ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 563 รองรับอารมณ์
แต่งภรรยาแต่งคุณธรรมความสามารถ รับอนุรับสีสัน
สู่ขอภรรยาให้บุตรชาย แน่นอนว่านางต้องเลือกคนที่มีทั้งความสามารถและคุณธรรม
ความดี จะเลือกคนที่ความงามได้อย่างไร
หยวนซื่อรู้สึกว่านางไม่ผิดอะไร!
นานกดความสับสนว้าวุ่นใจนั่นเก็บเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจได้อย่างรวดเร็ว กล่าวกับ
แม่นมที่ปรนนิบัติรับใช้นางว่า “ข้าป่วย ให้พวกเขาจัดเก็บสัมภาระกันเองก็แล้วกัน!”
กรมขุนนางออกเอกสารมาให้อย่างเป็นทางการแล้ว เฉิงสวี่ต้องไปถึงที่ทําการก่อนวันที่
สิบเดือนหก พวกเขาตั้งใจจะดื่มยินดีให้เฉิงเซ่าก่อนแล้วค่อยไป เมื่อเป็นเช่นนี้คํานวณดูแล้ว
ระหว่างทางต้องเดินทางกันอย่างเร่งรีบ ตระกูลหมิ่นได้ยินข่าวคราวแล้วประหลาดใจเป็นอย่าง
มาก หมิ่นเจี้ยนสิงยังมาหาด้วยตัวเองครั้งหนึ่ง ปิดประตูคุยกับเฉิงสวี่อยู่ในห้องหนังสือกว่าครึ่ง
ค่อนวัน เมื่อถึงวันออกเดินทางวันนั้น ยังต้องไปกล่าวลํ่าลาที่ตระกูลหมิ่นด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พาข้ารับใช้คนใดไปด้วยบ้าง ต้องจัดเตรียมผู้ช่วยส่วนตัวไปกี่คน จะเดินทางอย่างไร ผ่านที่ไหน
บ้าง ต้องไปเยี่ยมเยียนสหายเก่าแก่คนใดบ้าง ต้องนําของฝากท้องถิ่นอะไรไปบ้าง…มีเรื่องราว
ต้องจัดการมากมายนับไม่ถ้วน เฉิงสวี่และหมิ่นซื่อล้วนเป็นมือใหม่ เป็นช่วงเวลาที่ต้องการการ
ชี้แนะจากพ่อสามีแม่สามี ทว่าหยวนซื่อกลับบอกว่านางป่ วย…นี่ นี่ช่างเสมือนกับการราดนํ้ามัน
ลงในกองไฟจริงๆ!
แม่นมของหยวนซื่ออยากกล่าวอะไรบางอย่างทว่าก็หยุดไป
หยวนซื่อทําเพียงนอนหลับตาอยู่บนเตียง
แม่นมของนางไม่กล้าพูดอะไร ถอนหายใจเบาๆ ครั้งหนึ่ง พลางถอยออกไป5218
หยวนซื่อจึงลืมตาขึ้น
มิใช่ว่าเฉิงเจียซ่านรู้สึกว่าตนยุ่งเรื่องของเขาไปเสียทุกอย่าง เขารู้สึกอึดอัด ต้องการสลัด
นางทิ้งหรอกหรือ ได้! เช่นนั้นนางก็จะไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ให้เขาไปลําบากด้วยตัวเอง ดูว่าเขายัง
จะพูดว่าตนไปยุ่งเรื่องของเขามากไปอีกหรือไม่
หยวนซื่อคิด ยังคงรู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่เล็กน้อย
นางช่างเลี้ยงบุตรชายมาได้ดีจริงๆ
โตแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว กลับเรียนรู้จักการไม่เชื่อฟังนางแล้ว
นางนึกถึงภาพของบุตรชายที่เชื่อฟังและรู้ความตอนเป็นเด็ก
นับตั้งแต่เมื่อใดกันที่บุตรชายกลายเป็นเช่นนี้…นางนึกถึงท่าทางของเฉิงสวี่ที่มาขอให้นาง
ช่วยสู่ขอโจวเสาจิ่นให้เขาด้วยอาการหน้าแดง…เริ่มตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา บุตรชายก็ค่อยๆ
