านพ่อตา แต่ข้าดูจากข้าราชบริพารของแต่ละ
ราชวงศ์แล้ว หากมิใช่จัดให้ไปเฝ้าพระราชสุสานหลวง ก็คงให้ออกไปใช้ชีวิตบั้นปลายนอกวัง แต่
ตอนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ผู้ใดบ้างไม่เคยทําให้คนตัวเล็กตัวน้อยขุ่นเคืองใจสักคนสองคน คนตัวเล็ก
ตัวน้อยเหล่านี้หากทําเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแล้วทําให้เหล่าข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิดที่ออกจากวังหลวง
ไปแล้วเหล่านั้นปวดหัวเป็นที่สุด ตอนนี้หวงไท่ซุนเพิ่งจะมีพระชนมายุสิบชันษา และมีพระปิตุลาที่
รุ่งโรจน์อยู่หลายพระองค์ อีสุกอีใสเอย ฝีดาษเอยเช่นนี้ มีแบบไหนที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดายบ้าง?
ข้าคิดว่าท่านพ่อตาเหลือทางเดินเพิ่มเอาไว้อีกสักทางหนึ่งจะดีกว่า ถึงแม้จะไม่ถึงกับต้องไป
ประจบประแจงองค์ชายสี่ แต่ก็ไม่คุ้มค่าที่จะทําให้เขาขุ่นเคือง”
สายตาที่เฉินลี่มองเฉิงลู่จึงลุ่มลึกขึ้นอีกส่วนหนึ่ง กล่าวยิ้มๆ ว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสนใจ
เรื่องของราชวงศ์ขนาดนี้!”
“ผู้ใดไม่สนใจเรื่องของราชวงศ์บ้าง” เฉิงลู่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “โอรสสวรรค์พิโรธขึ้นมา
ศพลอยเกลื่อนเป็นล้าน ต่อให้พวกเราไม่คิดจะรํ่ารวยบนเส้นทางขุนนาง แต่ก็ไม่อาจนําหายนะมา
สู่ครอบครัวได้!”
เฉินลี่หัวเราะออกมา กล่าวว่า “ช่วงนี้องค์ฮ่องเต้ทรงประชวรเล็กน้อย ความจริงแล้วข้าไม่
ควรออกจากวัง แต่ก็เป็นห่วงพวกเจ้าสามีภรรยาว่าจะอยู่กันไม่ได้ ถึงได้ออกมาดูสักหน่อย ในเมื่อ
เจ้ากล่าวเช่นนี้แล้ว เรื่องนี้ก็มอบให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน หากคนของตําหนักองค์ชายสี่ถามขึ้นมา
เจ้าก็บอกไปว่าข้าไม่ได้กลับบ้านเลยก็พอ”
ถ้าหากประสบผลสําเร็จ เขาย่อมได้ประโยชน์ แต่ถ้าไม่สําเร็จ เขาก็น่าจะจัดการไกล่เกลี่ย
ได้5179
เฉิงลู่ลิงโลดยินดี
เส้นทางขุนนางนั้นไม่ต้องกลัวเรื่องล่าช้า ต้องกลัวว่าในราชสํานักไม่มีคนสนับสนุนเจ้า
มากกว่า นั่งอยู่บนม้านั่งอันหนาวเหน็บแต่เพียงผู้เดียวสิบปียี่สิบปีก็ไม่มีผู้ใดสนใจ
ขอเพียงขึ้นเรือขององค์ชายสี่ลํานี้ได้ เฉิงสวี่ก็ดี เฉิงฉือก็ดี ล้วนได้แต่ต้องยืนดูอยู่ข้างๆ
แล้ว
เฉิงลู่แสยะยิ้มเย็นอยู่ในใจ
นึกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคําพูดของเฉินลี่เมื่อครู่ หลังจากส่งเฉินลี่ออกไปแล้ว เขาจึง
หารือกับเฉินซื่อจัดเตรียมของขวัญสําหรับส่งไปตอบแทนตําหนักองค์ชายสี่
เมื่อองค์ชายสี่ได้รับของขวัญตอบแทนกลับมา ก็ทรงเรียกผู้ช่วยคนสนิทเข้ามาในทันที
“เจ้าว่า เฉินกงกงหมายความว่าอย่างไร”
ผู้ช่วยยิ้มพลางอ่านรายการของขวัญอย่างละเอียด กล่าวว่า “เกรงว่าคงคิดจะเหยียบเรือ
สองแคมพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายสี่ทรงสรวลน้อยๆ พระเนตรมีแววยินดีสายหนึ่งวาบผ่าน
ถ้าหากไม่หวาดหวั่น เหตุใดต้องเปลี่ยนด้วยเล่า
เห็นได้ชัดว่าตาแก่เฉินลี่ผู้นั้นก็คิดว่าตนเป็นฮ่องเต้ได้เช่นกัน!