เปลี่ยนไป
ล้วนเป็นเพราะโจวเสาจิ่นผู้นั้น
ล้วนเป็นนางที่ทําให้เจียซ่านเสียคน
หากมิใช่เพราะโจวเสาจิ่น บุตรชายจะเดินมาถึงวันนี้ได้อย่างไร
หยวนซื่อกัดฟันกรอดจนเกิดเสียงดังไม่หยุด อยากจะทําอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะลง
มือจากตรงไหนดี
ทั้งๆ ที่เฉิงฉือและฮูหยินผู้เฒ่ารู้เรื่องของเฉิงสวี่และโจวเสาจิ่นดี เฉิงฉือก็ยังจะแต่งงาน
กับโจวเสาจิ่น ปกป้องโจวเสาจิ่นประหนึ่งเป็นสมบัติลํ้าค่าในฝ่ ามือ เกรงว่านางพูดอะไรก็ไม่มี
ประโยชน์5219
คงได้แต่ต้องรอให้มีโอกาสในอนาคตแล้ว
หยวนซื่อจึงหลับตาลงอีกครั้ง ตะโกนบอกให้สาวใช้ไปเชิญท่านหมอมา บอกว่านางไม่
สบาย
หมิ่นซื่อได้ข่าวแล้วโกรธจนคล้ายจะหายใจไม่ออก
รู้ว่าพวกเขาทางด้านนี้ยุ่งจนเท้าแทบจะไม่ได้อยู่ติดพื้นแม่สามีก็ยังจะแสร้งป่วยให้นางไป
เฝ้าไข้…ตอนที่ยังไม่ได้แต่งเข้ามาได้ยินมารดาพูดถึงเรื่องราวของตระกูลเฉิง ตอนนั้นนางยังลอบดี
ใจที่แม่สามีเป็นบุตรสาวจากตระกูลขุนนางใหญ่ หลังบ้านก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลใจ นิสัยใจ
คอน่าจะเป็นคนไม่เลวเลยทีเดียวถึงจะถูก ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วเป็นคนที่สร้างปัญหา
วุ่นวายได้ถึงเพียงนี้
แต่นางเป็นสะใภ้คนหนึ่งจะพูดอะไรได้
ไม่เพียงพูดไม่ได้เท่านั้น ยังไม่อาจแสดงออกมาให้เห็นทางสีหน้าอีกด้วย
นางมอบหมายงานในเรือนให้หมัวมัวข้างกาย เปลี่ยนอาภรณ์แล้วไปดูแลหยวนซื่อที่ห้อง
หยวนซื่อบอกเพียงว่ารู้สึกไม่สบายใจ ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ให้หมิ่นซื่อนั่งอยู่ข้างเตียงช่วย
อ่านพระธรรมให้นางฟัง
หมิ่นซื่อดูออกว่าหยวนซื่อต้องการสร้างความลําบากให้นาง
นางเองก็มิได้กินหญ้า นั่งอ่านพระธรรมให้หยวนซื่อฟังอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ เชิญฮูหยินร
องชิวซื่อมาช่วยนางจัดเก็บสัมภาระ
ชิวซื่อไม่รู้ว่าหยวนซื่อแสร้งป่วย และเนื่องจากเมื่อก่อนหยวนซื่อไม่เคยแกล้งทํามาก่อน5220
นางไม่ได้มาคนเดียว ยังพาเซี่ยซื่อมาช่วยด้วย ยังกําชับเซี่ยซื่อเสียงเบาว่า “เจ้าอายุยัง
น้อย เป็นสะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ มีโอกาสไปช่วยพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า เจ้าก็คิดเสียว่าเป็นการ
ช่วยเหลือพี่สาวน้องสาวที่บ้านเดิม ยังได้เรียนรู้อะไรบ้างอีกด้วย รออีกสักระยะหนึ่ง รอให้เจ้า
ปรับตัวได้แล้ว จะค่อยๆ มอบหมายเรื่องในบ้านของพวกเราให้เจ้าเป็นคนดูแล ข้าเองก็จะได้
เพลิดเพลินกับความสุขของคนเป็นแม่สามีแล้ว!”
เป็นคําพูดที่กล่าวจนเซี่ยซื่อหน้าแดงกํ่าไปหมด
หยวนซื่อกลับโกรธจนมุมปากสั่นระริก เรียกชิวซื่อมาพูดคุยด้วย “เจ้าเป็นอาสะใภ้คนหนึ่ง
ยังมีอาเป่ากับอาเหรินให้ต้องดูแลอีก มาช่วยหลานชายหลานสะใภ้จัดเก็บข้าวของ นี่นับเป็นเรื่อง
อะไรไปแล้ว จะดีร้ายเจ้าก็เป็นฮูหยินตราตั้งของขุนนางยศขั้นสามผู้หนึ่ง แล้วก็มิใช่ป้ารับใช้หรือห
มัวมัวของบ้านไหน พอเรียกเจ้าเจ้าก็มาเลยหรือ!”
ชิวซื่อกล่าวยิ้มๆ ว่า “ก็ไม่ใช่คนอื่นที่ไหน เป็นหลานสะใภ้คนโตของข้าต้องการให้ข้า
ช่วยเหลือ” ยังกล่าวกับหยวนซื่อยิ้มๆ อย่างไม่ใส่ใจนักว่า “หากท่านรู้สึกว่าไม่เหมาะสมจริงๆ ก็รีบ
หายดีเสีย เช่นนี้ข้าก็จะได้เหนื่อยน้อยลงสักหน่อย!”
หยวนซื่อโกรธจนเหลือจะกล่าว โกรธจนเบิกดวงตากว้างไม่หยุด มองหมิ่นเจียแล้วก็ให้
รู้สึกขวางหูขวางตา สั่งให้นางไปชงนํ้าชาเข้ามา
หมิ่นเจียรับคํา “เจ้าค่ะ” อย่างนอบน้อม เซี่ยซื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบเอ่ยขึ้นว่า “ท่านป้าสะใภ้
ใหญ่ ช่วงนี้พี่สะใภ้ใหญ่ดูแลท่านจนคนผอมซูบลงไปไม่น้อย ข้าไปเป็นลูกมือช่วยพี่สะใภ้ใหญ่
ดีกว่าเจ้าค่ะ!” กล่าวโดยที่มิได้คิดว่าหยวนซื่อจงใจสร้างความลําบากให้หมิ่นเจีย ยังคิดว่านี่ตน
กําลังช่วยเหลือพวกนางอยู่ คล้องแขนหมิ่นเจียถอยออกไปอย่างยิ้มแย้ม
หยวนซื่อเกือบจะกลอกตามองบนไปแล้ว5221
ชิวซื่อไม่ฉลาด สู่ขอสะใภ้ผู้หนึ่งมาก็ไม่ฉลาด คนโง่เขลาสองคนมาเจอกัน ว่าพวกนางไป
ล้วนเสียแรงจริงๆ
หยวนซื่อจึงตามนํ้าไปกับชิวซื่อ เปลี่ยนวิธีสร้างปัญหาให้หมิ่นเจียทุกวัน
หมิ่นเจียคิดว่าอย่างมากที่สุดตนก็ทนอีกยี่สิบกว่าวันนางก็ต้องตามเฉิงสวี่ไปประจําการ
แล้ว จึงไม่โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย หยวนซื่อว่าอย่างไรก็อย่างนั้น หากรู้สึกเหนื่อย ก็ดันสาวใช้ผู้
หนึ่งออกไปกันเอาไว้ให้อารมณ์สงบลง ไม่เหมือนกับมาเฝ้าไข้ แต่เหมือนมาเยี่ยมเยียนมากกว่า
หยวนซื่อยิ่งไม่ชอบใจ ตอนได้พบเฉิงจิงจึงอดไม่ได้บ่นไปสองสามประโยค
ช่วงนี้พระพลานามัยขององค์ฮ่องเต้ไม่ค่อยดีนัก เห็นผู้ใดก็ขวางหูขวางตาไปหมด ข้าราช
บริพารส่วนพระองค์ไม่มีผู้ใดไม่ถูกต่อว่า ชีวิตของพวกราชบัณฑิตหลวงทั้งหลายก็ลําบากไปด้วย
ทุกวันกลับมาเฉิงจิงต้องฝึกคัดอักษรวันละหนึ่งชั่วยาม บอกให้ตัวเอง ‘อดทนไว้อดทนไว้’
ได้ยินหยวนซื่อพรํ่าบ่นก็รู้สึกว่านางทําเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปสักหน่อย กล่าวขึ้นว่า
“เจ้าเป็นแม่สามี มีอะไรที่สะใภ้ทําไม่ถูกต้องเจ้าก็สอนสั่งนางตรงๆ ก็ได้แล้ว ก่อนแต่งงานเจ้าบอก
ว่านางเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็กมิใช่หรือ คาดว่าก็น่าจะเป็นคนฉลาดผู้หนึ่ง แค่สอนก็น่าจะทํา
เป็นแล้ว เจ้ามาว่านางเช่นนี้นางจะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้หรือ”
หยวนซื่อสําลักจนพูดอะไรไม่ออกไปครู่ใหญ่
เฉิงจิงไหนเลยจะสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ ถามหยวนซื่อว่า “ช่วงนี้เจ้าได้กลับบ้านเดิมบ้าง
หรือไม่ ผู้บัญชาการทหารเซวียนถงใกล้จะเกษียณแล้ว ข้าอยากแนะนําหานจงเหมยสหายร่วมปี
การสอบของข้า ได้คุยกับพี่ชายใหญ่เรียบร้อยแล้ว หากเจ้าดีขึ้นแล้ว ช่วยข้าส่งของไปให้สัก
เล็กน้อย”
คงจะเป็นของกํานัลของหานจงเหมยผู้นั้น5222
เฉิงจิงมาจากครอบครัวรํ่ารวยจิตใจกว้างขวาง ไม่เคยเห็นของเหล่านี้อยู่ในสายตา ถ้า
หากเป็นเรื่องที่ตัวเองทําได้ อย่างมากก็แค่กินข้าวของผู้อื่นสักมื้อหนึ่ง หากเป็นการขอร้องคนอื่น
ผู้อื่นให้ของมาเท่าไรเขาก็จะพยายามมอบทุกอย่างให้คนที่ช่วยเหลือไปทั้งหมด วันเวลาผ่านไป
นานวันเข้า เขาจึงค่อนข้างเป็นที่ชื่นชมในแวดวงขุนนาง คนจํานวนมากชอบมาหาเขาให้ช่วยทํา
เรื่องต่างๆ ให้ เส้นสายความสัมพันธ์ของเขานับวันก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ
หยวนซื่อสลดหดหู่ กล่าวขึ้นว่า “ท่านไม่เห็นว่าข้ายังป่วยอยู่หรือ”
มิใช่ว่ากําลังกินยาบํารุงเลือดลมอยู่หรอกหรือ
หัวคิ้วของเฉิงจิงมุ่นขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “หรือไม่ก็ให้หมิ่นซื่อไปสักครั้งหนึ่ง! นางเป็น
ภรรยาของเจียซ่าน ก็เป็นหลานสะใภ้ของพี่ชายใหญ่เช่นกัน กระทําอะไรก็วางใจและเชื่อถือได้…”
หยวนซื่อโกรธจนพูดอะไรไม่ออก
เรื่องในบ้านไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนให้หมิ่นซื่อคว้าเอาไว้ทั้งหมด แล้วนางที่เป็นแม่สามีผู้หนึ่ง
จะทําอะไร
“นายท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือ!” หยวนซื่อกล่าวอย่างขุ่นเคือง “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่าน
จะให้สะใภ้ไปจัดการ! คนที่รู้อาจกล่าวว่าท่านให้ความสําคัญกับสะใภ้ คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าพวกเรา
ไม่ใส่ใจเรื่องของหานจงเหมยและดูแคลนเขา! ท่านจัดการเรื่องเช่นนี้หรือ ข้าว่านี่ท่านกําลังสร้าง
ศัตรูมากกว่า!”
เฉิงจิงกล่าว “เรื่องราวหนักหนาอย่างที่เจ้าว่าที่ไหนกัน! ก็แค่ไปส่งของขวัญชิ้นหนึ่ง แล้วก็
ไม่ต้องพูดอะไรด้วย พี่ชายใหญ่เข้าใจทุกอย่างดีแล้ว” กล่าวจบ กลัวหยวนซื่อกังวลใจ จึงกล่าวอีก
ว่า “อีกอย่าง ต่อให้เจ้าเป็นคนไป จะพูดอะไรกับพี่ชายใหญ่ได้หรือ ก็ทําได้เพียงพูดคุยเป็นเพื่อน
พี่สะใภ้ของเจ้า นําของไปให้เท่านั้น หรือจะบอกว่านี่เป็นของขวัญที่ผู้ใดส่งไปให้พี่ชายใหญ่ได้หรือ5223
เรื่องเช่นนี้เป็นการรับรู้ไปโดยปริยายก็พอแล้ว ไม่แน่ว่าภรรยาของเจียซ่านเป็นคนส่งไปส่งให้นั้นไม่
เป็นที่สะดุดตา อาจจะเหมาะสมกว่าก็เป็นได้!”
“ท่าน…” หยวนซื่อชี้เฉิงจิง เกือบจะหายใจไม่ออกเสียแล้ว
เฉิงจิงเห็นนางไม่พอใจ จึงไม่พูดอะไรมากอีก แต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสีย กล่าวขึ้นว่า “ดู
แล้วใกล้จะถึงวันที่สองแล้ว ภรรยาของเจ้ารองและภรรยาของเจ้าสี่ล้วนช่วยงานอยู่ที่ซอยซวงอวี๋
มีภรรยาของสหายในที่ทํางานและภรรยาของสหายสนิทของท่านอารองส่งของขวัญไปแสดง
ความยินดีอยู่บ่อยๆ ต่อให้เจ้าไม่สบาย ก็ต้องปรับอารมณ์โผล่หน้าไปสักหน่อยถึงจะถูก
ไม่อย่างนั้นผู้อื่นอาจจะคิดว่าเจ้าแอบอู้งานอยู่!”
หยวนซื่อกรุ่นโกรธ กล่าวขึ้นว่า “เจียซ่านกําลังจะไปแล้ว มิใช่ว่างานแต่งของท่านอารอง
ยังเหลือเวลาอีกสี่ห้าวันหรอกหรือ ข้าจัดเก็บข้าวของของเจียซ่านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยไปช่วยงาน
ไม่ได้หรือ ยิ่งไปกว่านั้นทางโน้นมีท่านแม่เป็นองค์ประธานอยู่ จะมีเรื่องอะไรได้”
สายตาที่เฉิงจิงมองนางเย็นชาขึ้นมา กล่าวว่า “ท่านแม่ครองตัวเป็นหม้ายอยู่บ้าน กลัวว่า
จะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น แม้แต่งานแต่งของเจียซ่านยังไม่ได้เข้าร่วม ครั้งนี้หากมิใช่เพราะ
ไม่มีคนมีความสามารถพอคอยช่วยอยู่ข้างๆ เลยแม้แต่คนเดียวล่ะก็ นางจะไปจัดการอยู่ที่นั่นหรือ
เมื่อครู่ตอนที่ข้าไปหาท่านแม่ยังถามถึงอาการป่วยของเจ้า ตั้งใจว่าจะมาเยี่ยมสักหน่อย โชคดีที่
ข้าห้ามเอาไว้ หากท่านแม่ให้ข้าเอาเทียบยาของเจ้าให้นางดู เจ้าลองกล่าวมา เจ้าจะให้ข้าที่เป็น
สามีนี้เอาหน้าไปไว้ที่ไหน เจ้าจะให้ท่านแม่คิดอย่างไร”
หยวนซื่อรู้ว่าขีดจํากัดของเฉิงจิงอยู่ตรงไหน
นางรีบก้มหน้ายอมรับผิด ทว่ารู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจอย่างหนักหน่วง5224
เฉิงจิงไหนเลยจะรู้ เห็นนางยอมรับผิด จึงใคร่ครวญความผิดของตัวเอง กล่าวว่าตัวเองก็
มีความผิดด้วยเช่นกันไปคํารบใหญ่ กล่าวอะไรทํานองว่าทั้งๆ ที่รู้ว่านางเป็นทุกข์ด้วยเรื่องที่เฉิงสวี่
ไม่ยอมเข้าร่วมการสอบบัณฑิตซู่จี๋ซื่อ เมื่อครู่จึงควรพูดจาอ่อนโยนสักหน่อย
หยวนซื่อฝืนกลืนโลหิตและฟันที่ถูกตีจนร่วงลงไป
เช้าตรู่วันต่อมาจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับเฉิงจิง หลังจากที่ปรนนิบัติส่งเฉิงจิงไปทํางานแล้ว
นางนั่งเกี้ยวไปที่ซอยซวงอวี๋ เกี้ยวเพิ่งหยุดลงตรงหน้าประตูชั้นในก็ได้ยินเสียงใสเจือรอยยิ้มกําลัง
สั่งการบ่าวไพร่ของซอยซวงอวี๋ว่า “…ต้นทับทิมต้นนี้วางตรงนี้…อ่างปลาใบใหญ่วางไว้ใต้ซุ้มองุ่น
…รีบไปหาปลาทองมาสักสองสามตัว ไม่เอาปลาจิ๋นหลี่ 3021 อ่างใบนี้เล็ก ไม่เหมาะสําหรับเลี้ยง
ปลาจิ๋นหลี่ แต่ถ้ามีปลาจิ๋นหลี่สวยๆ ก็ซื้อกลับมาด้วยสักสองสามตัว เลี้ยงไว้ในสระนํ้าเล็ก
ด้านหลัง…ตอนนี้ไม่มีคนดูแล แต่รอให้ฮูหยินคนใหม่เข้าบ้านมาก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว หาไม่แล้วจะ
มีคํากล่าวว่าต่อให้มีเงินไม่มีเงิน แต่งภรรยาผู้หนึ่งก็ได้ฉลองปีใหม่ดีๆ แล้วนั่นได้อย่างไร…ผู้นั้นคือ
ใคร เจ้านั่นแหละ เจ้าเดินระวังๆ หน่อย ที่ล้างพู่กันที่เจ้าถืออยู่ในมือใบนั้นเป็นงานเทียบเท่ากับ
กระเบื้องเคลือบจวินเหยา เจ้าระวังอย่าทําตกเชียว หาไม่แล้วต่อให้ขายเจ้าออกไปยังไม่พอชดใช้
เลยด้วยซํ้า…”
นี่คือผู้ใดกัน?
คําพูดคําจาเหมือนป้าชาวสวนชาวนาตามชนบทที่ไม่เคยได้พบเห็นโลกกว้างมาก่อน!
หยวนซื่อชักมุมปากขึ้นอย่างเดียดฉันท์ ทว่าเงยหน้าขึ้นกลับเห็นฮูหยินเผิงเฉิงในอาภรณ์
สีแดงสดเหลือบทองทั้งชุด
1 ปลาจิ๋นหลี่ ปลาคาร์ป5225
นางกําลังยืนสั่งการให้บ่าวไพร่จัดวางเครื่องเรือนในเรือนหลักอยู่ตรงเฉลียงทางเดินของ
เรือนหลักประหนึ่งเป็นเจ้าบ้านผู้หนึ่งก็ไม่ปาน
ไม่แปลกที่พูดจาเช่นนี้!
หยวนซื่อชักมุมปากขึ้นอีกครั้งหนึ่ง